“แกไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เสื้อผ้าพวกนี้พี่มลโละทิ้งแล้ว นางให้แกเลย ให้แล้วให้เลย แกจะทำเสียหายยังไงก็ไม่ต้องชดใช้” ขณะช้องนางพูด เพชรหอมหยิบเสื้อขึ้นมาดู
“ตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลยนะ ดูสิยังมีป้ายราคาติดอยู่เลย อู้หู...ตัวละตั้งเจ็ดพันแน่ะ” เพชรหอมทำตาโตเมื่อเห็นป้ายราคาค่าเสื้อผ้า
“ตัวนี้ยังถูก เมื่อวานนางซื้อชุดเดรสราคาหมื่นสองมาหนึ่งชุด ฉันก็นั่งมองชุดนะก็ไม่เห็นว่ามันจะเลิศเลอเพอร์เฟคตรงไหน แบบก็เรียบ ฉันว่านะ ชุดบางชุดของนางตามตลาดนัดสวยกว่าเยอะ” ช้องนางนินทาพี่สาวต่างแม่ให้เพชรหอมฟัง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก “แกไม่ห่วงเรื่องเสื้อผ้านางเลย นางมีล้นตู้ ทิ้งไปก็เยอะ ไม่ได้ใส่ก็แยะ ไม่รู้จะซื้อมาทำไมหนักหนา ซื้อแล้วก็ไม่ใส่”
“แกก็ใส่แทนสิ”
“ถ้าฉันใส่ได้ฉันใส่ไปแล้ว แต่นี่มันติดนม นมฉันดันใหญ่กว่านาง ใส่ของนางแล้วมันรัดนมหายใจไม่ออก เฮ้อ! เกิดมาหนักอกก็ต้องหนักใจอย่างนี้แหละ ฉันเลยขอเสื้อผ้านางมาให้แกไง แกใส่ไปโลด สวยๆ แพงๆ ทั้งนั้น นางรวยแค่ไม่กี่ชุดนางไม่ยี่หระหรอก”
มารดาของวรรณวิมลมีฐานะร่ำรวย เป็นเศรษฐีทางภาคเหนือที่คนเรียกติดปากกันว่าแม่เลี้ยงสาย วรรณวิมลจึงมีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พักอยู่ในคอนโดสุดหรูราคาห้องละเกือบเก้าล้านบาท ดูแลกิจการร้านผ้าไหมและร้านทองในกรุงเทพ ไม่แปลกที่วรรณวิมลจะใช้ชีวิตแบบหรูหรา ต่างกับช้องนางที่ใช้เงินอย่างประหยัด ตามฐานะของบิดามารดา แต่ยังดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างช้องนางกับวรรณวิมลเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน บ่อยครั้งที่วรรณวิมลหยิบยื่นเงินให้ใช้สอย รวมถึงส่งเสียให้ช้องนางเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ช้องนางจึงรักและเคารพวรรณวิมลมาก
“แกโชคดีนะที่เกิดมานมใหญ่ ไม่ต้องศัลยกรรมให้เปลืองเงิน”
“นมใหญ่ไม่ดีหรอก มันหนัก ฉันไม่ชอบ ฉันชอบแบบพอดีมากกว่า”
“แกไม่ชอบ แต่ผู้ชายชอบนะ” เพชรหอมเย้าเพื่อน
“เลิกพูดเรื่องนมฉันดีกว่า ค่ำนี้ฉันมีนัดกับต้าร์ แต่ไม่อยากไปคนเดียว แกไปกับฉันหน่อยนะ”
เพชรหอมทำหน้าแปลกใจกับการถูกชวนไปเที่ยว เพราะปกติช้องนางจะไปไหนมาไหนกับไกรศรสองต่อสองเสมอ แต่ครั้งนี้ทำไมถึงชวนตน
“ทำไมแกถึงไม่อยากไปกับต้าร์ตามลำพังล่ะ ต้าร์เป็นแฟนแกนะ”
“ไม่รู้สิ ใจมันบอกมั้ง พูดไม่ถูกอ่ะ” ช้องนางพูดอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่า เหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้ “แกจะไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
“ได้ แต่กลับดึกไม่ได้นะ เต็มที่ไม่เกินสี่ทุ่ม”
“สองทุ่มฉันก็บินแล้ว ไม่อยากอยู่ดึก”
“เลิกงานเจอกันนะ” เพชรหอมสรุป
“อืม ฉันไปก่อนนะ” ช้องนางบอกเพื่อน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องล็อกเกอร์หญิง เพชรหอมจึงหันมาแต่งหน้าให้แล้วเสร็จ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องดังกล่าวเพื่อไปทำหน้าที่ของตน
ไกรศรนำรถยนต์มาจอดภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่ช้องนางและเพชรหอมทำงานอยู่มาก และยิ่งห่างจากห้องเช่าของเพชรหอมอีกด้วย คราแรกสองสาวจะไม่ไปทานอาหารร้านที่ไกรศรจองไว้ อ้างว่าไกลไป เดินทางกลับลำบาก นั่งรถประจำทางก็หลายต่อ ครั้นจะนั่งแท็กซี่ก็น่าจะเกินสองร้อยบาท ทว่าไกรศรบอกสองสาวว่า เขาจะไปส่งทั้งคู่ถึงประตูบ้านเอง ช้องนางกับเพชรหอมจึงยอมมา
“รีบเข้าไปเถอะ เขารออยู่” ไกรศรบอกช้องนางกับเพชรหอม
“ใครรอ รอใคร” ช้องนางถามคนรักที่คบหากันมาสองปีด้วยความสงสัย “ต้าร์นัดใครไว้”
“อ๋อเพื่อนน่ะ เพื่อนสมัยเรียนม.ปลายชื่อมาร์ค ก่อนที่กุ้งกับเพ้นท์จะออกมาจากโรงแรม มาร์คโทรมาหาต้าร์ บอกว่าอยากปรึกษาเรื่องเปิดร้านกาแฟ ต้าร์เลยนัดมาร์คมาที่นี่ไง” ไกรศรตอบให้คนรักหายสงสัย
“ถ้าต้าร์คุยกับเพื่อนเพลิน กุ้งกับเพ้นท์กลับก่อนนะ” ช้องนางพูดออกตัว
“ไม่เพลินหรอก ถ้าอยากคุยไรเพิ่มเติมต้าร์จะไปส่งกุ้งกับเพ้นท์ที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปหาที่คุยต่อกับมาร์ค” ไกรศรบอกสองสาวให้สบายใจ “เรารีบลงไปกันเถอะ ต้าร์หิวแล้ว”
ทั้งสามก้าวลงจากรถยนต์ก่อนพากันเดินเข้าไปในร้านอาหารที่วันนี้มีคนมาใช้บริการเกือบเต็มทุกโต๊ะ และพอเขาและเธอไปถึงโต๊ะที่จองไว้ก็พบว่า คนชื่อมาร์คหรืออำนาจได้มาถึงก่อนหน้าไม่กี่นาที
“มาร์ค คนนี้แฟนฉันชื่อกุ้ง ส่วนนี้เพื่อนของกุ้งชื่อเพ้นท์”
“สวัสดีค่ะ” สองสาวพูดพร้อมกัน และไม่ได้ยกมือไหว้เนื่องจากไกรศรบอกว่าอำนาจคือเพื่อน แม้ว่าใบหน้าของอำนาจจะดูแก่กว่าไกรศรก็ตาม และท่าทางเหมือนคนมีเงินด้วย
“สวัสดีครับกุ้ง เพ้นท์” อำนาจทักทายกลับ
“นั่งเถอะ จะได้สั่งอะไรกินกัน ต้าร์หิวจนไส้บิดแล้ว”
การทานอาหารของทั้งสี่เป็นไปตามปกติ ไกรศรพูดคุยกับอำนาจเรื่องเปิดร้านกาแฟ ซึ่งไกรศรให้คำปรึกษาได้อย่างดี เนื่องจากไกรศรเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง ประสบการณ์ห้าปีทำให้ไกรศรรู้ว่าต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ซึ่งสองสาวไม่ได้สนใจกับการพูดคุยกับสองหนุ่มมากนัก และไม่ได้สังเกตสายตาของอำนาจที่มองช้องนางเป็นระยะ
หลังจากทานอาหารเสร็จและจัดการเรื่องค่าอาหารเรียบร้อย ทั้งสี่ได้เดินออกมาจากร้านอาหารตรงไปยังลานจอดรถหน้าร้าน
“ต้าร์จะไปส่งเพ้นท์ที่บ้านก่อนนะ แล้วจะเลยไปส่งไอ้มาร์คที่คอนโดเพราะอยู่แถวๆ บ้านเพ้นท์ ส่วนกุ้ง ต้าร์จะไปส่งเป็นคนสุดท้าย”
ไกรศรบอกสองสาวที่พยักหน้ารับรู้ เมื่อตกลงกันได้ สองหนุ่มสองหญิงจึงพากันขึ้นรถของไกรศรที่ติดเครื่องยนต์ นำผู้โดยสารไปส่งตามเป้าหมาย
Chapter 49หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ณ กรุงเทพมหานคร ราซิเอลโล่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตูห้องเช่าของเพชรหอมหลังจากเคาะประตูเป็นสัญญาณบอกเจ้าของห้อง ในมือเขาถือพวงมาลัยที่ใช้ไหว้พระมาด้วย เขาตั้งใจมอบให้หล่อนมากกว่าจะหาซื้อดอกไม้จากร้านขายดอกไม้ที่ดอกสวยๆ แพงๆ เพราะเขารู้สึกชอบพวงมาลัยแบบที่ตนถืออยู่ “อ่ะให้” ราซิเอลโล่ยื่นพวงมาลัยให้เพชรหอม หล่อนถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นพวงมาลัยไหว้พระ แล้วคิดว่าถึงเวลาเสียทีที่จะอธิบายให้เขาฟัง “คุณรู้ไหมว่า ดอกไม้ที่คุณให้ฉัน คนไทยเอาไว้ไหว้พระ เอาไว้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือบูชา ไม่ใช่เอามาให้ฉัน” “อ๋อเหรอ” เขาทำเสียงรับรู้ ก่อนฉีกยิ้มกว้าง “ฉันบูชาเธอไง รักด้วยบูชาด้วย เพราะฉะนั้นให้ได้” เพชรหอมระอากับความมึนของราซิเอลโล่ที่อธิบายให้ฟังก็แล้ว แต่ไม่คิดใส่ใจทำตาม “คุณทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉันไม่ใช่พระ ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณจะเอาพวงมาลัยมาให้ฉัน” “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมไม่ได้ ก็เธอยังให้คุณอาเลย มันกลมๆ เหมือนกัน ฉันจำได้” เขาเถียงสู้ “นั่นเขาเรียกกันว่ามาลัยไหว้ผู้
Chapter 48 “กุ้งไม่ลำบากหรอกค่ะ กุ้งเต็มใจค่ะ” ช้องนางไม่ห่วงนอน เพราะหล่อนเองก็ห่วงเขาเช่นกัน หล่อนลุกขึ้นจากเตียง เดินลงไปชั้นล่างและกลับขึ้นมาพร้อมกับกล่องใส่อุปกรณ์ทำแผล ช้องนางลงมือทำความสะอาดแผลให้เหนือเมฆที่ก้มหน้ามองดวงหน้าหวานสวยตลอดเวลา เขายิ้มกับภาพที่เห็น มันเหมือนกับภรรยาดูแลสามีอย่างไหนอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นรอยฝ่ามือเสือหาญบนแก้มหล่อน รอยยิ้มเขาหุบลงทันที แค้นใจคนที่ทำให้เกิดรอยนี้ อยากไปโรงพยาบาลตัดมือเสือหาญให้ขาด จะได้ไม่ไปทำเช่นนี้กับใครอีก “อุ้ย!” คนตัวโตสะดุ้ง เมื่อหล่อนเอาแอลกอฮอล์ทางลงบนบาดแผล หลังจากน้ำเกลือที่เหลืออยู่ก้นขวดหมด ช้องนางจึงใช้แอลกอฮอล์แทน “แสบหรือคะ” ช้องนางถาม “แสบที่สุดเลย กุ้งเป่าให้พี่หน่อยสิ” เขาอ้อน ช้องนางทำตาม เป่าลมตรงแผลของเขา “คราวนี้ก็โอ๋พี่ด้วย พี่จะได้หายแสบแผล” ช้องนางหน้าแดงกับคำพูดออดอ้อนของเขา ใจหล่อนจักกะจี้ ขวยเขิน และตลอดเวลาที่ทำแผลเขาก็ออดอ้อนหล่อนไม่เลิก แต่หล่อนก็ได้แต่นั่งหน้าแดง ทำแผลให้เขาจนเสร็จ “เสร็จแล้วค่ะ”หล่อนบอกเมื่อติดพลาสเตอร์
Chapter 47ภายในรถซุปเปอร์คาร์ช้องนางถูกเสือหาญทำร้ายด้วยการตบและจิกหัว และเหมือนจะเป็นสัญชาตญาณของคนถูกทำร้ายที่ต้องปัดป้องตัวเอง ปลายเล็บแหลมคมข่วนเข้าที่ใบหน้าของเสือหาญจนเกิดเลือดซิบ นำพาความเจ็บมาให้เขาพอสมควร และไม่เพียงแค่หน้าเท่านั้นที่ถูกเล็บขูด ลำคอเขาก็เช่นกัน“ร้ายนะนักมึง”เสือหาญกระชากศีรษะช้องนาง เงื้อมือหมายจะฟาดลงบนแก้ม ทว่าเสียงเหมือนคนนำของแข็งทุบกระจกรถข้างคนขับจนมันแตกละเอียด ทำให้คนในรถหันไปมอง“พี่เหนือ”ช้องนางทั้งดีใจและตกใจที่เห็นเขา ทว่าเสือหาญมีเพียงความรู้สึกเดียวคือ ตกใจ“ไอ้เหนือ” เสือหาญเรียกชื่อเจ้าของรถ และรับรู้ความเสียเปรียบของตน เพราะตอนนี้เขานั่งอยู่ในรถ ปืนก็ตกไปอยู่ด้านล่างพื้นรถ เขาจึงไม่มีอาวุธต่อสู้เหนือเมฆนอกจาก...วินาทีเสือหาญนึกถึงมีดพกของตน “เออกูเอง” เหนือเมฆพูดขึ้น กระชากคอเสื้อเสือหาญ ทว่าความเป็นโจรที่มีในตัว และรู้วิธีเอาตัวรอด เสือหาญจับข้อมือเหนือเมฆแล้วกดให้ต่ำลงทำให้เหนือเมฆเกิดความเจ็บเหมือนข้อมือจะหัก ทว่าเจ้าของไร่เมฆาอดทนกับความเจ็บไม่ปล่อยเสือหาญไปง่ายๆ เสือหาญจึงหยิบมีดพกออกจากกระเป๋ากางเกง กดปุ่มให้มีดแหลมคมเด้งออก
Chapter 46กลางดึกจังหวัดราชบุรี ตามแผนการของเสือหาญ เมื่อได้รถยนต์และทรัพย์สินที่ตั้งใจไว้ เสือหาญ ม้วน ดาวและโด่งจะขับรถแยกกันไปคนละทาง ไปเจอกันยังจุดนัดหมาย แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามแผนทั้งหมด ทว่าพวกเขาทำตามแผนที่ว่า ขับรถแยกไปคนละทิศทาง แล้วไปเจอกันที่โกดังแห่งหนึ่งในอำเภอโพธาราม เพราะโกดังแห่งนั้นมีรถบรรทุกคันใหญ่พร้อมตู้คอนเทนเนอร์ของคนที่จะรับซื้อรถหรูทั้งสี่คันรออยู่ รถคันหรูที่เสือหาญขับทะยานอยู่บนถนน มีตัวประกันสาวนั่งหายใจหายคอไม่สะดวกอยู่เบาะด้านข้าง ช้องนางนั่งตัวตรงแน่วมองถนนเบื้องหน้า สลับกับมองหน้าเสือหาญที่เวลานี้ถอดหมวกไอ้โม่งออก เผยให้เห็นใบหน้าชัดเจน ก่อนหล่อนจะหลุบตามองปืนที่วางอยู่ช่องใกล้กับเกียร์รถยนต์ ช้องนางไม่ได้นั่งนิ่งเฉย หล่อนพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด ใจโจรยากแท้หยั่งถึง ถึงที่หมายแล้วเสือหาญอาจยิงตนทิ้งก็ได้ เนื่องจากหล่อนเห็นใบหน้าของเขา หล่อนกำลังนึกถึงคำนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่จะด้วยวิธีใด ช้องนางคิดไม่ตก ในขณะเดียวกันเดชดวงที่ขับรถตามมาไม่ห่าง เหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อจะไล่ตามรถซุปเปอร์คาร์ที่มีพลังแรง
Chapter 45ณ โรงพยาบาลจังหวัดภูเก็ต ภายในห้องพักฟื้นวีไอพี ร่างคนถูกรถชนนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ ตรงหลังฝ่ามือมีเข็มน้ำเกลือปักอยู่ ตามร่างกายเขามีรอยฟกช้ำจากการถูกรถยนต์กระแทก และผลจากการปะทะทำให้ตัวเขาไถลไปบนถนน ส่งผลให้ตรงหัวไหล่เกิดรอยถลอก ใบหน้ามีรอยช้ำ นานโอสั่งให้แพทย์เอ็กซเรย์สมองว่ากระทบกระเทือนหรือไม่ ผลที่ออกมาทำให้นานโอกับเพชรหอมโล่งอกส่วนเรื่องคดี นานโอเคลียร์กับเจ้าของรถคันนั้น และตกลงกันได้ด้วยดี เนื่องจากเจ้าของรถไม่มีความผิด เขาขับรถมาตามปกติ คนที่ผิดคือราซิเอลโล่ นานโอชดใช้ค่าซ่อมรถให้นายแพทย์เจ้าของรถ และออกค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวหลานชายเองทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิดเดียว นานโอกลับอยากเขกหัวหลานชายที่ทำอะไรโดยไม่คิด แต่ก็รู้เหตุผลของการกระทำนั้น แม้ว่าราซิเอลโล่จะไม่เป็นอะไรมากนอกจากรอยฟกช้ำดำเขียว ทว่าเขากลับยังไม่ฟื้น ยังคงนอนหมดสติตั้งแต่ถูกรถชนจนถึงตอนนี้ก็นานร่วมสี่ชั่วโมงเพชรหอมที่เฝ้าราซิเอลโล่ไม่ห่างยังมีความกังวลไม่หาย หล่อนจะสบายใจก็ต่อเมื่อเขาฟื้น เหตุการณ์ที่ราซิเอลโล่วิ่งให้รถชนแลกกับที่เพชรหอมให้อภัย หล่อนไ
Chapter 44ทว่าเท้าเล็กชะงักเมื่อเดินลงมาถึงที่พักบันไดที่อีกไม่กี่ขั้นก็จะถึงชั้นล่าง ดวงตาช้องนางขยายกว้าง ความตกใจระบายเต็มดวงหน้า เมื่อเห็นชายสามคนสวมหมวกไหมพรมอยู่ในห้องรับแขก พวกเขาถือปืนอยู่ในมือทุกคน หนึ่งในสามหันมามองหล่อนพอดี“กรี๊ด!” ช้องนางกรีดร้องลั่นบ้าน เสียงของหล่อนดังไปถึงข้างบน คนหูเบาที่นอนอยู่ในห้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งหันมาตรงลิ้นชักหัวเตียง หยิบปืนที่วางอยู่ออกมาแล้วรีบลุกเดินออกไปจากห้อง“เฮ้ย จับมันไว้”เสือหาญสั่งม้วนที่อยู่ใกล้กับบันได ม้วนรีบทำตามก้าวเท้าวิ่งไปตามบันได ช้องนางที่อยู่ในอารามตกใจ ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เห็นม้วนก้าวยาวๆ มาหาตนแต่ขาก็ก้าววิ่งหนีไม่ได้ ได้แต่กรีดร้อง“ปิดปากมันด้วยสิวะ แหกปากซะดัง” เสือหาญสั่งม้วนที่ใช้อีกมือปิดปาก แขนก็ยกร่างเล็กที่สะบัดเท้าไปในอากาศขัดขืนเต็มที่“เฮ้ย! พวกมึงเป็นใคร ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้นะ”เสียงเหนือเมฆดังขึ้น เขามองกลุ่มคนที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าโจร...โจรที่กล้าล้วงคองูเห่า มันไม่ตายดีแน่ ยิ่งคิดทำร้ายช้องนาง โทษมีเพียงอย่างเดียวคือ ตาย“อือ...อือ” ช้องนางมองหน้าเหนือเมฆที่ยกปืนเล็งมายังกลุ่มโจร โดยมีเดชดวงถือปืนวิ่ง