“วินทร์ขา มาทำอะไรที่นี่คะเนี่ยไม่เห็นจะบอกชมพู่เลย” ชมพูนุชเห็นแฟนหนุ่มเดินมาพร้อมกับเอกสาร จึงรีบเอ่ยทักแล้วเดินเข้าไปกอดแขนอย่างเป็นเจ้าของ
“มาประชุมครับ ผมพึ่งรู้เมื่อกี้เองอเดี๋ยวคุณศิวะก็คงตามอีกคน เราไปรอในห้องประชุมกันดีกว่านะชมพู่” กวินทร์เอ่ยบอกแฟนสาวสุดสวยออกไป ก่อนจะมองที่รินลดาด้วยสายตารู้สึกผิดที่เขานอกใจเธอมาคบกับชมพูนุช
“ค่ะ อยู่แถวนี้ชมพู่ก็เบื่อเหมือนกันเราไปรอข้างในกันก็ดีค่ะ” ชมพูนุชเอ่ยบอกก็เดินกอดแขนของกวินทร์เข้าไปในห้องประชุม ส่วนรินลดาก็ได้แต่มองอย่างสมเพช คนหนึ่งก็เลวคนหนึ่งก็ชั่วก็สมกันดี เธอยอมรับว่าเสียใจที่กวินทร์นอกใจเธอไปคบกับชมพูนุช แต่พอได้ฟังเหตุผลที่เขาบอกมา มันก็ทำให้เธอไม่เสียใจที่เลิกกับผู้ชายคนนี้เลยสักนิด เพราะเหตุผลที่เธอเลิกกับกวินทร์ก็เพราะเธอเป็นแค่ยัยแว่นเฉิ่มๆไม่สวยเท่าชมพูนุช และเธอก็ไม่ยอมนอนกับเขา เหตุผลแค่นี้แหละที่เขาเลิกกับเธอ เธอจึงไม่เสียใจที่เขาบอกเลิกเขาไป แต่กลับดีใจด้วยซ้ำที่ชมพูนุชเอากวินทร์ออกไปจากชีวิตของเธอ
“อ่าวทับทิม ยังไม่เข้าห้องประชุมอีกเหรอ ยืนเหม่อคิดอะไรอยู่” เมษาหัวหน้าแผนกเอ่ยขึ้นด้านหลัง เมื่อเห็นลูกน้องสาวยังยืนอยู่ด้านหน้าห้อง
“เปล่าค่ะ ทับทิมกำลังจะเข้าไปพอดีเลยค่ะพี่เม” รินลดาเอ่ยบอกเมษาด้วยรอยยิ้มเก้ๆกังๆ แล้วเดินเข้าไปด้านในห้องประชุม โดยมีเมษาตามเข้าไปด้วย จากนั้นทุกคนก็รอให้ศิวะมาเพื่อชี้แจงรายละเอียดต่างๆของงานอยู่เงียบๆ จนศิวะเดินเข้ามาพร้อมกับไอรินเลขาส่วนตัว ที่พ่วงด้วยตำแหน่งคู่หมั้นของศิวะ
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ ที่ผมนัดพวกคุณมาประชุมก็เพราะผมจะให้แผนกของพวกคุณเป็นตัวแทนของบริษัทเรา ไปดูงานร่วมกับสาขาอื่นๆของบริษัทที่นครดูไบ งานนี้ผมต้องการให้คุณเมษา คุณชมพู่ และก็คุณกวินทร์ไปเป็นตัวแทนของบริษัท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น” ศิวะเอ่ยบอกออกไปจนแต่ละคนที่มีชื่อได้แต่ยิ้มหน้าบาน ส่วนทับทิมพอไม่มีชื่อของตัวเองก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง เธอก็ไม่เคยเป็นคนที่ถูกเลือกตลอด
“แล้วงานครั้งนี้เราต้องไปทำอะไรบ้างคะคุณศิวะ” เมษาเอ่ยถามออกไป เพราะอยากจะทราบรายละเอียด แต่ในใจอยากจะให้รินลดาไปมากกว่าชมพูนุช เพราะเธอชอบเด็กที่มีอัธยาศัยดีแบบรินลดามากกว่า
“งานนี้เราแค่ไปร่วมแสดงความยินดีกับผู้บริหารของบริษัท และร่วมงานเลี้ยงของบริษัทที่จะจัดเป็นเวลาสองอาทิตย์ เรียกง่ายๆก็คือพากันไปเที่ยวนั่นแหละ แต่ตอนพูดคุยกับท่านประธานคนเก่าเราต้องใช้ภาษาอาหรับเท่านั้น เพราะท่านจะดูความสามารถคนของเรา ผมก็เลยจะให้รินลดาไปด้วยอีกคน” ศิวะเอ่ยบอกกับทุกคนออกไป ก็หันไปหาทับทิมที่นั่งก้มหน้าฟังอยู่ ก่อนที่เธอจะเงยหน้ามองเขาอย่างอึ้งๆ
“ทับทิมได้ไปด้วยเหรอคะ” รินลดาเอ่ยถามแบบงงๆที่อยู่ๆศิวะก็บอกว่าเธอก็ได้ร่วมทริปนี้ไปด้วย
“ใช่ เพราะภาษาอาหรับของคุณอยู่ในระดับที่ดี ผมเลยอยากจะให้คุณไปเป็นล่ามในครั้งนี้ แต่คุณต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับงานครั้งนี้” ศิวะเอ่ยบอกออกไป เพราะหากเขาจะพารินลดาไปจริงๆ รินลดาจะต้องเปลี่ยนบุคลิกใหม่ให้เหมาะสมมากกว่านี้
“เปลี่ยนบุคลิกภาพ” รินลดาทวนคำแล้วกลืนน้ำลายลงในลำคอทันที เพราะเธอชอบการแต่งตัวแบบนี้มากกว่า มันทำให้เธอสบายใจมากกว่าต้องมานั่งแต่งหน้าแต่งตัวไปวันๆ
“ใช่ เรื่องนี้ผมจะให้คุณไอรินเป็นคนจัดการ คุณแค่มีหน้าที่ทำตามเท่านั้น อ่อ ลืมบอกไป ไม่ใช่แค่รินลดาคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นทุกคนที่จะร่วมไปในครั้งนี้ทุกคน” ศิวะเอ่ยบอกออกไป
“ทุกคนเลยเหรอคะคุณศิวะ” ชมพูนุชเอ่ยถาม เพราะทุกคนไม่ได้เชยเฉิ่มแบบรินลดา ทำไมต้องเปลี่ยนแปลงบุคลิกด้วย
“ใช่ เพราะเราไปที่ดูไบ บ้านเมืองและวัฒนธรรมของเขาต่างจากเรามาก แล้วท่านประธานใหญ่ก็เป็นคนอาหรับและเขาก็เป็นคนที่เคร่งในวัฒนธรรมของเขามาก เราจะไปทำเสียชื่อเสียงไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องทำ” ศิวะเอ่ยบอกออกไป เพราะหากเกิดปัญหาเขาอาจจะถูกเด้งจากการเป็นผู้บริหารสาขาที่ประเทศไทยก็ได้ สู้เขาลงทุนทำแบบนี้จะเป็นการดีกว่า
“แล้วเราจะไปเมื่อไหร่คะคุณศิวะ” เมษาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“อีกสามอาทิตย์หลังจากนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะเตรียมตัวทันนะครับ โดยเฉพาะคุณรินลดา” ศิวะเอ่ยบอกแล้วย้ำไปที่รินลดา เพราะรินลดาเป็นคนเดียวที่มีบุคลิกที่ต้องจัดการหนักกว่าทุกคน
“ค่ะ คุณศิวะ” รินลดาเอ่ยตอบก็มองไปที่เพื่อนสาวด้วยสายตาละห้อย จนไอรินที่มองตอบต้องส่ายหัวใส่กลับมา
“งั้นเดี๋ยวรายละเอียด เชิญคุณไอรินบอกกับทุกคนให้ผมที” ศิวะเอ่ยบอกให้ไอรินที่เป็นทั้งเลขาและคู่หมั้นของเขาเป็นคนจัดการบอกรายละเอียดต่างๆ
“ค่ะ จากที่คุณศิวะบอกไปนะคะ เราจะเริ่มเรียนคอร์สเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพให้ถูกตามวัฒนธรรมของชาวอาหรับกันในวันพรุ่งนี้นะคะ ส่วนคุณรินลดาจะต้องเรียนแยกกับทุกคนนะคะ เพราะคุณรินลดาจะต้องเปลี่ยนแปลงเยอะกว่าทุกคน เพราะว่าคุณต้องเจอกับท่านประธานโดยเฉพาะ คุณจึงต้องหนักกว่าคนอื่นๆ แต่การแต่งกายคุณต้องไปจัดการเองนะคะ” ไอรินเอ่ยบอกเพื่อนสาวด้วยคำพูดอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเธอต้องรักษากริยามารยาทให้เหมาะสมในที่ทำงาน
“ค่ะ ทับทิมจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยเสียงเบา
“ค่ะ ส่วนเรื่องเดินทาง เราจะเดินทางไปทั้งหมดหกคนนะคะ โดยทางบริษัทจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้รวมถึงค่ากินค่าที่พักให้ โดยมีเบี้ยเลี้ยงต่อวันให้ท่านละสองหมื่นบาทไทย ทั้งหมดก็มีแค่นี้ค่ะ ไม่ทราบว่ามีใครจะถามอะไรอีกไหมคะ” ไอรินเอ่ยถามออกไป แล้วมองที่ทุกคน
“พวกผมต้องฝึกกี่วันครับ” กวินทร์เอ่ยถามออกไป
“สามวันค่ะ ทุกคนจะเข้าคอร์สกันแค่สามวันเท่านั้นค่ะ อ่อลืมบอกไป หลังจากนี้ให้คุณรินลดาพักงานเพื่อเตรียมตัวจนถึงวันเดินทางนะคะ ส่วนคนอื่นๆจะได้หยุดสามวันก่อนเดินทางเพื่อเตรียมตัวค่ะ” ไอรินแจ้งบอกออกไป จนทุกคนทำหน้ายิ้มดีใจ มีก็แต่ชมพูนุชที่แอบอิจฉารินลดาในใจที่ได้หยุดนานกว่าคนอื่น แต่กับรินลดากลับเป็นงานหนัก เพราะไม่รู้จะต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนตัวเองยังไงบ้าง
“งั้นก็จบการประชุมแค่นี้ก็พอ หากมีอะไรผมจะเรียกประชุมอีกครั้ง เลิกประชุมครับ” ศิวะเอ่ยบอกกับทุกคน เมื่อแจ้งข่าวกับทุกคนครบทุกอย่างแล้ว จากนั้นทุกคนก็ทยอยออกไปจนถึงรินลดาคนสุดท้าย
ด้านรินลดาที่เดินออกมานั่งที่สวนด้านหลังก็เล่าให้น้องสาวฟังกับเรื่องที่เธอนั้นโมโหคาเรนมาอย่างอัดอั้น เพราะเธอไม่รู้จะไประบายกับใครแล้ว ก็มีแค่วาสิตานี่แหละที่จะช่วยรับฟังเธอได้“พี่ทับทับก็ให้เวลาพี่คาเรนเขาหน่อยสิคะ นี่พี่จะเอาลูกพี่ก็จะเอาปุ๊บปับเลยแบบนี้ เขาก็คงจะยังไม่พร้อมมั้งคะ” วาสิตาพูดไปอย่างไม่รู้จะช่วยพูดยังไงดี เพราะก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งสองดีว่าต่างฝ่ายต่างก้มีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน“ไม่พร้อมอะไรกัน นี่ไม่ใช่ลูกคนแรกสักหน่อย เฮ้อ...พี่ว่าเขาไม่ได้รักพี่จริงๆหรอก” รินลดาคิดไปแบบน้อยใจ“ถ้าพี่คาเรนไม่ได้รักพี่จริงๆ เขาจะตามไปง้อพี่ถึงไทยจนได้แต่งงานมีครอบครัวแบบนี้เหรอคะ พี่ทับทิมอย่าน้อยใจไปเลยค่ะ เดี๋ยวพี่คาเรนเขาก็ยอมมีลูกอีกคนกับพี่เองแหละ...”วาสิตาพูดไปแบบมั่นใจ เพราะคาเรนตามใจพี่สาวของเธอจะตายไป เธอว่ายังไงเรื่องนี้เขาก็ต้องตามใจพี่สาวเธอแน่ๆ“จะยอมเหรอ เขาเอาแต่อ้างว่ากลัวพี่เจ็บอยู่นั่นแหละ ตัวก็ตัวพี่ พี่เจ็บของพี่ได้ พี่ก็ทนได้ไหมล่ะ เขาจะมากลัวพี่เจ็บทำไมกัน...พูดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดอ่ะ เดี๋ยวก็หาผัวใหม่ซะเลย..” รินลดาพูดไปแบบอดไม่ได้“หาใหม่ก็ไม่ได้แบบนี้แล้วนะ
“อ่าส์...ซี๊ด...คุณก็อดทนไว้สิ เหมือที่คุณบอกกับผมไงที่รัก....อ่าส์...” คาเรนพูดบอกไปแล้วยิ้มออกมาอย่างชอบใจ เพราะทีนี้เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าเขาทรมานยังไงที่จะเสร็จแต่ได้เสร็จน่ะ“อ้ะ...คุณอย่ามาแกล้งกันแบบนี้สิคะ อ้ะ อ้ะ ...มันเสียวนะคะ...อื้อ...ฉันไม่ไหวแล้ว...อ้ะ อ้ะ...ซี๊ด...” รินลดาบอกไปยังไม่ทันจบร่างกายของเธอก็เกร็งกระตุกอย่างเสียวกระสันเลย เพราะถูกเขากระแทกรัวๆแบบไม่พักแบบนั้น“โอว์....ฟัก....ตอดโคตรแน่นเลย...อื้อ....ซี๊ด....” คาเรนพูดด้วยเสียงกระเส่า เมื่อร่องสาวของเมียรักตอดขมิบท่อนเอ็นของเขาจนแน่น ทำให้เขานั้นเอามือดันตัวเธอขึ้นแล้วดึงท่อนเอ็นออกมา เพราะเขาเองก็จะน้ำแตกแล้วเช่นกัน“พรึบ...อ้ะ...อย่ามาเนียนนะคะ คุณต้องแตกในตัวฉัน อ้ะ...อ้ะ อ้ะ...” รินลดารู้ทันเกมส์ของเขา เธอเอามือไปจับท่อนเอ็นของเขาแล้วเสียบใส่ร่องสาวของเธออีกครั้ง แล้วเธอก็ขย่มท่อนเอ็นของเขาไปแบบแรงๆ แบบขึ้นสุดลงสุดอย่างสะใจเลย“โอว์....ที่รัก....อื้อ....อย่า....อ้ะ....ซี๊ด....อื้อ....” คาเรนทำหน้าจุกๆออกมาแล้วเขาก็กัดฟันแน่นแล้วเขาก็พยายามอดทนไม่ให้ตัวเองแตกในร่องสาวของเธอ แต่ให้ตายเถอะ ร่องสาวของเธอมันโคตรเย
“ไอ้นี่ เหลนฉันยังไม่ทันโตเลยก็คิดจะจับเหลนฉันกับเหลนแกแล้วเหรอวะ...ไม่เอาๆ ฉันไม่อยากจะตกลงกับแกเลย เดี๋ยวคาเรนกับคามีลมันรู้ มันก็มาด่าฉันอีกที่ไปจับคู่ให้ลูกๆมันน่ะ...รอให้เด็กๆโตแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน...” ลาฮิมปฎิเสธไปทันที เพราะเขาไม่อยากจะมีปัญหากับหลานของเขา มันหวงลูกพวกมันขนาดนั้น เขาจะกล้าตอบรับยังไงล่ะ“ฮ่าๆ...ตอนนี้กลัวหลานแล้วเหรอวะ แกนี่เปลี่ยนไปมากจริงๆ...” ซูรัสพูดไปด้วยรอยยิ้มขำๆ“ไม่ได้กลัวโว้ย ฉันแค่เคารพการตัดสินใจของหลานและเหลนฉันเท่านั้น พวกเขาจะรักใครชอบใคร ฉันก็แล้วแต่พวกเขาจะเลือก ฉันไม่อยากให้มันซ้ำรอยเหมือนกับพ่อแม่ของคาเรน...” ลาฮิมพูดไปเพราะมันทำให้เขารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้เลย ที่ไปกีดกันความรักของลูกๆ จนเขาเกือบจะเสียคาเรนไป“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้แกก็เลี้ยงคาเรนมาอย่างดีจนมีครอบครัวที่มีความสุขแล้ว ลูกชายกับลูกสะใภ้ของแกคงรับรู้แล้วล่ะว่าแกรู้สึกผิดจริงๆ แกอย่าพูดถึงอดีตสิวะ วันนี้วันเกิดแกนะโว้ย มีความสุขหน่อยสิวะ” ซูรัสพูดไปแล้วตบไหล่เพื่อนหนุ่มไป“คุณปู่คะ เห็นพี่คาเรนกับทับทิมไหมคะ...” เคียร่าที่อุ้มหลานแฝดซันและซีนอลมากับพี่เลี้ยงนั้นเดิ
“อ้ะ อ้ะ นี่ขนาดคุณเสียวนะคะ...กระแทกเอา กระแทกเอาเลย...อ้ะ อ้ะ...ที่รัก....ฉันชอบดุ้นของคุณจังเลยค่ะ อ้ะ....ซี๊ด...” วาสิตาบอกเขาไปพร้อมกับสีหน้าเสียวสะท้าน“ไม่บอกผมก็รู้ว่าคุณชอบ...อ่าส์...ตับ ตับ ตับ ตับ...โดนกระแทกแบบนี้ คุณยังจะเหม็นผมอยู่อีกไหม....อ่าส์...” คามีลพูดไปแล้วเขาก็มองเธอด้วยสีหน้าหื่นๆ แล้วเร่งแรงตอกกระแทกไปอีกรัวๆ“โอ๊ย....ที่รัก...เบาหน่อยค่ะ ฉันท้องอยู่นะคะ...อือ...อย่าลืมสิคะ...ลูกค่ะลูก...อื้อ....ซี๊ด....” วาสิตาร้องบอกเขา เพราะเขาไม่ผ่อนแรงเลย เอาแต่กระแทกจนเธอรู้สึกว่าหัวท่อนเอ็นของเขามันเข้าไปชนจนสุดผนังร่องของเธอแล้ว“อ่าส์..ผมขอโทษ...ก็ผมคิดถึงคุณนิ อ่าส์....งั้นเปลี่ยนท่า....พรึบ....” คามีลพูดไปก็ล้มตัวนอนลงไปแล้วเขาก็จับตัวเธอขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวเขา“ขย่มเลยที่รัก ผมให้คุณควบคุมเองเลย..อืม...อยากจะเสียวแค่ไหนก็ขย่มมาเลย” คามีลบอกไปแล้วเขาก็นอนมองเรือนร่างสุดเอ๊กซ์ของเมียรักไป แล้วก็เอื้อมมือไปบีบขย้ำหน้าอกของเธออย่างหมั่นเขี้ยว“อ้ะ ค่ะ...ฉันจะขย่มให้สะใจเลยค่ะ...อือ...ที่รัก....จะเอาท่าไหนดุ้นคุณมันก็แทงจนจุกอยู่ดี....อ้ะ...อ้ะ...อื้อ....ซี๊ด...” วาสิตา
จนคามีลมองเธอแบบตกใจที่อยู่ๆเธอก็ทำหน้าเศร้าเหมือนคนจะร้องไห้ออกมาแบบนั้น เขาก็รีบนั่งลงตรงหน้าของเธอแบบห่างๆเพราะไม่อยากให้เธอเหม็นกลิ่นตัวเขา“คุณไม่ต้องขอโทษผมเลยที่รัก ไม่เป็นไรนะ...คุณกำลังท้องอยู่อย่าคิดมากนะ พรุ่งนี้เราสองคนค่อยไปหาหมอดูเผื่อจะแก้ไขอะไรได้ คุณไม่ต้องคิดมากนะ..ผมรักคุณนะ...” คามีลพูดบอกไปแล้วเขาก็เอื้อมมือไปจับมือของเธอแล้วเงยหน้ามองสบตากันอย่างหวานซึ้ง เพราะเขาจะโทษเธอได้ยังไงล่ะ ถ้าเธอท้องอยู่และแพ้แบบนี้ เขาก็ยิ่งต้องเข้าใจเธอสิ“ฉันก็รักคุณค่ะ...และฉันก็อยากจะมีความสุขกับคุณด้วย...” วาสิตาพูดตอบไปแล้วเธอก็มองอย่างหื่นๆ ด้วยความเสียดาย เพราะเธออยากจะเอากับเขาให้ชื่นใจ แต่เธอก็ดันมาเหม็นตัวเขาอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ มันน่าโมโหจริงๆ“ไม่เป็นไรนะคะ เราสองคนก็มีความสุขกันแบบอื่นได้นิ...ผมไม่ทำให้คุณเหงาหอยหรอกที่รัก ผมรู้ว่าคุณมีความต้องการสูง...” คามีลพูดบอกไปแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์“คะ...? คุณจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเข้าใกล้คุณมากๆไม่ได้” วาสิตาถามไปอย่างอยากรู้“แต่ใกล้แค่นี้คุณก็ไม่ได้เหม็นตัวผมไม่ใช่เหรอ....ผมว่าเราสองคนก็ยังพอจะสนุกกันได้นะที่รัก....” คามีล
“ บางทีฉันอาจจะแค่แพ้...อ่อ ฉันไม่เป็นไรค่ะ นอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้นแล้ว แต่คุณรีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ..อาจะเป็นเพราะกลิ่นตัวคุณเลยทำให้ฉันเหม็นจนเวียนหัว....” วาสิตาบอกไป เพราะตอนนี้เธอยังไม่อยากจะบอกเขาว่าเธอท้องลูกคนที่สองแล้ว เธออยากจะไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจ“อ่อ โอเคๆ ผมจะอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย...คุณมานั่งพักก่อนมา...” คามีลบอกไปก็เข้าไปประคองตัวเธอ“ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเอง คุณไปอาบน้ำเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันไม่เป็นไร...” วาสิตารีบบอกไป เพราะเขายิ่งไกลเธอก็ยิ่งเหม็นจนอยากจะอ้วกขึ้นมาอีก“โอเคๆ งั้นผมจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ” คามีลรีบบอกไปก็รีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำตามที่เธอต้องการทันทีพอคามีลเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำแล้ววาสิตาก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที เธอก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วก็ครุ่นคิดกับอาการของเธอ“เมื่อก่อนคุณคามีลเขาก็ไม่ได้ตัวเหม็นนิ...ทำไมตอนนี้มันถึงได้เหม็นจนอยากจะอ้วกแบบนี้นะ...นี่เธอคงไม่ได้แพ้ท้องเหม็นขี้หน้าผัวตัวเองหรอกมั้ง...” วาสิตาพูดออกไปอย่างเดาๆ เพราะอยู่ๆเธอก็เหม็นตัวเขาแบบนี้ มันยังจะมีอะไรนอกจากนี้อีกเหรอ“ไม่มั้ง...ตอนท้องนาเดียเราก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยนิ...วันน