共有

บทที่ 2

作者: เฉิงกวงโฮ่วถู่
“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”

เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโห

เย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’

เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมา

เซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"

เพียะ เพียะ!

เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองที

ร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"

เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"

เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถ

เขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็ว

แต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัด

แต่หลังจากที่เย่ซิวฝังเข็มให้กับเขา การหายใจของเขาก็ค่อย ๆ สม่ำเสมอขึ้น

ที่ด้านนอกรถ บอดี้การ์ดสองคนมองฉากนี้ด้วยความรู้สึกประหลาดใจมาก

เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตัวเองไม่เป็นไรแล้ว บอดี้การ์ดทั้งสองจึงไม่ได้เข้าไปรบกวนเขา

ชายชราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนแรง "ขอบคุณน้องชายคนนี้มาก ทักษะทางการแพทย์ของเธอน่าทึ่งมากจริง ๆ"

เย่ซิวจับชีพจรให้กับเขาอีกครั้ง "เส้นลมปราณเสื่อมถอย เกิดจากการฝืนใช้พลังทะลวงระดับพลังยุทธแต่ล้มเหลว"

ดวงตาของชายชราเป็นประกาย "น้องชายมีสายตาเฉียบแหลมมากจริง ๆ หรือเธอเองก็เป็นยอดฝีมือที่ฝึกวรยุทธด้วยเหมือนกัน?"

เย่ซิวไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย

เมื่อนานมาแล้วอาจารย์เคยบอกเขาว่า หากไม่จำเป็นจริง ๆ ห้ามเผยความสำเร็จในการฝึกวรยุทธของตัวเองง่าย ๆ

ไม่อย่างนั้น จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

“คุณอดทนไว้ ผมจะช่วยทะลวงเส้นลมปราณที่เสื่อมถอยให้ ถึงตอนนั้นด้วยความสามารถของจอมยุทธ์ระดับสี่ของคุณ ปัญหาต่าง ๆ ในร่างกายของคุณจะหายไปเอง”

ม่านตาของชายชราหดตัวลงอย่างรุนแรง เขาหอบหายใจถี่ขึ้น "น้องชาย เธอ เธอ เธอ… เธอหมายความว่า เธอสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้เหรอ?"

จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง?

ชายชราเองก็มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเหมือนกัน

แต่ทว่าเนื่องจากความล้มเหลวจากการทะลวงระดับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาสูญเปล่า

ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเองจึงไม่สู้แต่ก่อนแล้ว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ติดต่อกับหมอที่มีชื่อเสียงไม่น้อย ทว่าทุกคนก็ล้วนแต่จนปัญญา

เย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อย

อาการของชายชราไม่นับว่าร้ายแรงนัก ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่ทักษะทางการแพทย์ไต่ไปเกือบถึงระดับราชาแห่งยาแล้วจะรักษาให้หายขาดไม่ได้

“ถ้าน้องชายสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเรียกร้องเงื่อนไขอะไร ก็เอ่ยปากมาได้เลย”

เขาตื่นเต้นมาก!

หลายปีมานี้ ตัวเองหมดหวังไปแล้ว

เขายอมแพ้ในการรักษาไปนานแล้ว แค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานอีกสักหน่อยเพื่อปูทางให้กับลูกชาย

ตอนนี้ เมื่อก็ได้ยินว่าตัวเองยังมีทางรอด จะไม่มีความสุขได้ยังไง?

เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายชราคนนี้ดูร่ำรวยมาก ทำไมเขาถึงคุมอารมณ์ไม่ได้ขนาดนี้?

ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้!

เขาดึงเข็มเงินออกมาจากร่างของชายชรา

หลังจากฆ่าเชื้อจนเสร็จ ก็เริ่มการฝังเข็มรอบใหม่

ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะเขาใช้ทักษะพิเศษอย่างวิชาวิญญาณสิบสามเข็ม!

ทันทีที่ทักษะฝังเข็มนี้ถูกใช้ออกไป มันก็จะเหมือนกับกำชัยเหนือภัยพิบัติทั้งมวล คิดอยากตายก็เป็นเรื่องยาก!

ลมหายใจของชายชราสะดุด

เขาพบว่าบนตัวของเย่ซิวในเวลานี้เปล่งออร่าที่ทำให้เขาตกใจอย่างมาก

ในชั่วพริบตา เข็มทั้งสิบสามเล่มก็ถูกฝังลงไป

ลมปราณอุ่นเคลื่อนผ่านร่างกายของเขา

เส้นลมปราณที่เคยเสียหายเหล่านั้นกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก

เดิมทีสีหน้าของชายชราซีดมาก

แต่เมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าเขาก็ค่อย ๆ ขึ้นสีแดงก่ำอย่างสุขภาพดี

ตู้ม!

กลิ่นอายอันทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา ราวกับหมาป่าที่กำลังหลับใหลถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

นอกประตูรถ ขาของบอดี้การ์ดทั้งสองคนสั่นจนแทบจะคุกเข่าลง

ในดวงตาของพวกเขา เผยให้เห็นถึงความสยดสยองและหวาดกลัวเด่นชัด

ภายในรถ เย่ซิวกลับไม่ได้รับผลกระทบจากออร่าของชายชราเลยแม้แต่น้อย

ก็แค่จอมยุทธ์ระดับสี่

จอมยุทธ์ถูกแบ่งออกเป็นขั้นหนึ่งถึงเก้า

ขั้นหนึ่งคือระดับต่ำสุดและขั้นเก้าคือระดับสูงสุด ก่อนบรรลุถึงขั้นหนึ่งจะยังไม่ถูกนับว่าเป็นจอมยุทธ์

ขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม คือจอมยุทธ์ระดับล่าง

ขั้นสี่ถึงขั้นหก คือจอมยุทธ์ระดับกลาง เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญ

ขั้นเจ็ดถึงขั้นเก้า คือจอมยุทธ์ระดับสูง หรือที่ผู้คนเรียกกันว่าปรมาจารย์!

และเย่ซิวก็เป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุด หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นปรมาจารย์นั่นเอง!

“กลับมาแล้ว ฟื้นฟูกลับมาแล้วจริง ๆ!” ชายชราสัมผัสพลังอันทรงพลังในร่างกายของเขา และร้องไห้ด้วยความดีใจ

ความรู้สึกถึงพลังที่ห่างหายไปนานนี้ เขาไม่ได้สัมผัสมันมาเป็นเวลานานมากแล้ว

“ผู้มีพระคุณ ฉันชื่อเซี่ยเจี๋ย ขอบคุณสำหรับบุญคุณที่ให้ชีวิตใหม่!”

พูดจบ เขาก็โค้งตัวให้เย่ซิว คำนับอย่างลึกซึ้ง

เย่ซิวรับคำขอบคุณอย่างเปิดเผย

“ผมไม่ได้รักษาให้คุณฟรี ๆ หรอกนะ” เย่ซิวกล่าว “ตามกฎสำนักแพทย์ของผม รักษาให้คนยากจนและลำบากจะคิดเงินเพียงแค่หนึ่งหยวนเท่านั้น”

“แต่หากรักษาให้คนรวย จะเรียกเก็บเงินสามพันหยวน และคุณยังต้องจ่ายอีกหนึ่งแสนหยวนเพื่อทำการกุศล"

เซี่ยเจี๋ยคิดว่าเย่ซิวจะเรียกร้องสักหลายล้านหรือหลายสิบล้าน

แม้ว่าเขาจะยอมจ่ายตามที่เขาขอมาได้ทุกสตางค์ก็ตามที

ชีวิตของเขามีค่ามากกว่าเงินจำนวนเล็กน้อยนั้น

แต่เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าเย่ซิวจะเรียกเงินเพียงสามพันหยวน ความประทับใจดี ๆ ที่มีต่อเด็กหนุ่มจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีในทันที

เป็นคนหนุ่มที่มีหลักการจริง ๆ!

“ฉันยังไม่ได้ถามชื่อของผู้มีพระคุณเลย”

“เย่ซิว”

“ที่แท้ก็คือผู้มีพระคุณเย่”

เมื่อทั้งสองคนลงจากรถ เซี่ยเจี๋ยก็หัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า "การได้พบกับผู้มีพระคุณในวันนี้ นับเป็นวาสนาที่ฉันสั่งสมมาหลายชาติภพจริง ๆ”

บอดี้การ์ดสองคนตกตะลึง

เซี่ยชิงชิงที่นั่งแหมะอยู่บนพื้นเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เซี่ยเจี๋ยที่หายใจรวยรินเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้หายดีแล้วอย่างนั้นเหรอ?

“คุณปู่ ไม่เป็นไรแล้วเหรอคะ?”

เซี่ยชิงชิงรีบลุกขึ้น วิ่งไปหยุดอยู่ข้าง ๆ เซี่ยเจี๋ยด้วยความยินดีปนประหลาดใจอย่างยิ่ง

เซี่ยเจี๋ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บภายในจะหายดีแล้ว แต่ระดับการบ่มเพาะของปู่ยังฟื้นกลับมาแล้วอีกด้วย"

“เยี่ยมมาก!” เซี่ยชิงชิงกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากนั้น เธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวและพูดอย่างดุร้ายว่า “คุณปู่คะ เขารังแกหนู ปู่ต้องจัดการมอบบทเรียนแก่เขาให้หนูนะ!"

ใบหน้าของเซี่ยเจี๋ยมืดครึ้มทันที "หลานกำลังพูดไร้สาระอะไร? เขาเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลเซี่ยของเรา รีบขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!"

เซี่ยชิงชิงมองไปที่เซี่ยเจี๋ยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "คุณปู่ คุณปู่บ้าไปแล้วเหรอคะ? หนูเป็นหลานสาวที่ปู่รักที่สุดนะ หนูถูกคนอื่นรังแก ปู่ไม่ช่วยหนูก็ไม่เป็นไร แต่ยังอยากให้หนูขอโทษไอ้คนเถื่อนตัวเหม็นนี่อีกเหรอ?"

เซี่ยเจี๋ยเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ชิงชิง ท่านนี้คือผู้มีพระคุณของเรา ถ้าไม่มีเขา ป่านนี้ปู่อาจไม่รอดแล้วก็ได้ เด็กดี เชื่อฟังที่ปู่พูด รีบขอโทษผู้มีพระคุณซะ"

“หนูไม่ขอโทษ!” ดวงตาของเซี่ยชิงชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเขารังแกหนู ทำไมหนูต้องขอโทษด้วย? ปู่จะช่วยหนูไหมคะ? ถ้าไม่ช่วย หนูจะโทรเรียกคนที่จีบหนูอยู่ให้มาฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!"

ในฐานะคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เธอไม่เคยได้รับความคับข้องใจแบบนี้มาก่อนเลย

เย่ซิวส่ายหน้า เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนแล้ว

แถมยังเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอีกต่างหาก

เซี่ยเจี๋ยโกรธมาก เขายกมือขึ้นเตรียมจะตบหน้าเธอ แต่ง้างอยู่นานก็ตัดใจลงมือไม่ลง

ท้ายที่สุด นี่คือหลานสาวที่เขารักมากที่สุด เขาทำใจทุบตีเธอไม่ได้

เซี่ยชิงชิงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา "ฉันจะโทรเรียกคนให้มาฆ่านายเดี๋ยวนี้แหละ ไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น!"

ตุ๊กตาดินเผายังมีเวลาที่ร้อนเป็นไฟ นับประสาอะไรกับเย่ซิวที่เป็นอันธพาลแท้ ๆ คนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนี้คำก็คนเถื่อนสองคำก็คนเถื่อน ทำให้เขาโมโหมากทีเดียว

เขาก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นแล้วฟาดลงบนหน้าของเซี่ยชิงชิงทันที

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1262

    “ภรรยา…”ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อนผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่เวรข้างนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบหลัวเวยเวยไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนี้”“เรียนภรรยาเจ้าสำนัก สำนักโอสถส่งคนมาแล้วครับ”หลัวเวยเวยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็พลันจริงจังขึ้นมาเช่นกันหลัวเวยเวยตอบสนองอย่างรวดเร็ว “ไปเชิญเขามาที่ห้องประชุม”ไม่นานนัก ชายหนุ่มท่าทางโอหังคนหนึ่งก็เชิดหน้าเดินมาถึงห้องประชุมเมื่อเห็นหลัวเวยเวยก็ไม่โค้งคำนับอะไรสักนิด กลับนั่งลงบนที่นั่งอย่างไม่เกรงใจหลัวเวยเวยนั่งอยู่บนที่สูง สองฝั่งเป็นผู้อาวุโสมากมายเมื่อเห็นภาพแบบนี้เธอก็ไม่ได้โกรธอะไร และไม่กล้าโกรธด้วยความแข็งแกร่งของสำนักโอสถไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเทียบได้ แม้จะมีผู้บำเพ็ญตนระดับปฐมญาณอีกร้อยคน พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรสำนักโอสถอยู่ดีหลัวเวยเวยมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิบนใบหน้า “น้องชายเดินทางมาถึงนี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรจะชี้แนะเหรอ”ชายหนุ่มผู้นั้นกวาดสายตามองหลัวเวยเวยด้วยสายตาโลภหากหลัวเวยเวยมีสถานะต่ำกว่านี้ ด้วยชื่อเสียงของการเป็นทูตของสำนักโอสถ เขาก็สามารถ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1261

    เห็นเพียงหานเฟิงหยิบคริสตัลขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแหวนผนึกของ แล้ววางลงตรงหน้าเย่ซิว“นี่มันอะไร?” เย่ซิวรู้สึกงุนงงเล็กน้อยคริสตัลเป็นรูปหญิงสาว พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายหญิงสาวในคริสตัลกอดกระบี่ยาวไว้ในอ้อมแขน ผมยาวสยายดวงตาคมกริบ ดูเหมือนงานแกะสลักวิจิตรบรรจงมาก เหมือนมีชีวิตจริง ๆหานเฟิงเอ่ย “นี่คือผู้พิทักษ์กระบี่ เป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษมาก มีตำนานเกี่ยวกับเธอมากมายแต่ที่น่าเชื่อถือที่สุดคือเซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งได้ผนึกปฐมญาณและเจตจำนงแห่งกระบี่ของตนเองด้วยวิชาลับ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงผ่านไปหลายพันปี จนกระทั่งหลายหมื่นปี ก็ได้กลายเป็นรูปปั้นที่เราเห็นอยู่นี้หากสามารถฟักตัวมันออกมาได้ มันจะจงรักภักดีต่อเจ้านายตลอดไป ไม่มีวันทรยศ และยังมีพลังมหาศาล”เย่ซิวสนใจขึ้นมาทันที “แล้วจะฟักตัวมันออกมาได้ยังไง?”“ต้องใช้เลือดของตัวเอง และต้องใช้ในปริมาณที่มหาศาลนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงไม่แตะต้องมันเลยแม้จะได้มาก็ตาม เพราะปริมาณที่ต้องการมันมากเกินไปมีคนประเมินไว้ว่าแม้จะรดเลือดร้อยกรัมลงไปทุกวัน ก็ยังต้องทำต่อเนื่องถึงสิบปีมีผู้แข็งแกร่งสักกี่คนที่จะทนไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1260

    อาจเป็นเรื่องการล้างแค้น หรือไม่ก็…ที่นี่มีบางสิ่งที่เธอต้องการ หรือให้ความสำคัญอยู่?สารพัดความคิดแล่นผ่านหัวเย่ซิวในพริบตา ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีสุดท้ายเย่ซิวก็ตอบตกลงที่ผ่านมาเขาได้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย ถ้าว่ากันตามเหตุและผล เขาก็ควรจะตอบแทนบุญคุณเธอบ้างยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่จุดธูปวันละสามครั้งเองจากนั้นเขาก็รีบออกไปด้วยตัวเอง ไปซื้อธูปจันทน์คุณภาพดีที่สุด พร้อมทั้งโต๊ะบูชาและกระถางธูปมาชุดหนึ่งเมื่อกลับมาถึงห้องก็จัดวางโต๊ะและกระถางธูปไว้ตรงหน้าเตียงน้ำแข็งเย่ซิวหยิบธูปขึ้นมาสามดอกแล้วจุดไฟจากนั้นก็เห็นสายควันบาง ๆ ลอยวนเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ถูกดูดเข้าสู่จมูกของผู้หญิงคนนั้นเย่ซิวนั่งดูอยู่พักหนึ่ง ก็ยังไม่เข้าใจกลไกเบื้องหลัง สุดท้ายเขาก็พาเสี่ยวไป๋ที่กำลังฟักตัวกับเสี่ยวอวี่ออกไปจากห้องหญิงสาวคนนี้มีภูมิหลังลึกล้ำเกินหยั่งรู้หลังจากตอบแทนบุญคุณเธอเสร็จแล้ว เย่ซิวคิดว่าคงต้องตัดขาดความเกี่ยวข้องกับเธอจะดีกว่าใครจะรู้ว่าในอนาคต ผู้หญิงคนนี้จะนำหายนะแบบไหนมาสู่ตัวเขาบ้างยังไงตอนนี้เย่ซิวก็สามารถหาศิลาวิญญาณได้ด้วยตัวเองแล้ว ความจำเป็นที่ต้องพึ่งพ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1259

    “ไม่ต้องหรอก เธอไปพักผ่อนเถอะ” เย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธเสี่ยวโหรวสีหน้าหม่นลงทันที “เพราะข้าเป็นเผ่าปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ คุณชายจึงไม่สนใจข้า...”“ไม่ใช่แน่นอน” เย่ซิวหยิกจมูกเธอเบา ๆ “เธอมีเสน่ห์มาก ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบหรอกแต่ก็นะ ฉันอยากให้เธอมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของฉัน ความสัมพันธ์ของเราจะได้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน”ความเศร้าในใจเสี่ยวโหรวหายวับไปกับตา เธอรีบตอบตกลงอย่างดีใจสุด ๆ “เข้าใจแล้ว ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”เทียบกับการเป็นแค่ของสวยงามไว้โชว์ เธออยากเป็นคนที่เย่ซิวสามารถพึ่งพาได้มากกว่าส่วนเรื่องของแม่ เธอก็เลือกที่จะลืมมันไปแววตาเธอฉายแววลังเลวูบหนึ่ง แล้วพึมพำเบา ๆ “หลายปีที่ผ่านมา ข้าทำตามคำสั่งของท่านแม่มาตลอด ก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณหมดแล้วขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อตัวเอง ตามหาความสุขของตัวเองบ้าง”เย่ซิวเดินเข้าไปในห้องที่วางเตียงน้ำแข็งไว้เสี่ยวไป๋ยังคงหลับลึกอยู่ขนนกของเสี่ยวอวี่ยิ่งขาวสะอาดมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยพลังปีศาจออกมา ยังอยู่ในช่วงสะสมพลังพอเห็นเย่ซิว เสี่ยวอวี่ก็พุ่งเข้ามากระโดดเกาะบนอกเขาทันทีเย่ซิวลูบขนที่นุ่มเหมือนผ้าไหมของเสี่ยวอวี่เ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1258

    หลัวเวยเวยเป็นคนตอบคำถามนั้นให้เขา “ก็แค่เรื่องแย่งชิงแหล่งทรัพยากรกับพื้นที่อยู่อาศัยนั่นแหละ เผ่าปีศาจก็ต้องใช้ทรัพยากรในการพัฒนาเหมือนกันแถมพวกเราที่เป็นผู้บำเพ็ญตน สำหรับพวกมันแล้วก็คือวัตถุดิบชั้นเลิศ เป็นโอสถวิเศษสำหรับการฝึกฝนของพวกมันเลยล่ะ”“แล้วตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เย่ซิวเริ่มรู้สึกกังวลตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือสภาพแวดล้อมที่มั่นคง เพื่อให้ตัวเองสามารถพัฒนาและเติบโตได้หากรอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่สงบ มันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาของเขา“ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็สู้กันแบบกินกันไม่ลง ไม่มีใครเหนือกว่าใครหรอก”เย่ซิวค่อยเบาใจลงมาหน่อยขอแค่มีช่วงเวลาแห่งความสงบประมาณสิบปี เขาก็มั่นใจว่าจะฝึกถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แล้วไร้เทียมทานในโลกมนุษย์ได้แน่สุดท้าย เย่ซิวก็หันไปมองเฉินเยียนจือ “แล้วเธอล่ะ? มาหาฉันทำไม”เฉินเยียนจือตอบแบบไม่คิดอะไรเลย “ก็คิดถึงนายน่ะสิ”เย่ซิวยิ้มบางหลังจากนั้น เย่ซิวก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับพวกเธอไปเรื่อยหลัวเวยเวยกับรั่วอวิ๋นนั่งคุยกันอีกสักพัก พอดูเวลาแล้วก็ต้องลุกขึ้นเตรียมตัวกลับก่อนกลับ หลัวเวยเวยยังไม่ลืมลากเฉินเยียน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1257

    รั่วอวิ๋นเริ่มออกอาการลนลานอย่างเห็นได้ชัดภายใต้สายตาของเย่ซิว เธอไม่มีทางพูดความคิดลึก ๆ ในใจออกไปได้อยู่แล้ว ได้แต่ปากแข็งเอ่ยไปว่า “ฉันแค่มาดูว่าฝีมือกลั่นโอสถของนายพัฒนาขึ้นบ้างหรือเปล่า ถ้ายังแย่อยู่ นายก็ทำให้ฉันเสียหน้าพอดีสิ”ปากไม่ตรงกับใจขนาดนี้ เย่ซิวยังรู้สึกได้เลย แต่เขาไม่ได้แฉออกมาตรง ๆ “งั้นก็สบายใจได้เลยครับ ตอนนี้ผมกลั่นโอสถระดับสูงได้แล้วนะ”“อะไรนะ?!”สิ้นเสียงพูดนั้น ผู้หญิงทั้งสี่คนในที่นั้นก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง จนเสียงดังสะเทือนไปทั่วเสี่ยวโหรวทำหน้าตาเลื่อมใสสุดขีด “คุณชายเก่งเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”ในตาของหลัวเวยเวยสะท้อนแสงบางอย่างออกมา เธอไม่พูดอะไร เพียงจ้องเขานิ่ง ๆ ตาไม่กะพริบเฉินเยียนจือเองก็มีสีหน้าแบบเดียวกับเสี่ยวโหรวส่วนรั่วอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ที่พูดออกมานั่นแน่ใจเหรอ อย่าโม้น่า แม้แต่ฉันตอนนี้ยังกลั่นได้แค่โอสถกลางระดับเท่านั้นเองนะ”“แน่นอนว่าเรื่องจริง ก็เพราะท่านอาจารย์สอนเก่งไง ลูกศิษย์ก็เลยเก่งกว่าอาจารย์แล้ว”เย่ซิวประจบไปเบา ๆ คำหนึ่ง ก็ทำเอารั่วอวิ๋นยิ้มแก้มแทบปริ หางแทบชี้ขึ้นฟ้า รู้สึกปลื้มปริ่มเ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status