ดวงตาของชูตงกลอกไปมารวดเร็ว ก่อนจะหยิบกระดาษและปากกามาเขียนอะไรบางอย่างอย่างคล่องแคล่วจากนั้นเธอก็ยื่นกระดาษให้เย่ซิว “เพื่อความรอบคอบ ฉันคิดว่าเราควรเซ็นสัญญากันไว้ก่อนนะ จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”เย่ซิวส่ายหน้า ผู้หญิงคนนี้ช่างระมัดระวังเสียจริง เหมือนกลัวว่าเขาจะคิดร้ายกับเธอเสียอย่างนั้นเขาหยิบกระดาษขึ้นมาดู เนื้อหาในสัญญาก็ไม่มีอะไรที่ดูไม่สมเหตุสมผล เย่ซิวจึงเซ็นชื่อลงไปอย่างไม่ลังเลชูตงยิ้มออกมาอย่างดีใจ พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับเต็มไปด้วยความหวังสัญญาที่เซ็นไว้นั้นกำหนดระยะเวลาห้าปี ตราบใดที่ชูตงช่วยงานเย่ซิว เธอก็จะสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ฟรีสิ่งที่เธอคิดในตอนนั้นคือ ต่อให้เย่ซิวไม่จ่ายเงินให้เธอ เธอก็ยังสามารถหาผู้หญิงมาร่วมเช่าได้อีกหลายคนอพาร์ตเมนต์ทำเลทองแบบนี้ไม่มีทางหาคนเช่าไม่ได้แน่นอนถ้าเธอหาผู้หญิงมาร่วมเช่าสักสองสามคน คนละหมื่นห้าต่อเดือน เธอก็จะมีรายได้เสริมเดือนละเกือบห้าหมื่นบาทเลยทีเดียวพอเป็นแบบนี้แล้ว แผนการเก็บเงินซื้อบ้านของเธอก็จะสำเร็จเร็วขึ้นไปอีกเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอก็หรี่ลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยความสุข“ยิ้ม
เย่ซิวรีบวิ่งไปที่ห้องครัวด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อไปถึง เขาก็เห็นชูตงนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้องพลางกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง“เกิดอะไรขึ้น?”“มีแมลงตัวใหญ่มาก ฮือ ๆ ๆ”ชูตงซุกหน้ากับผนัง และยกมือสั่นเทาชี้ไปที่ผนังด้านหลังเย่ซิวหันไปมอง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้แมลงตัวใหญ่ที่เธอกลัวนักหนา ที่แท้ก็แค่ตุ๊กแกตัวหนึ่งเท่านั้นที่นี่ไม่มีคนอยู่มาสักพักแล้ว การมีแมลงหรือสัตว์เลื้อยคลานบ้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อเห็นดังนั้น เย่ซิวก็เกิดความคิดแผลง ๆ ขึ้น เขาตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “แย่แล้ว ตุ๊กแกกำลังคลานมาทางคุณแล้ว!”“กรี๊ดดด!!”ชูตงกรีดร้องเสียงแหลมแล้วกระโดดเกาะเย่ซิวแน่นเหมือนปลาหมึกยักษ์ร่างของเธอนุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่ทำให้เย่ซิวยิ้มด้วยสีหน้าที่ผู้ชายทุกคนจะรู้กันดี สัมผัสที่ไม่มีอะไรเทียบได้นี้ แน่นอนเขาย่อมไม่ปฏิเสธสิ่งดี ๆ ที่วิ่งเข้ามาหาเองหรอกชูตงกอดเย่ซิวแน่นนานเกือบนาที ก่อนจะได้สติกลับมาแล้วรีบผละตัวออก ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อจนแทบจะมีเลือดซึมออกมาทว่าเย่ซิวกลับแกล้งทำเป็นขึงขัง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณทำอะไรของคุณ? อยู่ดี ๆ ก็มาก
เมื่อเย่ซิวพบถังเขอเข่อ ก็เห็นว่าเธอกำลังสนทนากับทีมเทคนิคอย่างจริงจังอยู่เย่ซิวไม่ได้เข้าไปรบกวน แต่รอจนพวกเขาคุยกันเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปหา“ทำไมบอสถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ? เมื่อกี้พวกเรายังพูดถึงคุณอยู่เลย” เมื่อเห็นเย่ซิว ถังเขอเข่อก็แสดงท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัดเย่ซิวเหลือบมองเธอเล็กน้อย “คุณพูดถึงผมแบบนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องขอเงินอีกแล้วสินะ”ถังเขอเข่อหัวเราะแห้ง “บอสช่างเฉียบแหลมจริง ๆ ฉันขอยอมรับในความเฉียบคมนี้เลยค่ะ”“ว่ามาเถอะ คราวนี้ต้องการเงินเท่าไหร่? แล้วจะเอาไปใช้อะไรอีกล่ะ”แม้ว่าถังเขอเข่อจะใช้เงินเหมือนสายน้ำ แต่เธอก็ไม่เคยใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระทุกครั้งที่เธอขอเงินล้วนเป็นการลงทุนเพื่อการพัฒนาอุปกรณ์ที่ให้ประโยชน์มหาศาลแก่เย่ซิว ดังนั้นเขาจึงไม่เคยตระหนี่ดวงตาของถังเขอเข่อเป็นประกายทันที “ตอนนี้ปัญหาหลักของหุ่นยนต์ได้รับการแก้ไขแล้วค่ะ หลังจากติดตั้งแบตเตอรี่รุ่นใหม่เข้าไป เวลาทำงานต่อเนื่องก็สามารถยืดไปได้ถึงหนึ่งชั่วโมงแต่เรายังต้องวิจัยอาวุธโจมตีและอาวุธป้องกันเพิ่มเติมแผนของฉันคือการติดตั้งปืนหกชนิดให้กับหุ่นยนต์แต่ละตัว พร้อมกับดาบมังกรครองจันทร์หนึ่
“คุณรู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาที่ไว้ใจได้บ้างไหม?”เย่ซิวเพิ่งได้รับข้อมูลลับเกี่ยวกับยีนนักรบจากประเทศจ้านอิงตี้ ซึ่งเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่มีมูลค่ามหาศาลเขาต้องหาวิธีเปลี่ยนข้อมูลนี้ให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ได้ เพราะการเก็บไว้เฉย ๆ คงไม่ใช่ทางเลือกเท่าไหร่ในฐานะที่ถังเขอเข่อเป็นสาวสายเทคโนโลยีระดับหัวกะทิ เขาคิดว่าเธอน่าจะรู้จักใครสักคนในแวดวงนี้ดี“คุณถามถูกคนแล้วค่ะบอส ฉันรู้จักคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ดี” ถังเขอเข่อหัวเราะอย่างร่าเริง“เพื่อนร่วมห้องเก่าของฉันคนหนึ่งทำงานด้านยีนชีววิทยาโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้สถานการณ์เธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก่อนหน้านี้งานวิจัยหลายโครงการของเธอไม่เป็นไปตามคาด ทำให้ผู้ลงทุนถอนตัวจนหมด ตอนนี้เธอก็เลยเหมือนตกงานอยู่ แต่ความสามารถของเธอนั้นไม่ธรรมดาแน่นอนค่ะ”เย่ซิวพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นส่งข้อมูลติดต่อของเธอมาให้ผม แล้วช่วยโทรคุยกับเธอหน่อยว่าเธอยินดีจะพบผมไหม”“ได้เลยค่ะบอส เดี๋ยวฉันจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”ถังเขอเข่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนต่อหน้าเย่ซิวในอพาร์ตเมนต์เช่าธรรมดาแห่งหนึ่งในเมืองหลวงหญิงสาวสวมแว่นตาหนาเตอะอายุประมาณยี่สิบส
แต่ดาราหนุ่มหน้าใสเหล่านั้น พอมาเทียบกับเย่ซิวแล้ว แม้แต่ให้ถือรองเท้าก็ยังไม่คู่ควรแม้หัวใจของหลี่อวี่ถงจะเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงแสดงออกอย่างสุขุมและเป็นมืออาชีพ เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูต้อนรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีค่ะคุณเย่ ฉันชื่อหลี่อวี่ถง เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”เย่ซิวเดินเข้าไปในห้อง เมื่อทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะแล้วเขาก็ไม่พูดจาอ้อมค้อม แต่เข้าเรื่องทันที“คุณหลี่ ผมมีข้อมูลบางอย่างอยากให้คุณดู ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องความร่วมมือกัน”พูดจบเขาก็วางแล็ปท็อปที่เพิ่งซื้อมาใหม่ลงบนโต๊ะทันทีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ยังไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหลหลี่อวี่ถงกระพริบตาด้วยความอยากรู้ ก่อนจะหมุนหน้าจอเข้าหาตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีการเจรจาที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนเลยแต่ทันทีที่เธอเริ่มอ่านเนื้อหาบนหน้าจอ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันทีเธอนั่งหลังตรง สายตาจับจ้องที่ข้อมูลบนหน้าจออย่างแน่วแน่ ขณะที่นิ้วมือเลื่อนดูอย่างต่อเนื่องเย่ซิวจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆหากเธอแสดงท่าทีละโมบแม้เพียงน้อยนิด เขาจะทำให้เธอสลบและลบความทรงจำเกี่ยวกั
“กรี๊ดดด!”หลี่อวี่ถงกรีดร้องเสียงแหลม พลางใช้มือทั้งสองข้างปัดป่ายมั่วไปหมด ทั้งร่างเสียการทรงตัวอย่างสิ้นเชิงเย่ซิวรีบยื่นมือทั้งสองออกไปพยุงร่างของหลี่อวี่ถงไว้ทันก่อนที่เธอจะชนเข้ากับตัวเขาเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจสาวน้อยคนนี้ดูผอมบาง แต่ใครจะคิดว่ารูปร่างของเธอช่างน่าทึ่งเกินคาดหลี่อวี่ถงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงมองตำแหน่งที่เย่ซิววางมือไว้บนร่างกายของเธอ จากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องที่ดังกว่าเดิมด้วยความตกใจสองนาทีต่อมา หลี่อวี่ถงนั่งหน้าแดงก่ำอยู่ตรงข้ามเย่ซิวพลางก้มหน้าไม่กล้าสบตา ร่างกายบิดไปมาและนั่งไม่ติดด้วยความกระสับกระส่ายในฐานะสาวติดบ้านที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้ที่สำคัญคือเพิ่งพบกันได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์น่าอายขึ้น และต้นเหตุก็เป็นเพราะตัวเธอเอง ทำให้เธอยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิมแต่ลึก ๆ ในใจ กลับมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างผุดขึ้นมาเย่ซิวเป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดลงก่อน “คุณหลี่ ลองบอกตัวเลขเงินเดือนที่คุณคาดหวังและประเมินงบประมาณสำหรับการจัดตั้งห้องปฏิบัติการทางชีวภาพดูสิครับ”เ
เหล่าผู้เข้าร่วมโครงการต่างตื่นเต้นไม่ต่างจากหลีอวี่ถงก่อนหน้านี้เมื่อความตื่นเต้นของทุกคนเริ่มเบาลงแล้ว เย่ซิวจึงเอ่ยถามว่าแต่ละคนยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการหรือไม่ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง นี่คือโอกาสที่ดีและโครงการที่ยิ่งใหญ่ ใครจะอยากพลาดมันไปล่ะ?จากนั้นเย่ซิวจึงตกลงเรื่องค่าตอบแทนของแต่ละคน พร้อมกำชับให้พวกเขาโทรหาครอบครัวในทันทีตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อีกพวกเขาจะต้องติดตามเย่ซิวและเข้าสู่สภาพแวดล้อมปิดตายโดยสมบูรณ์จนกว่าจะประสบความสำเร็จในโครงการนี้ พวกเขาจะไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกเด็ดขาดส่วนเรื่องเงินเดือนนั้น เย่ซิวกำหนดให้โอนเงินสามสิบเปอร์เซ็นต์ ของเงินเดือนเข้าบัญชีครอบครัวของพวกเขา ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ จะเก็บไว้ในบัญชีส่วนตัวสำหรับเงื่อนไขนี้ ทุกคนล้วนไม่มีข้อคัดค้านเย่ซิวยุ่งวุ่นวายจนกระทั่งรุ่งสาง จึงจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นและพาพวกเขาเข้าที่พักเพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เย่ซิวแอบใช้พลังวิญญาณปรับสภาพร่างกายของพวกเขาให้แข็งแรงขึ้นห้องปฏิบัติการถูกจัดตั้งขึ้นภายในสวน
‘ฉันจะทำให้นายโดนน้ำร้อนลวกให้ตายไปเลย ไอ้ผู้ชายสารเลว’ชูตงกร่นด่าเย่ซิวในใจ ขณะเป่าชาร้อนกรุ่นด้วยริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอ“นี่ค่ะ!”หลังจากเป่าชาอยู่นานเกือบนาทีจนแก้มเริ่มเมื่อย เธอก็ยื่นถ้วยชาให้เย่ซิวพร้อมสีหน้าบึ้งตึงในใจคิดว่าถ้าเขายังกล้าบอกว่าชานี้เย็นเกินไป เธอจะสาดน้ำชาใส่หน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยโชคดีที่เย่ซิวไม่ได้พูดแบบนั้น เขารับถ้วยชามาจิบเบา ๆ ก่อนเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย ชาที่ชงโดยสาวสวยนี่มันอร่อยจริง ๆ”ชูตงกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เธอไม่เชื่อคำหวานของเขาแม้แต่นิดเดียว“มีอะไรอีกไหมคะ ถ้าไม่มีแล้วฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อน”เย่ซิวยิ้มพลางตอบ “ไปเถอะ แต่อย่าลืมสิ่งที่คุณสัญญาไว้เมื่อคืนล่ะ”ชูตงส่งเสียงหึในลำคอ “รู้แล้วค่ะ ก็แค่อาหารมื้อเดียวเอง ฉันไม่ลืมหรอกน่า”พูดจบ เธอก็สะบัดมือแล้วหมุนตัวเดินออกไปท่าทางสะบัดสะโพกไปมานั้นช่างเป็นภาพที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งเย่ซิวลูบคางพลางคิดอย่างคาดหวังเขาอยากรู้ว่าถ้าวันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ยอมคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นยังไงนะตอนนั้นเขาคงจะหยิบยกท่าทีหยิ่งยโสของเธอในวันนี้มาพูดอย่างสนุกสนานแน่ ๆตลอดทั้งวัน เ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน