แชร์

ตอนที่ 7 ผมแพ้อัลมอนด์

ผู้เขียน: ปิ่นปภัส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-07 12:09:54

“แล้วชื่อคุณลุงใครตั้งให้เหรอครับ?

“ไม่รู้สิ พ่อมั้ง หรือไม่ก็แม่” เขาตอบไปงั้นๆ พลางคิดถึงพ่อและแม่ที่จากไปแล้วตามที่เด็กน้อยถาม

“ลูกคุณลุงเรียนอยู่ที่นี่เหรอครับ?

“เปล่า…ยังไม่มีลูก”

“แล้วอยู่กับใครล่ะครับ?”

“คนเดียว”

“งั้น…มาเป็นพ่อผมไหมครับ ผมก็ไม่มีพ่อ คุณลุงก็ไม่มีลูก อยู่คนเดียวมันเหงานะครับ” ภูวดลหัวเราะเบา ๆ

“ไว้จะคิดดูนะ”

ครั้นจะบอกว่าไม่ ก็กลัวเด็กจะรู้สึกไม่ดี เด็กคนนี้ไม่มีพ่อคงจะเหงาหรือเปล่าถึงเที่ยวชวนคนอื่นให้มาเป็นพ่อตัวเองแบบนี้ คงอยากมีเพื่อนเล่นกระมัง

“คุณลุงบ้านอยู่ไกลไหมครับ?”

“ไกล”

“บ้านผมอยู่ใกล้ ๆ นี่เองครับแต่กว่าจะได้กลับก็เกือบมืดทุกวัน เพราะรอแม่เลิกงานค่อยมารับ”

พร้อมสรรหาคำพูดมากมายมาชวนคุยสนุกปาก ดูเหมือนเด็กคนนี้จะโตเกินอายุถึงชอบคุยกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน พูดไปมือก็เกาแขนขายุกยิกไปเรื่อย และเกาถี่ขึ้น ถี่ขึ้น พร้อมกับเสียงไอที่เหมือนจะถี่ขึ้นเช่นเดียวกัน

ภูวดลคิ้วขมวดเข้าหากันมองอาการของเด็กน้อยตรงหน้า

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ผมคัน” เกาตามแขนขาและลำตัว

“ผมหายใจไม่ออกครับ”

เด็กน้อยทำปากป่องเหมือนอึ่งอ่างคิ้วย่นเข้าหากัน

“ผมจะอ้วกครับ” พลันคำพูดของผู้เป็นแม่ก็เข้ามาในความคิด ภูวภัสหายใจทางปากจนได้ยินเสียงหอบแรงใบหน้าแดงก่ำ

“คุณลุงเอาอะไรให้ผมกินครับ?”

“ผมแพ้ถั่วอัลมอนด์”

“ฉิบหายละ” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ใบหน้าถอดสี

ลุกจากม้านั่งคุกเข่าลงกับพื้นดึงแขนเด็กน้อยตรงหน้ามาสำรวจด้วยความตกใจ ผื่นจ้ำแดงกำลังเห่อขึ้นมาให้เห็น

“ลุงจะพาไปหาหมอ” กดสายโทรหาผู้ช่วยทันที

“เทวาเอารถออกตอนนี้เลยไปโรงพยาบาลด่วน”

วางสายและช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นวิ่งไปที่รถทันที เขารู้ดีว่าอาการแพ้มันเป็นยังไง เพราะเขาเคยแพ้มาก่อนอาการไม่ผิดเพี้ยนเหมือนเด็กคนนี้แม้แต่น้อย เทวาที่เร็วพอกันหลังจากฟังน้ำเสียงตื่นเต้นของเจ้านาย วิ่งมากำลังจะถึงรถ

“ติดต่อครูและผู้ปกครองเด็กด่วน ฉันขับเอง”

“ครับบอส”

ภูวภัสถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินโดยมีผู้ก่อเหตุแบบไม่ได้ตั้งใจนั่งอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก 

ถ้าเกิดเด็กเป็นอะไรไปเขาจะทำยังไง?

จะมองหน้าผู้ปกครองเด็กได้ยังไง?

แต่โรงพยาบาลนี้มีแต่หมอเก่งๆ ทั้งนั้น และเขาเองก็บริจาคทุนวิจัยอยู่ทุกปี พร้อมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายรายการก็มาจากอัครเทพ

“ฮัลโหลไอ้เอก”

“มีคนไข้พิเศษฉันอยากให้แกช่วยตามเรื่องให้หน่อย”

กดสายหาเพื่อนรัก หมอเอกภูมิ และถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังโดยละเอียด

พยาบาลสาวที่เดินออกมาจากห้องตรวจแจ้งอาการของเด็กชายภูวภัส ที่เพิ่งหลับไปหลังจากได้รับยาเพียงไม่นาน

“เด็กปลอดภัยแล้วค่ะ”

“แต่ต้องเฝ้าดูอาการต่อว่าจะมีผลข้างเคียงอื่นๆ ด้วยหรือเปล่า”

“แต่คุณพ่อไม่ต้องกังวลนะคะ คุณหมอบอกพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ”

คำบอกกล่าวของพยาบาลที่คาดเดาว่าเขาคือผู้ปกครองของเด็ก แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้อธิบายใด ๆ

“ติดต่อผู้ปกครองเด็กได้หรือยัง?” หันมาทางเทวาที่ยืนอยู่ห่างๆ

“ทางโรงเรียนแจ้งไปแล้วครับกำลังเดินทางมาผมให้เบอร์ติดต่อไว้แล้วครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก

         

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นถี่ ๆ ที่วิ่งออกมาจากลานจอดรถบ่งบอกความร้อนรนของเจ้าของร่างที่กำลังตรงไปยังห้องฉุกเฉิน เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้าและเปียกชุ่มแผ่นหลังจนทะลุออกนอกเสื้อที่สวมอยู่

เหมือนถูกกระชากหัวใจออกมานอกอก หลังจากวางสายจากทางโรงเรียนว่าลูกน้อยที่เป็นดั่งดวงใจของเธอตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินด้วยอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง

"ดิฉันเป็นแม่ของเด็กชายภูวภัสค่ะ”

“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างคะ?”

สอบถามเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับเสียงหายใจหอบจนตัวโยน ร่างกายส่งสัญญาณว่าต้องการออกซิเจนปริมาณมากจนต้องเผยอปากออกช่วยหายใจรับออกซิเจนเข้าให้เต็มปอด แต่ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่ร่างกายของตัวเอง แต่กำลังลุ้นคำตอบจากเจ้าหน้าที่อยู่

“เด็กปลอดภัยแล้วค่ะ”

“ตอนนี้คุณหมอกำลัง……”

เธอได้ยินแค่นั้น แค่ให้ได้รู้ว่าลูกปลอดภัยเท่านั้น ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอกและสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลง พร้อมกับร่างที่ร่วงลงกองกับพื้น

“หมอบอกเธอไม่ได้เป็นอะไรมากครับ คงแค่ตกใจ และดูเหมือนร่างกายจะไม่ค่อยได้พักผ่อนให้นอนสักพักก็จะดีขึ้น” เทวารายงานเจ้านาย

“จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยและดูว่าผู้ปกครองต้องการอะไรเพิ่มก็บอกฉันได้เลย อย่าลืมเตรียมของไปขอโทษด้วยให้ผู้เสียหายพอใจที่สุด อย่าให้เกิดปัญหาแม้แต่นิดเดียว”

“ถ้าเธอไม่พอใจให้ติดต่อฉันได้ทันที”

“ครับคุณดล”

มุกดาลืมตาตื่นมองเพดานสีขาวห้องที่ไม่คุ้นตา แสงไฟนีออนสว่างจ้าเต็มไปหมด ก่อนจะลำดับเหตุการณ์ในหัวสมองและลุกพรวดขึ้นทันที

“ภู”

มือสะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวออก ผุดลุกจากเตียงอย่างร้อนรนในความคิดคือตามหาลูก

“คุณครับ ใจเย็นๆ ครับ”

เทวาลุกจากโซฟาขึ้นยืนดักรอคนไข้ที่กำลังจะวิ่งออกประตู มุกดาชะงักตามเสียงหันมามองคนแปลกหน้าที่เธอไม่ทันได้สังเกตว่านั่งอยู่ในห้องกับเธอ

“น้องปลอดภัยแล้วครับ”

“อยู่ห้องไหนคะ?”

พอได้คำตอบก็วิ่งพรวดออกไปทันทีด้วยเท้าเปล่า กวาดสายตาไล่เรียงตามเบอร์ห้องของโรงพยาบาลจนพบและเปิดผลัวะเข้าไปทันที สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่คนตัวเล็กบนเตียง

“ภู”

“แม่ครับ”

สองร่างโผเข้ากอดกันกลม พร้อมเสียงถอนหายใจของผู้เป็นแม่

“แม่ขอโทษที่มาช้า”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ภูหายแล้วครับ”

“ไหนแม่ดูซิ”

พูดพลางจับมือและแขนคนตัวเล็กพลิกไปมาสำรวจทั่วร่างกาย มือประคองใบหน้าเด็กชายสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใย ดึงร่างน้อยเข้ามาสวมกอดอีกครั้งถ่ายเทความอบอุ่นให้ด้วยความรักและเป็นการปลอบขวัญ

ภูวภัสโอบกอดผู้เป็นแม่มือน้อยๆ ตบเบาๆ ที่หลังของมุกดาเหมือนที่เธอเคยปลอบลูกและเด็กน้อยก็จำมาทำเพื่อปลอบโยนผู้เป็นแม่

“ไม่เป็นไรนะครับแม่ หมอบอกภูปลอดภัยแล้วครับ”

ภูวดลที่ขมวดคิ้วจ้องมองสองแม่ลูกที่แสดงความรักต่อกันตรงหน้า โดยไม่ละสายตาไปไหน ความสนใจของเธอคือเด็กชายที่อยู่บนเตียงเท่านั้น ไม่ได้สนใจใครอื่นแม้กระทั่งเขากับเทวาที่เป็นเหมือนธาตุอากาศ

ใช่เธอแน่ ๆ ห้าปีที่ไม่ได้เจอกันเลยแต่เขาก็จำเธอได้แม่นยำ

“คุณมุกดาใช่ไหมครับ”

เทวาเอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แล้วจากข้อมูลที่ทางโรงเรียนให้มา และข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล

ภูวดลหันขวับไปมองเทวาที่เพิ่งยืนยันให้เขารู้ว่าเป็นเธอจริงๆ หลังจากเอ่ยชื่อเธอเป็นครั้งแรก

“ใช่ค่ะ”

หันมามองผู้พูดและเลยไปถึงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน พลันสายตาสองคู่ก็สบกัน หลากหลายอารมณ์วิ่งปั่นป่วนผ่านทางแววตา มุกดาอึ้งไปชั่วขณะ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลานี้ที่หล่อนจำได้ขึ้นใจ พร้อมหัวใจที่หล่นวูบลงไปอยู่ตาตุ่ม ใจหวิววูบวาบ ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ ต่อหน้าลูก

“คุณดล”

เผลอเรียกชื่อเขาเสียงลอดริมฝีปากออกมาอย่างแผ่วเบา และนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกพร้อมร่างของคุณหมอที่เดินเข้ามา

“เป็นยังไงบ้างคะคนเก่ง ขอคุณหมอดูอาการหน่อยนะคะ”

“ครับ”

ใช้เวลาตรวจเพียงไม่นานก่อนพูดคุยบอกอาการกับผู้ปกครองเด็ก

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ”

“น้องพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ แต่ให้พักอยู่ดูอาการก่อนนะคะ” หมอผู้ตรวจเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เอ่อ…คือ”

มุกดาเลิ่กลั่กจะอธิบายดีหรือเปล่านะ หากจะบอกว่าเขาไม่ใช่พ่อเด็กแต่ในใจมันก็โต้กลับมาว่าใช่

“ไม่ใช่พ่อผมครับ” หนูน้อยเอ่ยขึ้น

“อ้าวเหรอคะ คุณหมอขอโทษค่ะเห็นหน้าตาคล้ายกัน” หันมายิ้มให้คนไข้ตัวน้อย

“ชื่อก็คล้ายครับ”

“ภูวภัส กับ ภูวดล” หนูน้อยเอ่ยอย่างไร้เดียงสา

มุกดาหน้าซีดแล้วซีดอีก เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ ก่อนที่คุณหมอจะออกจากห้องตรวจไป

สองหญิงชายนั่งตรงข้ามกันในร้านกาแฟของโรงพยาบาล ภูวดลที่เอาแต่จ้องหน้าคนนั่งตรงข้ามนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผิดกับอีกคนที่หัวใจเต้นตุบตับและข่มอาการไว้ ตอนนี้เธอเป็นแม่คนแล้วสมองสั่งการให้นิ่งเข้าไว้

“ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่”

ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาวมีเพียงรอยิ้มน้อย ๆ ที่ส่งให้แค่แวบเดียวเท่านั้น

“มุกก็ไม่คิดว่าจะเจอคุณดลที่นี่เหมือนกันค่ะ”

“คุณดลสบายดีนะคะ” ถามเสียงอ่อน ทำไมใจคอมันปั่นป่วนพิกล

ชายหนุ่มพยักหน้า

“เธอล่ะ?”

“สบายดีค่ะ”

ภูวดลสำรวจใบหน้าเธออย่างละเอียดเป็นครั้งแรก ถึงจะเปลี่ยนจากเดิมไปบ้างแต่ไม่มาก ความน่ารักสดใสจากเมื่อก่อนที่สัมผัสได้แม้เพียงเจอแค่ไม่กี่ครั้ง ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นความสวย ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แววตายังคงเด็ดเดี่ยวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น” น้ำเสียงที่จริงจังจากความรู้สึกผิดที่ออกมาจากใจ

“ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด”

“ขอโทษที่ทำให้เธอต้องกังวลและเป็นห่วงลูก”

“ฉันยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง เธออยากให้ชดเชยยังไงบอกมาได้เลย”

“….”

“มุกเข้าใจค่ะมันเป็นเหตุสุดวิสัย คุณเองก็ไม่รู้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างดูท่าทีกันและกันพร้อมบันทึกข้อมูลลงในหัว

“แต่เธอไม่ต้องกังวลนะ อาการแพ้เหล่านี้โตขึ้นภาวะเสี่ยงจะลดลง หรือบางรายอาจแพ้น้อยลง บางรายอาจไม่แพ้เลยก็มี”

“ตอนเป็นเด็กฉันก็แพ้แต่ตอนนี้เคยเผลอกินก็ไม่มีอาการ”

หันขวับมองหน้าผู้พูดทันที

“คุณดลก็แพ้เหรอคะ?”

“อืม”

“งั้นก็ถ่ายทอดทางพันธุกรรม….” รีบพูดจนยั้งปากไว้ไม่ทันจนอยากจะตบปากตัวเอง

“อ๋อ…เอ่อ…คือ เคยเห็นในงานวิจัยอยู่ค่ะ”

เธอพูดมั่วไป ภูวดลมองหน้าคู่สนทนานิ่งอยู่นาน อีกฝ่ายที่หลบตาเฉมองไปทางอื่น ไม่รู้จะปั้นหน้ายังไง

“วันที่ออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวให้เทวามารับกลับ” เขาพูดตัดจบ

“ส่วนเรื่องที่เธอต้องลางานสาเหตุมันเกิดจากฉัน เดี๋ยวให้เทวาติดต่อเธอไปอีกทีก็แล้วกัน ฉันจะชดเชยให้ถือเป็นการขอโทษก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณดล ดูแลแค่ค่ารักษาก็พอแล้วค่ะ”

“ฉันต้องไปทำงานต่อมีอะไรติดต่อเทวาได้เลย” ลุกจากโต๊ะและเดินจากไปคำพูดของเธอไม่มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย แต่ประโยคก่อนหน้านั้นทำให้ชายหนุ่มตั้งคำถามให้กับตัวเองแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โซ่รักกับดักหัวใจ   ตอนที่ 14 เตียงเดียวกัน

    หลังจากทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อาบน้ำเดินเข้าห้อง วันหยุดที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการเดินจนขาลาก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความจะโทรมาเม้าท์มอยเรื่องงาน เอนตัวลงบนเตียงนอนคุยโทรศัพท์นานสองนานกว่าจะวางสายไป รอยยิ้มที่มีความสุขของลูกในวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวทำให้เผลอยิ้มคนเดียว หลับตาผ่อนคลายเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้าเล็กๆ ถีบเข้าที่สะโพก เธองัวเงียลุกขึ้น ไฟในห้องถูกปิดแล้ว ตอนไหนกัน นี่เธอกลายเป็นคนนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ และที่สำคัญสองพ่อลูกนอนอยู่ข้างเธอ บนเตียงเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที กำลังอ้าปากจะวีนเขา“ชู่ว” ภูวดลที่ส่งสัญญาณห้ามใช้เสียง นิ้วชี้วางทับที่ริมฝีปากและชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่กอดพ่อแน่นและกำลังหลับอย่างสบายใจ“กลับห้องคุณเลย” เธอกระซิบเสียงเบาเขาชี้นิ้วบอกต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้กลับห้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้ มุกดาโน้มตัวลงไป เอื้อมมือคว้าแขนเจ้าตัวเล็กออกจากอกพ่อ และทันทีที่ภูวภัสพลิกตัวเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วและฟาดแขนลงที่แขนพับของแม่อย่างกะทันหันโดยไ

  • โซ่รักกับดักหัวใจ   ตอนที่ 13 สวนสนุก

    ทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”“ลูกบอสหรือเปล่า?“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”“ไม่เคยนะ”“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปากและแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดลเจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง“พ่อครับ”“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหัน

  • โซ่รักกับดักหัวใจ   ตอนที่ 12 ผู้อาศัย

    เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งอมยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีจากการดูภาพถ่ายของตัวเองกับลูกชาย และภาพที่แอบถ่ายแม่ของลูกก่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าเก็บในกระเป๋ากางเกง“วินนี่โทรหาคุณหลายครั้งแล้วแต่เทวาบอกว่าคุณยุ่งอยู่วินนี่ก็เลยแวะมารอค่ะ”วนิดา ที่กำลังตกเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเธอคือหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกับภูวดลอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เธอสร้างขึ้นและกระจายข่าวออกไปเท่านั้น สำหรับเธอเองที่ยังรอคอยสถานะจากภูวดลอยู่ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักครั้ง ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ท้อใจในการวิ่งตามความรู้สึกของตัวเอง“ผมเพิ่งออกห้องประชุมเห็นเบอร์คุณแล้วแต่ยังไม่ได้โทรกลับ”“คุณมีอะไรด่วนหรือเปล่า?”“ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะ วินนี่แค่มาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”“ไปนะคะ” ส่งยิ้มให้และรอคำตอบอยากจะปฏิเสธแต่ก็นึกเห็นใจหล่อนที่อุตส่าห์นั่งรอเขาอยู่นานจนกระทั่งประชุมเสร็จ ไหน ๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยก็แค่ออกไปกินข้าวกลางวันเท่านั้น จึงตกปากรับคำไป แต่ในใจกลับคิดถึงสองแม่ลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นมุกดานั่งมองคนหน้าเศร้าที่ต่อจิ๊กซอว์คนเดี

  • โซ่รักกับดักหัวใจ   ตอนที่ 11 ติดลูก

    ภูวดลเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น พร้อมชุดทำงาน ลากลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของขนุนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่“คุณดลจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ?”“เปล่า?”ขนุนกะพริบตาปริบๆ เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ไม่กล้าถามต่อ หลังจากที่คุณท่านเสียเจ้านายคนเล็กก็กลับมาอยู่ที่บ้าน นานๆ จะกลับไปค้างที่คอนโดสักครั้งแต่วันนี้จัดกระเป๋าเองและไม่ได้ไปต่างประเทศ แล้วจะไปไหน ได้แค่สงสัยเท่านั้น“ตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะ”“วันนี้ไม่กลับบ้าน” บอกอย่างอารมณ์ดี“ค่ะคุณดล”ภูวดลจอดรถที่หน้าโรงเรียนรอรับภูวภัสหลังเลิกเรียนซึ่งชั้นอนุบาลคุณครูจะปล่อยเด็กกลับบ้านเร็วกว่ารุ่นพี่ชั้นปฐม แต่เนื่องจากต้องรอแม่มารับหลังเลิกงานทุกวันเด็กชายจึงค่อนข้างแปลกใจที่คุณครูบอกว่าผู้ปกครองมารอรับเด็กชายภูวภัสแล้วไม่แค่เพียงภูวภัสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ คุณครูประจำชั้นอนุบาลที่รู้สึกคุ้นหน้ากับคุณพ่อของเด็กน้อยที่ดูยังไงก็เหมือนประธานบริษัทแขกคนสำคัญของทางโรงเรียน ที่นำของมาบริจาคให้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา“พ่อดล”เมื่อมั่นใจว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจริงคุณครูก็อนุญาตให้กลับได้ ภู

  • โซ่รักกับดักหัวใจ   ตอนที่ 10 ปรับตัว

    ภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด“นานมาก….” ลากเสียงยาว“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกันสองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ“ไปซื้อของครับยายดวง”“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ“สวัสดีครับ”ภูวดลท

  • โซ่รักกับดักหัวใจ   ตอนที่ 9 คำขู่

    ความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา“คุณพูดอะไร?”“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”“ใจดำไปนะ”มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆและแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status