เย่ซิวอุทานเบา ๆหญิงสาวตรงหน้าดูแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบหกหรือสามสิบเจ็ดปีหน้าตาของเธอจัดว่าได้สักเจ็ดคะแนน ส่วนรูปร่างสามารถให้ถึงแปดคะแนนเลยทีเดียว ดูจากรูปร่างแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิงที่เหมาะแก่การมีบุตรมากแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวประหลาดใจไม่ใช่รูปร่างของเธอกลิ่นที่ติดตัวเธอมีกลิ่นของเซรุ่มแฝงอยู่แม้ว่าเธอจะใช้กลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้นกลบกลิ่นเอาไว้ แต่ก็ยังไม่อาจรอดพ้นประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเย่ซิวไปได้อย่างไรก็ตาม เย่ซิวไม่ได้แสดงท่าทีพิรุธออกมาแม้แต่น้อย เขาเอ่ยถาม “รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ราคาเท่าไหร่?”“เรียนคุณลูกค้า รถรุ่นนี้มีระยะทางขับขี่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตร ได้รับการยกเว้นภาษีการซื้อ รวมประกันแล้วราคารวมอยู่ที่หนึ่งแสนเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทค่ะ”“ที่นี่มีของในสต๊อกทั้งหมดกี่คัน”“ในร้านมีสามสิบคันค่ะ สำนักงานใหญ่ของเราที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มีอยู่ประมาณห้าร้อยคัน”“ผมจะเอาทั้งหมด ส่งไปตามที่อยู่ที่ผมให้ไปก็พอ พวกคุณไม่ต้องจัดการเรื่องประกันและการจดทะเบียนรถ พอทำได้ไหม”ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นทันที ก่อนจะแอบกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้นคำสั่งซื้อม
เมื่อผู้จัดการสาวเห็นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายก็รีบเดินเข้ามาด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย “คุณลูกค้าคะ ฉันเป็นผู้จัดการของที่นี่ฉันติดต่อกับสำนักงานใหญ่เรียบร้อยแล้ว กรุณาชำระเงินก่อนนะคะ หากระยะทางในการขนส่งไม่เกินหนึ่งร้อยกิโลเมตร เรามีบริการส่งฟรีค่ะ”เย่ซิวยื่นบัตรให้เธอพร้อมแจ้งที่อยู่ สถานที่นั้นอยู่ชานเมือง เป็นโครงการก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างเขาเคยผ่านไปเห็นโดยบังเอิญและสังเกตว่ามีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะใช้ประโยชน์ได้หลังจากที่รูดบัตรชำระเงินเรียบร้อย ใบหน้าของผู้จัดการหญิงก็ยิ่งฉีกยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม สายตาที่มองเย่ซิวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงคนที่สามารถซื้อรถจำนวนมากโดยไม่กะพริบตาแบบนี้ต้องเป็นคนที่รวยมากแน่ ๆถ้าเธอสามารถจับเขาไว้ได้ก็ไม่ต้องทนลำบากทำงานขายแบบนี้อีกต่อไปแม้ว่าเธอจะเป็นผู้จัดการ แต่บางครั้งเธอก็ต้องยอมขึ้นเตียงกับผู้ชายแก่ ๆ และหน้าตาน่าเกลียดเพื่อให้ได้ยอดขายอยู่เสมอเย่ซิวอาจจะดู ‘ธรรมดา’ ในแง่หน้าตา แต่ดูจากอายุแล้วก็ยังหนุ่มแน่นอยู่การได้อยู่กับผู้ชายแบบนี้อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกเฒ่าหัวงูที่ทั้งตัวเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าเยอะเลยด้วยอุดมการณ์นี้จึงทำให้
พนักงานขายสาวไม่ตอบอะไร แต่ปลายนิ้วของเธอพลันยืดออกกลายเป็นเล็บที่แหลมคมราวกับมีดสั้นพุ่งตรงไปที่ศีรษะของเย่ซิวอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอพุ่งเข้าไปหายังเย่ซิวได้เพียงไม่กี่เซนติเมตร ร่างกายของเธอกลับไม่สามารถขยับได้เหมือนถูกตรึงอยู่ในโคลนลึกที่ไร้ทางหลุดพ้นดวงตาของพนักงานสาวหดเกร็งลง “ผู้มีพลังวิเศษ นายเป็นใครกันแน่? ฉันออกจากโครงการนั้นไปแล้วยังจะตามมาฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ?!”เย่ซิวรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “โครงการอะไร? เล่าให้ฟังหน่อยสิ”พนักงานสาวดูประหลาดใจอย่างยิ่ง “คุณไม่ใช่คนของพวกเขาเหรอ?”“ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายใดของประเทศจ้านอิงตี้ทั้งนั้น” เย่ซิวจ้องมองเธอ“เก็บความคิดฆ่าฟันไปก่อนแล้วมาคุยกันดี ๆ คุณดูเหมือนกำลังเจอปัญหาอะไรบางอย่าง บางทีผมอาจช่วยคุณได้นะ”เมื่อครู่ตอนที่เย่ซิวขอให้เธอติดตามเขาหนึ่งวัน แววตาของหญิงสาวนั้นมีความลังเลอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายเธอก็ตอบตกลง นั่นหมายความว่าเธอต้องกำลังเผชิญกับความลำบากบางอย่างแน่“ฉันต้องการเงินจำนวนมาก อย่างน้อยก็หลายร้อยล้าน” เธอหดมือกลับ กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว “ฉันมีหลานสาวคนหนึ่ง อายุเพิ่งจะสิบแปดปี แต่กล้ามเนื้อของเธอกำลังฝ่อและเ
พนักงานสาวไม่ค่อยเชื่อใจเย่ซิวสักเท่าไหร่ และเธอก็ไม่กล้าพาเขาไปเจอหลานสาวของตัวเองด้วยเย่ซิวเองก็ขี้เกียจอธิบายอะไรให้มากความจึงใช้พลังจิตควบคุมร่างกายของเธอแล้วเริ่มขับรถต่อพนักงานสาวตกใจจนแทบสิ้นสติ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามขัดขืนแค่ไหนก็ไม่อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของเย่ซิวได้ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็มาถึงโครงการก่อสร้างร้างที่นั่นมีคนอยู่แล้วและกำลังขนถ่ายสินค้าออกจากรถทีละคันเย่ซิวก้าวลงจากรถ ส่วนพนักงานสาวก็มีความคิดอยากจะหนีไปจากที่นี่ทันทีแต่เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะหนี แล้วยอมลงจากรถอย่างว่าง่ายเย่ซิวพูดคุยกับหัวหน้าผู้ดูแลจากฝั่งโรงงานเพื่อยืนยันจำนวนสินค้าให้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็สั่งให้พวกนั้นออกไปจากนั้นเขาก็เก็บรถทั้งหมดเข้าไปในช่องมิติของแหวนผนึกของการกระทำนี้ทำให้พนักงานสาวถึงกับตกตะลึงราวกับโลกทั้งใบของเธอถูกสั่นสะเทือนหลังจากจัดการเก็บรถเสร็จ เย่ซิวก็เอ่ยโดยไม่สนใจสีหน้าตกใจของเธอเลยแม้แต่น้อย “ไปบ้านคุณก่อนผมจะช่วยแก้ปัญหาหลานสาวคุณให้ แล้วหลังจากนั้นคุณค่อยพาผมไปที่ห้องทดลองนั่น”เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะเสริม “ผมมีวิธีมากมายที่จะบังคับให้คุ
เย่ซิวจับชีพจรของเด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวเยวี่ยไม่นานนักคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นพนักงานสาวเห็นสีหน้าของเย่ซิว ใจเธอก็พลันหล่นวูบ “เสี่ยวเยวี่ยเป็นอะไร? คุณอย่าทำให้ฉันกลัวสิ”“ร่างกายของเธอไม่ใช่อาการกล้ามเนื้อฝ่อลีบ แต่ถูกพิษ”“อะไรนะ? พิษเหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้!”เย่ซิวหันไปเอ่ยกับพนักงานสาว “ไปเอาแก้วน้ำพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งมาหน่อย”เธอรีบวิ่งออกไปทันที ส่วนเย่ซิวก็หยิบเข็มเงินออกมาเมื่อเธอเอาแก้วน้ำมาให้ เย่ซิวก็ใช้เข็มเงินเจาะนิ้วมือของเสี่ยวเยวี่ยเบา ๆ แล้วกดลงเล็กน้อยหยดเลือดสีดำไหลออกมาหยดหนึ่งพร้อมกับกลิ่นเหม็นรุนแรงที่แผ่ออกมาสีหน้าของเย่ซิวจริงจังมาก “นี่เป็นพิษร้ายแรงและมันได้ฝังลึกถึงกระดูกและระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว”พนักงานสาวโกรธจนตัวสั่น “ใครกันที่ใจร้ายขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นพวกเขา? ทำไมต้องทำร้ายเสี่ยวเยวี่ยด้วย? ถ้ามีปัญหาก็มาเล่นงานฉันสิ!”เย่ซิวลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องครัวพิษในตัวเสี่ยวเยวี่ยนั้นเป็นพิษสะสม นั่นหมายความว่ามีคนคอยลอบวางยาพิษเธออย่างต่อเนื่องปริมาณพิษที่ให้แต่ละครั้งน้อยมากจนไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิตในทันทีเย่ซิวเดินไปที่ห้องครัวและตักน้
ไม่อย่างนั้นข้อมูลที่เขาได้คัดลอกมาจากหลี่อวี่ถงครั้งก่อนก็คงเสียเปล่าเส้นทางที่สำนักโอสถจะเดินในอนาคตจะไม่เหมือนกับประเทศจ้านอิงตี้ที่สร้างสิ่งประหลาดและไร้มนุษยธรรมแต่เป้าหมายคือการพัฒนายาดัดแปลงพันธุกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์ เมื่อผสานกับวรยุทธ์และพลังภายในจะสามารถสร้างยอดฝีมือจำนวนมากขึ้นมาได้ยอดฝีมือเหล่านี้จะมีศักยภาพสูงกว่า ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ทำลายความสมดุลของธรรมชาติเย่ซิวมองไปที่พนักงานสาว “ตอนนี้เสี่ยวเยวี่ยต้องการสารอาหารเยอะ ๆ แต่จำไว้ว่าต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมากเกินไปหลังจากกินอะไรเสร็จแล้วก็ให้ไปพักผ่อน ผมจะค้างที่นี่คืนนี้ดูว่าคนที่วางยาพิษจะปรากฏตัวหรือเปล่า”พนักงานสาวรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเย่ซิวจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่และกล่าวขอบคุณเขาซ้ำไปซ้ำมาเธอวุ่นอยู่กับการดูแลจนกระทั่งถึงช่วงค่ำหลังจากเสี่ยวเยวี่ยทานอาหารเสร็จแล้วก็ล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนในห้องสำหรับคนที่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก การนอนหลับให้เพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อจัดการดูแลให้เสี่ยวเยวี่ยนอนหลับอย่างเรียบร้อยแล้ว พนักงานสาวก็หยิบชุดเปล
เย่ซิวเห็นเธอสวมชุดนอนบางเบาโปร่งใส เผยให้เห็นเรือนร่างiาง ๆ ชวนให้ใจสั่นส่วนชุดที่เธอสวมอยู่ภายใต้ชุดนอนนั้นเป็นแบบที่พบเห็นได้ในภาพยนตร์บางเรื่องเท่านั้น…ถ้าคนที่หัวใจไม่แข็งแรงมาเห็นคงเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นได้ง่าย ๆ แน่ดูเหมือนว่าพนักงานสาวคนนี้เองก็เพิ่งเคยสวมชุดแบบนี้เป็นครั้งแรกเธอดูไม่กล้าสบตาเย่ซิวตรง ๆ แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ เขากลิ่นน้ำหอมที่ผสมผสานกับกลิ่นกายของเธอลอยมากระทบจมูกของเย่ซิว ปลุกประสาทบางเส้นของเขาให้ตื่นตัวขึ้นอย่างห้ามไม่ได้พนักงานสาวเอ่ยขึ้น “ขอบคุณที่ช่วยเสี่ยวเยวี่ยนะคะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดีสิ่งที่ฉันพอจะมอบให้ได้ก็คือความบริสุทธิ์ที่รักษามานานกว่าสามสิบปีค่ะ”เย่ซิวมองเธอแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “คืนนี้ไม่ได้ คุณกลับไปพักผ่อนในห้องเถอะ ผมต้องดูว่าคืนนี้จะมีใครมาวางยาอีกหรือเปล่า”เธอเองก็รู้ว่าสิ่งสำคัญต้องมาก่อนจึงไม่เซ้าซี้อีก เธอลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับบิดสะโพกเล็กน้อยเย่ซิวนั่งหลับตาบนโซฟาอย่างสงบ ก่อนจะเริ่มบำเพ็ญอย่างเงียบ ๆเวลาผ่านไปทีละนิดจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงราว ๆ ตีหนึ่งกว่าเย่ซิวลืมตาขึ้
เย่ซิวเทน้ำลงบนมือเล็กน้อยแล้วตบใบหน้าของเธอเบา ๆ ไม่นานนัก เธอก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความมึนงงเมื่อเห็นใบหน้าของเย่ซิวและสภาพแวดล้อมรอบตัว เธอก็ยิ้มออกมา “คุณคงอดใจไม่ไหวแล้วสินะ? ฉันพร้อมให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”เธอคิดว่าเย่ซิวเป็นคนพาเธอออกมาเองเย่ซิวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังทั้งหมดหลังจากที่ฟังจบ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจ หวาดกลัว และรู้สึกผิดจากนั้นเย่ซิวจึงเอ่ยต่อ “ผมมีวิชาหนึ่งที่สามารถช่วยให้คุณควบคุมบุคลิกที่สองได้ บุคลิกนั้นจะไม่ปรากฏออกมาอีกหากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณเอง แต่ต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง”พนักงานสาวมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “ถ้ามันช่วยรักษาอาการนี้ได้ ฉันยอมรับทุกเงื่อนไขค่ะ”“เงื่อนไขข้อแรก คุณต้องสาบานว่าจะซื่อสัตย์กับผมตลอดไปข้อที่สอง อีกไม่กี่วันผมจะให้คุณพาเสี่ยวเยวี่ยไปจากประเทศจ้านอิงตี้ไปอยู่ที่อื่นกับผม และตอนนั้นผมจะตั้งห้องทดลองวิจัยชีววิทยาใหม่ขึ้นมาให้คุณเป็นผู้ดูแล”พนักงานสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอคิดว่าเงื่อนไขจะยากกว่านี้ จากนั้นเธอก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเย่ซิวให้เธอสาบานด้วยคำสาบานเลือด จากนั
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน