ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาว่า หลินโหรวลาออกแล้วและให้คนอื่นทำงานแทนที่ตำแหน่งเธอแล้วเย่ซิวเดาว่าเป็นเพราะเธอเลิกกับหลิวเยวี่ยหง จึงทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้เขาไม่ได้เข้าไปคุย เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านผู้หญิงคนนี้มักจะตั้งแง่กับเขาเสมอ จะเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมเบียร์หนึ่งโหลถูกนำมาเสิร์ฟ เธอดื่มทีละขวดดื่มไปส่งข้อความเสียงไป“อย่าทิ้งฉันไปได้ไหม?”“ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ”“เหตุผลคืออะไร เราคบกันมาตั้งหลายปี อยากเลิกก็เลิกงั้นเหรอ?”“อ๊ากกก..ตอบสิ อย่าเมินใส่ฉัน”…… ยิ่งร้องไห้ เธอก็ยิ่งเศร้า และยิ่งดื่มหนักขึ้นไปอีกยิ่งดึก จำนวนแขกยิ่งค่อย ๆ เพิ่มขึ้นชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามาเมื่อเห็นหลินโหรวเมาแอ๋นั่งคุยกับตัวเอง พวกเขาก็ตาลุกวาวทันทีพวกเขาพร้อมใจกันเดินเข้าไป“น้องสาว เธอเมาหรือเปล่า?”“อยู่คนเดียวข้างนอกมันอันตราย ให้พี่ ๆ ไปส่งบ้านดีกว่า”หลินโหรวกะพริบตา "ไสหัวไป ไอ้โสโครก น่าขยะแขยง"ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนไม่ได้โกรธ พวกเขาหัวเราะและพยายามดึงหลินโหรวขึ้นมาเพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!วินาทีต่อมา พวกเขาทั้งสามถูกขวดเหล้าฟาดไปที่ท้ายทอย หน้ามืดเป็นลมหมดสติทันที
คำพูดยั่วยุของหลินโหรวได้ผลอย่างแท้จริง เย่ซิวทนผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว ในเมื่อเธอต้องการท้าทายเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไปในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็ได้ปลูกฝังทัศนคติและมุมมองชีวิตที่ถูกต้องให้กับเธอด้วยสิ่งที่เธอเคยเชื่อถือมาก่อนนั้นบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไป สำหรับหลินโหรวที่เป็น ‘ผู้ป่วยขั้นวิกฤติ’ แบบนี้ ต้องได้รับการรักษาด้วยยาแรงเท่านั้นและเพราะเหตุนี้ เย่ซิวจึงทำให้เธอกลับมาในทิศทางที่ถูกต้องเธอเพิ่งจะได้รู้ว่า ความสัมพันธ์ปกติระหว่างชายหญิงนั้นเป็นแบบนี้เองเย่ซิวมองดูเวลาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วเวลาที่เขานัดกับไป๋อวี้เจี๋ยคือสี่ทุ่มครึ่ง หลินโหรวที่เหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวได้หลับสนิทไปแล้ว เย่ซิวจึงออกจากห้องไปโดยไม่รบกวนเธอ ที่นี่ปลอดภัยและสะอาดดี ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดปัญหาอะไรเย่ซิวขับรถออกจากโรงแรมและมาถึงที่พักของไป๋อวี้เจี๋ยตามเวลาที่นัดไว้ แต่เมื่อเขามาถึงหน้าประตู กลับพบว่ามีรองเท้าผู้หญิงอีกคู่หนึ่งวางอยู่ กลิ่นบางอย่างที่ลอยในอากาศทำให้เขารู้ทันทีว่าเป็นของใครเขากดรหัสเปิดประตูด้วยลายนิ้วมือ จนเกิดเสียงติ๊ดดังขึ้นพร้อมกับที่ประตูเปิดออก
ไป๋อวี้เจี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าหน้าเย่ซิวในชุดจักรพรรดินีเต็มยศ สุดยอด ชุดที่เธอสวมอยู่คือชุดฮองเฮาที่มักเห็นในละครโทรทัศน์เย่ซิวมองเธอด้วยความตกตะลึง “สวยไหมคะ?” ไป๋อวี้เจี๋ยยืดอกอย่างภาคภูมิใจ พลางเดินมาตรงหน้าเย่ซิว “เห็นฮองเฮาเช่นข้าแล้วยังไม่รีบคารวะอีก!”ต้องยอมรับว่า ด้วยท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและบารมีจากการดำรงตำแหน่งสูงส่ง ทำให้เธอดูเหมือนฮองเฮาจริง ๆเย่ซิวดึงเธอเข้ามาใกล้ พลางตีเธออย่างมันเขี้ยว “ถ้าคุณเป็นฮองเฮา งั้นผมก็คงเป็นฮ่องเต้แล้วสิ”ไป๋อวี้เจี๋ยครางออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณไม่เคยอยากลองทำเหมือนพวกเศรษฐีระดับโลกบ้างเหรอ? คอยควบคุมประเทศเล็ก ๆ ทั่วโลกอย่างลับ ๆ แล้วรอวันที่ลูก ๆ ของคุณเกิดมา พวกเขาก็จะกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิง”เย่ซิวส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก”หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะเคยมีความคิดแบบนี้ แต่ตอนนี้เย่ซิวแข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้อีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดก็ตามเป้าหมายของเขาคือช่วยเหลือประเทศหลงเถิงจัดการศัตรูตัวฉกาจ และพัฒนาเส้นทางการบำเพ็ญเพียรไปให้ไกลกว่าเดิมไป๋อวี้เจี๋ยตอบอืมแบบรับรู้และไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก เธอเอ่ยเสียง
ขณะที่พนักงานเสิร์ฟหญิงอีกคนในร้านเดินถือชามบะหมี่เนื้อแกะร้อน ๆ เข้ามา ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเสียงเบา “เรียบร้อยใช่ไหม?”หญิงสาวตอบกลับ “ไม่มีปัญหาค่ะ ใส่ยาลงไปในบะหมี่เรียบร้อยแล้ว รับรองว่าเธอจะหมดสติแน่นอนหลังจากกินเข้าไป”ชายหนุ่มลูบคางพลางยิ้มด้วยความตื่นเต้น “รีบเอาไปเสิร์ฟเถอะ”พนักงานเสิร์ฟหญิงรับคำก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชายหนุ่มคนนี้เป็นเจ้าของร้าน เพิ่งได้รับช่วงต่อจากพ่อของเขาได้ไม่นาน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลัวอีอีได้มาสมัครงานที่นี่ และเขาก็ตกหลุมรักในความงดงามอันบริสุทธิ์ของเธอทันทีตั้งแต่แรกเห็น ทำให้เขาตัดสินใจรับเธอเข้าทำงานโดยไม่ต้องผ่านการสัมภาษณ์ใด ๆหลังจากนั้น เขาก็พยายามใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะครอบครองเธอให้ได้ แต่หลัวอีอีกลับเป็นคนระมัดระวังตัวสูง ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้จนกระทั่งพนักงานหญิงอีกคนซึ่งเคยถูกเขาเล่นจนหมดสภาพ ได้แนะนำแผนการนี้ขึ้นมา จึงได้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น“มาดูกันว่าคราวนี้เธอจะหนียังไง เธอต้องเป็นของฉัน!” เมื่อเขานึกถึงใบหน้าอันงดงามและรูปร่างอันน่าหลงใหลของหลัวอีอีแล้ว ความปรารถนาที่เขามีต่อเธอก็ปะทุขึ้นมาทันที“เถ้าแก่
ชายคนนั้นแทบอยากจะฉีกเย่ซิวออกเป็นชิ้น ๆ แต่เมื่อคิดถึงหลัวอีอี เขาก็รีบสงบสติอารมณ์ทันที เขาลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะยิ้มแหย ๆ “ผมจะกินครับ คุณอย่าเพิ่งโทรนะ”เขาฝืนความขยะแขยงและกินบะหมี่ทั้งชามรวมถึงน้ำซุปจนหมด ใบหน้าเขาสั่นนิด ๆ ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความอิจฉาทำให้เขาตามืดบอด และสุดท้ายก็ต้องรับผลแห่งการกระทำของตัวเองเย่ซิวเก็บโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะนั่งกินข้าวที่นี่อีกต่อไปแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะสำหรับเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการได้เก็บเกี่ยวหลัวอีอี“หืม?”เย่ซิวหยุดเดินกลางคัน หูขวาของเขาขยับเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยบางอย่าง ทำให้สายตาเขาหันไปมองทางห้องส่วนตัวที่หลัวอีอีอยู่ชายหนุ่มใจเต้นแรง ก่อนจะยิ้มแหยและเอ่ย “คุณลูกค้า มีอะไรเหรอครับ?”เย่ซิวไม่ตอบ เขาเดินตรงไปยังห้องส่วนตัวทันที ชายหนุ่มเริ่มตื่นตระหนก เขารีบไปขวางเย่ซิวเอาไว้ “คุณลูกค้า คุณจะมาก่อเรื่องหรือไง?”เย่ซิวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลบไป ฉันสงสัยว่านายกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายอ
ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนถือทัพพีและตะหลิวในมือ พลางจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่เป็นมิตร“ไอ้หนุ่ม แกนี่ใจกล้าไม่เบา ถึงกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ได้!”“รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่จะโดนฉันสั่งสอนให้เข็ด!”……ชายหนุ่มมั่นใจเต็มที่ คิดว่าเย่ซิวจะต้องเจอจุดจบอย่างแน่นอน แต่เพียงวินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเขาเห็นลูกน้องของตัวเองแต่ละคนถูกเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรงจู่ ๆ เขารู้สึกว่าหายใจไม่ออก เพราะถูกเย่ซิวคว้าคอเขาไว้และยกตัวขึ้นเขาถูกเย่ซิวหิ้วเหมือนลูกไก่ไปจนถึงหน้าประตูห้องส่วนตัว จากนั้นเย่ซิวก็ถีบประตูเปิดอย่างแรงเขาเดินเข้าไปด้านในพนักงานหญิงที่อยู่ในห้องส่วนตัวสะดุ้งตกใจสุดขีด เมื่อเห็นคนที่ตัวเองพึ่งพามาตลอดอยู่ในสภาพแบบนั้น ก็กรีดร้องออกมาทันทีชายหนุ่มดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่สามารถหลุดจากเงื้อมมือของเย่ซิวได้ด้านนอก ลูกค้าหลายคนแอบมองเข้ามา เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า พวกเขาต่างก็ตะลึง“โอ้พระเจ้า มีผู้หญิงสลบอยู่ในนั้น”“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”……ใบหน้าของพนักงานหญิงซีดเผือดทันที เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน หากถูกจับได้
เย่ซิววางหลัวอีอีลงบนโซฟาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเทน้ำใส่แก้วพร้อมใส่พลังวิญญาณลงไปเล็กน้อย เขาพยุงเธอขึ้นมาเพื่อป้อนน้ำให้ดื่มแต่เนื่องจากเธอยังคงหมดสติอยู่ น้ำจึงไม่สามารถไหลลงลำคอได้ เย่ซิวจึงไม่มีทางเลือก ต้องอมเอาน้ำไว้ในปากก่อน จากนั้นจึงค่อยเปิดปากของหลัวอีอีแล้วป้อนน้ำให้เธอดื่มจนหมดแก้วไม่นานนัก หลัวอีอีก็ส่งเสียงครางเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ“อย่านะ ปล่อยฉัน ไอ้คนชั่ว คนสารเลว!” เธอกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวเย่ซิวกอดร่างนุ่มนิ่มของเธอไว้แน่น “ใจเย็น ๆ ผมเอง ทุกอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”ดวงตาของหลัวอีอียังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความทรงจำของเธอหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาก่อนหมดสติ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเย่ซิว เธอจึงค่อย ๆ สงบลงและหันไปมองเขาด้วยความคุ้นเคย“เย่ซิว เป็นนายจริง ๆ ใช่ไหม? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” เย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ใช่ฝันหรอก ผมเอง”“ฮือ ๆ ๆ” หลัวอีอีร้องไห้ฟูมฟาย “เย่ซิว ศักดิ์ศรีฉันถูกทำลายไปแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้ฉันตายเถอะ”เย่ซิวยิ้มแห้ง “คุณไม่ได้ถูกทำลายอะไรเลย ทุกอย่างปลอดภัยดี”“ฮือ ๆ ๆ นายอย่
เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอ?” หลัวอีอียืดอกอย่างมั่นใจ “แน่นอนสิ แต่นายก็คงแค่มีเงินบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องถึงกับเป็นมหาเศรษฐีหรอก”เย่ซิวไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะปู่ของเธอเป็นถึงผู้ว่าการเมือง ไม่มีทางที่จะยอมให้หลานสาวไปเป็นภรรยาน้อยใครเด็ดขาด แต่เขาก็อยากแกล้งเธอเล่น จึงพูดขึ้นว่า “คุณรู้จักครีมผิวหยกไหม?”“รู้จักสิ” หลัวอีอีตอบด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นสินค้าชื่อดังของประเทศหลงเถิงเลยนะ เพื่อน ๆ ในห้องเรียนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใช้กันหมด”“ครีมผิวหยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง”หลัวอีอีหัวเราะ “เย่ซิวน้อย นี่แค่ไม่ได้เจอกันไม่นาน นายขี้โม้ขึ้นเยอะเลยนะ”เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เย่ซิวพูดมันเหลือเชื่อเกินไปจนหลัวอีอีไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเย่ซิวไหวไหล่ “ผมพาคุณไปดูที่บริษัทก็ได้นะ”หลัวอีอีกลอกตาใส่เขา ทำหน้าตาราวกับอ่านใจเขาออก “ถ้านายอยากได้ฉันก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอก ถ้านายตามจีบฉันอย่างจริงใจ ฉันอาจจะยอมเป็นแฟนนายก็ได้นะ”เย่ซิวคร้านจะอธิบายต่อ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ย “คุณคงหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยไปที่บริษัท”
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ