นรินภัทรไม่รู้เลยว่ารามิลแอบฟังอยู่ที่ประตูตรงระเบียงเสียงเธอชัดเจนจนเขาได้ยินทุกถ้อยทุกคำ ที่เธอกำลังคุยกับผู้ชาย เป็นการจีบกัน รามิลรู้สึกหึงขึ้นมาจนหน้าดำเขาก้าวขายาว ๆ ไปเปิดประตูห้อง รามิลเดินตรงไปที่ห้องของนรินภัทรก๊อก ก๊อก ก๊อก...เขาเคาะประตูห้องของเธอรัวนรินภัทรตกใจมาก เธอกลัวว่าชูใจจะตื่น หญิงสาวรีบไปที่ประตู ก่อนที่จะเปิด เธอก็คว้าร่มเอาไว้พอเธอแง้มออกไปเท่านั้นแหละ รามิลก็พุ่งตรงเข้ามาในห้อง เขารวดเร็วมาก รามิลจับร่มดึงออกจากมือของนรินภัทร“อย่ามาทำอะไรบ้า ๆ ตรงนี้นะ”“ชู่... แป้งเสียงดังไปแล้วนะ เดี๋ยวลูกจะตื่น”“บอกแล้วไงว่าห้าม! อย่าเรียกว่าลูก” นรินภัทรตาขวาง“แป้งจะปฏิเสธกี่พันครั้ง ชูใจก็เป็นลูกของพี่” เขาบีบข้อมือของเธอด้วย นรินภัทรนิ่วหน้า“ลูกที่พี่ไม่ต้องการนะเหรอ” หัวใจดวงน้อย ๆ ของหญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา“แป้ง... พี่บอกแล้วว่า พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ…”รามิลสำนึกผิด เขาคอตก ดวงตาหม่นเศร้า“มาขอโทษเอาตอนนี้น่ะนะ ในตอนที่ฉันต้องการคุณ คุณไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ ทำราวกับว่าคนไม่เคยรู้สึกดี ๆ ให้กัน ไม่เคยรักกัน”“แต่พี่ก็ยังรักแป้งอยู่”“รักเหรอ เก็บปากของคุณเอาไว้เถ
(“แหม... ถามตรงประเด็นเลยนะ พี่ชอบน้องแป้งตรงนี้แหละ ที่หนูเป็นคนพูดตรง พี่น่ะหรือ ยังหรอกจ้า วีเป็นคนเลือกมากจะตาย พ่อคนช่างเลือกน่ะ พี่คิดว่าถ้าไม่ถูกใจเขาไม่แต่งงานอีกแน่ ๆ แต่ที่พี่กล้าคุยกับน้องแป้งคราวก่อน เพราะวีเขาเอ่ยปากกับพี่ว่าเขาน่ะชอบน้องแป้ง ชอบตั้งแต่แรกเห็น เขาชอบน้องแป้งจริง ๆ”)“ค่ะ แต่ว่า... ที่แป้งคิดเยอะ คือแป้งก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้ดีกับพี่วีหรือเปล่าน่ะค่ะ”(“เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ต้องลองศึกษาดูใจกันไปก่อน เอาแบบนี้ดีไหมน้องแป้ง พี่จะให้วีไปรับน้องแป้งไปเที่ยว ไปกันแบบครอบครัว มีวี มีแป้ง แล้วก็ลูกสาวทั้งสองคน”)“ลูกสาวพี่วี ที่อายุสิบสองนะเหรอคะ” นรินภัทรกังวลเหมือนกัน เพราะเข้าสู่วัยรุ่น คิดสะระตะ อาจจะโดนสกัดได้(“ใช่จ้ะ น้องชื่อวาวา อายุสิบสองปีก็จริง แต่นิสัยยังเด็กนัก วาวาเป็นเด็กเรียนเก่ง เรียบร้อย ไม่พูดมากเจ๊าะแจ๊ะ ก็นิสัยเหมือนกับพ่อของเขานั่นแหละ จำได้ไหมล่ะว่าวาวาก็เคยมาที่ร้านผักเหมือนกัน”)“จำได้ค่ะ”(“น้องแป้งอยากไปเที่ยววันไหนดีจ๊ะ”)“พี่สายบัวคะ ช่วงนี้ยังไม่ได้ก่อนค่ะ เพราะว่าชูใจไม่สบายค่ะ”(“อ้าวเหรอ ชูใจเป็นอะไร วันนี้ที่ตลาดเขาก็คุยกั
ค่ำนั้น ติ้ง ติ้ง...(หลานอ๊บอ๊บนอนที่โรงพยาบาลนะ หลานเป็นไข้สูง)(โธ่เอ๊ย! อ๊บอ๊บเพิ่งเกิดเอง และตัวเล็กนิดเดียว) พาลน้ำตาไหล เพราะสงสารหลาน(ดีนะที่หมอรามิลมาดูให้นะ หมอบอกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วง อย่างไรอ๊บอ๊บจะดีขึ้น พี่โทรไปขอร้องหมอนะ เห็นว่าที่โรงพยาบาลเหลือแต่หมอเวร วันนี้วันเสาร์ หมอเด็กไม่มีสักคน หมอเลยมาดูให้เป็นพิเศษ)นรินภัทรคิด ‘เขาไปตอนไหน’(หมอยังเล่าว่า ไปดูชูใจมาด้วย และยังบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง)‘ถ้าเป็นแบบนี้ มีหวังรามิลเขาได้มามีส่วนร่วมในครอบครัวของเธอแน่ ๆ’(พี่ฉันกับชูใจย้ายกลับไปนอนบ้านได้หรือยัง ฉันนอนที่นี่ มันทำให้นอนไม่หลับ แล้วก็ยังทำงานไม่ค่อยได้ด้วย)(นอนไปก่อน ที่บ้านเราตรงนั้นค่อนข้างเปลี่ยว เอาไว้พี่กลับบ้านกันก่อน แกค่อยกลับไป ถ้าแบบนั้นจะทำให้พี่เป็นห่วง ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เข้าใจไหม)(อื้อ) ตอบไปแบบขัดไม่ได้นรินภัทรไม่อยากจะอยู่ที่นี่ เพราะเธอกับลูกอยู่ใกล้กับไอ้คนใจร้ายมากจนเกินไป(นี่... หมอรามิลเขาบอกว่า เขาเคยรู้จักแกมาก่อนนะแป้ง)เธอถึงกับตาแข็ง ไม่คิดว่ารามิลจะบอกพี่ชายของเธอไปแบบนั้น(ฉันไม่เคยจะจำเขาได้)(ก็เขาบอกว่า เขาเคยเรียนมหาวิทยาลัยเ
ในตอนนั้นเอง นักเขียนคนที่จ้างนรินภัทรวาดปกก็ได้ส่งข้อความมารัว ๆ ทำให้เธอต้องไปคุยงานกับนักเขียน นักเขียนต้องการจะเปลี่ยนปกที่บรีฟมาทั้งหมด เธอจึงปล่อยให้รามิลได้ใกล้ชิดกับลูกรามิลกล่อมชูใจอยู่บนเตียง น้ำตาของเขาคลอเบ้าอยู่ตลอดเวลา เขามองเด็กหญิงที่ดูดนมจากขวด และส่งสายตาคะยั้นคะยอให้เขาเล่านิทาน รามิลควักเอาสกิลการเล่าเรื่องที่เขาได้อ่านเมื่อนานมากแล้วมาเล่าให้ชูใจฟังชูใจฟังไป ยิ้มไป หัวเราะไป ด้วยท่าทีมีความสุข ไม่ได้แสดงออกเลยว่าไม่สบาย บางครารามิลก็ลอบเช็ดน้ำตา เขาทำพลาดครั้งใหญ่หลวงที่ปล่อยให้นรินภัทรหอบท้องหนีจากมา เพราะการผลักไสจากเขาพอบรีฟงานเสร็จ นรินภัทรก็ปวดหัวมาก นักเขียนคนนี้ค่อนข้างเรื่องเยอะ แต่เธอก็จะให้ทิปทุกครั้งที่ปิดงานจบ หญิงสาวปวดหัวมาก เธอเดินไปที่กระเป๋าของตัวเอง หยิบยาแก้ปวดหัวออกมากิน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ารามิลอยู่ในห้องนี้ และเขากำลังอยู่กับลูก แต่พอเธอหันกลับไปที่เตียง รามิลก็ได้กอดลูกสาว และนอนหลับอยู่เคียงคู่กันจู่ ๆ นรินภัทรก็หนาวเหน็บขึ้นมาอีกครั้ง เขาเป็นคนที่ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบลูกมาตั้งแต่ต้น เธอไม่ควรจะให้โอกาสเขา นรินภัทรเดินเข้าไปเขย่าร่างของรา
มันเป็นตราบาปในหัวใจของรามิลมาตั้งแต่วันที่เขาเอ่ยปากให้เธอไปกำจัดลูก แต่เขารู้ดีว่านรินภัทรไม่ใช่คนแบบนั้น อย่างไรเธอก็ต้องเก็บลูกเอาไว้วันที่เธอท้อง รามิลไม่มีสถานะที่จะปกป้องอะไรเธอได้ อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าแม่คิดอย่างไร ถ้ารู้ว่านรินภัทรท้อง รามิลในตอนนั้น เขาคิดอย่างเดียว เขาไม่อยากให้เธอเดือดร้อนและวุ่นวายในชีวิตมากไปกว่าที่เป็นอยู่ซึ่งรามิลยอมรับว่าเขาสับสน“พี่ขอโทษ”“ขอโทษเหรอ” เธอชูกำปั้นขึ้น“แป้งจะทุบ จะตีพี่ จะทำอะไรก็ได้นะ”“ฉันจะไม่ทำต่อหน้าลูก”“แต่ถ้าเป็นลับหลัง แป้งทำได้นี่”“อย่ามาท้านะ” สายตาของนรินภัทรอย่างเคียดแค้น“พี่ไม่ได้ท้า แต่ถ้าแป้งทำแล้วสบายใจ ก็ตามสบาย แป้งจะทุบตีพี่เหมือนเมื่อวานก็ได้”เธอจึงสังเกตเห็นร่องรอยบนใบหน้าของเขาทั้งหมด“แม่หิวข้าว แม่...” ชูใจเรียกแม่“โธ่! พอไข้ลด ก็ร้องจะกินข้าวเลย” รามิลซื้อข้าวผัดมา เขารีบเสนอ“ชูใจกินข้าวผัดไหมลูก”“ข้าวผัดอะไร”“ข้าวผัดหมู”“กิน” รามิลไม่สนใจนรินภัทร เขารีบปลีกตัวไปจัดการข้าวผัด ก่อนจะกลับมาอุ้มชูใจให้ไปนั่งที่โต๊ะทั้งผ้าเช็ดตัว เขาเริ่มป้อนข้าวลูก สาวน้อยนั่งกินไม่เกรงใจเจ้าของข้าวผัด ชูใจเคี้ยวหมับ ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“แป้งเปิดประตูหน่อย” นิมิตเรียกเสียงดัง“มีอะไรมืด” นรินภัทรรีบตอบรับ เธอเดินมาเปิดประตู แต่พอเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนิมิตก็ตกใจ‘รามิล’“คุณหมอเป็นหมอรักษาเด็ก ให้หมอดูอาการชูใจนะ ดีกว่ารอไปจนถึงตอนเย็นนะ” นิมิตเปิดประตูกว้างให้หมอก้าวเข้าไปแล้ว“ผมกลับลงไปที่เคาน์เตอร์ก่อนนะครับ ทิ้งนานไม่ได้”“ทางนี้หมอจัดการเอง” รามิลออกปากนรินภัทรไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอมัวแต่อึกอักคิดคำพูด รามิลเดินแทรกตัวเข้ามาแล้ว เสียงลิฟต์ด้านนอกดังทำให้นรินภัทรรู้ว่านิมิตลงไปแล้วนรินภัทรรีบเดินตามเขา“มีปรอทวัดไข้ไหม” รามิลตรงเข้าไปหาลูกนรินภัทรนิ่งไม่พูดอะไร ไม่ยอมขยับเท้า“พี่ถามว่ามีปรอทไหม แป้งต้องเห็นแก่ลูกก่อนนะ”เธอชั่งใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ตัดสินใจไปหยิบปรอทมาให้รามิล เขาวัดไข้ให้กับลูกไข้ของชูใจสูงมาก ใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ ดวงตาหมอง ริมฝีปากอ้าเผยอหายใจเข้าออก ตัวอ่อนปวกเปียกรามิลลุกขึ้นแล้วอุ้มชูใจไปที่ห้องน้ำ นรินภัทรวิ่งตาม“จะทำอะไรน่ะ”“ลูกตัวร้อนสูง เราต้องจับอาบน้ำก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวลูกจะชัก” นรินภัทรรีบเข้าไปช่วยเขาจัดการถอดเสื้อผ้าให้กับชูใจรามิลอุ้มลูกไปไว้ที่ใต้ฝักบั
คนที่อยู่ข้างห้องได้ยินแต่เสียงของนรินภัทร รามิลรู้สึกชื่นใจในอดีตเขารักนรินภัทรมาก รักสุดหัวใจ แต่เขาไม่กล้าบอกเธอ เพราะเขารู้อนาคตของตัวเองเขาพลาดเองที่ยอมมีอะไรกับเธอ ต้องยอมรับว่าเขาก็รักเธอแหละ ไม่อย่างนั้นคนเราจะยอมมีสัมพันธ์ทางกายกันได้อย่างไรถ้าไม่รักกันรามิลจำใจแต่งงานกับศศิตา ในระหว่างชีวิตสมรส เขามีอะไรกับศศิตาตอนเมาหนัก อยู่กันหลายปีรามิลกับศศิตามีอะไรกันแค่สามสี่ครั้งเองกระมัง รามิลพยายามหลบเลี่ยงทุกครั้งแล้วที่ศศิตาทำตัวแบบนั้น สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะเขาไม่ทำการบ้านนั่นเองชายหนุ่มได้แต่คิดว่า จะทำอย่างไรดีให้นรินภัทรยกโทษให้กับเขา โทษของเขามันหนักหนาจนเกินไป เธอต้องทนอับอาย ต้องทนแบกท้องอุ้มลูก แถมยังมีคำพูดที่ทำให้จิตใจของเธอจมดิ่งอีก เขาเป็นพ่อประสาอะไร นึกถึงตอนนั้นทีไร รามิลก็ได้แต่เสียใจ‘แป้งจ๊ะ พี่อยากบอกว่า ที่จริงพี่ก็เจ็บปวดนะ เจ็บปวดตรงนี้’ ชายหนุ่มทุบหน้าอกของตัวเอง เขาเจ็บปวดที่ต้องไปแต่งงานกับคนอื่น ทั้งที่ไม่ได้รักศศิตาที่รามิลยอมทำทุกอย่าง ก็เพราะเขากตัญญูและรักแม่‘ขอโทษนะแป้ง พี่ขอโทษจริง ๆ’เสียงกดลิฟต์และการทำงานของลิฟต์ ทำให้รามิลเดินออกมานอกห้อง
อีกห้อง รามิลกำลังเดินเป็นหนูติดจั่นชีวิตที่หมดอาลัยตายอยาก ที่ไม่เหลือใครในชีวิต เขาดีใจแค่ไหนที่มาเจอ นรินภัทรกับลูก“แป้ง พี่จะต้องได้แป้งกับลูกกลับคืนมาในชีวิต” รามิล หมายมั่นปั้นมือ“เห็นไหม ตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้ว เที่ยวเก่งเกินไปล่ะ”“แม่... ลุงหมออยากเป็นพ่อ”“อะไรนะ” นรินภัทรหัวร้อนขึ้นมาทันที เขาเป็นคนผลักไสเธอสองแม่ลูกออกมาจากเขาเอง แล้วอยากจะมาทวงสิทธิ์อะไรในตอนนี้"กินยาลูก ไข้จะได้ลด แล้วหนูจะต้องนอนนะ”“จ้ะ” เด็กหญิงทำตามอย่างว่าง่าย ยกมือขึ้นมากุมที่ขมับ “ชูใจปวดตรงนี้”“กินยานะลูก เดี๋ยวก็ดีขึ้น”ชูใจยอมกินยาอย่างโดยดี ริมฝีปากเริ่มแดงแจ๋ นรินภัทรไปหาเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวลูกไปด้วย ด้วยฤทธิ์ไข้สาวน้อยจึงหลับลงไปอีกครั้ง นรินภัทรไม่มีกะจิตกะใจทำงานเลย ใจเธอทั้งเป็นห่วงลูก แล้วอีกใจก็พะวักพะวนไปถึงรามิลเขาอยู่ในห้องที่มีแค่กำแพงกั้น ทำไมสวรรค์ถึงแกล้งเธอ ทำไมไม่ทำให้เขาตาย ๆ ไปเสีย แค่คิดน้ำตาก็ไหลอย่างไม่รู้ตัวรักมากก็แค้นมาก เธอเจ็บใจที่เขาให้ทำลายลูก นรินภัทรยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของลูก ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดที่จริงเธอควรจะหลุดพ้นไปจากเขาได้แล้ว ควรจะหมดกรรม
ผลัวะ... บานประตูที่แง้มเอาไว้อยู่แล้วถูกเปิดออก“ชูใจ” แม่เสียงกร้าว สาวน้อยรีบหันมามองแม่“แม่ตื่นแล้ว”“ใช่ แม่ตื่นแล้ว” สายตาดุมองผ่านลูกสาวไปยังอีกคน รามิลนั่งนิ่ง ใบหน้าของเขาขึ้นรอยช้ำอย่างชัดเจน“กลับห้องกับแม่”“แต่...”“ไม่มีแต่” เธอตรงเข้าไปคว้าแขนของลูกที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดึงเบา ๆ ก่อนจะช้อนร่างของชูใจขึ้นมาอุ้ม“แม่บอกว่ายังไง อย่าไปไหนตัวคนเดียว โลกนี้มันมีคนใจร้ายเยอะมากลูกรู้ไหม บางคนรู้หน้าก็ไม่รู้ใจ ไปกลับห้อง” เธอไม่สนใจทั้งนั้นว่ารามิลจะทำสีหน้าอย่างไรเขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และก้าวมาดักหน้าของเธอเอาไว้ ทั้งสองปะทะสายตากัน นรินภัทรแสยะยิ้ม หัวคิ้วของเธอขมวดจนเป็นปม“พูดภาษาคนให้รู้เรื่องหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกพี่ปั๊ม” เธอไม่ได้ขู่เขา เพราะถ้านรินภัทรบอกความจริงว่าอะไรเกิดขึ้นในตอนนั้น และรามิลพูดอะไรกับเธอ นรินภัทรเชื่อว่าพี่ชายคงจะไม่เอาเขาไว้แน่ ๆ“ก็บอกไปสิ พี่ยอมรับผิด”“คิดอะไรอยู่ มันสายไปแล้วต่างหาก” เธอเลี่ยงเขา และเดินผ่าน ทว่ารามิลกลับคว้าท่อนแขนของนรินภัทรเอาไว้“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน” นรินภัทรบิดข้อมือชูใจมองทั้งสองคนอย่างงง ๆ มองสลับใบหน้าของ