มีรอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าของเหวินฮ่าว แต่แรงในมือกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ หนุ่มหน้าละอ่อนตรงหน้าเขาดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยมันเป็นไปได้อย่างไร?!เย่ซิวแอบขำเบา ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าประลองกำลังกับเขาด้วยสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ที่มีพลังมากกว่าเขา คงจะเป็นช้างโตเต็มวัยเท่านั้นเขามองเหวินฮ่าวเหมือนแมวที่กำลังเล่นกับหนู จากนั้นก็เพิ่มแรงในมือเพียงเล็กน้อยไม่นานใบหน้าของเหวินฮ่าวก็เริ่มบิดเบี้ยว อ้าปากหวอ รู้สึกว่ามือของตนเองกำลังจะหัก"พวกเธอมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มาทานข้าวกันเถอะ"เมื่อได้ยินคุณย่าของหลินซวงตะโกนเรียก เย่ซิวจึงปล่อยมือเหวินฮ่าวพยายามเก็บอาการอย่างสุดความสามารถ สีหน้าของเขาช่างน่าตลกสิ้นดีริมฝีปากของหลินซวงโค้งขึ้นเมื่อเธอสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างเธอดึงกระเป๋าเป้ของเย่ซิวลงแล้วพูดเบา ๆ “ฉันช่วยเอากระเป๋าไปวางไว้ในห้องของฉันนะ”มุมปากของเหวินฮ่าวกระตุก ความหึงหวงทวีขึ้น รู้สึกอิจฉาตาร้อนเย่ซิวเดินไปที่โต๊ะอาหารตามลำพัง โดยไม่ได้มองเหวินฮ่าวอีกเลยหลินซู่โน้มตัวไปกระซิบเหวินฮ่าว "อย่าไปหลงกลน้องสาวฉันนะ เธอแค่เล่นละครน่ะ ดูทร
หลินซวงหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาอันอ่อนโยนราวสายน้ำอีกครั้ง เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนทันที "คุณเลยอย่าใส่ใจ คุณย่าของฉันไม่ใช่พวกวัตถุนิยม แค่คุณมาเธอก็ดีใจมากแล้ว"คุณย่าของหลินซวงยิ้มพร้อมคีบน่องไก่ให้เย่ซิว "ใช่แล้วล่ะ ฉันมีความสุขมากที่เธอมาที่นี่ ไม่ต้องรู้สึกหนักใจหรอกนะ"เมื่อเห็นเธอต้อนรับเย่ซิวอย่างอบอุ่นมากขนาดนี้ เหวินฮ่าวก็รู้สึกแย่นิดหน่อย เขาแอบส่งสายตาให้หลินซู่อย่างลับ ๆ ต้องรู้ไว้ว่า เพื่อจีบหลินซวงเขาจ่ายเงินก้อนโตแก่ชายไม่เอาไหนคนนี้ไปแล้ว!หลินซู่กลอกตาแล้วพูดว่า "คุณย่าพูดแบบนี้ไม่ถูกนะครับ ไม่สำคัญว่าของขวัญจะแพงแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องมี”“เหวินฮ่าวตั้งใจมาก เขาใช้เวลาหลายวันในการเลือกหยกชิ้นงามนี้ให้กับคุณย่า นั่นแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา”“แต่ในทางกลับกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มอบอะไรให้เลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใส่ใจคุณย่ากับหลินซวงแม้แต่น้อย”เหวินฮ่าวกดถูกใจให้หลินซู่ในใจหลินซวงกัดฟันแน่น โกรธจนแทบอยากจะเอามีดมาเชือดลูกพี่ลูกน้องของเธอให้รู้แล้วรู้รอดเธอรีบหันไปมองเย่ซิว พร้อมส่งสายตาขอโทษให้เขาเย่ซิวไม่ใช่แฟนตัวจริงของเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกซาบซ
เหวินห่าวมองด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าโอกาสชนะอยู่ในกำมือของเขาแล้วเขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถที่จะซื้อสร้อยข้อมือในราคาหลายร้อยล้านได้เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า เย่ซิวไม่สิ่งใดที่คนรวยควรมีเลยสักอย่างเขาแค่คิดว่าเย่ซิวจะต้องใช้วิธีสกปรกบางอย่างอย่างลับ ๆ แน่ ๆ ถึงได้ทำให้หลินซวงชอบเขาได้เขาคิดในใจว่า อีกเดียวเขาจะทำให้เย่ซิวขายหน้าอย่างแรงได้แน่นอนหลินซู่ก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถเช่นกัน เขาคิดว่าเย่ซิวกำลังพูดคุยโวโอ้อวดก็เท่านั้นคุณย่าของหลินซวงเปิดกล่องด้วยรอยยิ้มเบิกบานทันทีที่เปิดกล่องออก กลิ่นหอมตามธรรมชาติของไม้กฤษณาก็ลอยฟุ้งกระจายออกมากลิ่นนั้นทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานใจภายในกล่องมีสร้อยข้อมือลูกปัดทรงกลมสีเข้มสนิทหนึ่งเส้นแม้แต่คนที่ไม่รู้จักสิ่งนี้ก็สามารถบอกได้ว่าสร้อยข้อมือลูกปัดเส้นนี้มีความพิเศษคุณย่าของหลินซวงกลั้นหายใจ ในขณะหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วลูบมันอย่างพินิจ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจนั้นยากเกินจะปิดบังได้“ยากนักที่จะได้พบสร้อยข้อมือคุณภาพสูงอย่างนี้ เสี่ยวเย่ สร้อยข้อมือเส้นนี้ราคามากกว่าสอ
“ได้ได้ได้ ฉันจะจำความแค้นนี้ไว้!”เหวินห่าวแทบจะกัดฟันพูดถ้อยคำนี้ แล้วค่อย ๆ หมอบลง ใช้ทั้งมือและเท้าคลานออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด“น้องเขย ผมขอดื่มให้คุณสักเธอ้ว ตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรก ผมก็รู้เลยว่าคุณเป็นคนไม่ธรรมดา แล้วผมก็มองคนไม่ผิดจริง ๆ ด้วย”เมื่อเผชิญหน้ากับเธอ้วเหล้าที่หลินซู่ยื่นมา เย่ซิวพูดอย่างเฉยเมยว่า "คุณก็ออกไปด้วย"รอยยิ้มบนใบหน้าหลินซู่ชะงัก เขาอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่เมื่อเห็นแววตาที่ลึกล้ำของเย่ซิว เขาก็เลือกที่จะหุบปากอย่างชาญฉลาดเขาหัวเราะแห้ง ๆ "เอ่อคือว่าผมมีธุระจะต้องสะสาง ขอตัวก่อนนะครับ ทานข้าวให้อร่อยนะครับ"เมื่อเดินไปที่ประตู จู่ ๆ หลินซวงก็พูดขึ้นว่า "ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องไปที่บริษัทอีก"น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งใด ๆหลินซู่ร้อนรนทันที เขามองไปทางคุณย่าราวกับกำลังขอความช่วยเหลือแต่คุณย่าเพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิงหลินซู่เสียใจอย่างมาก แต่ตอนนี้ถึงเขาจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์แล้วหากจะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ จนทำลายอนาคตอันสดใสของตัวเองจนป่นปี้หลังจากที่แมลงวันน่ารำคาญสองตัวจากไป ทั้งสามก็ทานอาหารอย่างมีความสุ
แม้ว่าหลินซวงจะกระโจนเข้าไปเร็วมากก็ตาม แต่เย่ซิวก็เห็นแล้วว่ามันคืออะไรชุดสีดำสุดเซ็กซี่ ดีไซน์โดดเด่นมาก...เย่ซิวไม่คาดคิดเลยว่าหลินซวง ซึ่งปกติดูเป็นคนจริงจัง จะซื้ออะไรแบบนี้...เขาแทบอดไม่ได้ที่จะใช้ดวงตาที่มีญาณทิพย์ของเขาดูว่าตอนนี้เธอสวมชุดแบบเดียวกันนี้หรือไม่หลินซวงหน้าแดงก่ำจนเลือดแทบจะหยดออกมาแล้ว เธอรีบซ่อนของสิ่งนั้นไว้ด้านหลัง แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างเย่ซิวหัวเราะอย่างอดไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาไม่คิดจะซักไซ้ไล่ถามอะไรแต่อย่างใดเขาหยิบผ้าห่มบาง ๆ ขึ้นมาจากเตียง ปูลงบนพื้นแล้วนอนลงนอนดีกว่า จะได้เลี่ยงความกระอักกระอ่วนเมื่อเธอออกมาหลินซวงอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลาสองชั่วโมง เธอขัดตัวจนผิวแทบจะถลอกถึงได้ออกมาฉากเมื่อกี้มันน่าอับอายมากจริง ๆ ความประทับใจที่เย่ซิวมีต่อเธอคงจะหมดลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้วแน่ ๆ เธออยากจะตบตัวเองสักสองที ทำไมเธอถึงได้ประมาทอย่างนี้นะ?เธอค่อย ๆ ชะโงกศีรษะออกมา แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังจากนั้นเธอก็เห็นเย่ซิวนอนอยู่บนพื้นเธอเดินไปหาเย่ซิวอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบเบา ๆ ว่า "คุณเย่ คุณหลับแล้วหรือยัง?
ตอนเช้าเวลาหกโมงครึ่ง เย่ซิวตื่นขึ้นอย่างตรงเวลาแต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็เห็นหลินซวงนอนพาดอยู่บนตัวเขาด้วยท่าทางที่ตลกมาก‘คุณผู้หญิง คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่นะ’ เย่ซิวกับตัวเองพูดอย่างลับ ๆ เขาอยากจะลุกขึ้น แต่หลินซวงเกาะเขาไว้เหมือนกับปลาหมึกยักษ์ ถ้าเขาใช้แรงมากเกินไป คงจะทำให้เธอตื่นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะต้องทำตัวไม่ถูกแน่ช่างเถอะเย่ซิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลับตาอีกครั้ง แล้วบ่มเพาะตนอย่างเงียบ ๆ พอถึงเวลาเจ็ดโมงครึ่ง หลินซวงก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเธอนอนหลับสบายมาก ร่างกายของเธอเหมือนกำลังพิงเตาไฟ ซึ่งอบอุ่นมากวินาทีต่อมา เธอเกือบจะกรีดร้องออกมา รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว หัวใจร้อนรนกระวนกระวาย‘เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไป?’เธอค่อย ๆ ถอนตัวออกจากร่างกายของเย่ซิว แล้วเดินกลับไปนอนที่เตียงเธอเอาผ้าห่มปิดหน้า ความรู้สึกสับสนแปรปรวนหลังจากนั้นไม่นานเธอก็โผล่หัวออกมา แล้วมองดูเย่ซิวที่อยู่บนพื้น ก่อนจะร้องเรียกเขาสองสามครั้ง“คุณเย่ คุณตื่นหรือยัง?”เรียกอยู่สี่ห้าครั้ง เย่ซิวถึง ‘ตื่น’เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็ยิ้มให้หลินซวงและพูดว่า "อรุณสวัสดิ์"
อัตราการผลิตครีมผิวหยกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนึ่งเดือนหลังจากที่เย่ซิวกลับมาจากหวู่เฉิง สายการผลิตห้าสิบสายก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสวนสมุนไพรมีการปลูกเพิ่มอีกห้าแปลงด้วยการสนับสนุนด้วยปุ๋ยน้ำ อัตราการเจริญเติบโตและคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรจึงเป็นที่น่าพอใจมากปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นห้าล้านกล่องต่อวัน แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการมีบริษัทจำนวนมากที่เอาครีมผิวหยกไปทดสอบ ทำการวิเคราะห์และพยายามลอกเลียนแบบสิ่งที่ประเทศหลงเถิงทำได้ดีที่สุดก็คือการลอกเลียนแบบมีบริษัทที่เกือบจะเลียนแบบได้สำเร็จแล้วบังเอิญว่าเย่ซิวได้เปิดตัวครีมผิวหยกเวอร์ชันอัพเกรดในเวลานี้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ในราคาเท่าเดิมสิ่งนี้ขัดขวางแผนการของบริษัทที่พยายามลอกเลียนแบบครีมผิวหยกเหล่านั้นทันทีเมื่อพวกเขาวิเคราะห์ส่วนผสมของครีมผิวหยกเวอร์ชันอัพเกรดและพยายามลอกเลียนแบบ พวกเขาก็พบว่าไม่สามารถเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์ และมีความต่างกันไม่น้อยยังมีบริษัทที่ต้องการเปิดตัวครีมเกรดต่ำลงมาหน่อย ลดราคาลงเล็กน้อย และหมายจะยึดตลาดให้ได้แต่เย่ซิวได้จัดตั้งแผนกหนึ่งขึ้นมาเพื่อคอยสังเกตตลาดเป็
ตอนนี้เย่ซิวไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา ๆ อีกต่อไป เขาค่อย ๆ วางลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลง จากนั้น...ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเย่ซิวก็ได้รับพลังทั้งหมดจากไข่มุกราชาแห่งยาสมใจปรารถนาแล้วพลังงานบริสุทธิ์โคจรไปทั่วร่างของทั้งสอง จำนวนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดรอบ จากนั้นจึงแบ่งเป็นสองส่วนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ถูกเย่ซิวดูดซับไว้หมดแล้วร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก กำลังภายในเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณระดับที่สูงขึ้น!พลังวิญญาณหนึ่งสายเทียบเท่ากำลังภายในหนึ่งร้อยสายทัศนวิสัยของเขากว้างไกลออกไปหลายร้อยเมตรในทันที มองเห็นทั่วทั้งสามร้อยหกสิบองศาอย่างทะลุปรุโปร่งนี่ไม่ใช่แค่การมองเห็น แต่เป็นพลังจิต!จากนี้ไป เขาสามารถตรวจจับทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงได้แม้หลับตา และยังสามารถมองทะลุกำแพงได้อีกด้วยช่วงสร้างพื้นฐาน!ตัวเขาในขณะนี้ ได้เปลี่ยนจากร่างกายของมนุษย์ธรรมดาไปสู่ระดับใหม่แล้วด้วยพลังจิตที่ปล่อยออกมา ทำให้ความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายของเขาเพิ่มขึ้นสิบเท่า!‘ไม่รู้ว่าฉันในตอนนี้สามารถต้านทานระเบิดปรมาณูขนาดเล็กได้หรือไม่?’ เย่ซิวคิดในใจยังไม่แน่ใจว่าสามารถไปถึงขั้นนั้นได้หรือยัง
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน