“เทย่าก็แค่...” เธอกำลังจะเถียงต่อทว่าเขาแทรกขึ้นเสียก่อน
“ผมจ่ายเงินคุณ คุณสิต้องเมคเลิฟให้ผมถึงจะถูก หรือว่าไม่เอา หืม” “เอาค่ะ เอาเงินแล้วเอาคุณด้วย” พูดจาตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน เขาคิด “คืนนี้ยกให้ แต่ห้ามขอมาก เพราะเราตกลงกันแล้ว” เขาบอกเสียงเรียบอีกครั้ง “เท่านี้ก็ปลื้มจะแย่ที่เทย่าเป็นคนที่คุณเลือก” เธอยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเขา และขบที่ติ่งหูเบาๆ ก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งคร่อมเขาบนสะโพกอีกครั้ง พลางมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาแพรวพราวใต้เงาสลัว แต่เขามองเห็นชัดเจนว่าเธอกำลังมีความต้องการ จากนั้นเธอก็ขยับตัวลงไปแทรกกายอยู่ระหว่างขาของเขาพลางเอื้อมมือลงไปลูบไล้กายแกร่งที่เพิ่งจะหลับไหลหวังจะกระตุ้นให้มันตื่นตัวอีกครั้ง คาเมรอนมองหญิงสาวด้วยแววตาวาวโรจน์และหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่มือเรียวสวยกำลังกอบกุมกายชายเอาไว้แน่น ก่อนจะขยับรูดขึ้นลงอย่างช้าๆ ดวงตาแสนเย้ายวนตวัดมองเขาอย่างมีชั้นเชิง เพื่อสังเกตอาการตอบรับ แต่เมื่อเห็นว่าเขายังนิ่งอยู่เธอจึงเร่งความเร็วเพิ่มมากขึ้น กระทั่งความปรารถนาที่เพิ่งหลับก็ตื่นตัวสู้มืออีกครั้ง คาเมรอนพยายามกัดฟันแน่นเพื่ออารมณ์เสียวซ่าน จนต้องขมวดคิ้วเป็นเลขแปด พร้อมกับผ่อนลมหายใจเข้าออกเบาๆ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวเมื่อมือสวยสุดช่ำชองรุกเร้าอย่างหนักจนต้องขยับสะโพกรับ แต่ก็ยังกัดฟันกรอดๆ กระทั่งหมดความอดทนจนเผลอครางออกมาเบาๆ “อืม อ่า เยี่ยม” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าแผ่วเบา ขณะที่มือเรียวสวยก็จับกายแกร่งขยับขึ้นลงระรัวเร่ง จากนั้นเธอจึงก้มใบหน้าลงอย่างช้าๆ สายตาตวัดช้อนมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาซึ่งกำลังลุกโชนพอๆ กัน “ฉันจะทำให้สุดความสามารถ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงยั่วยวนที่สุดทว่าเขากลับหัวเราะในลำคอเบาๆ “หึๆ งั้นก็จัดการซะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พลางเอื้อมมือไปกดศีรษะเธอ ลงชิดกับสะโพก จากนั้นริมฝีปากเอิบอิ่มจึงได้เผยอ้าครอบครองกายชายที่ขึงขัง อลังการเสียจนเต็มล้น แล้วขยับริมฝีปากรูดเข้าออกช้าๆ “อ่า... อืม” เขาครางออกมาอย่างสุดจะกลั้นพลางกัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ “อืม” เธอครางงึมงำในคำคอด้วยความพอใจเช่นกัน พร้อมกับการครอบครองดูดดื่มความเป็นชายชาตรีของคาเมรอนที่สาวๆ หลายคนก็อยากจะครอบครอง เสียงดูดดื่มเร่าร้อนระเร่งรัวเข้าออกมาอย่างรวดเร็ว ศีรษะของเธอขยับขึ้นลงราวกับไม่เหน็ดเหนื่อยพร้อมกับมือที่ช่วยจับเอาไว้ “อ่า เยี่ยม เทย่า คุณสุดยอด” เขาออกปากชมน้ำเสียงแหบพร่าแผ่วเบา แต่สะโพกกลับขยับยกขึ้นลงเป็นจังหวะพลางเอื้อมมือไปจับศีรษะเธอเอาไว้เพื่อควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ “อืม เร่งอีกสิคนเก่ง” เขาสั่งอีกครั้งพร้อมกับหลับตาแต่พยายามกัดฟันเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เสียงครางเล็ดลอดออกมามากนัก และเมื่อร่างกายสุดจะทนเขาจึงดันเธอออกและรั้งให้ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง จากนั้นใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ๆ กระซิบแผ่วเบา สั่งให้เธอทำในสิ่งที่เขาปรารถนา “หันหลังมา” เมื่อได้รับคำสั่งใหม่เทย่าไม่รอช้า รีบขยับไปทางหัวเตียงก่อนจะโน้มตัวลงไปข้างหน้า ศีรษะแทบจะแนบลงไปกับหมอน ขณะที่เขาขยับมาอยู่ทางบั้นท้ายสวยๆ มือหนาเอื้อมไปจับสะโพกกลมกลึงแล้วขยับให้ยกขึ้น เสมอกับสะโพกของเขา “โอ้ว! รุนแรงจังค่ะ” ปากเธอบอกว่าเขารุนแรงทว่ากลับชอบเพราะมันเร่าร้อน และสนองด้วยการแอ่นสะโพกเพื่อให้เขาแทรกตัวเข้ามาหา “แล้วชอบแบบนี้หรือเปล่า หืม” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ทว่าผู้หญิงที่ช่ำชองเชิงรักแบบนี้ ได้ทุกท่วงท่าแบบไม่ต้องถามอยู่แล้ว “อืม ค่ะ เร็วสิคะคาเมล ได้โปรด” เธอหันหน้ามาบอกก่อนจะซบหน้าลงไปกับหมอน เขาไม่รอช้าแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปหยิบเอาถุงยางอนามัยที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมอนออกมาสวมใส่อีกครั้ง เสร็จแล้วจึงรีบเบียดสะโพกเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะจับกายแกร่งกดแทรกผ่านทางสวาทแสนเร่าร้อนทางใหม่ “อ๊ะ! อืม อา!” เธอครางลั่นเมื่ออาวุธลับขนาดอลังการคับแน่นอยู่บริเวณบั้นท้ายสวยๆ และจมดิ่งลึกล้ำกระทั่งสุดทาง จนสะโพกแกร่งเบียดแน่นกับบั้นท้ายเต่งตึงก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ เพื่อทำให้เส้นทางดูง่าย เมื่อทุกอย่างโล่งสะโพกแกร่งจึงขยับเข้าออกอย่างรวดเร็ว “อ๊ะ! คาเมล อืม! อืม! โอ้ว!” เธอร้องครางอย่างไม่อายเมื่อกายแกร่งเสียดสีเข้าออกทางสวาทสายที่สองอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านทำให้เธอถึงกับเอื้อมมือลงไปปรนเปรอตัวเองด้วยการเค้นคลึงอกอวบ ส่วนมืออีกข้างก็ขยับลงไปบดเบียดเนินนุ่มเพื่อกระตุ้นความปรารถนาให้ลุกโชนรุนแรงมากขึ้น “อืม” ด้วยความเสียวซ่านสุดจะทน เขาครางออกมาเบาๆ ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพื่อข่มอารมณ์และหลับตาพริ้มอย่างพอใจ “คุณเร่าร้อนเหลือเกิน คาเมล” เธอชมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขณะที่บั้นท้ายถูกสะโพกแกร่งกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงจนแทบจะได้ยินเสียงเนื้อบดเบียดกระทบกัน “ใช่ ผมเร่าร้อนกว่าใคร” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงไว้ด้วยความเฉยชา พร้อมกับเสียงข่มคำรามในลำคอเบาๆ “อืม เร็วอีกนิดสินะ” เธอเริ่มขอร้องให้เขาเร่งเร้า ทั้งที่ก็หนักหน่วงจะแย่อยู่แล้ว “คุณได้สมใจแน่ อืม! อา” พูดจบเขาก็ขยับสะโพกเข้าออกหนักๆ จนเรือนร่างสั่นไหว หน้าอกอวบขยับยวบไปมาอย่างไร้การควบคุม “โอ้ย! คาเมล อืม! อ่า... ฉัน... ไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอร้องลั่นเมื่อรู้ว่าร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมที่จะกำเส้นขอบฟ้าเอาไว้อีกครั้ง “ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะผมยังไม่พอใจ” เขากัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปกับความบ้าคลั่งเพราะอยากจะดื่มด่ำกับมันนานๆ “ไม่! อ๊ะ! อืม ไม่ไหว จะ... โอ้ว! คาเมล” ยิ่งเขากระแทกกระทั้นสะโพกหนักหน่วงเท่าไหร่เธอก็ยิ่งกรีดร้องครวญครางราวกับจะขาดใจหรือเจ็บปวด ทั้งที่มีคือความเสียวซ่านทั้งสิ้น “อืม” เมื่อกดกลั้นไม่ไหวเขาก็จึงครางออกมา เหมือนเสียงข่มคำรามพร้อมกับผ่อนลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งได้ยินเสียงหอบกระชั้น ก่อนจะขยับสะโพกระรัวเร่งเพื่อพาตัวเองไปสู่จุดหมาย “อ๊ะ! คาเมล ใกล้ ใกล้ค่ะ อีกนิด”“อ๊ะ! ซี๊ดดดด อ่า คาเมล” ด้วยความเสียวซ่านทำให้เธอกดกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องพ่ายแพ้ให้แก่ความคิดถึง ความปรารถนา และทะยานพุ่งสู่จดหมายที่ปลายขอบฟ้า ร่างบางกระตุกเกร็งและแอ่นสะโพกยกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาจิกที่ตัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาเพื่อปลดปล่อยความทรมาน ผ่านไปชั่วครู่ร่างกายเริ่มผ่อนคลายล่องลอยราวกับอยู่กลางท้องฟ้า เสียงหายใจหอบพร่ากระชั้นด้วยความเหนื่อย คาเมรอนยังคงอ้อยอิ่งจูบซับความหวานกระทั่งพอใจ แล้วจึงขยับกายขึ้นไปหาพร้อมกับจูบที่ริมฝีปากบางอย่างปลอบโยนอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมให้ แล้วยิ้มหวานพลางเอื้อมมือขึ้นเสยผมที่เลื่อนมาปิดใบหน้าออกให้อย่างอ่อนโยน แต่เวียงพิงค์แปลกใจไม่น้อยที่เขายอมทำตามคำขอร้องของเธอ “ทำไมคุณถึงได้ยอม ทั้งที่เมื่อก่อน...” เธอถามอย่างแปลกใจ“เมื่อก่อนผมไม่ยอมใช่ไหม จะเอาให้ได้ใช่หรือเปล่า ก็ตอนนี้ร่างกายคุณไม่โอเคจะให้ผมบังคับเหรอ คุณจะไม่เกลียดผมมากกว่านี้หรือยังไง” เขากระซิบบอกเสียงนุ่มแล้วก้มหน้าจูบที่หน้าผากเนียนเบาๆ แต่เนิ่นนานจนไม่อยากจะละจากกันเลยทีเดียว“ผมรักคุณ” เขากระซิบเบาๆ อีกครั้งทว่าหลั
เท่านั้นยังไม่พอมือหนาซุกซนของเขาลูบเข้ามาจนถึงเรียวขาด้านใน ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสกับเนินสวาทอวบนุ่ม แต่เขากลับต้องชะงักเพราะมันเกลี้ยงเกลาสะอาดจน... “พระเจ้า” เขาครางออกมาเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นพลางลูบไล้ฝ่ามือลงบนเนินสวาทช้าๆ พร้อมกับบดเบียดนิ้วแกร่งกับช่อกุหลาบนุ่มๆ อย่างเอาใจ สร้างความเสียวซ่านให้กับหญิงสาวจนแทบคลั่ง เพราะไม่ได้อยู่ใกล้เขามานาน “อื้อ! ไม่ได้ค่ะ ไม่เอา” เธอเริ่มห้ามปรามอีกครั้งพร้อมกับผลักมือของเขาออก “ทำไมไม่ได้ ผม... ผมเอ่อ” เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกขัดใจชอบกล แต่ไม่ได้หงุดหงิดอะไรเพียงแต่ร่างกายของเขากำลังต้องการเท่านั้นเอง “พิ้งค์เพิ่งคลอด คุณเข้าใจไหมคะ คุณหมอเย็บไหมละลาย ถ้าละลายแล้วก็ใช่ว่าคุณจะ...” เธอบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อืม! ผัวเมียอยู่ด้วยกันมันก็ต้องการจะให้ทำยังไงครับจ๋า หืม” ให้ตายสิเขาโมเมคิดว่าเธอใจอ่อนแล้วสิท่า “ไม่ต้องทำ ปล่อยพิ้งค์” พอเธอพูดจบเท่านั้นแหละเขาก็ตวัดเธอเข้าไปกอด “ไม่ทำไม่ได้ คุณหมอสั่ง” คนบ้ามาอ้างอิงคำสั่งหมอ หมอไม่ได้สั่งให้มีอะไรกันเสียหน่อย เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เธอคิดพลางมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “หมอไม่ได้สั่งแบบนี
“คุณหนีผมมาทำไม ทิ้งผมมาทำไม ที่สำคัญไม่บอกผมสักคำว่าท้อง” “พิ้งค์ไม่ได้มีค่ากับคุณ เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะคุณรังแกพิ้งค์ ลูกเกิดมาเพราะคุณไม่ได้ตั้งใจ และคิดเหรอว่าคุณจะรับผิดชอบ” เธอบอกพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่รับผิดชอบ ผมเป็นคนนะ และคนๆ นี้ก็รักคุณ ไม่ได้ดูดายเมื่อรู้ว่าคุณมาที่นี่”“หึ ไม่ได้ดูดายอย่างนั้นเหรอคะ คุณไม่ได้สนใจพิ้งค์ด้วยซ้ำ”“โรงพยาบาลที่ราคาถูกผิดปกติ แท็กซี่เจ้าประจำของคุณ และค่าใช้จ่ายในบ้านที่แม่คุณอาจจะหยิบยื่นให้ สงสัยหรือเปล่า” ให้ตายสิอย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือเขา เธอคิดและได้แต่ร้องไห้“ผมอยากมาหาคุณเหลือเกินพิ้งค์ แต่เพราะผมโง่ถึงรอคอยอะไรบ้าๆ จนทำให้คุณโกรธผมขนาดนี้ แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยอยู่ห่างคุณกับลูกเลย” “คุณเป็นคน... เป็นฝีมือคุณ” “เป็นฝีมือผม ใช่ ผมอยากดูแลคุณอยากรับผิดชอบ แต่เพราะรู้ว่าคุณเกลียดผมมาก หากคุณรู้ก็กลัวว่าคุณไม่รับ ขอโทษนะครับได้ไหม” เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบด้วยความรู้สึกหลากหลาย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร“ให้โอกาสผมได้ไหม เริ่มต้นกันใหม่นะครับ”“พิ้งค์เป็นแค่... พิ้งค์ไม่มีค่าอะไร” เธอยังคงคิดว่าตัวเองต่ำต้อ
“แต่คุณน่ะทะลึ่ง ไปไหนก็ไปพิ้งค์ง่วง จะนอนแล้วไม่ต้องมากวนด้วย” พอพูดจบเธอก็คลานขึ้นเตียงทันทีแล้วแสร้งทำเป็นหลับ คาเมรอนจึงออกมาจากห้อง เพื่อจะเข้าครัวทำอาหารที่หมอแนะนำ นั่นคือแกงเลี่ยงเพียงอย่างเดียวก่อน แม้ว่าจะทำไม่เป็นก็ตาม แต่อ่านวิธีทำแล้วเข้าใจ ทุกอย่างก็ง่ายในทันที เมื่อลงมือทำเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้เวียงพิงค์จะต่อต้าน แต่การทะเลาะกันนิดหน่อยเหมือนเป็นสัญญาณดี เพราะอย่างน้อยเวียงพิงค์ไม่ได้ขับไล่ไสสงเขาอย่างหนักหน่วง เหมือนวันแรกที่มาเหยียบที่นี่จ “หวังว่าคงจะทานได้นะครับ” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ เพราะไม่มั่นใจว่ามันจะอร่อยเพียงใด แต่แกงเลี่ยงก็มีแต่ผัก ทานได้หรือไม่ได้ก็ต้องทาน พอทำเสร็จแล้วจึงตักใส่ถ้วยขนาดพอดีไม่ใหญ่มาก เพื่อให้เวียงพิงค์ได้ซดน้ำอุ่นๆ เขาคงไม่รอให้เธอพักผ่อนก่อนหรอก เพราะมั่นใจว่าเธอยังไม่หลับ จึงได้นำแกงเลียงขึ้นไปให้เพราะอยากนำเสนอมาก เขาชิมเองก็โอเค หากเธอรับประทานเข้าไปแล้วน่าจะอร่อยแน่ๆ เขาคิดพลางเดินขึ้นไปบนบ้าน แต่เธอไม่ได้อยู่ในห้องจังหวะเดียวกันนั้น เวียงพิงค์ออกมาจากห้องน้ำพอดีและแทบจะร้องกรี้ด ด้วยความตกใจเพราะเธอใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจาก
“พิ้งค์พยายามจะเชื่อ แต่เชื่อไม่ลง อย่าพูดให้เหนื่อยเลยค่ะและออกไปพิ้งค์ อยากอยู่คนเดียว” เธอออกปากไล่อีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจออกไปจากห้องด้วยอาการคอตก พยายามที่จะไม่ท้อแท้กับกิริยาหรือคำพูด ที่เธอพูดเสียดแทงหัวใจ เพราะเขารู้ตัวดีและจำได้ว่าเคยพูดให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจมาแล้วอย่างไม่น่าให้อภัย “แค่สองวันก็จะทนไม่ได้แล้วเหรอเรา ทีทำร้ายเขาเต็มๆ หนึ่งอาทิตย์ ทิ้งให้อุ้มท้องคนเดียวจนคลอดอีก เขายังทนได้ หึ เอาเลยพิ้งค์อยากจะลงโทษผมให้สาแก่ใจ ให้เจ็บปวดเจียนตายก็เอา” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ และไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้เพียงแต่อยากสงบจิตใจเท่านั้นเองขณะเดียวกันมะเหมี่ยวซื้อของเสร็จก็รีบกลับมาทันที พร้อมทั้งขอตัวกลับบ้านเพราะเที่ยงแล้ว เนื่องจากว่าคาเมรอนให้ทำงานเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เวียงพิงค์ต้องถามเหตุผลกันเสียหน่อยว่าทำไมถึงกลับก่อนเวลาสองวันแล้ว“มีอะไรบอกพี่ตรงๆ ก็ได้นะเหมี่ยว ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เวียงพิงค์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่มะเหมี่ยวอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ“คือเหมี่ยว ไม่มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรอกค่ะ แต่แบบว่าพี่พิ้งค์มีคุณเขาดูแลแล้ว เหมี่ยวเลยอยากจะดูแลพี่พิ้งค์ช่วงเช้าครึ่งวันน่ะค่ะ” “
“ก็ได้ครับ” ว่าแล้วเขาก็ค้นหาเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำ ชำระร่างกายภายในห้องนอนนี่เอง ซึ่งเขาใช้เวลาไม่นานนัก ระหว่างนี้มะเหมี่ยวก็ทำอาหารเช้าสำหรับเวียงพิงค์และคาเมรอน เสร็จแล้วเธอก็ขึ้นมาหาเวียงพิงค์ทันที“พี่พิ้งค์สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะคุณ...” มะเหมี่ยวทักทายทั้งสองคนพลางยกมือไหว้“เมื่อวานไปทำธุระครึ่งวันทำไมไม่บอกพี่ล่ะ” เวียงพิงค์ตำหนิเล็กน้อยทว่ามะเหมี่ยวกลับปรายตามองคาเมรอนแทน“คือหนู มันด่วนมากน่ะค่ะเลยไม่ทันได้บอก แต่ฝากบอกผ่านสามีพี่พิ้งค์แล้วนะคะ” สามีอย่างนั้นหรือ ใครสั่งใครสอนให้พูด หรือว่าเขาบอกเอง เวียงพิงค์คิดอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมามองมาคาเมรอนที่ยืนอยู่ปลายเตียง“เหมี่ยวเขาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรน่ะครับ” “คุณเสี้ยมคนของพิ้งค์มากกว่า” “ผมเปล่า กับข้าวเสร็จหรือยัง เอาขึ้นมาให้พี่พิ้งค์ไป แล้วเดี๋ยวจะได้พาพี่พิ้งค์ไปหาหมอ” “พิ้งค์ไม่ได้บอกว่าจะไปนะคะ” การที่เธอไม่ตอบนั่นแหละว่าตกลงแล้ว เขาคิด“ไปเอากับข้าวขึ้นมานะ” คาเมรอนไม่ได้พูดกับเวียงพิงค์แต่หันไปสั่งมะเหมี่ยวแทน“ได้ค่ะคุณ” มะเหมี่ยวรับคำเสร็จก็ออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง“ค