ชายอ้วนจงใจอวดตัวต่อหน้าอาชูร่า เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็เยาะเย้ยและพูดว่า “แน่นอน ฉันย่อมรักษาคำพูด! แต่ถ้านายไม่สามารถตัดของดีออกมาได้ งั้นนายก็ต้องคุกเข่าลงแล้วเรียกฉันว่า 'พ่อ' สามครั้ง!”อาชูร่าทำทีไร้เดียงสา มองไปที่ชายอ้วนด้วยไฟโทสะ แทบอยากจะฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามามุงดูไม่ว่าเมื่อใด ความขัดแย้งที่เกิดโดยมีหญิงงามเป็นตัวตั้ง ก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเย่ซิวซึ่งเป็นคนธรรมดากำลังซื้อ 'หินขยะ' สามก้อนในคราวเดียว ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเขา แอบนินทาเขาลับหลังว่าสมองคงถูกลาเตะจนไม่สมประกอบ มีเงินเยอะเกินไปเลยไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนการพนันหินย่อมมีผู้เชี่ยวชาญในการตัดหินผู้คนมารวมตัวกันที่แผงขายมากขึ้นเรื่อย ๆชายวัยกลางคนสิบคนที่รับหน้าที่ตัดหิน กำลังถือเครื่องมือและตัดตามคำแนะนำของเย่ซิว โดยตัดหินก้อนที่เล็กที่สุดในบรรดาหินทั้งสามก้อนก่อนหลังจากตัดออกแล้ว ภายในและภายนอกยังคงเหมือนกันทุกประการฉับพลันเสียงโห่ก็ดังขึ้นชายอ้วนหัวเราะลั่น ใบหน้าเข้าเต็มไปด้วยการเสียดสี "ฉันบอกแล้วไง ไม่มีทางเป็นขอ
ในอดีตมีหลายกรณีที่การตัดหินในครั้งแรกเจอหยกที่สวยงาม แต่เมื่อตัดครั้งที่สอง หินนั้นก็กลายเป็นหินขยะก้อนหนึ่ง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็ตัดหินก้อนนี้ออกเป็นเก้าส่วนเท่า ๆ กัน” เย่ซิวพูดคิดที่จะปรับพื้นที่อันตรายนั้น ใช้หยกสีม่วงเก้าชิ้นก็เพียงพอแล้วช่างตัดหินพยักหน้าหนัก ๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมากขึ้นทำงานอยู่ที่นี่มาก็หลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดเจอหยกสีม่วง!ขณะที่เขาตัดหินอย่างระมัดระวัง ทุกคนก็พากันกลั้นหายใจทั่วทั้งสนาม เหลือเพียงเสียงเครื่องตัดเสียงเดียวเท่านั้นเมื่อหินก้อนแรกถูกตัดออกมา สีม่วงที่กว้างใหญ่นั้นก็ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจแม้ว่าหินก้อนส่วนอื่น ๆ จะกลายเป็นหินขยะทั้งหมด แต่แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านแล้ว!ชายอ้วนเบิกตากว้าง ใบหน้าของเขาซีดลงดวงตาของอาชูร่าเป็นประกาย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่ซิวซ้ำ ๆ ในดวงตา ประกายบางอย่างที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดวาบผ่านเย่ซิวสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอ จึงหันกลับมาและมองตอบไปด้วยรอยยิ้มอาชูร่าก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ดูน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันหินหยกสีม่วง ค่อย ๆ ถูกตัดออกมาทั้งหมดหินหลาย
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คู่ควรกับที่ผมจะมอบหยกสีม่วงให้ด้วยเหรอ?!”ทุกคนในที่เกิดเหตุ มองเย่ซิวด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมากพวกเขาทั้งหมดมองเขาเหมือนกำลังมองคนงี่เง่า“หมอนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า 'หนานหวัง' หมายถึงอะไร?”“บ้า เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”ชายอ้วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแต่เสียงหัวเราะนั้นเย็นชามาก "ไอ้เดรัจฉานน้อย แกกล้ามาก ใครก็ได้ มาหักมือและเท้าของมันแล้วเทปูนเข้าไปในปากของมันซะ ฉันอยากให้มันตายอย่างทรมานที่สุด!"ด้านหลังชายอ้วน มีบอดี้การ์ดร่างกำยำสองคนเดินออกมาด้วยสีหน้าดุร้ายพวกเขาไม่เสียเวลา ซัดหมัดที่ใหญ่เท่ากับหม้อต้มไปทางเย่ซิวทันทีหลายคนเบือนหน้าหนี ทนมองเหตุการณ์นองเลือดที่จะตามมาไม่ไหวชายอ้วนมีแต่รอยยิ้มโหดร้ายบนใบหน้าของเขาแต่รอยยิ้มนั้น กลับกลายเป็นความตื่นตะลึงในวินาทีต่อมาเมื่อพิจารณาจากขนาดตัวของทั้งสองฝ่าย ความแข็งแกร่งของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแต่ผลลัพธ์ก็คือบอดี้การ์ดทั้งสอง ถูกคนที่ชื่อเย่ซิวคนนี้หักมือและเตะจนกระเด็นออกไปฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งเย่ซิวเดินไปหาชายอ้วนด้วยใบหน้
แต่บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจมาก กลายเป็นราชินีผู้โดดเดี่ยวที่สามารถกุมชะตาชีวิตของผู้คนนับพันนับหมื่นในอดีต ทุกครั้งที่เธอปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็มักจะแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่เสมออย่างไรก็ตาม เย่ซิวกลับสงบมากตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ต่อจิตสังหารจากตัวเธอเลยไม่ว่าจิตสังหารของเธอจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เย่ซิวสั่งสมจากการสังหารศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบได้เมื่อเห็นเย่ซิ่วสงบมาก เวินหว่านเอ๋อร์ก็กัดฟันและปลดปล่อยจิตสังหารของเธอทั้งหมดคราวเดียวราวกับคลื่นยักษ์กระเพื่อมขึ้นจากพื้นราบ โหมซัดและร้องคำราม หวังจะกลืนกินเย่ซิวและลากเขาลงไปสู่ก้นบึ้งแต่เขาก็ยังเป็นเหมือนเสาค้ำสมุทร ไม่ว่าคลื่นทะเลจะรุนแรงแค่ไหน เขาก็ยังคงไม่ไหวติงจิตสังหาร ค่อย ๆ ถูกลบหายไปเวินหว่านเอ๋อร์ฉีกยิ้มมีเสน่ห์ เธอพูดไปด้วยเสียงหวาน "ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณน่ะ ได้ยินมาว่าคืนนี้คุณจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง พาฉันไปด้วยได้ไหมคะ?"เหตุผลหลัก ๆ ที่เธอมาติดต่อกับเย่ซิว ก็เพราะหอการค้าไป๋ชวนเธออยากจะเข้าร่วมมานานแล้วแต่เนื่องจากสถานะของตัวเอง จะบีบตัวเข้าไป
“ฉันจะฆ่าไอ้เดรัจฉานน้อยนั่นด้วยมือของฉันเองให้ได้!”ภายในตรอก ชายอ้วนคนหนึ่งเดินกะโผลกกะเผลกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บสองคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธผู้หญิงที่เอวเพรียวและหุ่นร้อนแรงมากคนหนึ่งในชุดกางเกงขาสั้นเดินมาหาเขาชายอ้วนกลืนน้ำลายทันที เขาหยุดหญิงสาวแล้วหัวเราะ "สาวน้อย ไปเล่นกับพี่ชายสักคืนสิ"พรวด!ผู้หญิงคนนี้คล้ายกับไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่กลับมีเลือดสามสายพุ่งออกมาพร้อมกัน ร่างสามร่างล้มลงต่อหน้าเธอและเสียชีวิตคาที่หญิงหุ่นร้อนแรงคนนี้ เดินบิดเอวราวกับงูน้ำอันเย้ายวนแล้วจากไปอย่างสงบ……เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งถูกเอาเปรียบ โกรธมากจนต้องกำหมัดแน่น "คุณคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าคุณจริง ๆ?"เย่ซิวยิ้มอย่างไม่ยี่หระ เพียงหันหลังแล้วเดินจากไปแผ่นหลังเขาโล่งไร้ซึ่งการป้องกันเวินหว่านเอ๋อร์เตรียมพร้อมที่จะลงมือจัดการแล้วตลอดทั้งชีวิตของเธอ ไม่เคยถูกใครดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อนขณะที่เธอกำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่เย่ซิว หักกระดูกของเขาสักสองสามท่อน ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงความตกใจเย่ซิวเหมือนจะไร้การป้องกัน แผ่นหลังเปิดโล่ง มีจุดให้ลงมือหลายจุดมาก แต
ยิ่งมีเส้นชีพจรปฐพีทั้งเก้าเส้นมารวมตัวกัน ซึ่งก็ถูกเย่ซิวดูดซับไว้ทั้งหมดร่างกายและกำลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ อีกเพียงแค่หนึ่งก้าวกำลังภายในก็จะตกผลึกและก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น!เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเย่ซิวนักก็ได้รับพรบางอย่างไปเช่นกันพลังยุทธของเธอหยุดนิ่งอยู่กับที่มานานหลายปีแล้ว ตอนนี้เองถึงเพิ่งจะคลายตัวลง จากนั้นก็ค่อย ๆ ทะลวงเข้าสู่จอมยุทธ์ขั้นกลางระดับเจ็ดอย่างเป็นธรรมชาติ!เวินหว่านเอ๋อร์ทั้งประหลาดใจและเต็มไปด้วยความยินดี คราวนี้สายตาที่เธอมองไปทางเย่ซิว หลงเหลือเพียงความเคารพและหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งเท่านั้นความคิดหมุนวนไป ทันใดนั้นเธอก็ก้าวขึ้นไปคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมากว่า "ดิฉันเวินหว่านเอ๋อร์ ยินดีที่จะติดตามเป็นสาวใช้คอยยกน้ำชาและปรนนิบัติของคุณชายเย่ค่ะ!"เธอเองก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวไม่น้อยหลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งและความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวของเย่ซิว เธอก็ตัดสินใจได้ในพริบตายินดีจะละทิ้งสถานะราชินีของโลกใต้ดิน และคุกเข่าลงตรงหน้าเขาโดยไม่ลังเลเย่ซิวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ตามคำอธิบายของเย่ซิว โครงการนี้สามารถสร้างรายได้ให้เธออย่างน้อยหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินซวงจึงตอบตกลง และบอกว่าจะมาเมืองหลวงเพื่อพูดคุยกับเย่ซิวด้วยตนเองหลังจากวางสายโทรศัพท์ แล้วเย่ซิวก็มองไปที่ชายคนที่เดินเข้ามาหาเขาซึ่งรอบตัวแผ่กลิ่นอายอันตราย“ฉันแนะนำให้แกอยู่ให้ห่างจากเธอ!” ชายคนนั้นขู่ "ไม่อย่างนั้นจุดจบของแกจะเลวร้ายอย่างแน่นอน!"เย่ซิวถามอย่างสงสัย "คุณหมายถึงใคร?"“ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ไง!” เขาพูดอย่างเย็นชา “เธอเป็นของฉัน ใครก็ตามที่กล้าเข้าใกล้เธอจะต้องตาย อย่าหาว่าฉันที่ไม่เตือนแก!”หลังจากพูดอย่างนั้น กลิ่นอายที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งก็ปะทุออกมาจากร่างของเขาเมื่อคิดว่าตัวเองข่มขู่ให้เย่ซิวกลัวสำเร็จแล้ว เขาจึงหันหลังกลับและจากไปเย่ซิวส่ายหัวและไม่ได้สนใจมันอีกระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็โทรออกอีกสองสามครั้งเซี่ยซิ่วซิ่วและคนอื่น ๆ ออกเดินทางแล้ว และจะมาถึงสนามบินในตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้เฉิงเฟิงจะมาถึงพรุ่งนี้เช่นกัน แต่จะช้ากว่านิดหน่อยเมื่อเวลาหกโมงเย็น เวินหว่านเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูบ้านของเย่ซิวตรงเวลา เธอลงจากรถมาทักทายเขาก่อนเมื่อเย่ซิวเห็นชุดของเธอ เขาก็อ
เมื่อเขายืนอยู่เคียงข้างเวินหว่านเอ๋อร์ ถือเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างลงตัว ทำให้ใคร ๆ ต่างก็รู้สึกอิจฉาพ่อบ้านหนุ่มคนนั้น พาทั้งสองคนขึ้นไปที่ชั้นบนสุด เสิร์ฟของว่างและผลไม้ จากนั้นโค้งคำนับแล้วถอยออกไปเวินหว่านเอ๋อร์หยิบองุ่นขึ้นมา ปอกเปลือกยื่นไปที่ปากของเย่ซิว เธอดูอ่อนโยนอย่างมากบ่ายวันนี้ เธอฝึกครึ่งแรกของฝ่ามือมหาวัชระที่เย่ซิวสอนที่บ้านวิชาสายนอกอันทรงพลังนี้เหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก หลังจากฝึกแค่สองสามครั้ง ความแข็งแกร่งของเธอก็เพิ่มขึ้นมหาศาลหลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์ของทักษะฝ่ามือนี้ด้วยตัวเองแล้ว เธอก็คาดหวังครึ่งหลังของมันมากดังนั้น นอกจากเรือนร่างของเธอเองแล้ว เวินหว่านเอ๋อร์จึงตัดสินใจใช้ทุกสิ่งที่ตัวเองมีเพื่อรับใช้คนตรงหน้า เพื่อที่เธอจะได้รับทักษะที่เหลือนี้มาฝึกโดยเร็วที่สุดเย่ซิวกินองุ่นในคำเดียว กวาดสายตามองไปรอบ ๆ และยกมุมปากขึ้น "ยังไม่มากันเลยแฮะ หรือกำลังเตรียมข่มขู่ฉันอยู่?"เวินหว่านเอ๋อร์พูดว่า "คุณชาย โปรดอย่าโกรธไปเลยค่ะ”“หอการค้าไป๋ชวนนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ความมั่งคั่งของสมาชิกทุกคนไม่ได้ด้อยไปกว่าความมั่งคั่งของประเทศขนาดกลางประเทศหนึ่งสักนิด”
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน