เข้าสู่ระบบพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบตึกให้เห็นแค่แสงอ่อนๆ ในตอนเช้าของวันทำงาน บนถนนขาออกจากหมู่บ้านหรู รถคันงามราคาแพงที่เคลื่อนออกไล่ตามกันไปตามท้องถนนจนหนาตา และจะเริ่มบางตาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เป็นภาพที่มีให้เห็นอยู่เป็นประจำในทุกเช้า
มุกดาสาวเท้าวิ่งสุดกำลังบนฟุตบาทแข่งกับรถเก๋งคันงามหลายคันบนท้องถนนที่วิ่งแซงหน้าผ่านไป บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมรอบตัวตอนนี้ไม่มีผลใด ๆ กับเธอเลยแม้แต่น้อย เป้าหมายของหญิงสาวตอนนี้คือป้ายรถเมล์
หลังจากปล่อยสปีดเกียร์หมาจนสุดกำลังแต่ได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นก็ต้องหยุดพัก มือค้ำเข่าทั้งสองข้างหายใจหอบจนตัวโยน ใบหน้าผุดผ่องตอนนี้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ถึงแม้แสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าจะทำให้บรรยากาศสดชื่น แต่สำหรับนักวิ่งจำเป็นตอนนี้พวงแก้มเป็นสีระเรื่อแล้วจากการวิ่ง
“จะทันไหมเนี่ย”
เธอพูดคนเดียว หลังจากวันนี้ที่ออกไปตลาดสดตั้งแต่เช้ามืดกับขนุน ซื้อผักและวัตถุดิบให้ป้ายวนใจกว่าจะเสร็จก็สายเสียแล้ว แถมมอเตอร์ไซค์ที่ขนุนจะขับออกมาส่งที่หน้าหมู่บ้านก็ดันมาเสียตอนถึงหน้าบ้านพอดิบพอดี หากไม่ทันรถเมล์รอบนี้ก็คงต้องรออีกหลายนาทีนั่นคือเธอจะเข้าทำงานสาย และแน่นอนว่ามีผลต่อการฝึกงานของเธอ
ครั้นจะนั่งแท็กซี่ก็เกรงว่าเงินที่ขนุนให้ยืมมาจะร่อยหรอลงไป หากไม่ประหยัดคงไม่ถึงสิ้นเดือนเป็นแน่ ถึงแม้เธอจะมีข้าวกินฟรีที่บ้านและไม่ต้องแบกภาระเรื่องค่าเช่า แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าเดินทางก็ยังคงจำเป็นอยู่
ระยะทางจากบ้านออกมาหน้าปากซอยซึ่งไม่มีวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านแม้สักคัน ก็แน่ล่ะที่นี่คือหมู่บ้านของคนรวยนี่นาเธอคิดในใจ ก่อนกอบโกยอากาศเข้าเต็มปอดและออกวิ่งอีกหนึ่งอึดใจก็จะถึงป้ายรถเมล์แล้ว
ภูวดลหรี่ตามมองภาพข้างหน้าผ่านแว่นกันแดดสีชา เผลอคิดตามหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักว่ากว่าจะถึงปากทางถนนใหญ่หล่อนต้องอึดขนาดไหน ก่อนที่รถจะเคลื่อนเข้าใกล้และชะลอความเร็วลงเพื่อมองหน้านักวิ่งสาวก่อนขับเลยออกไป
ห้องประชุมสำนักงานอัครเทพ
ภูวดลตรวจเอกสารงบประมาณประจำปีด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและเรียกประชุมด่วนแผนกบัญชีและการเงิน พนักงานทั้งเก่าและใหม่นั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องประชุมท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะกดดัน
มุกดานั่งมองเจ้านายหนุ่มที่เธอเจอเขาเป็นครั้งที่สอง มองรูปร่างสมส่วน ท่วงท่าที่สง่างามแต่ยังคงเคร่งขรึมและจริงจัง วันนี้ได้เห็นหน้าเขาในมุมใกล้แล้ว
“หล่อละมุน” เธอคิดในใจ
ภูวดลกวาดสายตามองพนักงานตรงหน้า และหยุดอยู่ที่เจ้าของใบหน้านักวิ่งที่เขาขับผ่านไปเมื่อตอนเช้า ขณะที่พูดนโยบายและประเด็นปัญหาเรื่องการบริหารการเงินในวันนี้
ยวนใจกำลังลงมือทำกับข้าวอย่างขะมักเขม้น ส่วนสองสาวมุกดาและขนุนก็สาละวนกับการจัดเตรียมสำรับอาหารมื้อเย็นสำหรับเจ้านายอย่างอารมณ์ดี เสียงหัวเราะของสองแจ๋วหยุดลงทันทีที่หน้าเจ้านายหนุ่มโผล่เข้าไปในห้องครัว พร้อมกับที่ภูวดลขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าคนที่กำลังจัดสำรับอาหารอยู่
ยัยนักวิ่งคนนั้นนี่นา เมื่อเช้าเจอที่ข้างถนน กลางวันเจอที่บริษัท ตอนเย็นมาเจอที่บ้าน ยังคงความงงงวยให้กับชายหนุ่มไม่น้อย แต่ไม่ได้มีคำถามใด ๆ ออกจากปากสักคำ
“เอาเครื่องดื่มไปให้ฉันที่ห้องรับแขก”
“แล้วก็เตรียมอาหารว่างหรือผลไม้ก็ได้จะมีแขกคุณพ่อมาสองคน”
“ค่ะคุณดล” ขนุนค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
ตวัดสายตามองคนไม่คุ้นหน้าที่กำลังยกมือไหว้เขาโดยอัตโนมัติ ก่อนพยักหน้ารับไหว้และผละออกไป
สองสาวยกเครื่องดื่มและอาหารว่างตามคำสั่งตรงไปที่ห้องรับแขก วางทุกอย่างเสร็จสรรพและเดินกลับมาที่ห้องครัว
“ใครเหรอครับพ่อ?” ถามหลังจากหญิงสาวเดินพ้นออกไป
“ผมเจอเธอที่บริษัทด้วย”
“อ๋อ หลานยวนใจน่ะเพิ่งเรียนจบมาหางานทำ พ่อก็เลยให้ไปฝึกงานที่บริษัท” พยักหน้ารับทราบ
ไม่นานแขกคุณท่านก็มาถึง เกรียงเดชและลลิตาสองพ่อลูกนั่นเอง
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
“สวัสดีค่ะดล”
สาวสวยลลิตายกมือไหว้ผู้อาวุโสเจ้าของบ้านและส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม
“สวัสดีครับอาเดช”
ชายหนุ่มทักทายแขกผู้มาเยือนยกมือไหว้ตามมารยาท ทักทายกันด้วยความคุ้นเคยพูดคุยสักพักก่อนที่ลลิตาจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้ลิต้ามีของมาฝากด้วยนะคะรบกวนให้แม่บ้านช่วยยกหน่อยได้ไหมคะอยู่ที่หลังรถ”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยคนกันเองทั้งนั้น”
ภูวนาถเอ่ยอย่างอารมณ์ดีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อตั้งใจมากว่าต้องเอามาฝากคุณลุงนาถให้ได้ค่ะ” หญิงอ่อนวัยโต้ตอบด้วยรอยยิ้ม
ชายสูงวัยเจ้าของบ้านมองเข้าไปในห้องครัวส่งเสียงบอกผู้ที่อยู่ด้านใน
“เด็ก ๆ ช่วยขนของหน่อย”
สิ้นเสียงสองสาวในห้องครัวก็เดินออกมาทันทีโดยมีลลิตาเดินนำหน้าไปที่รถของเธอ และกลับมาพร้อมกับของในมือที่ถือพะรุงพะรังและวางลงตรงหน้าสมาชิกในห้องรับแขก
ลลิตานั่งลงที่โซฟาหลังจากวางของฝากพร้อมรอยยิ้มสดใสพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สายตาปะทะเข้ากับสาวใช้ที่เธอไม่คุ้นหน้าทั้งที่เพิ่งเดินไปด้วยกันแต่เธอยังไม่ทันได้สังเกต
ใบหน้าผุดผ่องแก้มป่องแลดูน่ารัก ดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่ม ผมยาวที่รวบมัดอย่างเรียบง่าย ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางแต่งเติมใด ๆ แต่แลดูสะอาดสะอ้านชวนมอง ขณะที่มุกดาและขนุนเธอกำลังสาละวนกับการจัดวางของฝากจากแขกให้เป็นระเบียบเพราะลลิตาอยากโชว์ว่าเธอขนอะไรมาฝากบ้าง
ลิตาจะตวัดสายตาขึ้นมองภูวดลที่ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องอยู่กับหญิงสาวคนเดียวกันกับเธอ พลันความคิดบางอย่างในใจก็ผุดขึ้นจนแววตากระตุกวูบชั่วขณะ และซ่อนความไม่พอใจนั้นกดลงไปข้างใน
บทสนทนาของแขกในวันนี้เหมือนจะเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป และนำของฝากมาเยี่ยมเยียนกันเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วเกรียงเดชตั้งใจมาพูดคุยกับภูวนาถเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการระหว่างภูวดลกับลลิตา
มุกดาและขนุนที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ คอยบริการเจ้านายได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ก่อนทีหญิงสาวจะถูกป้ายวนใจเรียกให้เข้าไปช่วยในครัว
สองผู้สูงอายุปลีกตัวออกไปนั่งคุยที่ศาลาริมสระน้ำในสวน ปล่อยให้หนุ่มสาวนั่งอยู่กันตามลำพัง
“เด็กในบ้านดลคนที่ผมยาวเมื่อครู่ ลิต้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยเพิ่งมาใหม่เหรอคะ?”
“อือ” คำตอบสั้นๆ ใบหน้ายังคงจับจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์
“มาได้ยังไงเหรอคะใครแนะนำมา?”
ปกติหล่อนจะสนใจเรื่องแบบนี้เสียที่ไหนกัน หากเป็นคนที่อยู่ต่างระดับกับหล่อนด้วยแล้ว ทำไมภูวดลจะมองไม่ออก
“หลานป้ายวน” ตอบไม่มองหน้าคนถาม
“แล้ว…”
“คุณสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?” พร้อมมองหน้าแบบเดาอารมณ์ผู้พูดไม่ออก
“ลิต้าก็แค่ถามเฉย ๆ ค่ะ” และแค่นั้นหัวข้อการสนทนาก็สิ้นสุดลง
หลังอาหารมือเย็นที่แขกกลับไปแล้วสองพ่อลูกภูวนาถและภูวดลที่นั่งสนทนาต่อในห้องนั้น
“ยังไงเสียเกรียงเดชเขาก็เคยช่วยพ่อในตอนที่พ่อลำบาก”
ภูวนาถเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ถึงความไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นลูก
“แต่มันไม่เกี่ยวกันที่ต้องให้ผมแต่งงานกับลิต้า”
“ยังไงพ่อก็ขอให้แกเก็บไปคิดดูอีกทีก็แล้วกัน แล้วค่อยให้คำตอบพ่อ”
“ถามกี่ครั้งผมก็ยังตอบเหมือนเดิมคุณพ่อเลิกล้มความตั้งใจนี้ไปเถอะครับ”
“มันหมดสมัยแล้วที่ต้องแต่งงานกันเพราะธุรกิจหรือคลุมถุงชน”
“ถ้าอยากแต่งคุณพ่อก็แต่งเอง”
“คุณพ่อก็โสดนี่ครับ” เขาประชดประชัน
“ไอ้นี่นิ…แกนี่มัน…เฮ้อ”
ภูวนาถที่เริ่มอ่อนใจกับการเกลี้ยกล่อมผู้เป็นลูกกับเรื่องเดิม ๆ
“แต่พ่อก็เห็นแกไปมาหาสู่กับลิต้ามานานแล้วนี่นา แกก็ควรจะให้เกียรติผู้หญิงเขาบ้าง”
“แต่มันคนละเรื่องกับการแต่งงานครับ ผมเองก็ไม่เคยบังคับอะไรลิต้า และก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสเธอหากเจอใครที่ดีผมก็ยินดีด้วย”
“ผมยังไม่อยากแต่งงานแล้วก็ไม่อยากหมั้นด้วย” เขาพูดตัดบท
หมดปัญญาจะเร้าหรือคงต้องปล่อยเลยตามเลยเสียแล้วกับคนหนุ่มสาวสมัยนี้ พร้อมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
มุกดาลุกขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตั้งแต่เช้ามืดอย่างมีความสุขในเช้าวันหยุดที่ไม่ต้องไปทำงาน และเป็นวันเริ่มต้นเดือนใหม่ที่แสนจะสดใสสำหรับเธอ สิ่งที่ทำให้ใบหน้าอิ่มเอิบยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีในวันนี้ คือเงินเดือนก้อนแรกของเธอและนัดแนะกับขนุนจะไปเดินเล่นที่ตลาดใกล้บ้านด้วยกัน
แต่ต้องล้มเลิกความตั้งใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า คือยวนใจผู้เป็นป้าที่นั่งร้องไห้จนตาบวมแดงอยู่ในครัว
“ป้ายวนมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ร้องไห้ทำไม?”
เธอถามด้วยความห่วงใย ปัญหาเดียวที่สร้างน้ำตาให้กับยวนใจได้คือวันชัยลูกรักของนาง ที่ตอนนี้โดยตำรวจจับเข้าห้องขังเป็นที่เรียบร้อย และนางเพิ่งวางสายไปเมื่อสักครู่หลังจากวันชัยไหว้วานให้คนรู้จักโทรบอกผู้เป็นแม่
ข้อหาลักทรัพย์และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และแน่นอนว่าเธอต้องเตรียมเงินสำหรับประกันตัวลูกชายออกจากห้องขัง มุกดาได้แต่ถอนหายใจกับกรรมของป้ายวนใจที่ไม่มีวันจบสิ้นจริง ๆ กับเรื่องนี้ แต่เธอก็คงทำได้แค่ปลอบโยนเท่านั้น
“ไว้วันหลังก็แล้วกันนะขนุน” หันหน้ามามองคู่ซี้อย่างผิดหวังพร้อมดวงตาละห้อยของอีกฝ่าย
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจพร้อมกันของสองสาว พร้อมกับคำไหว้วานจากผู้เป็นป้าที่ขอให้เธอไปดูแลภูวนาถที่ไม่สบายแทนนาง
ยวนใจพยายามสุดความสามารถที่จะให้คุณท่านซึ่งไม่มีภรรยาข้างกาย ชายตามองหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานสาวแค่ในนามของหล่อนเท่านั้น หากคุณท่านเมตตามุกดาในความคิดที่แสนจะโง่เขลาของยวนใจคือหล่อนก็จะพลอยสบายไปด้วย และในตอนนี้หล่อนต้องการเงินก้อนที่จะนำไปไถ่ตัววันชัยและเฝ้าคิดหาหนทางอยู่ในหัว
หลังจากเที่ยวหยิบยืมญาติพี่น้องไปก็บ่อยครั้งและยังไม่ได้ใช้คืนเลยสักครั้ง ครั้นจะขอยืมอีกก็ไม่มีใครรับสายจากเธอเลยสักราย
และชายสูงอายุที่ผ่านโลกมาค่อนชีวิตที่ชาญฉลาดอย่างภูวนาถมีหรือจะมองไม่ออก หากแต่เขาไม่ใช่โคแก่ที่ชอบกินหญ้าอ่อน โดยเฉพาะเด็กสาวที่ไม่ประสีประสาและยังเป็นเด็กในบ้านอีกต่างหาก ในสายตาของเขาที่มองมุกดาเป็นเพียงเด็กใสซื่อที่ใฝ่ดีและเขาคิดว่ามองเธอไม่ผิดอย่างแน่นอน
“ยวนใจพาเด็ก ๆ ทำความสะอาดเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยด้วยนะ”
ภูวนาถสั่งการเรื่องที่ภูวไนยลูกชายคนโตและครอบครัวจะกลับจากต่างประเทศ เพื่อฉลองวันเกิดที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยอยากให้เป็นความอบอุ่นภายในครอบครัวเล็ก ๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“คุณไนยจะมาวันไหนเหรอคะคุณท่าน?”
“อีกสองวัน”
“ได้ค่ะคุณท่าน”
หลังจากทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อาบน้ำเดินเข้าห้อง วันหยุดที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการเดินจนขาลาก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความจะโทรมาเม้าท์มอยเรื่องงาน เอนตัวลงบนเตียงนอนคุยโทรศัพท์นานสองนานกว่าจะวางสายไป รอยยิ้มที่มีความสุขของลูกในวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวทำให้เผลอยิ้มคนเดียว หลับตาผ่อนคลายเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้าเล็กๆ ถีบเข้าที่สะโพก เธองัวเงียลุกขึ้น ไฟในห้องถูกปิดแล้ว ตอนไหนกัน นี่เธอกลายเป็นคนนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ และที่สำคัญสองพ่อลูกนอนอยู่ข้างเธอ บนเตียงเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที กำลังอ้าปากจะวีนเขา“ชู่ว” ภูวดลที่ส่งสัญญาณห้ามใช้เสียง นิ้วชี้วางทับที่ริมฝีปากและชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่กอดพ่อแน่นและกำลังหลับอย่างสบายใจ“กลับห้องคุณเลย” เธอกระซิบเสียงเบาเขาชี้นิ้วบอกต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้กลับห้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้ มุกดาโน้มตัวลงไป เอื้อมมือคว้าแขนเจ้าตัวเล็กออกจากอกพ่อ และทันทีที่ภูวภัสพลิกตัวเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วและฟาดแขนลงที่แขนพับของแม่อย่างกะทันหันโดยไ
ทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”“ลูกบอสหรือเปล่า?“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”“ไม่เคยนะ”“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปากและแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดลเจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง“พ่อครับ”“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหัน
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งอมยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีจากการดูภาพถ่ายของตัวเองกับลูกชาย และภาพที่แอบถ่ายแม่ของลูกก่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าเก็บในกระเป๋ากางเกง“วินนี่โทรหาคุณหลายครั้งแล้วแต่เทวาบอกว่าคุณยุ่งอยู่วินนี่ก็เลยแวะมารอค่ะ”วนิดา ที่กำลังตกเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเธอคือหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกับภูวดลอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เธอสร้างขึ้นและกระจายข่าวออกไปเท่านั้น สำหรับเธอเองที่ยังรอคอยสถานะจากภูวดลอยู่ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักครั้ง ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ท้อใจในการวิ่งตามความรู้สึกของตัวเอง“ผมเพิ่งออกห้องประชุมเห็นเบอร์คุณแล้วแต่ยังไม่ได้โทรกลับ”“คุณมีอะไรด่วนหรือเปล่า?”“ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะ วินนี่แค่มาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”“ไปนะคะ” ส่งยิ้มให้และรอคำตอบอยากจะปฏิเสธแต่ก็นึกเห็นใจหล่อนที่อุตส่าห์นั่งรอเขาอยู่นานจนกระทั่งประชุมเสร็จ ไหน ๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยก็แค่ออกไปกินข้าวกลางวันเท่านั้น จึงตกปากรับคำไป แต่ในใจกลับคิดถึงสองแม่ลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นมุกดานั่งมองคนหน้าเศร้าที่ต่อจิ๊กซอว์คนเดี
ภูวดลเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น พร้อมชุดทำงาน ลากลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของขนุนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่“คุณดลจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ?”“เปล่า?”ขนุนกะพริบตาปริบๆ เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ไม่กล้าถามต่อ หลังจากที่คุณท่านเสียเจ้านายคนเล็กก็กลับมาอยู่ที่บ้าน นานๆ จะกลับไปค้างที่คอนโดสักครั้งแต่วันนี้จัดกระเป๋าเองและไม่ได้ไปต่างประเทศ แล้วจะไปไหน ได้แค่สงสัยเท่านั้น“ตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะ”“วันนี้ไม่กลับบ้าน” บอกอย่างอารมณ์ดี“ค่ะคุณดล”ภูวดลจอดรถที่หน้าโรงเรียนรอรับภูวภัสหลังเลิกเรียนซึ่งชั้นอนุบาลคุณครูจะปล่อยเด็กกลับบ้านเร็วกว่ารุ่นพี่ชั้นปฐม แต่เนื่องจากต้องรอแม่มารับหลังเลิกงานทุกวันเด็กชายจึงค่อนข้างแปลกใจที่คุณครูบอกว่าผู้ปกครองมารอรับเด็กชายภูวภัสแล้วไม่แค่เพียงภูวภัสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ คุณครูประจำชั้นอนุบาลที่รู้สึกคุ้นหน้ากับคุณพ่อของเด็กน้อยที่ดูยังไงก็เหมือนประธานบริษัทแขกคนสำคัญของทางโรงเรียน ที่นำของมาบริจาคให้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา“พ่อดล”เมื่อมั่นใจว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจริงคุณครูก็อนุญาตให้กลับได้ ภู
ภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด“นานมาก….” ลากเสียงยาว“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกันสองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ“ไปซื้อของครับยายดวง”“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ“สวัสดีครับ”ภูวดลท
ความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา“คุณพูดอะไร?”“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”“ใจดำไปนะ”มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆและแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเข







