Share

บทที่ 3

Penulis: เฉิงกวงโฮ่วถู่
เพียะ!

หนึ่งฝ่ามือหนัก ๆ ฟาดไปที่หน้าของเซี่ยชิงชิง

ใบหน้าที่ขาวผ่องและเนียนละเอียดของเธอบวมขึ้นในทันทีนั้น

เสียงตบที่คมชัด ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ทำให้เซี่ยเจี๋ยเบิกตากว้าง บอดี้การ์ดทั้งสองคนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เซี่ยชิงชิงยกมือขึ้นกุมหน้า ความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าว รวมถึงความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุดทำเอาเธอแทบบ้าคลั่ง

เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นทันที "กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ?!"

เย่ซิวเพิกเฉยต่อเธอ มองไปที่เซี่ยเจี๋ยแล้วพูด “หลานสาวของคุณกำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ผมก็เลยช่วยสั่งสอนเธอแทนให้ มีปัญหาอะไรไหมครับ?"

เซี่ยเจี๋ยยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันไม่กล้ามีปัญหาหรอก หลานสาวฉันคนนี้ หยิ่งผยองมากเกินไปแล้วจริง ๆ"

“คุณปู่ ฆ่าเขา รีบฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!” เซี่ยชิงชิงตีโพยตีพาย คนทั้งคนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกตบหน้า

“หุบปาก!”

เซี่ยเจี๋ยตะคอก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธออกมานิดหน่อย “ดูเหมือนว่าปกติปู่จะตามใจหลานจนเสียคนแล้วจริง ๆ รีบขอโทษผู้มีพระคุณเย่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งหลานเรียนจบ อย่าคิดว่าจะได้ค่าขนมไปจากปู่ไปแม้แต่สตางค์เดียว บัตรธนาคารทุกใบของหลานจะถูกระงับ หลานออกไปเก็บขยะหาเลี้ยงชีพตัวเองเถอะ!"

เซี่ยชิงชิงมองไปที่เซี่ยเจี๋ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เธอไม่เคยถูกปู่ดุแรงขนาดนี้มาก่อน

การแสดงออกของเซี่ยเจี๋ยนั้นเย็นชา ในน้ำเสียงเห็นชัดแล้วว่าไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

เธอรู้ว่าหากตัวเองไม่ทำตามที่ปู่บอก บัตรธนาคารทุกใบจะถูกระงับจริง ๆ

“ฉัน…ฉัน! ขอ! โทษ!”

เป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอที่จะพูดคำเหล่านี้กับเย่ซิว ความอัปยศอดสูในใจเธอ ไต่ไปถึงระดับที่ไม่อาจทานทนได้แล้ว

ในใจเธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ‘รอฉันกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะบดขยี้แกให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้นเลย!’

เธอก้มศีรษะลง ความแค้นในดวงตาคราคร่ำ

เย่ซิวโบกมือ "ลืมมันไปซะเถอะ โต้เถียงกับเด็กแย่ ๆ อย่างเธอมีแต่จะทำให้ศักดิ์ศรีของฉันลดลง"

เขาเตรียมที่จะจากไปแล้ว

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ในเวลานี้เอง เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา

กระแสลมขนาดใหญ่พัดพืชพรรณโดยรอบสะบัดไปมา เศษดินและโคลนปลิวว่อน

บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “กำลังเสริมมาถึงแล้วครับ”

เซี่ยเจี๋ยประสานมือไปทางเย่ซิว พูดว่า "ผู้มีพระคุณ อย่างไรก็ตามฉันกลับไปที่ตระกูลเซี่ยสักรอบเถอะ ให้เราได้ตอบแทนคุณเธอเสียหน่อย"

หัวใจของเย่ซิวสั่นไหว "บ้านของคุณอยู่ในเมืองเจียงเฉิงหรือเปล่า?"

“ใช่แล้ว”

“ได้ งั้นผมขอติดสอยห้อยตามไปด้วยคน ช่วยพาผมไปแถว ๆ บริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปที”

เขามีเงินติดตัวไม่มาก ดังนั้นจึงคิดที่จะไปรับหุ้นของตัวเองก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธีเข้าใกล้หญิงสาวที่เป็นผู้ครอบครองไข่มุกราชาแห่งยา

เซี่ยเจี๋ยดีใจมาก "ผู้มีพระคุณ เชิญ!"

จากนั้น เซี่ยเจี๋ยก็มองไปที่เซี่ยชิงชิงซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ ใจเขาพลันอ่อนยวบลง "มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น? มานี่เร็ว!"

เซี่ยชิงชิงก้มหน้าแล้วเดินขึ้นไป

สักพักเฮลิคอปเตอร์ก็ส่งเสียงคำราม บินจากไป

สำหรับบอดี้การ์ดทั้งสองคนนั้น พวกเขากำลังรอรถลากอยู่

บนเครื่องบิน เซี่ยเจี๋ยพูดคุยกับเย่ซิวเป็นครั้งคราว คิดอยากได้ข้อมูลบางอย่างจากปากเขา

แต่ทว่า เย่ซิวซึ่งอยู่ภายใต้การสั่งสอนอย่างเข้มงวดของอาจารย์ แตกฉานเรื่องการเข้าสังคมมานานแล้ว จึงไม่ได้เปิดเผยสิ่งใดที่เป็นประโยชน์แก่อีกฝ่ายเลย

ส่วนเซี่ยชิงชิง เธอเข้าไปนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง หยิบโทรศัพท์มือถือและส่งข้อความถึงใครบางคนในรายชื่อผู้ติดต่อ : จ้าวเฟิง นายพูดใช่ไหมว่าอยากเป็นแฟนกับฉัน ทำเรื่องหนึ่งให้ฉันสิ แล้วฉันจะตกลงเป็นแฟนกับนาย”

……

ในวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่งในเมืองเจียงเฉิง

จ้าวเฟิงนอนอยู่ริมสระว่ายน้ำ โดยมีสาวสวยสองคนในชุดว่ายน้ำกำลังปรนนิบัติพัดวีเขาอยู่

จ้าวเฟิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจ้าวเฉียนแห่งบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป!

เขาเป็นเพลย์บอยโดยกำเนิด ในเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่อยู่เหนือกฏหมายและกำเริบเสิบสานมาก

ไม่รู้ว่ามีเด็กสาวกี่คนที่ถูกเขาทำร้าย บางคนกระทั่งฆ่าตัวตายระหว่างตั้งครรภ์ก็มี

ตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาดู จู่ ๆ สีหน้าประหลาดใจปนยินดีก็ปรากฏขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุด วันที่รอคอยก็มาถึงเสียที!”

เขาตามจีบเซี่ยชิงชิงมาเป็นเวลานานมากแล้ว

นอกจากรูปร่างหน้าตาของเซี่ยชิงชิงจะถูกใจเขา สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือภูมิหลังของตระกูลเธอยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย!

ตระกูลเซี่ย มีอำนาจมากกว่าบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปหลายเท่า

นายท่านเซี่ยเจี๋ยเองก็เคยเป็นถึงผู้ฝึกยุทธระดับกลาง

เขารับลูกศิษย์ไว้หลายคน และตอนนี้แต่ละคนก็ล้วนมีตำแหน่งสำคัญในแวดวงธุรกิจและการเมือง

ลูกชายของเขาเองก็เป็นมังกรในหมู่ผู้คนอีกด้วย

ในอดีต ครั้งจ้าวเฟิงตามจีบเซี่ยชิงชิง อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะชายตามองเขา

จ้าวเฟิงตอบข้อความกลับทันที

: ชิงชิง คุณพูดมาได้เลย ไม่ว่าจะให้ขึ้นภูเขาดาบหรือลงทะเลเพลิง ผมจะทำเพื่อคุณทั้งหมด!”

ไม่นาน ก็มีข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย

: ฉันถูกคนเถื่อนตัวเหม็นคนหนึ่งรังแก อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เขาจะไปที่บริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป ถึงตอนนั้นคุณก็เข้ามาหักมือและเท้าของเขาก็แล้วกัน

ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย เขาลุกขึ้นยืนทันทีและสั่งสาวสวยทั้งสองคนในชุดว่ายน้ำ "เอาเสื้อผ้ามาให้ฉัน!"

จากนั้น เขาก็ต่อสายทันที

บริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป แอบเลี้ยงอันธพาลไว้กลุ่มหนึ่ง

หลังจากโทรสั่งการ คนหลายสิบคนก็มารวมตัวกันทันที

จากนั้นจ้าวเฟิงก็บึ่งไปที่บริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปอย่างกระตือรือร้น

…..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดที่ชั้นบนสุดของบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป

เซี่ยเจี๋ยได้บอกกล่าวกับจ้าวเฉียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เขาย่อมตกลง ถือว่าหนี้น้ำใจ

เย่ซิวคว้าเชือก ร่อนตัวลงจากเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็ว

เซี่ยเจี๋ยตะโกนดังลั่น "ผู้มีพระคุณ ลาก่อน!"

เซี่ยชิงชิงมีสีหน้าโหดเหี้ยม เธอส่งข้อความให้จ้าวเฟิงอีกครั้ง

ในเวลานี้ จ้าวเฟิงได้นำกลุ่มคนลงไปรอที่ชั้นล่างแล้ว

หลังจากได้รับข้อความ เขาก็รีบพาคนขึ้นไปที่ดาดฟ้า

ในห้องทำงานส่วนตัวของจ้าวเฉียน เขาสั่งการเลขาว่า “ไป ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดกันเถอะ"

บุคคลที่สามารถทำให้เซี่ยเจี๋ยมาส่งด้วยตัวเองได้ น่าจะมีภูมิหลังพอสมควร

เย่ซิวสูดหายใจเข้า แล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย "คุณภาพอากาศที่นี่แย่มากจริง ๆ"

เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เดินไปที่ประตู

ปัง!

ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงตรงนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก

ชายที่ดูดุร้ายและแข็งแกร่งหลายสิบคน กรูออกมาและรุมล้อมรอบตัวเย่ซิวไว้

ในที่สุดจ้าวเฟิงก็เดินเข้ามา เขาเหลือบมองเย่ซิว สีหน้าแสดงความรังเกียจและดูถูก "ไร้อารยะจริง ๆ ลงมือหักมือและเท้าของมันซะ"

แววตาของเย่ซิวเรียบนิ่ง ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก "พวกนายเป็นใคร? เราไม่ได้มีความบาดหมางต่อกันไม่ใช่เหรอ?"

จ้าวเฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย "ไอ้คนเถื่อน แกบังอาจทำให้แฟนฉันขุ่นเคืองใจ แกต้องชดใช้!"

เย่ซิวคิดถึงเซี่ยชิงชิงทันที

ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะอุกอาจและไร้ทางเยียวยาขนาดนี้

“พวกนายหลีกทางไปจะดีกว่า” เย่ซิวพูดอย่างสงบ “ฉันไม่อยากทำร้ายใครสุ่มสี่สุ่มห้า”

เขาเป็นหมอ หน้าที่อันดับหนึ่งของเขาก็คือช่วยชีวิตคน

แต่เมื่อคนเหล่านี้ได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็หัวเราะ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า!”

“ไอ้หนูนี่คงเสียสติไปแล้วที่พูดแบบนั้น!”

จ้าวเฟิงก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

หลังจากที่เขาหัวเราะเสร็จ ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้ม "เอาล่ะ รีบกำจัดมันซะ ฉันยังต้องไปหาแฟนอยู่!"

เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงรูปร่างอันเย้ายวนและใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเซี่ยชิงชิง

เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ ชายฉกรรจ์หลายสิบคนก็หยิบไม้พลองออกมาจากกระเป๋า แต่ละคนมีสายตาที่ดุร้าย พวกเขากระโจนเข้าหาเย่ซิวอย่างรวดเร็ว

“ฉันให้โอกาสพวกนายแล้ว ในเมื่อพวกนายไม่คว้าไว้ งั้นก็อย่าได้ถือโทษโกรธฉันเลย”

แววตาของเย่ซิวเย็นเยียบ ขณะที่เขากำลังจะลงมือ

ในเวลานี้เอง เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น "หยุดเดี๋ยวนี้!"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1356

    เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ การป้องกันร่างจำแลงกระดูกขาวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ สามารถทนรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากผู้บำเพ็ญตนระดับรวมกายาขั้นสูงได้แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเฉินอิ๋งอิ๋งไม่ได้ใช้สมบัติเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นคงจะต้านไม่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเฉินอิ๋งอิ๋งไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอรู้อยู่เต็มอกว่าในครั้งก่อนที่อยู่ในคุก เย่ซิวได้รับสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งมาแถมของสิ่งนั้นยังมีคุณสมบัติข่มพลังของเธอโดยตรง ถ้าเอาออกมาใช้ เธออาจจะกลายเป็นเสียเปรียบเสียเองหลังจากร่างกระดูกขาวถูกทำลายครั้งที่สอง เฉินอิ๋งอิ๋งก็เหงื่อชุ่มตัว หายใจแรงไม่หยุดการโจมตีต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงทำให้เธอเสียพลังไปมหาศาลแต่เย่ซิวยังยืนอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอกัดฟันแน่น “ไอ้เต่าหดหัว มีปัญญาก็สู้กันซึ่ง ๆ หน้า มัวแต่ตั้งรับแบบนี้จะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไงกัน”เย่ซิวไม่หลงกล แถมยังไม่โกรธเลยสักนิด “ฉันเป็นผู้ชายจริงไหม เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแทบจะทนไม่ไหว ผู้ชายคนนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้วเดิมทีเฉินอิ๋งอิ๋งคิดว่าตลอดหลายปีท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1355

    ในช่วงสามวันแรก เย่ซิวฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก จนกระทั่งเที่ยงของวันที่สี่หลัวเวยเวยเองก็ได้รู้เรื่องการท้าสู้ของเฉินอิ๋งอิ๋ง จึงตั้งใจจะช่วยเย่ซิวฝึกฝนด้วยแต่เธอบอกว่าช่วงสองวันนี้จำเป็นต้องลงไปเสริมผนึกที่ก้นสำนัก เลยช่วยอะไรไม่ได้เย่ซิวเลยถามว่าผนึกอะไรปรากฏว่าร้อยกว่าปีก่อน สำนักอวิ้นหลิงเคยถูกฝูงปีศาจโจมตีครั้งใหญ่ แม้สุดท้ายจะสามารถปราบพวกมันได้หมดแต่ว่าซากศพและกระดูกของพวกมันจำเป็นต้องหาวิธีจัดการไม่สามารถทิ้งขว้างได้ตามอำเภอใจ เพราะจะทำให้พื้นดินปนเปื้อน หากสัตว์ธรรมดาไปแตะต้องเข้าก็อาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกันดังนั้นจึงทำได้แค่กดพลังซากกระดูกเหล่านี้ไว้ใต้ดินของสำนักและในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องลงไปเสริมผนึกใหม่ทุกครั้งพอได้ยินแบบนี้ เย่ซิวก็ดีใจสุด ๆนี่มันเหมือนมีคนยื่นหมอนให้ตอนง่วงพอดีเลยไม่ใช่เหรอ?จะได้ใช้กระดูกพวกนั้นมาเพิ่มพลังให้คัมภีร์หมื่นกระดูกของเขาพอดีทั้งเป็นการแก้ปัญหาภัยเรื้อรังที่สำนักอวิ้นหลิงมีมาอย่างยาวนานทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันของตนได้อย่างมากเมื่อถึงเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1354

    เฉินอิ๋งอิ๋งโคจรพลังปราณในร่างเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว รอยบุ๋มที่หน้าอกก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม เธอจ้องเย่ซิวด้วยสายตาแข็งกร้าว “ได้ วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน อีกห้าวันค่อยกลับมาสู้กันใหม่”เย่ซิวเก็บเข็มทิศ “ถ้ามาอีก ฉันจะซัดเธอให้ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลยคอยดู”เฉินอิ๋งอิ๋งรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ยิ่งได้ยินก็ยิ่งโมโห แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาต่อปากต่อคำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีเย่ซิวเองก็กลืนโอสถลงไปบางส่วน เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นและเริ่มฟื้นฟูบาดแผลเงียบ ๆการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับเขาก็มีประโยชน์ไม่น้อยทำให้พัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองมากขึ้นไม่นานนัก เฉินเยียนจือก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพห้องรับแขกที่พังยับเยินก็อดตกใจไม่ได้ “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วผลเป็นยังไงบ้าง”“ถือว่าเธอชนะไปนิดหน่อยก็แล้วกัน” เย่ซิวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ต้องห่วง เธอเก่งกว่าฉันไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายล่ะก็ คนที่ชนะต้องเป็นฉันแน่นอน”แม้เฉินอิ๋งอิ๋งจะมีพลังบำเพ็ญตนสูงกว่าเย่ซิว แต่ในเรื่องทักษะการต่อสู้กับไพ่ตายก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้เลยอย่างน้อยเย่ซิวก็ยังมีของอีกมากที่ยังไม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1353

    อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็วในทันทีเย่ซิวยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ลองว่ามาสิว่าฉันทำเกินไปตรงไหนกันแน่? ระหว่างฉันกับเธอ ใครกันแน่ที่เกินไป ฉันช่วยชีวิตเธอด้วยเจตนาดีแท้ ๆ แต่เธอกลับตอบแทนฉันด้วยการหักหลัง”“ทั้งที่นายมีพลังขนาดนั้น พรสวรรค์ก็สูง ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?” เฉินอิ๋งอิ๋งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก“ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้สำนักหมื่นพุทธะกับสำนักผลึกแก้วโดนเล่นงานจนเละ อย่างน้อยก็อีกหลายร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแก้แค้นแล้ว”“ฉันบอกให้เธอไสหัวไป ได้ยินไหม?!”ท่าทีแบบนี้ของเฉินอิ๋งอิ๋งทำให้เย่ซิวยิ่งรู้สึกไม่พอใจเฉินอิ๋งอิ๋งแค่นเสียงหึ “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายหรอกนะ ในเมื่อฉันถูกใจนายแล้ว ยังไงก็ต้องเอานายมาให้ได้!”พูดจบ กลิ่นอายพลังระดับรวมกายาขั้นสูงก็ระเบิดออกจากร่างของเธอทันทีเปลือกตาของเย่ซิวกระตุกเบา ๆ พลังผู้หญิงคนนี้เพิ่มขึ้นได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากจะต้องสู้กันตรง ๆ ก็ใช่ว่าจะแพ้ โดยเฉพาะเมื่อเขาฝึกวิชาของสำนักวัชระมา ซึ่งสามารถข่มพลังของสำนักศตะบุปผาได้โ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1352

    มีผู้อาวุโสบางคนพยายามใช้อาคมขับไล่ แต่ก็ไม่ได้ผล ได้ยินมาว่าทั้งแคว้นต่างก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหายวับไปปรากฏตัวที่ที่พักของเฉินเยียนจือเธอกำลังฝึกอาคมอยู่ในเรือน ตั้งใจฝึกอย่างจริงจังจนเหงื่อซึมทั่วร่างเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ทันที ปลดปล่อยพลังระดับสูงออกมา ก่อนจะตบฝ่ามือลงไปที่เฉินเยียนจือพร้อมกับแสร้งหัวเราะว่า “สาวน้อยที่ไหนกันเนี่ย มาให้ฉันชิมหน่อยสิ”เฉินเยียนจือตกใจไปหนึ่งจังหวะ แต่ไม่นานก็ใจเย็นลง นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว แต่ยังอ้าแขนออก ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะให้เขาแตะต้องเต็มที่ฝ่ามือของเย่ซิวหยุดลงก่อนจะสัมผัสตัวเธอ เขาถอนพลังกลับแล้วคืนรูปลักษณ์เดิม ก่อนจะดันร่างเธอไปจนชิดมุมกำแพง “รู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”เขานึกว่าวิชาอำพรางของตัวเองแนบเนียนแล้ว เฉินเยียนจือเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ไม่น่าจะดูออกเฉินเยียนจือยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ฉันรู้จักนายดีขนาดนั้น จะจำผิดได้ยังไงกัน แค่ใช้สัญชาตญาณก็ดูออกแล้วล่ะ ฉันเก่งไหม มีรางวัลให้ฉันไหม”ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังเย่ซิวแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว “เธออยากได้รางวัลแบบไหนล่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1351

    การบุกโจมตี อาวุธป้องกันร่างกายมีครบแล้ว แต่ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือของป้องกันจิตวิญญาณเย่ซิวค้นหาในแหวนผนึกของของตัวเองอีกครั้ง แล้วก็หยิบเอาสมบัติเวทมนตร์ออกมาอีกสิบกว่าชิ้น แจกให้สิงโตหยกขาวตัวละสองชิ้นชิ้นหนึ่งไว้สำหรับป้องกันจิตวิญญาณ อีกชิ้นหนึ่งไว้สำหรับหลบหนีในตอนนี้พวกมันก็แทบไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกแล้ว ถ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวร่วมมือกันลงมือ แม้แต่คนระดับปฐมญาณขั้นสมบูรณ์ก็ยังรับมือไม่ไหวเย่ซิวเผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบป้ายขึ้นมา แล้วส่งเสียงผ่านจิตไปหาหลัวเวยเวยให้เธอไปยื่นคำขอเพื่อเลื่อนระดับสำนักอวิ้นหลิงจากระดับเจ็ดขึ้นเป็นระดับหกแต่หลัวเวยเวยกลับขอให้เขารออีกสักหน่อย“ทำไมล่ะ?”“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันจัดการประลองของศิษย์รุ่นเยาว์จากทั้งหกสำนักระดับเจ็ดแล้ว นายก็น่าจะรู้นี่”“ผมรู้”“การประลองครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักระดับหกขั้นสูงสุดแห่งหนึ่ง จุดประสงค์ของพวกเขาคือเลือกเฟ้นศิษย์ที่มีพรสวรรค์และพลังฝีมือสูงจากแต่ละสำนักไปฝึกฝนเพิ่มเติมอีกไม่นานก็จะเริ่มแล้ว ถ้าเรายื่นขอเลื่อนระดับในตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจได้ เพราะถ้ามองจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status