ไม่นานนัก ใบหน้าของจวงเสี่ยวหยิงก็เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอน้ำ ดูน่ารักน่าเอ็นดูเธอหันไปมองเย่ซิว “พี่คะ เราอยู่ที่นี่ต่ออีกนิดได้ไหมคะ?”“ไม่มีปัญหา” เย่ซิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “ตราบใดที่ไม่มีขีปนาวุธนับสิบลูกยิงมาที่นี่ มีฉันอยู่ก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้”ถ้าเป็นคนอื่นพูด จวงเสี่ยวหยิงคงคิดว่าเขาแค่ขี้โม้ แต่กับเย่ซิวนั้นไม่เหมือนกัน เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ดี“แล้วที่โรงเรียน เธอเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดีรึเปล่า?” เย่ซิวถามจวงเสี่ยวหยิงยิ้มฝืน ๆ “ก็พอได้ค่ะ”เย่ซิวพยักหน้ารับรู้โดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม “แช่น้ำพุร้อนต่อเถอะ”จวงเสี่ยวหยิงตอบรับก่อนจะหลับตาลง ปล่อยตัวไปกับความอบอุ่นของน้ำพุร้อน รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่างกายครึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่ซิวลืมตาขึ้น ความเย็นเยียบฉายผ่านแววตา “มีคนมาให้ฉันจัดการอีกแล้ว”เขาลุกขึ้นยืนและบอกกับจวงเสี่ยวหยิง “เอาล่ะ ลุกขึ้นมาเถอะ”“โอเคค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงลุกขึ้น แต่จู่ ๆ เธอก็ร้องออกมา ก่อนจะเสียหลักลื่นลงไปในน้ำเย่ซิวรีบพุ่งเข้ามาประคองเธอไว้ “เป็นอะไรหรือเปล่า?”จวงเสี่ยวหยิงส่ายหน้า
เมื่อดาบนี้ถูกฟันออกไป รอยแตกยาวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นใกล้เคียง เสียงดังสะท้านไปทั่วดวงตาของนักดาบเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาได้เห็นมือของเย่ซิวถูกตัดออกแล้วแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องตกตะลึง!เย่ซิว อาศัยเพียงสองนิ้วก็สามารถรับการโจมตีที่ผ่าแม่น้ำนี้ไว้ได้อย่างง่ายดาย“อะไรนะ?!”“เขารับไว้ได้!”ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เย่ซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อดวงตาของนักดาบคนนั้นเองก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วฉากนี้เหมือนอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้นเขาพยายามดึงดาบออกมาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไร้ประโยชน์!ส่วนฉีฉูฉู่ที่รับชมสถานการณ์มาจนถึงตรงนี้ผ่านกล้องวงจรปิด ยิ่งตกใจมากจนแทบจะกรีดร้องออกมาในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า เธอรู้ดีว่าปรมาจารย์ระดับแปดนั้นน่ากลัวเพียงใดแถมเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายโจมตีมาอย่างเคียดแค้นเต็มกำลัง ทว่าเย่ซิวกลับสกัดกั้นมันได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้นี่มันเหมือนนิยายแฟนตาซี! เห็นผีกลางวันแสก ๆ ชัด ๆ!ติ๊ง!เย่ซิวออกแรงที่นิ้วเล็กน้อย ก็หักดาบนั้นทิ้ง เขาดีดเบา ๆ ที่ปลายดาบหนึ่งที ดาบก็ทะลวงผ่านร่างของนักดาบไปรูม่านตาของ
“ไม่สู้วางมีดที่ใช้ฆ่าลง ไปสวดมนต์กินเจกับอาตมา เพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ดีหรือไม่?”เย่ซิวเยาะเย้ย "คิดที่จะอาศัยฉันทะลวงระดับขึ้นไปก็พูดมาตามตรงเถอะ ทำไมต้องใช้คำพูดที่ฟังดูสูงส่งขนาดนี้มาเป็นข้ออ้างด้วย?"มีคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ "พูดจาเหลวไหล เราได้ยินมาว่าแกโหดเหี้ยมทารุณ ดังนั้นเราจึงมาที่นี่เพื่อขจัดภัยอันตรายแทนประชาชน!"ฟิ้ว!เย่ซิวดีดปราณกระบี่ออกไป มันก็แทงทะลุหว่างคิ้วของชายคนนั้น ร่างนั้นทรุดลงในทันทีผู้คนรอบตัวเขาตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบหนีกระเจิงออกไปใบหน้าของเย่ซิวยังคงแสดงความเสียดสี “ไอ้พวกหน้าซื่อใจคดกลุ่มหนึ่ง ฉันรู้ว่าทุกคนแค่อยากจะจับฉันไปแล่เนื้อเถือหนังคิดว่าฉันกินสมบัติแห่งฟ้าดินเข้าไปถึงได้สามารถทะลวงเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ!ฉันจะบอกความจริงให้พวกแกรู้ไว้ก็แล้วกัน การดื่มเลือดกินเนื้อของฉัน จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกแกได้อย่างแน่นอน ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกแกมีปัญญาที่จะมาเอามันไปรึเปล่า”ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ดวงตาของคนเหล่านี้ก็เปล่งประกายวาววับแม้แต่สีหน้าของใต้ซือคูมู่เองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยใต้ซือคูมู่ได้เดิ
ฟุบ!เสียงเบาที่เหมือนกับมีดคมแทงทะลุเต้าหู้ดังขึ้นเย่ซิวใช้เพียงนิ้วเดียวก็ทะลวงการป้องกันของใต้ซือคูมู่ไปได้อย่างง่ายดาย มีรูเลือดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขารอยยิ้มบนใบหน้าของใต้ซือคูมู่แข็งทื่อ เขายกมือขึ้นอย่างยากลำบาก และชี้ไปที่เย่ซิวริมฝีปากของเขาขยับเหมือนกับพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ จากนั้นคนทั้งคนก็หงายหลังล้มไปทั่วทั้งลานเงียบกริบฉับพลัน!ฉีฉูฉู่ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืด ในหัวมีแต่เสียงอื้ออึงพลังที่เย่ซิวแสดงออกมานั้น ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว!“หรือว่าเขาจะไม่ได้เป็นแค่ระดับเก้าขั้นต้น ทว่าไปถึงขั้นสูงหรือไม่ก็ขั้นสูงสุดแล้ว?” ฉีฉูฉู่พึมพำกับตัวเอง จากนั้นจึงส่ายหัวอย่างแรง“ไม่ใช่สิ ฉันเคยอ่านเจอในตำราโบราณ ในนั้นบันทึกไว้ว่าจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า ไม่มีทางน่ากลัวเท่ากับที่เย่ซิวแสดงให้เห็นในวันนี้อย่างแน่นอนขณะที่เขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับแปด ก็เหมือนกับคนธรรมดาที่กำลังบดขยี้มด ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”เธอขมวดคิ้ว พยายามคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจเมื่อมองดูกล้องวงจรปิด คนจำนวนไม่น้อยก็เผยสีหน้าหวาดกล
โลกทั้งใบเงียบสงัดลงทันทีมีเพียงกลิ่นเลือดที่ฉุนกึกลอยโชยไปทั่วคนไม่กี่คนที่ดูฉากนี้ผ่านทางกล้องวงจรปิด คนทั้งคนก็ตัวชาดิกหมดไปแล้วไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความตกใจในขณะนี้ของพวกเขาได้เย่ซิวดึงจวงเสี่ยวหยิงออกจากห้องเปลี่ยนชุด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "หลับตาลง"จวงเสี่ยวหยิงก็หลับตาลงอย่างเชื่อฟังเย่ซิวจับมือเล็ก ๆ ของเธอแล้วเดินออกไปข้างนอกเสียงของฉีตังกั๋วก็ดังส่งมาจากลำโพง "เย่ซิว ในชีวิตนี้ของฉัน ฉันไม่เคยชื่นชมใครเลย แต่นายเป็นหนึ่งในนั้นวันนี้ทำให้ฉันได้เห็นฉากที่แตกต่างออกไป ฉันรู้สึกขอบใจนายมากถ้าชาติหน้ามีจริง อย่าได้มาเป็นศัตรูกับตระกูลฉีอีกล่ะ”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ทำไม คุณยังมีจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่ยังไม่ได้ส่งออกมาอีกเหรอ?"“ก็ไม่เชิงหรอก แต่ใต้วิลล่าแห่งนี้ ในตอนที่สร้างมันขึ้นครั้งแรกได้มีการฝังแซดวายจำนวนมากไว้ข้างในนั้น วันนี้พวกนายหนีไม่พ้นแล้ว ดังนั้นตายซะเถอะ!”นัยน์ตาของเย่ซิวหดตัวลงตู้ม ตู้ม ตู้ม...วินาทีต่อมา วิลล่าทั้งหลังก็ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบลิ่วเมื่อเห็นหน้าจอกลายเป็นสีดำสนิท ฉีฉูฉู่ก็ถอนหายใจ
ปึก!ฉีฉูฉู่ทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายของเธอสั่นเทา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากนั้นไม่นานนัก เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง คว้าโทรศัพท์มือถือด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขของฉีตังกั๋วอย่างตัวสั่น“หาศพของเย่ซิวเจอแล้วเหรอ?”“เขา...เขา...” ฉีฉูฉู่รู้สึกเหมือนตัวเองพูดไม่เป็นภาษา จึงพูดตะกุกตะกักออกไป“เขา...ภาพที่โดรนส่งมาเมื่อสักครู่นี้...เขายังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี...ไม่แม้แต่รอยขีดข่วน!”ฉีตังกั๋วดุ "เธอกำลังพูดเหลวไหลอะไร? ระเบิดระดับนั้น เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยได้ยังไง!"ฉีฉูฉู่กำลังจะร้องไห้ออกมาแล้ว "จริงนะคะ หนูส่งต่อภาพจากโดรนไปให้ปู่แล้ว"ทางด้านนั้น บังเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งฉีตังกั๋วกำลังดูการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์หลังจากดูวิดีโอที่ฉีฉูฉู่ส่งมาให้ เขาก็เกือบจะทรุดตัวลงไปฉากอัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“คุณปู่คะ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” ฉีฉูฉู่ตื่นตระหนกมาก“เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว จอมยุทธ์ยอดฝีมือในปัจจุบันเกือบทั้งหมดถูกเขากำจัดทิ้งไปแล้วแถมเขายังไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทั้งที่ยืนอยู่ใจกลางการระเบิดที่รุนแรงขนาดนี้ ถ้าไ
นุ่งกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ ใส่เสื้อโชว์สะดือ แต่งหน้าสวยหวานผู้หญิงคนนี้เมื่อเห็นเย่ซิวในดวงตาก็เผยความเป็นศัตรู แต่เขาก็จับสังเกตมันได้อย่างชัดเจนยิ่งไปกว่านั้นเย่ซิวเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน!จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านไป๋อวี้เจี๋ย มีอยู่วันหนึ่งจู่ ๆ หลินโหรวก็วิ่งมาเคาะประตูเพื่อขอความช่วยเหลือบอกว่า 'แฟนสาว' ของเธอเสียเลือดมาก ต้องการความช่วยเหลือซึ่งก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นวางเค้กไว้บนโต๊ะ พร้อมส่งยิ้มหวานให้เย่ซิว "พี่คะ ฉันเพิ่งทำเค้กเสร็จ ใช้วัตถุดิบเต็มที่ พี่ลองชิมดูนะคะ"เย่ซิวมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า "เธอเป็นใคร?"“อ๋อ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จัก เธอชื่อหลิวเยวี่ยหง คุณครูสอนทำขนมคนใหม่ของฉันค่ะเธอทำเค้กเก่งมาก และช่วงนี้เธอเพิ่งอกหัก เลยขอมานอนกับฉันคืนนี้ค่ะ”เย่ซิวรู้สึกตหงิดใจทันทีเธอเลิกกับหลินโหรวแล้วเหรอ?ตอนนี้คิดจะมาเล็งผู้หญิงของเขาอีกงั้นสิ?เย่ซิวพยักหน้าและนั่งลงอย่างสงบหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เธอตัดเค้กให้เย่ซิวและป้อนใส่ปากเขา "ให้ฉันป้อนพี่นะคะ"หลิวเยวี่ยหงกำหมัดอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าอิจฉาริษยาอยู่ฝั่งตรงข้ามเย
หลิวเยวี่ยหงเอาหูแนบประตูแล้วตั้งใจฟังเย่ซิวยกยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในห้องหลังจากที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลืนโอสถฟื้นฟูสามเม็ดติดต่อกัน บวกกับเย่ซิวใช้พลังวิญญาณช่วยเธอทำการทะลวง ในที่สุดเธอก็สามารถทะลวงระดับได้สำเร็จหลังจากเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับหกแล้ว ร่างกายของเธอได้ถูกชะล้างทั้งภายในและภายนอกอีกครั้งรูปร่างมีแนวโน้มสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทุกตารางนิ้วของผิวหนังราวกับว่าถูกแกะสลักด้วยมือของพระเจ้ากลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นเด็กทารกลอยออกมาจากร่างกายเธอ กลิ่นมันช่างหอมเหลือเกินเย่ซิวดึงเธอเข้ามา ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันผิวพรรณของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเริ่มผุดผ่องมากขึ้น เปล่งประกายราวไข่มุกทรวดทรงองเอวจัดอยู่ในประเภทที่ผู้ชายมองแล้วเลือดกําเดาไหลเย่ซิวอุ้มสาวสวยไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็...ถึงหลิ่วเมิ่งอิ๋นจะดูบอบบางมากหลังจากเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่ในความเป็นจริงแม้ว่าจะถูกวัวชนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรดังนั้นถึงจะมีเรื่องอย่างว่าเป็นครั้งแรก ก็จะไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดต่อมา เย่ซิวจงใจส่งเสียงเพื่อให้หลิวเยวี่ยหงที่กำลังแอบฟังอยู่ข้างนอกได้ยินเย่ซิวอยากตอกย้ำให้เธอทุกข์ทรมานใจมากขึ้น เขาม
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ