Share

บทที่ 8

Penulis: เฉิงกวงโฮ่วถู่
อาจเป็นเพราะไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงลืมเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้

เย่ซิวถึงกับคอแห้ง เขาละสายตาไปมองอย่างอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก

แต่ในขณะเดียวกันเขากลับลุกขึ้นนั่งสมาธิและเริ่มฝึกพระสูตรราชาแห่งยา

เมื่อหกเดือนที่แล้วเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ระดับเก้าและเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบพันปี

ตามที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ ระดับที่สูงกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือเป็นคนละโลกกันอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าเย่ซิวจะฝึกฝนมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้้นได้

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมาและเริ่มทำอาหาร

ไม่นานนัก กลิ่นหอมก็โชยออกมา

เย่ซิวหยุดฝึกฝนและเดินไปที่ห้องครัว

จึงได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำอาหารอย่างจริงจัง

ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมาก

หลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีและน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัย

ปกติเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชีวิต

"พี่เย่ ทำไมพี่มาที่นี่ได้ล่ะ ห้องครัวมีเต็มควันเต็มไปหมด พี่ไปรอข้างนอกเถอะ"

เย่ซิวส่ายหน้า "ไม่เป็นไร ตอนนี้เธอไม่ได้เรียนหนังสือแล้วเหรอ?"

สีหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นมืดลง "ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเจียงเฉิงได้แล้ว แต่..."

ถึงแม้เธอไม่พูดต่อแต่เย่ซิวก็รู้เหตุผล

เย่ซิวแอบคิดในใจว่าเมื่อเขาได้รับเงินสองร้อยล้านหยวนของเขา เขาจะสามารถนำเงินบางส่วนไปชำระค่าเล่าเรียนให้กับหลิ่วเมิ่งอิ๋นได้

ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ควรค่าที่จะได้รับการศึกษาที่ดี

หลิ่วมู่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก เขายังไม่สามารถทานอาหารที่มันเยิ้มได้

หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงป้อนโจ๊กเนื้อไม่ติดมันให้เขา

ท่ามกลางมื้ออาหารเย็น หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปิดเบียร์สองกระป๋องและแบ่งให้เย่ซิว

"พี่เย่ ฉันนับถือพี่ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อ"

หลังจากพูดจบเธอก็หยิบเบียร์ขึ้นมา แล้วเงยหน้าเทเบียร์เข้าปาก

เย่ซิวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มเบียร์ไม่เป็น

ก่อนที่เย่ซิวจะทันห้ามเธอได้ เธอก็ดื่มไปแล้วครึ่งกระป๋อง

เธอเรออย่างหนัก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาอดเอ็นดูเธอไม่ได้

"ถ้าดื่มไม่เป็นก็อย่าดื่ม"

"ไม่เป็นไร วันนี้ฉันมีความสุขมาก" หลิ่วเมิ่งอิ๋นคีบอาหารจากจานให้เย่ซิว "ลองหอยนางรมพวกนี้ดูสิ"

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารแสนอร่อยจากฝีมือของหลิ่วเมิ่งอิ๋น

เย่ซิวพยักหน้าขณะรับประทานอาหาร "ฝีมือทำอาหารของเธอน่าทึ่งมาก ต่อไปใครได้แต่งงานกับ เขาคนนั้นคงรับได้พรที่ยิ่งใหญ่จากสวรรค์แน่"

ดวงตาของหลิ่วเมิ่งอิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ภายในใจจึงรู้สึกเขินอาย เธอมองไปที่เย่ซิวและกระซิบ "พี่ชาย พี่... มีแฟนหรือยัง?"

เย่ซิวส่ายหน้า "ฉันไม่มีหรอก"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกเบิกบานใจเป็นที่สุด

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เมา

เย่ซิวเรียกเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีทีท่าตอบกลับ เขาจึงอุ้มเธอเข้าห้องนอน

ในตอนนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ ที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เธอหลับตาแน่น ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย

ผิวของเธอมีสีขาวราวกับหิมะ นุ่มนิ่มราวกับเยลลี่น่าลิ้มลอง

ระลอกคลื่นก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเย่ซิว เลือดในกายสูบฉีดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เขาค่อย ๆ วางหลิ่วเมิ่งอิ๋นลงบนเตียง คลุมผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอกาสเอาเปรียบเธอได้ แต่เขาก็ทำไม่ลง

ท้ายที่สุดเขาก็งีบหลับไปในห้องนั่งเล่น

เขาตื่นขึ้นในเวลาหกโมงเช้า

สิ่งแรกที่ทำคือการเปิดโทรศัพท์รุ่นเก่าของตัวเอง เพื่อตรวจดูว่าเงินเข้าบัญชีแล้วหรือยัง

"ยังอีกเหรอ?" เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เงินถูกโอนตั้งแต่บ่ายวานนี้ รออีกสักหน่อยแล้วกัน"

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เขาก็ฝังเข็มให้หลิ่วมู่อีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่วิชาวิญญาณสิบสามเข็มแต่เป็นเพียงการฝังเข็มง่าย ๆ เพื่อการพักฟื้นเท่านั้น

"ขอบคุณมาก ผู้มีพระคุณ" หลิ่วมู่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เขารู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด

เย่ซิวโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ "คุณลุงไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก การรักษาคนเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว"

หลิ่วมู่มองไปยังเย่ซิว ยิ่งมองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น

"พ่อคะ พี่เย่"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นผลักประตูเข้าไปและเอ่ยเรียกเสียงสดใส

หญิงสาวรู้สึกเขินอาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศสุก เธอไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเย่ซิว

เมื่อคืนเธอเมาจริง ๆ ทั้งยังตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองด้วย

เห็นได้ชัดว่าเป็นเย่ซิวที่อุ้มเธอเข้ามา

เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอเขินอายมากขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย

หลิ่วมู่หัวเราะ "ลูกสาวของพ่อตื่นแล้ว รีบไปทำอาหารเถอะ"

"อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ"

ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ เห็นได้ชัดว่าอาการของหลิ่วมู่กำลังฟื้นตัวได้อย่างดีมาก ใบหน้าของเขามีเลือดฝาดไม่ซีดเซียวเหมือนก่อนแล้ว

สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกขอบคุณเย่ซิวมากยิ่งขึ้น

หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่ซิวได้เขียนสูตรเสริมอาหารให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น

"กินอาหารตามนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนก็จะหายเป็นปกติแล้ว"

หลังจากพูดจบเขาเอ่ยว่า "ผมควรไปได้แล้ว"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกกระวนกระวายใจ "พี่เย่ คุณจะไปไหน?"

"ไปมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง" เย่ซิวลูบหัวเธอ "อาการของพ่อเธอไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องไปเรียนเสียที ส่วนเรื่องค่าเรียนฉันให้เธอยืมก่อน แล้วเธอค่อยจ่ายคืนในภายหลัง"

เขาไม่ได้บอกว่าจะให้เธอไปเฉย ๆ

ผู้หญิงคนนี้อาจดูเหมือนอ่อนแอ แต่ศักดิ์ศรีในตนเองของเธอนับว่าแข็งแกร่งมาก

หลิ่วเมิ่งอิ๋น กัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย "ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้?"

เย่ซิวพูดติดตลก "เพราะฉันอยากหลอกให้เธอไปทำหน้าที่ภรรยาให้ฉันไงล่ะ"

ใบหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา "ก็เอาสิ"

"อะไรนะ?" คำพูดนั้นเบาเกินไป เย่ซิวจึงได้ยินไม่ชัดเจนนัก

"ไม่ ไม่มีอะไร…" หลิ่วเมิ่งอิ๋นส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"เอาล่ะ ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อย"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรีบยื่นโทรศัพท์ให้เย่ซิวอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น เย่ซิวก็จากไป

หลิ่วเมิ่งอิ๋น มองตามแผ่นหลังของเย่ซิวด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

เย่ซิวเดินมาถึงที่ป้ายรถเมล์และมองหาเส้นทางไปยังมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง

วันนี้ดูเหมือนบนถนนรถจะหนาแน่นเป็นพิเศษ การจราจรจึงติดขัดกว่าปกติ

เย่ซิวหันหลังให้กับถนน เขากำลังดูเส้นทางเดินรถเมล์อยู่

เอี๊ยด!

รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเบรกอย่างกะทันหัน จนยางเสียดสีกับพื้นถนนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น

กระจกรถถูกเลื่อนลงมา ชายคนหนึ่งสูบบุหรี่พลางเอ่ยว่า "วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ นายน่าจะมาฉลองวันเกิดกับคุณปู่ของฉันนะ"

คิ้วของเย่ซิวกระตุกเล็กน้อยขณะที่เขามองดูเส้นทางรถเมล์

เขาจำเจ้าของเสียงได้ นี้คือเสียงของจ้าวเฟิง

ภายในรถหรู มีเสียงส่งเสน่ห์ดังขึ้น "ครั้งนี้ นายน้อยเตรียมของขวัญอะไรให้คุณปู่เหรอ?"

จ้าวเฟิงหัวเราะ "ฉันจะบอกเอาไว้เลยนะ เมื่อวานมีคนโง่ขายหุ้นห้าเปอร์เซ็นของเขาให้พ่อของฉัน

หุ้นมีมูลค่าถึงสองร้อยล้านหยวนเชียวนะ แต่หลังจากโอนเงิน ฉันก็โทรไปยกเลิกกับธนาคาร อ้อ! เมื่อวานได้เงินสองร้อยล้านหยวนมาฟรี ๆ พวกเราไปร้านขายโบราณวัตถุกันดีกว่า คราวนี้จะซื้อโบราณวัตถุราคาหลายสิบล้านให้ปู่ก็แล้วกัน เขาจะได้มีความสุข!"

เย่ซิวหันกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย และรถสปอร์ตคันนั้นก็แล่นออกไป

เมื่อรถสปอร์ตหายไปจากสายตา ใบหน้าของเย่ซิวก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นเยือก

"เยี่ยมเลย ขนาดฉันยังใช้ชีวิตมีแบบแผน แต่นายกลับใช้ชีวิตอย่างประมาทเสียจริง!"

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซี่ยเจี๋ย

เขาจำเป็นต้องรู้ว่าปู่ของจ้าวเฟิงฉลองวันเกิดที่ใด

หลังจากขอที่อยู่มาแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต เลือกซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่งหลังจากบรรจุลงกล่องของขวัญแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองทันที

ในอีกด้านหนึ่งเซี่ยเจี๋ยวางสายโทรศัพท์และพูดอย่างครุ่นคิดไปว่า "ผู้มีพระคุณของฉันไปแสดงความยินดีกับจ้าว จางเหอในวันเกิดของเขาด้วย งั้นฉันก็ต้องไปที่นั่นเหมือนกัน!"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1356

    เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ การป้องกันร่างจำแลงกระดูกขาวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ สามารถทนรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากผู้บำเพ็ญตนระดับรวมกายาขั้นสูงได้แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเฉินอิ๋งอิ๋งไม่ได้ใช้สมบัติเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นคงจะต้านไม่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเฉินอิ๋งอิ๋งไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอรู้อยู่เต็มอกว่าในครั้งก่อนที่อยู่ในคุก เย่ซิวได้รับสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งมาแถมของสิ่งนั้นยังมีคุณสมบัติข่มพลังของเธอโดยตรง ถ้าเอาออกมาใช้ เธออาจจะกลายเป็นเสียเปรียบเสียเองหลังจากร่างกระดูกขาวถูกทำลายครั้งที่สอง เฉินอิ๋งอิ๋งก็เหงื่อชุ่มตัว หายใจแรงไม่หยุดการโจมตีต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงทำให้เธอเสียพลังไปมหาศาลแต่เย่ซิวยังยืนอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอกัดฟันแน่น “ไอ้เต่าหดหัว มีปัญญาก็สู้กันซึ่ง ๆ หน้า มัวแต่ตั้งรับแบบนี้จะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไงกัน”เย่ซิวไม่หลงกล แถมยังไม่โกรธเลยสักนิด “ฉันเป็นผู้ชายจริงไหม เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแทบจะทนไม่ไหว ผู้ชายคนนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้วเดิมทีเฉินอิ๋งอิ๋งคิดว่าตลอดหลายปีท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1355

    ในช่วงสามวันแรก เย่ซิวฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก จนกระทั่งเที่ยงของวันที่สี่หลัวเวยเวยเองก็ได้รู้เรื่องการท้าสู้ของเฉินอิ๋งอิ๋ง จึงตั้งใจจะช่วยเย่ซิวฝึกฝนด้วยแต่เธอบอกว่าช่วงสองวันนี้จำเป็นต้องลงไปเสริมผนึกที่ก้นสำนัก เลยช่วยอะไรไม่ได้เย่ซิวเลยถามว่าผนึกอะไรปรากฏว่าร้อยกว่าปีก่อน สำนักอวิ้นหลิงเคยถูกฝูงปีศาจโจมตีครั้งใหญ่ แม้สุดท้ายจะสามารถปราบพวกมันได้หมดแต่ว่าซากศพและกระดูกของพวกมันจำเป็นต้องหาวิธีจัดการไม่สามารถทิ้งขว้างได้ตามอำเภอใจ เพราะจะทำให้พื้นดินปนเปื้อน หากสัตว์ธรรมดาไปแตะต้องเข้าก็อาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกันดังนั้นจึงทำได้แค่กดพลังซากกระดูกเหล่านี้ไว้ใต้ดินของสำนักและในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องลงไปเสริมผนึกใหม่ทุกครั้งพอได้ยินแบบนี้ เย่ซิวก็ดีใจสุด ๆนี่มันเหมือนมีคนยื่นหมอนให้ตอนง่วงพอดีเลยไม่ใช่เหรอ?จะได้ใช้กระดูกพวกนั้นมาเพิ่มพลังให้คัมภีร์หมื่นกระดูกของเขาพอดีทั้งเป็นการแก้ปัญหาภัยเรื้อรังที่สำนักอวิ้นหลิงมีมาอย่างยาวนานทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันของตนได้อย่างมากเมื่อถึงเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1354

    เฉินอิ๋งอิ๋งโคจรพลังปราณในร่างเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว รอยบุ๋มที่หน้าอกก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม เธอจ้องเย่ซิวด้วยสายตาแข็งกร้าว “ได้ วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน อีกห้าวันค่อยกลับมาสู้กันใหม่”เย่ซิวเก็บเข็มทิศ “ถ้ามาอีก ฉันจะซัดเธอให้ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลยคอยดู”เฉินอิ๋งอิ๋งรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ยิ่งได้ยินก็ยิ่งโมโห แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาต่อปากต่อคำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีเย่ซิวเองก็กลืนโอสถลงไปบางส่วน เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นและเริ่มฟื้นฟูบาดแผลเงียบ ๆการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับเขาก็มีประโยชน์ไม่น้อยทำให้พัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองมากขึ้นไม่นานนัก เฉินเยียนจือก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพห้องรับแขกที่พังยับเยินก็อดตกใจไม่ได้ “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วผลเป็นยังไงบ้าง”“ถือว่าเธอชนะไปนิดหน่อยก็แล้วกัน” เย่ซิวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ต้องห่วง เธอเก่งกว่าฉันไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายล่ะก็ คนที่ชนะต้องเป็นฉันแน่นอน”แม้เฉินอิ๋งอิ๋งจะมีพลังบำเพ็ญตนสูงกว่าเย่ซิว แต่ในเรื่องทักษะการต่อสู้กับไพ่ตายก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้เลยอย่างน้อยเย่ซิวก็ยังมีของอีกมากที่ยังไม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1353

    อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็วในทันทีเย่ซิวยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ลองว่ามาสิว่าฉันทำเกินไปตรงไหนกันแน่? ระหว่างฉันกับเธอ ใครกันแน่ที่เกินไป ฉันช่วยชีวิตเธอด้วยเจตนาดีแท้ ๆ แต่เธอกลับตอบแทนฉันด้วยการหักหลัง”“ทั้งที่นายมีพลังขนาดนั้น พรสวรรค์ก็สูง ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?” เฉินอิ๋งอิ๋งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก“ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้สำนักหมื่นพุทธะกับสำนักผลึกแก้วโดนเล่นงานจนเละ อย่างน้อยก็อีกหลายร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแก้แค้นแล้ว”“ฉันบอกให้เธอไสหัวไป ได้ยินไหม?!”ท่าทีแบบนี้ของเฉินอิ๋งอิ๋งทำให้เย่ซิวยิ่งรู้สึกไม่พอใจเฉินอิ๋งอิ๋งแค่นเสียงหึ “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายหรอกนะ ในเมื่อฉันถูกใจนายแล้ว ยังไงก็ต้องเอานายมาให้ได้!”พูดจบ กลิ่นอายพลังระดับรวมกายาขั้นสูงก็ระเบิดออกจากร่างของเธอทันทีเปลือกตาของเย่ซิวกระตุกเบา ๆ พลังผู้หญิงคนนี้เพิ่มขึ้นได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากจะต้องสู้กันตรง ๆ ก็ใช่ว่าจะแพ้ โดยเฉพาะเมื่อเขาฝึกวิชาของสำนักวัชระมา ซึ่งสามารถข่มพลังของสำนักศตะบุปผาได้โ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1352

    มีผู้อาวุโสบางคนพยายามใช้อาคมขับไล่ แต่ก็ไม่ได้ผล ได้ยินมาว่าทั้งแคว้นต่างก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหายวับไปปรากฏตัวที่ที่พักของเฉินเยียนจือเธอกำลังฝึกอาคมอยู่ในเรือน ตั้งใจฝึกอย่างจริงจังจนเหงื่อซึมทั่วร่างเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ทันที ปลดปล่อยพลังระดับสูงออกมา ก่อนจะตบฝ่ามือลงไปที่เฉินเยียนจือพร้อมกับแสร้งหัวเราะว่า “สาวน้อยที่ไหนกันเนี่ย มาให้ฉันชิมหน่อยสิ”เฉินเยียนจือตกใจไปหนึ่งจังหวะ แต่ไม่นานก็ใจเย็นลง นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว แต่ยังอ้าแขนออก ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะให้เขาแตะต้องเต็มที่ฝ่ามือของเย่ซิวหยุดลงก่อนจะสัมผัสตัวเธอ เขาถอนพลังกลับแล้วคืนรูปลักษณ์เดิม ก่อนจะดันร่างเธอไปจนชิดมุมกำแพง “รู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”เขานึกว่าวิชาอำพรางของตัวเองแนบเนียนแล้ว เฉินเยียนจือเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ไม่น่าจะดูออกเฉินเยียนจือยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ฉันรู้จักนายดีขนาดนั้น จะจำผิดได้ยังไงกัน แค่ใช้สัญชาตญาณก็ดูออกแล้วล่ะ ฉันเก่งไหม มีรางวัลให้ฉันไหม”ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังเย่ซิวแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว “เธออยากได้รางวัลแบบไหนล่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1351

    การบุกโจมตี อาวุธป้องกันร่างกายมีครบแล้ว แต่ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือของป้องกันจิตวิญญาณเย่ซิวค้นหาในแหวนผนึกของของตัวเองอีกครั้ง แล้วก็หยิบเอาสมบัติเวทมนตร์ออกมาอีกสิบกว่าชิ้น แจกให้สิงโตหยกขาวตัวละสองชิ้นชิ้นหนึ่งไว้สำหรับป้องกันจิตวิญญาณ อีกชิ้นหนึ่งไว้สำหรับหลบหนีในตอนนี้พวกมันก็แทบไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกแล้ว ถ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวร่วมมือกันลงมือ แม้แต่คนระดับปฐมญาณขั้นสมบูรณ์ก็ยังรับมือไม่ไหวเย่ซิวเผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบป้ายขึ้นมา แล้วส่งเสียงผ่านจิตไปหาหลัวเวยเวยให้เธอไปยื่นคำขอเพื่อเลื่อนระดับสำนักอวิ้นหลิงจากระดับเจ็ดขึ้นเป็นระดับหกแต่หลัวเวยเวยกลับขอให้เขารออีกสักหน่อย“ทำไมล่ะ?”“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันจัดการประลองของศิษย์รุ่นเยาว์จากทั้งหกสำนักระดับเจ็ดแล้ว นายก็น่าจะรู้นี่”“ผมรู้”“การประลองครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักระดับหกขั้นสูงสุดแห่งหนึ่ง จุดประสงค์ของพวกเขาคือเลือกเฟ้นศิษย์ที่มีพรสวรรค์และพลังฝีมือสูงจากแต่ละสำนักไปฝึกฝนเพิ่มเติมอีกไม่นานก็จะเริ่มแล้ว ถ้าเรายื่นขอเลื่อนระดับในตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจได้ เพราะถ้ามองจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status