“อยู่ที่…”หลังจากผู้หญิงคนนี้บอกที่อยู่ของเธอแล้ว เย่ซิวก็หักคอเธอและเดินไปหยุดตรงหน้ากษัตริย์เมื่อรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารซึ่งแผ่มาจากร่างของเย่ซิวอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนก "คุณไม่สามารถฆ่าฉันได้ ถ้าคุณฆ่าฉัน มันจะทำให้ทั้งสองประเทศเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะมีสงครามปะทุขึ้น"เย่ซิวหัวเราะ "ที่นี่ไม่มีกล้อง และทุกคนรอบตัวคุณก็ถูกผมฆ่าไปหมดแล้ว เมื่อผมจัดการคุณเสร็จ ยังจะมีใครรู้อีกล่ะว่าเป็นผมที่ลงมือ"กษัตริย์ตกใจมาก แต่ภายนอกยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ "ระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นอย่างชัดเจนต่อกัน มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันดีรึเปล่า"“นั่นก็จริง” เย่ซิวชี้ไปที่ต้นไม้ประหลาดที่อยู่ไม่ไกลนัก “บอกผมมาก่อนว่าต้นไม้ต้นนั้นมีความพิเศษยังไง”ในดวงตาของกษัตริย์ฉายแววลังเลใจแต่ทว่า หลังจากที่รับรู้ถึงเจตนาสังหารจากร่างของเย่ซิวแล้ว เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ ฉันจะพูด ฉันจะพูด"“ต้นไม้นี้ถูกพบบนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เกาะหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการศึกษาเพื่อค้นหาประโยชน์ของต้นไม้นี้ ผลไม้ที่อยู่ข้างบนน
“มันคือเซียงหลิ่วจริง ๆ!”เย่ซิวเอ่ยถึงที่มาของมันเซียงหลิ่ว คือปิศาจงูเก้าเศียร กินคนนับไม่ถ้วนและไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มันก็จะทำลายทั้งประเทศนั้นจนราบคาบนี่คือสัตว์ร้ายในตำนานโบราณที่ดุร้ายอย่างยิ่ง มีครั้งหนึ่งที่มันเคยได้ทำการสังหารอย่างไร้ขอบเขตตามตำนานเล่าว่า มีเซียนหลายคนที่ถูกกลืนหายไปในคำเดียว ต่อมาก็มีชายผู้ที่ทรงพลังมากคนหนึ่งได้ตัดหัวทั้งเก้าหัวของมันออก และปิดผนึกร่างของมันเอาไว้เย่ซิวใช้มือขวาผลักไปเบา ๆ ก็ดันร่างจวงเสี่ยวหยิงไปข้างหลัง จากนั้นระเบิดพลังตู้ม! ก็สวมชุดเกราะแล้วอ้าปากพ่นจินตานห้าสีออกมาเมื่อเห็นจินตานนี้ เซียงหลิ่วก็ตกใจมาก“ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เหตุใดยังมีคนควบแน่นจินตานห้าสีได้อีก? เจ้าเป็นเซียนโบราณท่านไหนกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นรึ?”เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมัน จึงแยกสมาธิออกเป็นสองส่วนในเวลาเดียวกันเขาควบคุมกระบี่หงส์โบยบินด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างควบคุมจินตานห้าสี ให้มันโจมตีออกไปอย่างแรงตอนนี้เจ้านี่ยังไม่แข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อยู่ที่นี่นานหลายร้อยปี มองดูแล้วแปลกมากก็จริง แต่ในความเป็นจริงเป็นการแสดงมากกว่าสองนา
สำนักแรกที่โดนท้าทายถูกจัดการอย่างง่ายดายจนสิบอันดับยอดฝีมือของสำนักแพ้หมดจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังสำนักต่อไปทันทีโดยไม่มีการหยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียวสื่อทางการของประเทศอ่ายเหรินหลายเจ้าตัดสินใจหยุดถ่ายทอดสดในประเทศตัวเองอย่างทนดูต่อไม่ไหวถ้าประชาชนไม่รู้ งั้นก็ถือว่าพวกเขายังไม่แพ้หุ่นเชิดท้าประลองกับสิบห้าสำนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และดวลกับยอดฝีมือกว่าร้อยคนโดยที่ไม่แพ้เลยสักครั้งยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ประชาชนในประเทศอ่ายเหรินต่างรู้จักดีส่วนฝั่งประเทศหลงเถิงตอนนี้แทบจะพูดได้ว่าคนทั้งประเทศต่างเฮลั่นด้วยความยินดี ความอัดอั้นใจที่เคยมีถูกเอาคืนจนหมดสิ้นส่วนสำนักที่ยังไม่ได้โดนท้าทายในประเทศอ่ายเหรินต่างก็รู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดกำลังจะมุ่งหน้ามายังสำนักของตน พวกเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาขวาง“ตอนนี้มันสองทุ่มแล้ว เราเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”พอเอ่ยจบ พวกเขาก็ไม่รอฟังว่าหุ่นเชิดจะมีปฏิกิริยาอย่างไรและรีบปิดประตูสำนักทันที แม้แต่ลูกศิษย์และเจ้าสำนักต่างก็พากันหนีหายไปหมดคำอธิบายนี้ดูสมเหตุสมผลจนไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้เย่ซิวเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร
หลังจากเย่ซิวตรวจสอบค่ายกลนี้อย่างละเอียดก็พบว่ามันมีกลไกทำลายตัวเองติดตั้งอยู่ด้วยจริง ๆถ้าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากภายนอก มันจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ภายในให้สิ้นซากแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงไม่ใช่เรื่องนี้ที่เขาตกใจเพราะแหล่งพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนค่ายกลนี้ไม่ใช่หินวิญญาณ หรือสิ่งที่มีพลังงานอันทรงพลังหากแต่เป็นเครื่องยนต์เครื่องยนต์ขนาดมหึมาที่ฝังอยู่ใต้ดินสูงกว่าร้อยเมตรและกว้างถึงห้าสิบเมตรเย่ซิวขยี้ตาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกปวดตาอย่างมากเนื่องจากต้องมองทะลวงผ่านพื้นดินและค่ายกลทำให้เขาต้องใช้พลังสายตามากจนแทบเกินรับไหว“คนพวกนี้ตัวเล็กแต่สมองใหญ่จริง ๆ ทำได้ยังไงกันนะ?”ค่ายกลควรจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากหินวิญญาณหรือแหล่งพลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานดวงจันทร์แต่สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือมันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเย่ซิวยอมรับเลยว่าเขาประเมินคนในประเทศนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ ถ้าพวกเขาสามารถคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาเองได้ก็นับว่าเหนือจินตนาการอยู่เย่ซิวสำรวจดูรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบช่องทางใด ๆ ที่จะเจาะเข้าไปได้เลยเขาจึงตัดสินใจรออยู่ที่เดิมเพื่อดูว่าจะมีใครโผล
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเด็กที่ตายจากการถูกเธอเฆี่ยนตีไปไม่น้อยหญิงหน้าตาน่าเกลียดนั่งกินอาหารพลางมองเด็กสาวไปด้วย “ไอ้เด็กต่ำต้อย ดูจากลักษณะของแกแล้วไม่น่าจะเป็นคนของประเทศอ่ายเหรินใช่ไหมแกน่าจะมาจากประเทศหลงเถิงใช่ไหมล่ะ? บอกฉันมาว่าแกมานี่ได้ยังไง?”เด็กหญิงก้มหน้าลงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน เธอดูไม่อยากพูดอะไรมากนัก แต่ด้วยความกลัวว่าจะถูกลงโทษอีกจึงเอ่ยออกมาเบา ๆ“ฉันถูกเพื่อนของพ่อจับตัวมา แล้วถูกขายมาที่นี่เพื่อเป็นลูกบุญธรรมให้คนอื่น”“อย่างนี้นี่เอง งั้นเรียกแกว่าเด็กต่ำต้อยก็ถูกแล้ว”หญิงหน้าตาน่าเกลียดหยิบขาไก่ขึ้นมาเตรียมจะกินแต่ทันทีที่ขาไก่แตะริมฝีปาก ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อไปทันทีเธอรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงที่ปกคลุมรอบตัว มันเป็นพลังที่เธอไม่อาจต้านทานได้เธอค่อย ๆ หันกลับไปด้วยความยากลำบาก แล้วก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อยืนอยู่ด้านหลัง สายตาที่เขามองเธอมาเหมือนกำลังมองมดตัวหนึ่งเย่ซิวไม่ได้เสียเวลาพูดอะไรให้มากความ “ฉันถาม เธอตอบ ถ้าพูดอะไรไร้สาระก็รอรับผลที่ตามมาได้เลย”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจอันเย็นยะเยือกทำให
เด็กหญิงมีใบหน้าคล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เย่ซิวรู้จักถึงเจ็ดส่วน ดูยังไงก็น่าจะเป็นพี่น้องกันเย่ซิวมองเธอ “ในเมื่อเธอจำได้ว่าตัวเองเคยอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงจำชื่อตัวเองไม่ได้?”เด็กหญิงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดถึงเรื่องนี้ทีไรมันจะปวดหัวอย่างหนักทุกทีเลยค่ะ”เย่ซิวเข้าใจทันที เธอคงถูกลบความทรงจำบางส่วนด้วยคาถาสะกดจิตขั้นสูงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมองและวิญญาณแบบนี้ เย่ซิวเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เขาทำได้เพียงพาเด็กคนนี้กลับไปแล้วให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยดู เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง“ตอนนี้เธอรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะพาเธอออกไปด้วยกัน ตกลงไหม?”เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเย่ซิวลุกขึ้นเดินไปที่แท่นหินกลางห้องบนแท่นนั้นมีของสามสิ่งวางอยู่ ซึ่งก็คือสมบัติล้ำค่าทั้งสามของประเทศอ่ายเหรินตามที่เฟยอวี่บอกแสงสีทองเจิดจ้าฉายผ่านแววตาของเขา ก่อนที่สมบัติสามสิ่งตรงหน้าจะเปลี่ยนไปทันทีสมบัติทั้งสามถูกห่อหุ้มด้วยไอสีทองเข้มข้นมันคือโชคชะตาของชาติโชคชะตาของชาติหมายถึงพลังศรัทธาและความผูกพันที่ประชาชนมีต่อประเทศของตัวเองยิ่งโชคชะตาของชาติแข็งแกร่ง ประเทศนั้นก็จะยิ่งทรงพลัง ต่อให้เผ
แสงเย็นวาบสะท้อนจากกระบี่ทำให้เย่ซิวรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยที่ผิวหนัง แสดงให้เห็นว่าความคมของมันไม่ด้อยไปกว่ากระบี่หงส์โบยบินเลยขณะที่เขาถือกระบี่เล่มนี้ไว้ กระบี่หงส์โบยบินที่เก็บไว้ในจุดตันเถียนของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านแต่เมื่อรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจเล็กน้อยของเย่ซิว มันก็เริ่มสงบลงบนกระบี่มีจุดแสงเจ็ดจุดที่เริ่มส่องสว่างขึ้นทีละจุดจนกลายเป็นรูปร่างคล้ายช้อนเย่ซิวเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยพลังของกระบี่เล่มนี้ จิตสำนึกของเขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ทะลุชั้นบรรยากาศขึ้นไปยังห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ซิวได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ เขารู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมากพลังจิตของเขากลายเป็นสิ่งที่เปราะบางอย่างมากในห้วงอวกาศนั้นหากไม่ได้รับการปกป้องจากพลังของกระบี่ดาวตก จิตสำนึกของเขาคงพังทลายและเขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสเย่ซิวไม่กล้าอยู่นานจึงรีบกลับเข้าร่างตามเส้นทางเดิมทันทีเมื่อจิตสำนึกย้อนกลับมา เย่ซิวก็ก้มมองกระบี่ในมือด้วยความประหลาดใจ “กระบี่เล่มนี้สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดดวงได้ น่าอัศจรรย์จริง ๆ”สำหรับเย่ซิวแล้ว กระบี่เล่มนี้มีคุณค่าไม่ด้อยไป
“นายท่าน ท่านต้องการลูกศิษย์ไหมขอรับ? ดูข้าสิ ทั้งว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง ซื่อสัตย์เป็นที่สุด ท่านจะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอมทำทุกอย่างเลยขอรับ”เมื่อครู่นี้ยังดูน่าเกรงขามราวกับจอมมารอันดับหนึ่งของจักรวาลอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นคนประจบสอพลอราวกับลูกหมาตัวน้อยทันทีสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมมารของแท้จริง ๆ นิสัยและการกระทำลไม่เหมือนคนทั่วไปเลยสักนิดเย่ซิวส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่อยากเสียเวลาไปกับหมอนี่มากนัก “พูดมาสิว่าเจ้าธงหมื่นวิญญาณนี่มันมีประโยชน์อะไร?”“นี่มันสุดยอดสมบัติเลยนะ!” จอมมารโลหิตตื่นเต้น “พลังและระดับของเจ้าธงนี่ขึ้นอยู่กับจำนวนวิญญาณที่เก็บสะสมไว้ได้ ยิ่งเก็บได้เยอะ ก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นหากสะสมวิญญาณระดับอมตะได้ถึงหมื่นดวงล่ะก็ มันคงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว รับรองเลยว่าแค่ปล่อยออกมาทั้งหมดทีเดียว ประเทศระดับกลางจะถูกกวาดล้างหายไปได้ในวันเดียว”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเพ้อฝันเย่ซิวรู้สึกขำเล็กน้อย “นายฝันกลางวันอยู่หรือเปล่า ตอนนี้อย่าว่าแต่ระดับอมตะเลย ขนาดระดับจินตานในโลกทั้งใบนี้ก็มีแค่ฉันคนเดียว ระดั
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน