LOGINหญิงสาวยืนมือประสานกันอยู่ในห้องผู้บริหารพยายามควบคุมร่างกายให้เป็นปกติภายใต้ความกระวนกระวายภายใน ดวงตากลมโตบนใบหน้าสวยกลอกกลิ้งไปมา คอแห้งผากกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากประหนึ่งว่าอยู่ในห้องสอบปากคำ กับสายตาคมกริบและเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ที่กำลังมองมาที่เธอเนิ่นนานโดยปราศจากคำพูด และเธอเดาอารมณ์เขาไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
“เธอ…”
เขาเอ่ยออกมาทำลายความเงียบ และหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองผู้พูดทันที ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นคำพูดที่เขาจะพูดต่อจากนี้
“เป็นอะไรกับป้ายวน?”
หลังจากได้ยินพยางค์ต่อมาแอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกแต่แค่นิดเดียวเท่านั้น
“อ๋อ ป้ายวนเป็นป้าสะใภ้ค่ะ”
“แล้วป้ายวนไปไหน?”
“กลับต่างจังหวัดค่ะ”
“จะกลับมาเมื่อไหร่?”
“มุกไม่ทราบค่ะ”
“กลับทำไมเธอรู้หรือเปล่า?”
“ลูกชายป้ายวนเกิดอุบัติเหตุค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลค่ะ”
จริงๆ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเรื่องราวพวกนี้หรอกแค่อยากจะดูปฏิกิริยาของเธอเท่านั้นเอง
“เอ่อ…คุณดล…มีอะไร…กับป้ายวนหรือเปล่าคะ?”
ถามอย่างระมัดระวัง เขาไม่ตอบในทันทีแต่มองหน้าเธอนิ่งกะพริบตาช้าๆ ชวนให้เสียวสันหลัง
“เหมือนป้ายวนจะมีเรื่องคุยกับฉัน”
“อ๋อ…ไม่มีค่ะ…ไม่มี” เธอโบกมือพัลวัน
“เธอรู้ได้ยังไง?”
“เอ่อ…อ๋อมุกเดาเอาน่ะค่ะไม่เห็นป้ายวนพูดอะไร” พร้อมยิ้มแห้งๆ
“แล้วเธอมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ”
ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด แม้จะสงสัยว่าเขาถามแบบนี้เพื่ออะไรก็เถอะ ปฏิเสธไปก่อนน่าจะดีที่สุด
ภูวดลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นวมท่าทางผ่อนคลายแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยพอๆ กับน้ำเสียง
“วันนี้ฉันจะกลับบ้านจะกลับพร้อมกันก็ได้นะ” เขาหยั่งเชิง
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณดลมากค่ะ”
“แต่มุกยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลยคุณดลกลับก่อนได้เลยค่ะ”
“แล้วปกติเธอกลับยังไง?”
“นั่งรถเมล์ค่ะไปลงหน้าหมู่บ้านแล้วขนุนจะออกมารับค่ะ”
พยักหน้ารับรู้
“ถ้าวันไหนฉันกลับบ้าน ตอนเช้าเธอจะออกมาพร้อมกันก็ได้ รถฉันน่าจะสบายกว่ารถเมล์”
น้ำเสียงยังคงเรียบและใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉย สายตาจับจ้องใบหน้าคนตัวเล็กที่เขากำลังดูปฏิกิริยาของเธออยู่
“ขอบคุณค่ะ”
ตวัดสายตาขึ้นมองเขาและแกล้งยิ้มน้อยๆ สายตาล่อกแล่กไปมาเหมือนหัวขโมยที่มีความผิด พร้อมความคิดและคำถามในหัวมากมายที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็กลับไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ”
ค้อมศีรษะเล็กน้อยและรีบเดินออกจากห้องก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจเรียกกลับไปซักถามใหม่ เป่าปากผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือโดนไล่ออกจากงาน กลัวที่สองต่อมาคือโดนไล่ออกจากบ้านหากว่าเขาจำเรื่องราวในคืนนั้นได้ แต่ดูจากปฏิกิริยาแล้วเขาน่าจะยังไม่รู้ หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น
แต่บ้านเขารวยขนาดนี้ก็น่าจะมีกล้องวงจรติดไว้บ้างล่ะ หากมีกล้องเช็คดูก็ง่ายนิดเดียว แต่ในห้องนอนคงไม่มีหรอกกระมัง ปลอบใจตัวเอง
“ใครจะบ้าติดกล้องไว้ให้เห็นบนเตียงกันล่ะ”
ถึงเขาจะเมาก็คงไม่ถึงขั้นจำอะไรไม่ได้ ถ้ายังทำ….แบบนั้นกับเธอได้อยู่ คงมีแค่ในซีรี่ย์เท่านั้นหรือเปล่าที่จำไม่ได้กับเรื่องพรรค์นี้ หรือเขาจะรอถามยวนใจอีกทีกันนะ หรือเขารู้อยู่แล้ว
แต่เขาชวนเธอกลับบ้านพร้อมกัน และชวนเธอมาทำงานพร้อมกันตอนเช้า หรือว่า…เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นเธอ?
อย่าบอกนะ…ว่าเขาติดใจ
เธอเองก็ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน หรือสิ่งที่ยวนใจพูดมันจะเป็นจริง
“นางบำเรอของคุณดล”
ตาเบิกโพลงขึ้นมาเท่าไข่ห่าน
“ไม่มีทาง…มันจะไม่มีวันเป็นอย่างนั้นแน่นอน”
ความคืบหน้าการตั้งโรงประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทศญี่ปุ่นใกล้เสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ภูวนาถเรียกประชุมใหญ่ผู้เกี่ยวข้องในการจัดตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อมรองรับโรงประกอบ ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่นานนี้
และภูวดลจะต้องเฝ้าติดตามความคืบหน้าโครงการอย่างใกล้ชิดจนกว่าทุกอย่างจะลงตัวและสามารถดำเนินการตามระบบได้ โดยในระหว่างนี้เขาต้องบินไปมาเป็นว่าเล่นจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
กระเป๋าเดินทางใบโตถูกลากขึ้นรถเตรียมพร้อมโดยพลขับสำเริง ส่วนเจ้าของกระเป๋านั้นยังคงนั่งสนทนากับผู้เป็นพ่อในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นในคืนนี้ ไม่ลืมหยิบกล้องวิดีโอที่แอนเดรียลืมไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนติดมือไปด้วย ก่อนจะลาภูวนาถกลับคอนโดเพื่อเตรียมออกเดินทางเนื่องจากอยู่ใกล้สนามบิน
หลังจากกลับมาถึงคอนโดภูวดลนั่งตรวจรายงานผ่านหน้าจอมือถือที่ผู้ช่วยส่งมาให้ทางอีเมล เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงกำหนดออกเดินทาง สายตามองเลยไปที่กล้องของแอนเดรียและเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงความน่ารักของหลานสาว และคำสั่งจากสาวน้อยที่ลืมไว้ครั้งก่อนบอกให้อาดลเอามาให้เธอด้วย
หยิบสายชาร์ตมาเสียบแบตเตอรี่ไว้ให้เต็ม กะจะคืนให้เจ้าของกล้องแบบพร้อมใช้งานทันที เอนหลังปิดเปลือกตาลงพักผ่อนคลายก่อนออกเดินทาง
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นชายหนุ่มลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว กดสายหาคนขับรถให้เตรียมพร้อมรออยู่ด้านล่างคอนโด
กดปุ่มเปิดกล้องตรวจเช็คแบตเตอรี่ และเลื่อนดูภาพและวิดีโอที่แอนเดรียบันทึกไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เจ้าของกล้องจะโทรไลน์หาผู้เป็นอากำชับเรื่องกล้องของเธออีกครั้ง
“อาไม่ลืมหรอกนี่ไง”
เขาชูกล้องขึ้นให้เธอดูจนเด็กหญิงมั่นใจว่าผู้เป็นอาไม่ลืมอย่างแน่นอนก่อนจะวางสายไป
เสียงสนทนาจากเครื่องบันทึกวิดีโอที่เปิดค้างไว้ทำให้ชายหนุ่มหยิบกล้องขึ้นมาดู ภาพของสองหญิงต่างวัยยวนใจและมุกดาที่กำลังปะทะคารมกันอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านของเขา
ภูวดลขมวดคิ้วมองภาพในกล้องและฟังเรื่องราวโต้ตอบกันไปมาระหว่างป้ากับหลาน ช่างเป็นมุมที่เหมาะเจาะพอดีอะไรปานนั้น แอนเดรียที่บันทึกภาพค้างไว้ก่อนจะวางกล้องและออกไปสนามบินเลยในวันนั้น และสิ่งที่เขาตั้งคำถามให้กับตัวเองก็ได้คำตอบแล้ว
“ฝีมือป้ายวนใจหรอกเหรอ”
ชายหนุ่มพึมพำคนเดียวนึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กขึ้นมาทันที วันนั้นที่เขาเช็คกล้องวงจรปิดไม่ได้เช็คมาถึงช่วงเวลานี้ เพียงแค่เห็นมุกดาเดินเข้าห้องเขาในตอนกลางคืนและออกมาในเช้ามืดของอีกวันเท่านั้น
มุกดาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำระหว่างที่รอผลตรวจหลังจากที่รอบเดือนของเธอขาดหายไป เก็บกล่องเปล่าชุดตรวจการตั้งครรภ์ใส่ในกระเป๋ากางเกงไม่กล้าแม้แต่จะโยนลงถังขยะเพราะกลัวขนุนจะเจอเข้าและต้องวุ่นวายกับการตอบคำถามอีก
แล้วถ้าเธอตั้งครรภ์ขึ้นมาล่ะจะทำยังไง?
ไม่หรอกน่า…หลังจากรู้สึกตัวตื่นในวันนั้นเธอก็รีบออกไปร้านขายยาทันทีไม่น่าจะพลาด
แล้วคุณดลได้ป้องกันหรือเปล่านะ?
มองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือที่หยิบเข้าไปด้วยได้เวลาตามที่ฉลากข้างกล่องระบุไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดหลับตาแน่น ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มสนิทและเฝ้าภาวนาขอให้แท่งตรวจอย่างเป็นสองขีดเลย
หยิบแท่งตรวจขึ้นมาช้าๆ หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าออกวิ่งไปหน้าหมู่บ้านเสียอีก สายตาจับจ้องชุดตรวจในมือที่คว่ำผลตรวจลงด้านล่าง ค่อยๆ พลิกขึ้นมาทีละนิด พลันดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลง หัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เคว้งคว้างเหมือนใยสำลีที่ปลิวในอากาศ ลืมแม้กระทั่งการขยับตัวเหมือนถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นเส้นสีแดงสองเส้นเรียงกันที่แท่งตรวจ
“ฉัน…ท้อง?”
เสียงลอดริมฝีปากออกมาอย่างแผ่วเบา เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก มือเย็นเฉียบจนรู้สึกหวิวๆ คล้ายห้องน้ำมันโคลงเคลงได้ หลอดไฟนีออนมันขาวโพลนจนภาพเบลอไปหมด ทั้งตกใจ สับสน มึนงง และอีกหลากหลายความรู้สึกปนเปกันไปหมด
“จะทำยังไงดี?”
ถามตัวเองซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นมือกำแท่งตรวจไว้แน่น
พรุ่งนี้หลังจากเลิกงานต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง แท่งตรวจอาจจะมีปัญหาจนทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนก็เป็นได้ เธอพูดกับตัวเองหลังจากรวบรวมสติคืนมาได้
ภูวดลมองออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินที่มีแต่ความมืดมิดของเวลากลางคืน ภาพจากกล้องวิดีโอของแอนเดรียแวบเข้ามาให้คิด ในครั้งหน้าที่กลับมาเมืองไทยความตั้งใจของชายหนุ่มคือจะเคลียร์เรื่องนี้กับยวนใจอีกครั้ง ส่วนผู้เสียหายยังไงเสียเขาก็คงไม่ใจร้ายกับเธอ ถึงแม้เขาเองจะเป็นผู้ถูกกระทำจากยวนใจเช่นเดียวกับเธอแต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย แต่เอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน
ดอกหญ้าสีหวานสดใสหลากชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ขึ้นแจมสลับกันราวกับถูกเนรมิตไว้ด้วยมือเทพ ปลิวไสวกระเพื่อมเป็นระลอกตามแรงลมในทุ่งลานกว้างช่างงดงามเหมือนภาพมายาในความฝัน
เสียงเด็กน้อยและหญิงชราพูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุขดึงดูดความสนใจของมุกดาให้เดินตามหาต้นตอของเสียงที่คุ้นหู ภาพข้างหน้าสร้างรอยยิ้มให้หญิงสาวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับหญิงชราและเด็กชายเจ้าของเสียงแห่งความสุขนั้นที่กำลังเก็บดอกไม้ช่อใหญ่รวบรวมไว้ในมือ หันมามองเธอพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม
“แม่มาแล้ว”
หญิงชราหันไปมองเด็กน้อยและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น รอยยิ้มยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้าที่แห้งเหี่ยวแต่อิ่มเอิบด้วยความสุข ภายใต้เส้นผมสีดอกเลานั้น
“แม่ครับ” เด็กชายเอ่ยขึ้นมองมาที่เธอพร้อมยื่นดอกไม้ในมือให้
“ไปหาแม่สิ” หญิงชราพูดพร้อมกับเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อยตรงมาหามุกดา
“อยู่กับแม่นะ ย่าต้องไปแล้ว”
พูดจบก็ปล่อยมือเด็กชาย มุกดาเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้ในมือของหนูน้อยและจับมือนุ่มนิ่มนั้นมากุมไว้ ดวงตาใสแป๋วของเขาแหงนเงยขึ้นมองใบหน้าหญิงตรงหน้าที่เพิ่งเรียกเธอว่า “แม่” ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา พร้อมกับโบกมือลาหญิงชราที่กำลังจะเดินจากไป
“ย่าจะไปหาคะ?” เธอเรียกตามแต่ไม่มีคำตอบออกจากปากผู้เป็นย่า มีเพียงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นเท่านั้นที่ส่งมาให้เธอ
“ย่า…” ตะโกนไล่หลังตามหญิงชราพร้อมก้าวขาวิ่งตามไป มือที่ยังไม่ปล่อยออกจากกันกับมือน้อยนั้น พร้อมเจ้าของร่างตัวน้อยที่วิ่งตามไปพร้อมกับเธอด้วย
“ย่า…เดี๋ยวก่อน…อย่าเพิ่งไป” ร้องสุดเสียงพร้อมกับร่างหญิงชราที่ค่อย ๆ ห่างออกไปจนลับตา
“ย่า…”
ลุกพรวดขึ้นมาจากที่นอนพร้อมเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มใบหน้า หอบหายใจถี่ พร้อมหยาดน้ำใส ๆ ที่ไหลรินลงอาบสองข้างแก้ม
แม้แต่ในความฝัน…เธอยังไม่ได้กอดลาผู้เป็นย่าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดเหมือนเพิ่งสูญเสียย่าไปอีกครั้ง และปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น
มองที่นอนด้านข้างซึ่งไม่มีร่างขนุนอยู่แล้ว เธอคิดวกวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปค่อนคืนจนผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย มือลูบวนหน้าท้องพร้อมกับทบทวนภาพความฝันที่ชัดเจนเสมือนเกิดขึ้นจริงเมื่อครู่
ย่าคงดีใจที่จะมีหลานเป็นแน่
ย่ายินดีกับการตั้งครรภ์ของเธอ
และย่าพาลูกมาส่งให้เธอด้วยความสุข
หากวันนี้ผลตรวจเป็นไปตามที่เธอตรวจเบื้องต้น คือเธอตั้งท้องจริงๆ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด เพราะลูกคือตัวแทนของย่า และเขาจะต้องมีความสุขที่สุดด้วยความรักที่เธอมอบให้ เหมือนกับที่ย่ามาลัยที่มอบความรักให้กับเธอเช่นกัน
หลังจากทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อาบน้ำเดินเข้าห้อง วันหยุดที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการเดินจนขาลาก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความจะโทรมาเม้าท์มอยเรื่องงาน เอนตัวลงบนเตียงนอนคุยโทรศัพท์นานสองนานกว่าจะวางสายไป รอยยิ้มที่มีความสุขของลูกในวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวทำให้เผลอยิ้มคนเดียว หลับตาผ่อนคลายเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้าเล็กๆ ถีบเข้าที่สะโพก เธองัวเงียลุกขึ้น ไฟในห้องถูกปิดแล้ว ตอนไหนกัน นี่เธอกลายเป็นคนนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ และที่สำคัญสองพ่อลูกนอนอยู่ข้างเธอ บนเตียงเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที กำลังอ้าปากจะวีนเขา“ชู่ว” ภูวดลที่ส่งสัญญาณห้ามใช้เสียง นิ้วชี้วางทับที่ริมฝีปากและชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่กอดพ่อแน่นและกำลังหลับอย่างสบายใจ“กลับห้องคุณเลย” เธอกระซิบเสียงเบาเขาชี้นิ้วบอกต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้กลับห้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้ มุกดาโน้มตัวลงไป เอื้อมมือคว้าแขนเจ้าตัวเล็กออกจากอกพ่อ และทันทีที่ภูวภัสพลิกตัวเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วและฟาดแขนลงที่แขนพับของแม่อย่างกะทันหันโดยไ
ทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”“ลูกบอสหรือเปล่า?“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”“ไม่เคยนะ”“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปากและแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดลเจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง“พ่อครับ”“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหัน
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งอมยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีจากการดูภาพถ่ายของตัวเองกับลูกชาย และภาพที่แอบถ่ายแม่ของลูกก่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าเก็บในกระเป๋ากางเกง“วินนี่โทรหาคุณหลายครั้งแล้วแต่เทวาบอกว่าคุณยุ่งอยู่วินนี่ก็เลยแวะมารอค่ะ”วนิดา ที่กำลังตกเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเธอคือหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกับภูวดลอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เธอสร้างขึ้นและกระจายข่าวออกไปเท่านั้น สำหรับเธอเองที่ยังรอคอยสถานะจากภูวดลอยู่ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักครั้ง ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ท้อใจในการวิ่งตามความรู้สึกของตัวเอง“ผมเพิ่งออกห้องประชุมเห็นเบอร์คุณแล้วแต่ยังไม่ได้โทรกลับ”“คุณมีอะไรด่วนหรือเปล่า?”“ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะ วินนี่แค่มาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”“ไปนะคะ” ส่งยิ้มให้และรอคำตอบอยากจะปฏิเสธแต่ก็นึกเห็นใจหล่อนที่อุตส่าห์นั่งรอเขาอยู่นานจนกระทั่งประชุมเสร็จ ไหน ๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยก็แค่ออกไปกินข้าวกลางวันเท่านั้น จึงตกปากรับคำไป แต่ในใจกลับคิดถึงสองแม่ลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นมุกดานั่งมองคนหน้าเศร้าที่ต่อจิ๊กซอว์คนเดี
ภูวดลเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น พร้อมชุดทำงาน ลากลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของขนุนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่“คุณดลจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ?”“เปล่า?”ขนุนกะพริบตาปริบๆ เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ไม่กล้าถามต่อ หลังจากที่คุณท่านเสียเจ้านายคนเล็กก็กลับมาอยู่ที่บ้าน นานๆ จะกลับไปค้างที่คอนโดสักครั้งแต่วันนี้จัดกระเป๋าเองและไม่ได้ไปต่างประเทศ แล้วจะไปไหน ได้แค่สงสัยเท่านั้น“ตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะ”“วันนี้ไม่กลับบ้าน” บอกอย่างอารมณ์ดี“ค่ะคุณดล”ภูวดลจอดรถที่หน้าโรงเรียนรอรับภูวภัสหลังเลิกเรียนซึ่งชั้นอนุบาลคุณครูจะปล่อยเด็กกลับบ้านเร็วกว่ารุ่นพี่ชั้นปฐม แต่เนื่องจากต้องรอแม่มารับหลังเลิกงานทุกวันเด็กชายจึงค่อนข้างแปลกใจที่คุณครูบอกว่าผู้ปกครองมารอรับเด็กชายภูวภัสแล้วไม่แค่เพียงภูวภัสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ คุณครูประจำชั้นอนุบาลที่รู้สึกคุ้นหน้ากับคุณพ่อของเด็กน้อยที่ดูยังไงก็เหมือนประธานบริษัทแขกคนสำคัญของทางโรงเรียน ที่นำของมาบริจาคให้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา“พ่อดล”เมื่อมั่นใจว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจริงคุณครูก็อนุญาตให้กลับได้ ภู
ภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด“นานมาก….” ลากเสียงยาว“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกันสองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ“ไปซื้อของครับยายดวง”“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ“สวัสดีครับ”ภูวดลท
ความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา“คุณพูดอะไร?”“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”“ใจดำไปนะ”มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆและแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเข







