เมื่อถังอวิ้นได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเย่ซิว เธอถึงกับรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อยเธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยเจออะไรเลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้พบเห็นชายหนุ่มรูปงามมากมาย รวมถึงเจ้าชายจากต่างประเทศด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์หรือออร่าของพวกเขา ก็ไม่มีใครเทียบกับเย่ซิวได้เลยที่สำคัญเธอรู้สึกว่าเย่ซิวดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ในตอนนั้นกลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนถึงแม้ถังอวิ้นจะเป็นเพียงหัวหน้าแม่บ้าน แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่น ทำให้หยางเฟิงเปิดเผยความลับหลายอย่างให้เธอรับรู้แม้กระทั่งภาพการต่อสู้ในตอนนั้น เธอก็เคยได้ดูหลังจากได้ดูภาพการต่อสู้นั้น ถังอวิ้นก็ถึงกับตื่นเต้นจนใจเต้นแรง แม้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะเติบโตในประเทศจ้านอิงตี้แต่เธอก็ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นคนของประเทศหลงเถิง และฝันว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด“คุณผู้ชาย คุณดูคุ้นหน้ามากเลยนะคะ”หยางเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องคุ้นอยู่แล้ว ไม่นานมานี้ฉันไม่ได้เอาภาพการต่อสู้นั้นให้เธอดูหรอกหรือ?”ร่างของถังอวิ้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง ในที่สุดเธอก็นึกอ
หยางถิงถิงนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะท่านี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เมื่อเห็นเย่ซิวเดินออกมาพร้อมกับถังอวิ้น เธอก็เตรียมตัวจะลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นก็ชะงักไปเพราะเธอเห็นเย่ซิวเดินเข้าไปในห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถึงกับกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ทำให้แผลเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ในตอนนี้เธอไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ รีบวิ่งตรงไปที่ห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถือว่าถังอวิ้นเป็นเหมือนพี่สาวของตัวเอง แล้วเธอจะปล่อยให้ถังอวิ้น ‘เป็นเนื้อเข้าปากเสือ’ ไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?ขณะที่ถังอวิ้นกำลังจะปิดประตู หยางถิงถิงก็พุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่กำลังจะทำอะไร? ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหมาป่าลามกตัวนี้เข้ามาได้!”ถังอวิ้นหัวเราะและตอบว่า “ฉันกับคุณคนนี้มีเรื่องต้องพูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”หยางถิงถิงยังคงไม่เชื่อ “จะคุยเรื่องอะไรถึงคุยกันข้างนอกไม่ได้ จำเป็นต้องเข้ามาในห้องพี่ ฉันบอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรเขาคงเห็นว่าพี่ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเหมือนฉัน เลยใช้วิธีการบางอย่างหลอกล
“โอ๊ย~”หลังจากพยายามอดทนอยู่เพียงไม่กี่นาที ในที่สุดถังอวิ้นก็ทนไม่ไหวและส่งเสียงที่เธอรู้สึกว่าเป็นเสียงที่น่าอายอย่างมากออกมาเธออยากจะหาโพรงดินมุดหนีจากความอายไปเสียเดี๋ยวนั้นแต่ทันใดนั้นก็ถูกกลิ่นเหม็นฉุนกระแทกใส่จนแทบลืมตาไม่ขึ้นร่างกายของเธอถูกปกคลุมด้วยชั้นของสารสีดำหนาแน่นเย่ซิวพยักหน้า “เสร็จแล้วล่ะ คุณไปอาบน้ำให้เรียบร้อยนะ ผมจะออกไปก่อน”เย่ซิวออกจากห้องน้ำและปิดประตูให้ถังอวิ้นรีบถอดเสื้อผ้าบนตัวออกอย่างรวดเร็ว เปิดฝักบัวแล้วล้างสารสีดำบนตัวทิ้งไปเธอใช้แชมพูและสบู่เหลวขัดตัวอย่างแรงมากใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีจนไม่มีกลิ่นเหม็นหลงเหลืออยู่อีกในห้องน้ำมีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ เธอยืนมองตัวเองในกระจกเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของตัวเองตอนนี้ เธอก็ถึงกับตกตะลึงพยายามสะบัดหัวไปมาแรง ๆ ด้วยสงสัยว่าตัวเองกำลังเห็นภาพหลอนไปหรือเปล่าคนในกระจกนี้คือตัวเธอจริง ๆ น่ะเหรอ?แม้ว่าเธอจะถือว่าเป็นคนที่มีความงดงามตามธรรมชาติ แม้จะอายุสามสิบกว่า แต่ก็ยังดูเหมือนสาววัยยี่สิบกว่า ๆ แต่ก่อนหน้านี้ตรงหางตาของเธอก็เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ขึ้นบ้างแล้วทว่าตอนนี้ไม่เพียงแค่ริ้วรอยหา
เหมือนกับที่คนโบราณเรียกว่าดอกบัวทองสามนิ้ว เล็กกะทัดรัดน่ารักทำให้คนที่เห็นอยากจะถือไว้ในมือและสัมผัสมันให้เต็มที่ลมหายใจของถังอวิ้นเริ่มกระชั้นขึ้นเพราะเย่ซิวจับข้อเท้าที่บาดเจ็บของเธอร่างกายเธอเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อต จนอดไม่ได้ตัวสั่นเล็กน้อยเย่ซิวคลำกระดูกของเธอแล้วพูดว่า “กระดูกเคลื่อน เดี๋ยวผมช่วยจัดให้เข้าที่ อาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่ทนเอาหน่อยนะ”ถังอวิ้นพยักหน้าขานรับอืม มือทั้งสองข้างจับผ้าปูที่นอนแน่นกร๊อบ!เสียงกระดูกดังลั่น เย่ซิวจัดกระดูกให้กลับเข้าที่มันเจ็บก็จริง แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่ถังอวิ้นทนได้จากนั้นก็เป็นที่แขนเย่ซิวเลิกแขนเสื้อของเธอขึ้น พบว่ามีอาการบวมแดงอาการของแขนค่อนข้างหนัก เขาใช้เวลาสักพักในการจัดกระดูกให้กลับเข้าที่ถังอวิ้นอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่มันน่าอัศจรรย์มาก! ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันข้อเท้าพลิก ต้องไปโรงพยาบาล ถ่ายเอกซเรย์ ใส่เฝือกนอนโรงพยาบาล อย่างน้อยก็หนึ่งเดือนถึงจะหาย”เย่ซิวพูดว่า “โรงพยาบาลส่วนใหญ่มักจะหาทางเอาเงินจากคุณให้ได้มากที่สุด ถ้ารักษาได้ด้วยเงินหนึ่งแสน เขาก็จะไม่ยอมได้รับแค่เก้าหมื่น”ถังอวิ้นพยักหน้าอย่างเห็นด้ว
“หลานสาวของคุณมีพรสวรรค์มากกว่าที่คุณคิด ถ้าให้ผมเป็นผู้ฝึกสอนเธอ รับรองว่าภายในห้าปีเธอจะก้าวเข้าสู่ระดับจินตานอย่างแน่นอน”คำพูดนี้สำหรับหยางเฟิงเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก“คุณเย่ เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?!”“แน่นอนครับ” เย่ซิวพยักหน้า พร้อมกลืนจินตานกลับเข้าไปในร่าง จากนั้นพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากทางฝั่งของคุณแล้ว ในประเทศจ้านอิงตี้ ผมยังได้วางแผนเอาไว้อีกหลายอย่างพูดง่าย ๆ คือ ไพ่ในมือของผม ไม่ว่าจะทั้งด้านจำนวนหรือพลังล้วนเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้”ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวปิงที่กำลังจะเข้าสู่ระดับจินตานหุ่นยนต์สามตัวในมือ หรือเถียนเถียนที่ผมให้การอุปถัมภ์รวมถึงเสี่ยวไป๋ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้ปล่อยออกมาล้วนเป็นเรื่องใหญ่โตสะเทือนฟ้าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยใช้ไพ่ตายอย่างสัตว์วิญญาณกิเลนเลยยังไม่นับรวมถึงเหล่าผู้หญิงรอบตัวเขาอีกไม่ว่าจะเป็นเซี่ยซิ่วซิ่ว ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เวินหว่านเอ๋อร์ รวมถึงจอมยุทธ์ระดับเก้าอีกสิบกว่าคนและยังมีเซี่ยชิงชิง ยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญในการใช้พิษที่อยู่ในช่วงสร้างพื้นฐาน
แนบหูไปกับประตู ฟังสักครู่ และยืนยันได้ว่ามีเสียงลมหายใจอยู่ข้างในนั้นจากนั้นจึงย่อตัวลง หยิบธูปดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเมื่อจุดไฟแล้ว เธอก็สอดธูปเข้าไปทางช่องใต้ประตูในใจก็รู้สึกพึงพอใจมาก คิดว่า ‘นี่เป็นธูปมัวเมาชั้นเลิศ ต่อให้นายจะเก่งกาจแค่ไหน ถ้าไม่ทันระวังก็ต้องสลบอย่างแน่นอน คราวนี้แหละ ฉันจะจัดการนายให้สาสม!’เมื่อคิดว่าจะได้แก้แค้นในไม่ช้า หยางถิงถิงก็อดไม่ได้หลุดจะหัวเราะออกมารอประมาณห้าถึงหกนาที เธอคิดว่าน่าจะได้เวลาแล้วจึงแอบเปิดประตูหลังจากเดินเข้าไปในห้อง เธอก็ล็อกประตูตามหลังทันทีภายในห้องมืดสนิท แต่สำหรับหยางถิงถิงแล้วก็ไม่ต่างอะไรไปกับตอนกลางวัน สายตาของเธอมองเห็นเย่ซิวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงได้อย่างเด่นชัดหยางถิงถิงค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้เย่ซิวทีละก้าวเมื่อมาถึงข้างเตียง ก็เห็นว่าเขาหายใจสม่ำเสมอ ความกังวลในใจเธอจึงหมดไปเธอกัดฟันด้วยความโกรธและยกหมัดขึ้นเตรียมจะต่อยไปที่จมูกของเย่ซิว"ไอ้ผู้ชายสารเลว กล้าดียังไงมารังแกฉัน! เดี๋ยวฉันจะต่อยให้หน้าให้ปูดเลย!"หมัดของเธอพุ่งออกไป แต่เพียงครึ่งทางก็ถูกมือแข็งแกร่งข้างหนึ่งคว้าไว้หยางถิงถิงตกใจจนแทบช็อก ม
ในคืนนั้นเย่ซิวหลับสนิทและเป็นการหลับที่แสนหวานแต่สำหรับหยางถิงถิงแล้วกลับเป็นฝันร้าย เพราะเธอต้องถูกผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันนอนกอดทั้งคืนตลอดทั้งคืนเธอแทบไม่ได้นอนเลย จิตใจถูกทรมานอย่างหนักแม้ว่าเธอจะก้าวเข้าสู่ช่วงสร้างพื้นฐานแล้ว แต่พอตื่นเช้ามาเธอกลับต้องตื่นมาพร้อมกับขอบตาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัดเย่ซิวค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาและพบว่าระดับพลังบำเพ็ญของเขาเพิ่มขึ้นไปไม่น้อยเลยเมื่อเปรียบเทียบกับการบำเพ็ญตามปกติแล้ว นี่เทียบเท่ากับการบำเพ็ญอย่างหนักเป็นเวลาสองเดือนเลยทีเดียวมันเป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายจริง ๆเย่ซิวคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติทางร่างกายของหยางถิงถิงด้วยผู้หญิงที่ล้ำค่าแบบนี้เขาจะปล่อยไปได้ยังไง ต่อไปต้องฝึกฝนให้เธอเปลี่ยนแปลงไปตามแบบที่เขาต้องการอย่างสมบูรณ์“อรุณสวัสดิ์” เย่ซิวยิ้มทักทายในใจของหยางถิงถิงสาปแช่งเย่ซิวไม่เหลือชิ้นดีแต่ภายนอกเธอกลับไม่กล้าท้าทายเขาเลยแม้แต่น้อยถึงเธอจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เธอก็รู้ว่าตอนเช้าผู้ชายจะอยู่ในสภาวะที่ไม่ธรรมดาถ้าตอนนี้เธอทำให้เย่ซิวโกรธแล้วเขาทำอะไรไม่สมเหตุสมผลกับเธอขึ้นมาล่ะก็แย่แน่
ถังอวิ้นเม้มริมฝีปาก “คุณหนูอาจจะนิสัยไม่ค่อยดีนัก แต่จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เป็นคนเลวร้ายนะคะ”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วจากนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปมองถังอวิ้นวันนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงยีนยาวถึงเข่าและถุงน่องสีเนื้อดูใสซื่อแต่แฝงด้วยความเย้ายวนไปแบบสาวออฟฟิศไปพร้อมกัน“อีกไม่กี่วันผมก็ต้องไปแล้ว ในช่วงนี้คุณก็จัดการขายทรัพย์สินที่นี่ให้หมดเลยนะพยายามเปลี่ยนเป็นทองให้ได้มากที่สุด เพราะเงินของประเทศจ้านอิงตี้ใช้กับที่นั่นไม่ได้”ถังอวิ้นตอบรับเบา ๆ “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการให้ คุณผู้ชายจะทานอาหารเช้าก่อนใช่ไหมคะ”หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ถังอวิ้นก็ออกไปส่วนหยางถิงถิงยังคงอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเธอไม่กล้าออกมาหรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่เย่ซิวจึงออกไปข้างนอกคนเดียวในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ถือโอกาสซื้อของเพิ่มเติมหน่อยประเทศจ้านอิงตี้มีของราคาถูกและใช้ได้จริงมากมายอย่างเช่น อาหาร รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็นต้นตอนนี้ในสำนักโอสถยังมีคนที่สามารถซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้น้อยมากแถมและน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีจำกัดเย่ซิวจึงคิดจะซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแล
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน