เย่ซิวนั่งขัดสมาธิบนโซฟา เริ่มอ่านพระสูตรราชาแห่งยาหลังจากผ่านไปเก้ารอบติดต่อกัน เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจอย่างมากหลังจากดูดซับพลังมหาศาลที่ได้รับจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว กำลังภายในของเขาก็มีแนวโน้มที่จะตกผลึก!พูดแบบนี้เหมือนจะไม่ได้รับความรู้สึกที่ชัดเจนหากจะพูดง่าย ๆ ก็คือ กำลังภายในของเย่ซิวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง!การตกผลึกของกำลังภายในนั้น มีแค่ในตำนานเท่านั้น!เพราะหลังจากที่กำลังภายในตกผลึกอย่างสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังวิญญาณ!ยิ่งไปกว่านั้น ความยากง่ายยังต่ำมาก!“ผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน? หรือว่าร่างกายมีสิ่งพิเศษบางอย่าง?”เย่ซิวคิดอย่างเงียบ ๆเขาอารมณ์ดีมากแค่เพียงรอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลายเป็นปรมาจารย์ แล้วตักตวงเอาจากเธออีกครั้ง เกรงว่าตัวเองคงจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าอย่างแท้จริง!เขาลุกขึ้น โยนบอดี้การ์ดหลายคนที่หมดสติออกไป จากนั้นเย่ซิวก็มาข้างเตียงสภาพร่างกายของไป๋อวี้เจี๋ยดีขึ้นมากแล้วใช้กำลังภายในหล่อเลี้ยงร่างกายของเธอ จากนั้นหยิบเสื้อผ้าที่ซื้อมาเตรียมจะสวมให้เธอพอผ่านไปได้ครึ่งทาง ไป๋อวี้เจี๋ยก็ฟื้นขึ้นม
เขาคืออาจารย์ของเย่ขวง!"ศิษย์น้อง อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเลย!" ชายชราผมขาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เย่ซิวมีปรมาจารย์สองคนคอยหนุนหลังอยู่ ตอนนี้เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย!"“ถ้าอย่างนั้นเราต้องเก็บความโกรธเอาไว้แล้วยอมทนทุกข์ทรมานอย่างนั้นเหรอ!”ชายชราพูดว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เราต้องการความช่วยเหลือ!"“ศิษย์พี่หมายความว่ายังไงครับ?”ชายชราเผยสีหน้าเย็นชา "ไปที่สำนักเบญจพิษกันเถอะ พวกเขาคิดจะบุกเข้าไปในเมืองหลวงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”เมื่อก่อนเราดูถูกพวกเขา แต่ตอนนี้เราต้องร่วมมือกับพวกเขาแล้ว” “ครับ งั้นผมจะทำตามที่ศิษย์พี่ชี้แนะ”……ในเมืองหลวง ชั้นบนสุดของคลับส่วนตัวการตกแต่งที่นี่มีความหรูหราอย่างมาก แม้แต่ของตกแต่งชิ้นเล็ก ๆ ที่วางไว้ข้างนอกก็มีราคาแพงมากไป๋อวี้เตี๋ยกำลังแช่ตัวอยู่ในถังไม้ที่เต็มไปด้วยเครื่องยาสมุนไพรมือทั้งสองข้างทำสัญลักษณ์แปลก ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ร่างกายของเธอมีอุณหภูมิสูงมากน้ำเครื่องยาสมุนไพรในถังกำลังเดือด และฤทธิ์ยาถูกดูดซึมอย่างต่อเนื่องประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลัง น้ำที่เป็นสีดำแต่เดิมก็เปลี่ยนเป็นเป็นน้ำใสแต่บรรยากาศรอบตัวของไป๋อวี
ไป๋อวี้เจี๋ยนอนหลับสบาย และเมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดในร่างกายของเธอหายไปมากแล้วจากนั้นเธอก็มีแรงที่จะติดต่อกับลูกน้องของเธอเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอถูกจับการตรวจสอบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอกลับตกใจมากจนเกือบทำโทรศัพท์หล่นลงพื้น“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้เข้าใจผิด? ตระกูลเย่ที่จองหองไม่มีใครเทียบได้นั่นถูกทำลายไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม!”คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายตอบด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนมากไป๋อวี้เจี๋ยหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งก่อนที่เธอจะประมวลผลข้อมูลได้จากนั้นรอยยิ้มสวยก็เผยบนใบหน้าของเธอ "ช่างเป็นผู้ชายที่น่าหลงใหลจริง ๆ ต่อให้ต้องเป็นเมียเก็บที่อยู่ในเงามืด ชีวิตนี้ฉันก็จะต้องอยู่กับคุณให้ได้... "หลังจากอาบน้ำเสร็จ เย่ซิวก็เปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มจัดการงานต่าง ๆการเข้ายึดตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเย่นั้นมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็เริ่มรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยขึ้นมาเรื่องการบริหารจัดการบริษัทนั้นไม่ใช่ทางของเขาเลยจริง ๆหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็ขับรถธรรมดา ๆ ออกจากบ้านไปเพียงลำพัง และไปที่แผนกวีไอพีของโรงพยาบาลแฝดสี่ยังคงรัก
เธอรู้ว่าเย่ซิวมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแต่นี่คือกระดูกที่แตกละเอียด ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการกินยาแผนจีนหรือนวดบำบัดเท่านั้นต้องใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมายในการผ่าตัดและใส่แผ่นเหล็กเข้าไปในกระดูกของผู้ป่วยน่าหลันเหยียนหรานไม่คิดว่าเย่ซิวจะทำได้แต่กระนั้น เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีสงสัย เพียงแต่ส่งยิ้มให้อย่างอึดอัดใจเล็กน้อยเท่านั้นชายที่อยู่ตรงมุมห้องหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วและบังเอิญได้ยินสิ่งนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมา "ไอ้บ้านนอก! พูดออกมาได้ โง่จริง ๆ!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อผู้ชายที่เสียงดังน่ารำคาญคนนี้เพียงชั่วครู่นี้เท่านั้นหลังจากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของแฝดสี่แล้ว เขาก็เตรียมที่จะรักษาเหมยชุนก่อน เพราะเธอได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสเขาบังเอิญมียาสมานแผลติดมือมาด้วยสี่เม็ดเขาเปิดปากของเหมยชุนแล้วป้อนยาเข้าไปเม็ดยาละลายในปากทันที กระแสพลังงานอุ่นไหลไปทั่วร่างกายเพียงไม่นานเหมยชุนซึ่งอยู่ในอาการโคม่าที่กำลังขมวดคิ้วอยู่นั้นก็ผ่อนคลายลงมากจากนั้นเย่ซิวก็เริ่มใช้กำลังภายในเป็น 'กาว' ในการผสานเส้นเอ็นที่ขาดเข้าด้วยกันหลังจากที่เส้นเอ็นทั้งหมดในร่างกายผสานเข้
คนที่บุกเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยล้วนเป็นคนของหลี่เฟยเมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็แสดงความเห็นตรงกัน“ใช่แล้ว หลี่เฟยเป็นคนซื่อสัตย์และจริงใจมาก เขาจะไปทำมิดีมิร้ายกับคุณได้ยังไง?”“น่าหลันเยียนหราน ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้!”“ฉันคิดว่า คุณเห็นว่าหลี่เฟยยังหนุ่มและมีอนาคตไกล เลยอยากตามจีบเขาสินะ พอเขาปฏิเสธ คุณก็สาดโคลนใส่เขา”……น่าหลันเยียนหรานมองดูคนเหล่านี้ด้วยความไม่เชื่อพวกเขาไม่แม้แต่จะหาหลักฐาน แต่ก็ยังใส่ร้ายเธอสารพัดดวงตาของเธอแดงด้วยความโกรธ และร่างกายของเธอสั่นสะท้าน แต่เธอไม่รู้ว่าจะโต้แย้งกลับไปอย่างไรในขณะที่เธอทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก เย่ซิวก็ดึงน่าหลันเหยียนหรานไปข้างหลัง และมองดูกลุ่มคนที่กล่าวหาอย่างกันอย่างหน้าด้าน ๆ พลางพูดอย่างเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณขอโทษเธอ ไม่อย่างนั้นคุณก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย!”หลี่เฟยหัวเราะลั่น "สมองแกมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ตอนนี้แกควรจะคิดหาทางขอความเมตตายังไงเสียมากกว่ามั้ง จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากยังไงล่ะ!"ลุงของหลี่เฟยเยาะเย้ย “นายบุกรุกเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำร้ายหมออย่างไม่สมควร อีกทั้งยังสัม
เย่ซิวเฉยเมย "ถ้าอย่างนั้นเสวี่ยเหมยก็เป็นคนจัดการที่นี่สินะ จัดการได้แย่จริง ๆ""กล้าดีนัก!" ลุงของหลี่เฟยเห็นว่าเย่ซิวเรียกเจ้านายของเขาด้วยชื่อเท่านั้นก็โกรธขึ้นมา "แกมีสิทธิ์อะไรมาเรียกแค่ชื่อของท่าน? คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!"ใบหน้าของหลี่เฟยเต็มไปด้วยความดุร้าย "กล้าที่จะเรียกท่านนั้นด้วยชื่อเฉย ๆ ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ออกไป ดีที่สุดแกก็จะได้ออกไปจากที่นี่ในสภาพร่างไร้วิญญาณ!"เย่ซิวเยาะเย้ย "ผมเรียกเธอด้วยชื่อเฉย ๆ แล้วยังไงล่ะ? ผมเคยล่วงเกินเธอมาแล้วด้วย คุณมีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?"สิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นความจริง แต่หลี่เฟยและคนอื่น ๆ คิดว่าเย่ซิวกำลังคุยโว พวกเขาจึงมองเย่ซิวราวกับเป็นธาตุอากาศลุงของหลี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เด็กสารเลว แกกล้าดีเกินไปแล้ว รีบไปเรียกรปภ.มากดให้ไอ้เด็กนี่ให้คุกเข่าลงซะ”มีคนวิ่งออกไปข้างนอก และภายในสองนาที รปภ.กลุ่มใหญ่ก็บุกเข้ามา แต่ละคนถือกระบองไฟฟ้า สีหน้าของพวกเขาดูโหดเหี้ยมลุงของหลี่เฟยชี้ไปที่เย่ซิว "หักขามัน!"น่าหลันเหยียนหรานดึงแขนเสื้อของเย่ซิวอีกครั้ง "รีบไปสิคะ ฉันจะช่วยขวางพวกเขาไว้ให้เอง!"โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แย
จู่ ๆ หลี่เยี่ยนหงก็ตะโกนขึ้นขัดจังหวะคำพูดของหลี่เฟย และทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็พลันตกใจในขณะที่พวกเขายังคงไม่รู้ถึงสถานการณ์ พวกเขาก็เห็นหลี่เหยียนหงหันกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวเสียงดังตุ้บ และโค้งคำนับสามครั้งด้วยความเคารพโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ก็มีก้อนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา“คุณเย่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ เป็นฉันเองที่ละเลยเรื่องระเบียบวินัย และทำให้คุณต้องไม่พอใจ ฉันขอรับโทษด้วยชีวิตค่ะ!”ในเวลานี้ หลี่เยี่ยนหงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อได้รู้เรื่องราวภายใน เธอก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติถึงพลังอันน่าหวั่นเกรงเบื้องหลังชายหนุ่มที่ดูบอบบางและไม่เป็นอันตรายผู้นี้แม้แต่เสวี่ยเหมยในตอนนี้ก็ยังต้องลดทัศนคติของเธอลงและขอโทษเย่ซิวอย่างเป็นทางการฉากนี้ทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึงรองผู้อำนวยการไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามองไปที่เย่ซิวที่ซึ่งหลี่เยี่ยนหงกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามว่า "คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ? ผู้ชายคนนี้ก็แค่พวกกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น!"ด้วยสถานะของเขา เขายังคงไม่สามารถเข้าถึงสังคมชนชั้นสูงได้หลี่เยี่ยนหงเพิกเฉยต่อเขา และเงยหน้ามองเย่ซิ
“คุณเย่ ความผิดที่บุคลากรภายใต้บริษัทของฉันทำ สมควรตายจริง ๆ ค่ะฉันเป็นเจ้าของศูนย์รวมความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงทั้งหมด ฉันขอมอบให้คุณเพื่อเป็นการชดเชยแทนคำขอโทษค่ะ”หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ด้วยกลัวว่าเย่ซิวจะเข้าใจผิด เธอจึงกล่าวเสริมว่า “ศูนย์รวมความบันเทิงมีทั้งหมดสิบห้าชั้น มีพื้นที่รวมมากกว่าหนึ่งแสนตารางเมตรขอบเขตธุรกิจเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด ส่วนมูลค่ารวมของศูนย์รวมความบันเทิงนั้นมากกว่าเกินสองหมื่นล้านบาท” น่าหลันเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจมากจนพูดไม่ออกเธอเริ่มนับนิ้วคำนวณ สงสัยว่าต้องทำงานกี่ชาติกว่าจะหาเงินจำนวนนี้ได้ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินคำว่าสองหมื่นล้านนั้นมาจากการสำรวจสำมะโนประชากร...เย่ซิวไม่ปฏิเสธ แต่พยักหน้าเห็นด้วยมันไม่ใช่เรื่องของความเป็นและความตาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องนี้มากนักเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเต็มใจที่จะยอมรับมันหลี่เยี่ยนหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเย่ซิวชี้ไปที่น่าหลันเหยียนหรานที่ยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้าง ๆ เขา "นี่เพื่อนของผมเอง ถึงทักษะทางการแพทย์ของเธอจะไม่ได้พิเศษอะไร แต่นิสัยก็ไม่ได้แย่เลย"หลี่เยี่ยน
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน