รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ชูตงยินดีให้หักเงินเดือน ก็จะไม่อยู่ทำงานล่วงเวลาเด็ดขาดตอนนี้ทำงานล่วงเวลาไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้ายอมแพ้ ไม่เท่ากับว่าตัวเองทำงานเปล่า ๆ หรอกเหรอ?เธอหลับตา ถือแก้วน้ำไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือคลำผนังแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปบางครั้งจะเหล่ตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองพื้น แล้วเดินหน้าต่อท่าทางนี้ทั้งดูตลกและน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อเธอเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงด้วยความยากลำบากมาก วางแก้วน้ำลงบนนั้น หมุนตัวกลับแล้ววิ่งหนีไปเย่ซิวมองแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ ผู้หญิงคนนี้ในบางครั้งก็น่ารักมากปัง!โบกมือหนึ่งครั้ง ประตูก็ถูกปิด ใช้พลังวิญญาณผนึกมันไว้อีกชั้น ตราบเท่าที่เขาไม่ต้องการ ประตูบานนี้ก็จะไม่มีวันเปิดได้“กรี๊ด คุณทำอะไร!!”ชูตงกรีดร้อง บิดที่จับประตูอย่างแรง พยายามดึงมันอย่างสิ้นหวังแต่ไร้ประโยชน์ ประตูไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเย่ซิวไม่สนใจเธออีก บำเพ็ญตนกับเหมยเสี่ยวหยวนต่อทางฝั่งเขา การบ่มเพาะค่อย ๆ เติบโตขึ้นทีละนิด แต่กลับลำบากชูตง เธอต้องอดทนต่อการทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอนิจจา ออกก็ออกไปไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบไปตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง
เย่ซิวยังถ่ายทอดวิทยายุทธอันทรงพลังชุดหนึ่งให้กับพวกเขา ให้พวกเขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งของตนเองได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งสิบสามคนสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย พวกเขาตื่นเต้นมาก จนคุกเข่าลงเพื่อแสดงความภักดีเย่ซิวโบกมือ ส่งสัญญาณให้พวกเขาลุกขึ้น จากนั้นก็พูดกับหลางต้าว่า "อีกไม่นานพวกนายต้องไปออกรบกับฉัน ตอนนี้ถึงเวลาเตรียมตัวแล้วอย่างแรกคืออาวุธ ทุกคนจะต้องมีดาบอลูมิเนียมอัลลอยด์สองเล่ม และหน้าไม้กลสองคันอย่างที่สองคือชุดป้องกัน ชุดเกราะไหมทองคำจะดีที่สุดสุดท้ายคือเสบียงเสริมอื่น ๆ อาทิเช่น ยารักษาโรค ฯลฯ อีกเดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้นายหนึ่งก้อน ไปซื้อของโดยอิงจำนวนคนหนึ่งร้อยคนของเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ในยุทธภพ เพียงแค่ว่าราคาอาจค่อนข้างแพงหลางต้าขานรับ และจากไปพร้อมกับคนอื่น ๆเย่ซิวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกแฝดสี่มาความแข็งแกร่งในปัจจุบันของแฝดสี่คือจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสี่เย่ซิวมอบโอสถฟื้นฟูให้กับพวกเธอคนละสามเม็ด ช่วยพวกเธอขัดเกลาและดูดซับด้วยตัวเอง จากนั้น...ก็บำเพ็ญตนกับพวกเธอไปพร้อม ๆ กันปัจจุบันเขาอยู่ห่างจากช่วงสร้างพื้นฐานขั้นสูงส
ซ่า ๆ...เซี่ยชิงชิงกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ เธอหลับตาทั้งสองข้างลง บำเพ็ญวิชาพิษอย่างเงียบ ๆอุณหภูมิของน้ำสูงมากถึงเก้าสิบกว่าองศานี่เป็นวิธีการฝึกฝนพิเศษของเธอ เมื่อรวมกับพิษต่างๆ ที่โจมตีจากทั้งภายในและภายนอก จะสามารถเร่งความเร็วในการบำเพ็ญตนได้ขณะที่บำเพ็ญตนไปพลาง ในหัวของเธอก็หวนนึกถึงความอัปยศที่เธอได้รับจากเย่ซิวในช่วงเวลานี้ความอัปยศอดสูนี้เป็นแรงผลักดันให้เธอแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น"หึ่ง!"ทันใดนั้นก็มีเสียงหึ่งดังขึ้นที่ข้างหูแรงกดดันที่ทรงพลังและมองไม่เห็นกดทับลงมาอย่างกะทันหันเซี่ยชิงชิงถูกกดลงกับพื้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่น่าหวาดกลัวเห็นเพียงตอนนี้เย่ซิวกำลังยืนอยู่ต่อหน้าตัวเองเธอหายใจอย่างยากลำบาก อ้าปากและพยายามจะพูดออกมาแต่แรงกดดันนั้นน่ากลัวมากเกินไป ทำให้เธอพูดไม่ออกด้วยซ้ำเย่ซิวก้มมองเซี่ยชิงชิงอย่างเฉยเมย "พรุ่งนี้ฉันจะไปจากที่นี่สักระยะหนึ่ง เธอคงไม่อาศัยจังหวะที่ฉันไม่อยู่ก่อเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม?"เซี่ยชิงชิงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อต้านทานแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวนั้น "ฉัน...จะทำ...เรื่อง...แบบนั้นได้...ยั
หนึ่งวันต่อมา เย่ซิวและคนอื่น ๆ ก็มาถึงประเทศคาบูด้านหลังคือเวินหว่านเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ซึ่งการแต่งตัวของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปเย่ซิวหยิบอาวุธจำนวนมากออกมาจากแหวนผนึกของ ให้พวกเขาจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมทุกคนตกตะลึงกับความสามารถของเย่ซิวในการเสกของออกมาจากอากาศมากเย่ซิวไม่ได้อธิบายอะไร ยิ่งผู้ปกครองลึกลับมากเท่าไหร่ คนด้านล่างก็จะยิ่งเกรงขามมากขึ้นเท่านั้นหลังจากที่ทุกคนสวมอุปกรณ์แล้ว เย่ซิวก็หยิบแผนที่ออกมาและชี้ไปที่จุดที่ทำเครื่องหมายไว้สามจุด“ตาวหวัง คุณพาคนสิบคนไปเฝ้าสถานที่นี้หนานหวัง คุณพาคนสิบห้าคนไปเฝ้าสถานที่นี้หลางต้า นายนำกองกำลังหมาป่าราตรีไปเฝ้าที่นี่ไว้”นี่เป็นทางเข้าออกสำคัญสามจุดที่ประเทศคาบูใช้เพื่อออกสู่โลกภายนอก จำเป็นต้องปิดผนึกมันนอกจากนี้ยังมีสนามบินซึ่งมีกระบี่พยัคฆ์เฝ้าอยู่ เย่ซิวจะส่งคนอีกยี่สิบคนไปที่นั่นเพื่อสนับสนุนเขาเช่นนี้ข้างกายเย่ซิวก็จะเหลือคนเพียงห้าสิบคนเท่านั้นในบรรดาคนทั้งห้าสิบคนนี้ มีสามสิบคนที่รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมข่าวกรองเย่ซิวร่ายอาคมเล็ก ๆ อย่างเงียบ ๆ ลดการมีอยู่ของตัวตนของผู้คนรอบตัวลงเย่ซิวทำความเข้าใจที่ตั้งท
“ที่นี่มีสังเวียนใต้ดินอยู่ ข้างในนั้นเล่นกันถึงพริกถึงขิงมาก เงิน วัตถุโบราณต่าง ๆ หรือแม้แต่ผู้หญิงก็สามารถใช้เป็นเบี้ยต่อรองได้ถ้าคุณลูกค้าอยากเข้าไปข้างในนั้น ก็ต้องจ่ายเงินห้าล้านเหรียญคาบูต่อหัวอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเหรียญหลงเถิงและเหรียญคาบูคือร้อยต่อหนึ่ง ซึ่งเท่ากับห้าหมื่นบาทเย่ซิวชี้ไปที่กลุ่มคนที่ตามหลังเขามา "พี่น้องของผมเหล่านี้ ช่วยจัดเตรียมห้องดี ๆ และหาผู้หญิงให้พวกเขาด้วย จากนั้นพาผมไปที่สังเวียนใต้ดิน"เสี่ยวเถียนรู้สึกตื่นเต้นมาก นี่เป็นรายได้มหาศาลเลยเขารีบพาคนกลุ่มนั้นไปยังสถานที่ที่มีการตกแต่งค่อนข้างดีพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ดูดีมีระดับมากเย่ซิวมองแล้วลอบส่ายหัวสถานที่นี้ถูกสมาชิกของหอการค้าเหล่านั้นทำให้เสื่อมเสียเละเทะไปหมดแล้วชาวบ้านท้องถิ่นก็กลายเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับสร้างรายได้ให้กับพวกเขาหลังจากที่เสี่ยวเถียนจัดสรรคนที่ตามหลังเขามาเสร็จ ก็วิ่งออกมาและพาเย่ซิวไปยังจุดต่อไปแน่นอนว่าเย่ซิวไม่ได้ให้พวกเขาไปเล่น แค่แหกตาคนเท่านั้นไม่อย่างนั้นคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้มาแล้วไม่หาเรื่องสนุกทำ มันจะเป็นที่เตะตามากเสี่ยวเถียนพาเย่ซิ
ที่นั่น มีคนไม่กี่คนเดินออกมาทันใดนั้นก็มีเสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ดังขึ้นเสี่ยวเถียนก็เริ่มตื่นเต้นเช่นกัน "นั่นคือพี่หลง!"เห็นเพียงชายคนหนึ่งมีรูปร่างกำยำมาก สวมเสื้อกั๊ก คล้องโซ่ทองหนา และมีท่าทางดุร้ายเดินออกมาเกิดความโกลาหลขึ้นในทันทีเย่ซิวถามไปว่า "พี่หลงคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?"เสี่ยวเถียนพูดด้วยความนับถืออย่างยิ่ง "พี่หลงเป็นนักชกที่เก่งที่สุดในเมืองของเรา แถมเขายังใจใหญ่มากด้วย ทุกคนเคารพเขามาก"“นอกจากนี้...” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้หูของเย่ซิวแล้วกระซิบเสียงเบา “คุณเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาไหม? เธอชื่อเฉอเซียจื่อ เป็นผู้หญิงของเขา เธอสวยมาก แถมยังมีรูปร่างที่ยอดเยี่ยม มันช่าง...มันช่าง..."เขา 'มันช่าง' อยู่นาน แต่ก็พูดศัพท์ที่จะใช้นิยามเธอไม่ออกเย่ซิวสังเกตเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ พี่หลงแล้วเธอสวมแจ็กเกตหนังสีดำรัดรูป มีเรือนร่างที่ทำให้ใคร ๆ ก็ต้องเลือดกำเดาไหลเมื่อได้เห็นเธอมีใบหน้ารูปแตง มีดวงตาที่เหมือนดอกท้อ และผมลอนใหญ่ บรรยากาศรอบตัวเธอเย้ายวนมีเสน่ห์อย่างมากเย่ซิวลอบพยักหน้า ผู้หญิงคนนี้ไม่เลวจริง ๆ สามารถให้คะแนนเธอได้เก้าเต็มสิบผู้ชายเกือบ
คำพูดของโม่เค่อทำให้ผู้ฝึกวิทยายุทธหลายคนโกรธแค้นมาก แต่ไม่มีใครกล้าไปยั่วยุเขาผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป นักชกเหล่านั้นที่มีชื่อเสียงมานาน ก็ยังยืนหยัดอยู่ต่อหน้าเขาได้ไม่นานแม้ว่าเงินและผู้หญิงสวยจะเย้ายวน แต่คุณก็ต้องมีความสามารถที่จะคว้ามาด้วยบนสังเวียน ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งไปหาพี่หลงและกระซิบเสียงเบา "พี่หลง ตอนนี้ยอดเดิมพันรวมของโม่เค่อเพิ่มขึ้นเป็นหกพันล้านบาทแล้ว"ริมฝีปากของพี่หลงยกขึ้นอย่างเสียดสี "แค่พวกโง่กลุ่มหนึ่ง พอได้แล้ว ถึงเวลาเก็บแหแล้ว"วัตถุโบราณอะไร หนึ่งหมื่นล้านบาทอะไร แม้แต่ผู้หญิงสวย นั่นล้วนเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้นจุดประสงค์คือเพื่อให้คนเหล่านั้นคิดว่าโม่เค่อแข็งแกร่งมาก แล้วซื้อว่าเขาชนะรอจนกระทั่งเวลาสุกงอมดี ค่อยส่งคนขึ้นไปเอาชนะโม่เค่อ ก็จะสามารถทำเงินมหาศาลได้ภายในพริบตาเดียวเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำ แต่ไม่มีใครค้นพบอีกอย่างแม้ว่าจะพบในภายหลัง ตัวเองทรงพลังขนาดนี้ แล้วใครจะทำอะไรได้?“หืม?” ขณะที่เขากำลังจะส่งคนของตัวเองขึ้นไป เขาก็หรี่ตาลงเขาพบว่าบนสังเวียนมีคนยืนอยู่คนหนึ่งอีกฝ่ายดูเด็กมาก แถมหน้าตายังหล่อเหลากว่าตัวเองมาก
หมัดของเขาเป็นเหมือนสายฟ้าฟาด ทั้งดุร้ายและครอบงำ มาพร้อมกับเสียงหึ่ง ๆ ราวกับว่ามีฟ้าร้องออกมาจากมือของเขาจริง ๆผู้ชมทุกคนร้องอุทาน ต่างก็คิดว่าครั้งนี้เย่ซิวจะถูกทำให้พิการแน่แล้วเย่ซิวดูเฉยเมย เมื่อเผชิญหน้ากับโม่เค่อที่น่ากลัวและดูเหมือนจะไร้คู่ต่อสู้ เขากลับยกนิ้วขึ้นอย่างใจเย็นมาก"ฟิ้ว!"ปราณกระบี่พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา หัวใจของโม่เค่อกระตุกวูบ ราวกับว่าเขาเห็นสัตว์ร้ายที่แสนแข็งแกร่งกำลังพุ่งเข้ามาหาตัวเองเพียงพริบตา ความฮึกเหิมทางจิตวิญญาณของตัวเองก็มลายหายไป ร่างทั้งร่างปลดปล่อยสัญญาณว่าอยากจะหลบหนีไปจากตรงนี้แต่น่าเสียดายที่สายเกินไปแล้วปราณกระบี่แทงทะลุกะโหลกของโม่เค่อ เขาล้มลงห่างจากเย่ซิวหนึ่งเมตรจนกระทั่งเขาตาย เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้หนุ่มหน้าขาวที่ดูเหมือนจะไม่เป็นภัยคุกคามคนนี้ ถึงมีพลังที่สามารถฆ่าเขาได้ในพริบตา?ทั้งสถานที่เงียบกริบ!ทุกคนใช้สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อมองไปยังร่างสูงที่ยืนอย่างองอาจบนสังเวียนเขาแค่ขยับนิ้ว ยอดฝีมือผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณคนนั้นก็ล้มลงไปรูม่านตาของเสี่ยวเถียนขยายออก ในหัวของเขาว่างเปล่านี่มันน่าเหลือเชื่อมากเ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน