“โอ้ว อ่า...” เขาไม่ได้ฟังว่าเธอพูดอะไร แต่กลับขยับเร่งตัวเองอย่างรวดเร็ว ทว่าเทย่าก็กรีดร้องลั่นเมื่อกายแกร่งทะยานพาเธอมาถึงจุดหมาย สองมือกุมขยับทรวงอกตัวเองอย่างผ่อนคลายและล่องลอย ขณะที่คาเมรอนยังรุกเร้าโรมรันไม่ยอมหยุด จนกระทั่งเขากดสะโพกให้แนบแน่นกับบั้นท้ายกลมกลึง พร้อมกับกายแกร่งกระตุกหนักๆ และปลดปล่อยลาวาอุ่นๆ ไหลอยู่ภายในปราการณ์เช่นเดิม ร่างของเทย่าฟุบลงกับที่นอนและซบใบหน้าลงกับหมอน แต่เขาคุกเข่ามองร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับรอให้ตัวเองผ่อนคลายก่อนจะเอื้อมมือลูบไล้แผ่นหลังและสะโพกสวยเพื่อเมคเลิฟเบาๆ แต่ถ้าจะให้ลงไปคลอเคลียเขากลับไม่มีอารมณ์แบบนั้น
“อืม คาเมล ฉันไม่เคยเจอใครที่เร่าร้อนเท่าคุณมาก่อน” หญิงสาวปากชมเปราะด้วยน้ำเสียงพร่าแผ่วเบาแต่นั่นมันบอกให้เขารู้ว่าเธอผ่านมานักต่อนัก “หึ ลืมไม่ลงเลยหรือเปล่า” คาเมรอนหัวเราะเบาๆ กับความหมายที่ว่าเร่าร้อนกว่าใครๆ ก่อนจะจัดการกับปราการณ์ที่ห่อหุ้มกายแกร่งเอาไว้แล้วโยนทิ้งถังขยะเช่นเดิม “ใครจะลืมคุณลง ฉันชอบคุณนะคะ” ชอบอย่างนั้นหรือ ชอบคืออะไร หรือว่าเธออยากจะจริงจังกับเขา “ผมรู้” เขาตอบด้วยความมั่นใจเลยทีเดียว เพราะไม่มีใครไม่ชอบเขาหรอก และเมื่อพูดจบเขาก็ขยับลงมานอนเคียงข้างกับเธอ แต่กลับนอนหันหลังให้เธออีกครั้ง “กอดกันหน่อยได้ไหมคะ คาเมล” เธอไม่ใช่คนพิเศษสำหรับเขาเสียหน่อยทำไมต้องกอดเอาใจด้วย เขาคิดแต่แสร้งหลับตาราวกับอ่อนเพลียเสียเหลือเกิน “ผมเหนื่อย ง่วงมากครับ” เขาตอบน้ำเสียงเรียบขึ้นมาก เทย่าจึงต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าไปสวมกอดเขาทางด้านหลังแทน จากนั้นจึงได้ตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ แต่ชั่วครู่เท่านั้นเธอก็ได้ยินเสียงหายใจที่ดังสม่ำเสมอเหมือนคนหลับลึกและตามมาด้วยเสียงกรนเบาๆ “คาเมล อย่าบอกนะว่าหลับแล้ว อะไรจะหลับเร็วปานนั้น สงสัยเหนื่อยจริงๆ ก็ตั้งหลายรอบนี่เนอะ” เธอบ่นให้เขานิดหน่อย แต่เมื่อนึกถึงบทรักที่ผ่านมาตลอดทั้งคืนมันก็ทำให้เธอแทบคลั่ง จึงอ่อนเพลียหมดแรงเป็นธรรมดา “ฝันดีนะคะ ทูนหัวของเทย่า” ทูนหัวเลยหรือ ให้ตายสิเธอหมายจะจริงจังกับเขาแน่ๆ เขาคิดพลางลืมตาขึ้นอย่างหนักใจ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แต่แล้วอยู่ๆ ภาพของหญิงสาวร่างบาง สวย ขาว น่ารัก น่าทะนุถนอม เจ้าของรางวัลชนะเลิศในค่ำคืนที่ผ่านมานั้น ก็ปรากฏขึ้นมากลางใจอย่างห้ามไม่ได้ พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอไปเซ็นสัญญาทำงาน เวลานี้คาเมรอนพยายามนึกแผนการอยู่ในใจ ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ครอบครองความสวยน่ารักแบบนั้น จะบริสุทธิ์ไร้เดียงสาหรือเปล่า หรือไม่ต่างกับแม่เสือสาวอย่างเทย่า ผู้หญิงสมัยนี้ก็แทบจะหาความบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่ได้ ถึงจะมีแต่ก็หากยากเหลือเกิน และตั้งแต่เขาเป็นหนุ่มนักรัก ครั้งแรกในชีวิตของการเป็นวัยรุ่นจวบจนถึงวัยผู้ใหญ่ ยังไม่เคยเจอสาวบริสุทธิ์สักครั้ง แต่หากหญิงสาวคนนั้นจะไม่เป็นอย่างที่คิดมันจะแปลกอะไร ดีเสียอีกหากได้ครอบครองก็ไม่จำเป็นต้องสอนวิชาและสามารถสนองอารมณ์เขาได้ทุกลีลา เช้าวันใหม่ คาเมรอนรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เพื่อจะได้กลับบ้านโดยเร็ว เสร็จแล้วจึงได้มายืนมองหญิงสาวแสนสวยสุดเซ็กซี่ นอนเปลือยกายซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนทรงเสน่ห์คู่เมื่อคืนนั้น กลับแปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชา ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงไร้ความรู้สึก ชั่วครู่เขาหันไปหยิบกระเป๋าเอกสารใบเล็กๆ แล้วเปิดเอาสมุดเช็กออกมา พร้อมกับบรรจงเขียนตัวเลขลงไปมากพอสมควร มากกว่าการเดินแบบครั้งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ หนึ่งแสนบาทกับบทรักคืนเดียวแต่เร่าร้อนและยอมรับว่าลืมยาก แต่หากคิดที่จะกลับมาทบทวนกันใหม่อีกครั้ง ก็ดูจะยากอีกเหมือนกัน เพราะคาเมรอนไม่ชอบอะไรซ้ำๆ กินครั้งเดียวก็เบื่อ จากนั้นก็แสวงหาของหวานถ้วยใหม่กินไปเรื่อยๆ ไม่เคยอิ่มเอมและไม่หยุดอยู่ที่ใคร แต่ใครที่กินยากหน่อยก็ไม่ยากอะไร ถ้าจะใช้เงินเป็นตัวล่อ คนสมัยนี้แพ้เงินอยู่แล้ว เขาคิดพลางกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วจึงนำเช็กไปวางไว้ข้างหัวเตียง ซึ่งมีโทรศัพท์มือถือของเธอวางอยู่ เขาจึงใช้โทรศัพท์ทับเอาไว้ป้องกันการปลิวหนี เมื่อจ่ายค่าตัวเสร็จแล้วคาเมรอนจึงหยิบทุกอย่างแล้วรีบออกไปจากห้องทันที เพราะไม่อยากให้เทย่าตื่นขึ้นมาออดอ้อนหรืออ้อยอิ่งขอให้เขาอยู่ต่อ เพราะเช้าวันนี้เขามีธุระที่บริษัท แน่นอนว่าเขารอเวลานี้มานานเป็นเดือนเลยทีเดียวเวลาต่อมา คาเมรอนต้องรีบนั่งรถกลับบ้านโดยมีบอร์ดี้การ์ดเป็นคนขับให้ แล้วแต่งตัวเสียใหม่เพื่อจะเข้าบริษัทโดยเร็ว แปดโมงครึ่งพอดีคาเมรอนมาถึงบริษัทพร้อมกับบอร์ดี้การ์ดตามประกบเช่นเคย และเหมือนกับทุกครั้ง คือเขามักจะสวมแว่นตาดำเสียก่อน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นแววตาที่ดุกร้าวของเขา ไม่อยากให้กลัวไปมากกว่านี้
ขณะเดียวกัน ว่าที่พนักงานน้องใหม่ของบริษัท Grey&M Jewelry อย่างเวียงพิงค์ กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเดินทาง โดยมีเมษาขับรถมาส่ง เพื่อจะได้พาเวียงพิงค์มาให้ทันตามเวลาที่กำหนดวันแรก วันนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนจบที่เวียงพิงค์เพิ่งจะมีโอกาสได้สวมชุดไปทำงานในทันที โดยไม่ต้องสมัคร แต่ชุดที่สวมใส่ก็ยังเป็นของเมษาอยู่ดีเพราะเวียงพิงค์เตรียมชุดไม่ทัน ส่วนชุดที่ใส่นั้นเป็นแบบเดรสสีฟ้า ผ้าชีฟอง แขนตุ๊กตา ยาวกระทั่งหุ้มข้อมือ ขับกับผิวขาวๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนผมยาวๆ เวียงพิงค์ปล่อยสยายแต่แบ่งผมตรงกลางศีรษะเป็นสองด้านแล้วม้วนเป็นช่อ เกี้ยวไปไว้ทางด้านหลัง จากนั้นจึงเหน็บกิ้ฟให้เรียบร้อย ใบหน้าสวยหวานแทบจะไม่ได้แต่งอะไรเลยนอกจากทาแป้งบางๆ และปัดแก้มด้วยสีชมพูระเรื่อเพียงเล็กน้อย เพราะขาวนวลสดใสอยู่แล้ว และเติมริมฝีปากให้เอิบอิ่มด้วยลิปสติกสีชมพูเท่านั้น “นี่ยัยเตี้ย ยิ้มหน่อยสิ จะเคร่งเครียดอะไรนักหนา” เมษาเอ่ยขึ้นขณะขับรถ “ก็พิ้งค์ตื่นเต้นนี่นา” เวียงพิงค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานแผ่วเบา ราวกับคนไม่มั่นใจในตัวเอง “เลิกตื่นเต้นได้แล้ว ไม่ได้ไปสัมภาษณ์งานนะ แต่ไปเซ็นสัญญาแล้วเข้าทำงานเลย” “พิ้งค์ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีนั่นแหละ” เธอตื่นเต้นเพราะอยู่ๆ ก็นึกถึงใบหน้าประธานบริษัทรูปหล่อคนนั้นต่างหาก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้หวั่นไหว ใบหน้าแทบจะร้อนผ่าวทุกครั้งที่นึกถึง“อ๊ะ! ซี๊ดดดด อ่า คาเมล” ด้วยความเสียวซ่านทำให้เธอกดกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องพ่ายแพ้ให้แก่ความคิดถึง ความปรารถนา และทะยานพุ่งสู่จดหมายที่ปลายขอบฟ้า ร่างบางกระตุกเกร็งและแอ่นสะโพกยกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาจิกที่ตัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาเพื่อปลดปล่อยความทรมาน ผ่านไปชั่วครู่ร่างกายเริ่มผ่อนคลายล่องลอยราวกับอยู่กลางท้องฟ้า เสียงหายใจหอบพร่ากระชั้นด้วยความเหนื่อย คาเมรอนยังคงอ้อยอิ่งจูบซับความหวานกระทั่งพอใจ แล้วจึงขยับกายขึ้นไปหาพร้อมกับจูบที่ริมฝีปากบางอย่างปลอบโยนอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมให้ แล้วยิ้มหวานพลางเอื้อมมือขึ้นเสยผมที่เลื่อนมาปิดใบหน้าออกให้อย่างอ่อนโยน แต่เวียงพิงค์แปลกใจไม่น้อยที่เขายอมทำตามคำขอร้องของเธอ “ทำไมคุณถึงได้ยอม ทั้งที่เมื่อก่อน...” เธอถามอย่างแปลกใจ“เมื่อก่อนผมไม่ยอมใช่ไหม จะเอาให้ได้ใช่หรือเปล่า ก็ตอนนี้ร่างกายคุณไม่โอเคจะให้ผมบังคับเหรอ คุณจะไม่เกลียดผมมากกว่านี้หรือยังไง” เขากระซิบบอกเสียงนุ่มแล้วก้มหน้าจูบที่หน้าผากเนียนเบาๆ แต่เนิ่นนานจนไม่อยากจะละจากกันเลยทีเดียว“ผมรักคุณ” เขากระซิบเบาๆ อีกครั้งทว่าหลั
เท่านั้นยังไม่พอมือหนาซุกซนของเขาลูบเข้ามาจนถึงเรียวขาด้านใน ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสกับเนินสวาทอวบนุ่ม แต่เขากลับต้องชะงักเพราะมันเกลี้ยงเกลาสะอาดจน... “พระเจ้า” เขาครางออกมาเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นพลางลูบไล้ฝ่ามือลงบนเนินสวาทช้าๆ พร้อมกับบดเบียดนิ้วแกร่งกับช่อกุหลาบนุ่มๆ อย่างเอาใจ สร้างความเสียวซ่านให้กับหญิงสาวจนแทบคลั่ง เพราะไม่ได้อยู่ใกล้เขามานาน “อื้อ! ไม่ได้ค่ะ ไม่เอา” เธอเริ่มห้ามปรามอีกครั้งพร้อมกับผลักมือของเขาออก “ทำไมไม่ได้ ผม... ผมเอ่อ” เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกขัดใจชอบกล แต่ไม่ได้หงุดหงิดอะไรเพียงแต่ร่างกายของเขากำลังต้องการเท่านั้นเอง “พิ้งค์เพิ่งคลอด คุณเข้าใจไหมคะ คุณหมอเย็บไหมละลาย ถ้าละลายแล้วก็ใช่ว่าคุณจะ...” เธอบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อืม! ผัวเมียอยู่ด้วยกันมันก็ต้องการจะให้ทำยังไงครับจ๋า หืม” ให้ตายสิเขาโมเมคิดว่าเธอใจอ่อนแล้วสิท่า “ไม่ต้องทำ ปล่อยพิ้งค์” พอเธอพูดจบเท่านั้นแหละเขาก็ตวัดเธอเข้าไปกอด “ไม่ทำไม่ได้ คุณหมอสั่ง” คนบ้ามาอ้างอิงคำสั่งหมอ หมอไม่ได้สั่งให้มีอะไรกันเสียหน่อย เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เธอคิดพลางมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “หมอไม่ได้สั่งแบบนี
“คุณหนีผมมาทำไม ทิ้งผมมาทำไม ที่สำคัญไม่บอกผมสักคำว่าท้อง” “พิ้งค์ไม่ได้มีค่ากับคุณ เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะคุณรังแกพิ้งค์ ลูกเกิดมาเพราะคุณไม่ได้ตั้งใจ และคิดเหรอว่าคุณจะรับผิดชอบ” เธอบอกพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่รับผิดชอบ ผมเป็นคนนะ และคนๆ นี้ก็รักคุณ ไม่ได้ดูดายเมื่อรู้ว่าคุณมาที่นี่”“หึ ไม่ได้ดูดายอย่างนั้นเหรอคะ คุณไม่ได้สนใจพิ้งค์ด้วยซ้ำ”“โรงพยาบาลที่ราคาถูกผิดปกติ แท็กซี่เจ้าประจำของคุณ และค่าใช้จ่ายในบ้านที่แม่คุณอาจจะหยิบยื่นให้ สงสัยหรือเปล่า” ให้ตายสิอย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือเขา เธอคิดและได้แต่ร้องไห้“ผมอยากมาหาคุณเหลือเกินพิ้งค์ แต่เพราะผมโง่ถึงรอคอยอะไรบ้าๆ จนทำให้คุณโกรธผมขนาดนี้ แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยอยู่ห่างคุณกับลูกเลย” “คุณเป็นคน... เป็นฝีมือคุณ” “เป็นฝีมือผม ใช่ ผมอยากดูแลคุณอยากรับผิดชอบ แต่เพราะรู้ว่าคุณเกลียดผมมาก หากคุณรู้ก็กลัวว่าคุณไม่รับ ขอโทษนะครับได้ไหม” เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบด้วยความรู้สึกหลากหลาย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร“ให้โอกาสผมได้ไหม เริ่มต้นกันใหม่นะครับ”“พิ้งค์เป็นแค่... พิ้งค์ไม่มีค่าอะไร” เธอยังคงคิดว่าตัวเองต่ำต้อ
“แต่คุณน่ะทะลึ่ง ไปไหนก็ไปพิ้งค์ง่วง จะนอนแล้วไม่ต้องมากวนด้วย” พอพูดจบเธอก็คลานขึ้นเตียงทันทีแล้วแสร้งทำเป็นหลับ คาเมรอนจึงออกมาจากห้อง เพื่อจะเข้าครัวทำอาหารที่หมอแนะนำ นั่นคือแกงเลี่ยงเพียงอย่างเดียวก่อน แม้ว่าจะทำไม่เป็นก็ตาม แต่อ่านวิธีทำแล้วเข้าใจ ทุกอย่างก็ง่ายในทันที เมื่อลงมือทำเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้เวียงพิงค์จะต่อต้าน แต่การทะเลาะกันนิดหน่อยเหมือนเป็นสัญญาณดี เพราะอย่างน้อยเวียงพิงค์ไม่ได้ขับไล่ไสสงเขาอย่างหนักหน่วง เหมือนวันแรกที่มาเหยียบที่นี่จ “หวังว่าคงจะทานได้นะครับ” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ เพราะไม่มั่นใจว่ามันจะอร่อยเพียงใด แต่แกงเลี่ยงก็มีแต่ผัก ทานได้หรือไม่ได้ก็ต้องทาน พอทำเสร็จแล้วจึงตักใส่ถ้วยขนาดพอดีไม่ใหญ่มาก เพื่อให้เวียงพิงค์ได้ซดน้ำอุ่นๆ เขาคงไม่รอให้เธอพักผ่อนก่อนหรอก เพราะมั่นใจว่าเธอยังไม่หลับ จึงได้นำแกงเลียงขึ้นไปให้เพราะอยากนำเสนอมาก เขาชิมเองก็โอเค หากเธอรับประทานเข้าไปแล้วน่าจะอร่อยแน่ๆ เขาคิดพลางเดินขึ้นไปบนบ้าน แต่เธอไม่ได้อยู่ในห้องจังหวะเดียวกันนั้น เวียงพิงค์ออกมาจากห้องน้ำพอดีและแทบจะร้องกรี้ด ด้วยความตกใจเพราะเธอใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจาก
“พิ้งค์พยายามจะเชื่อ แต่เชื่อไม่ลง อย่าพูดให้เหนื่อยเลยค่ะและออกไปพิ้งค์ อยากอยู่คนเดียว” เธอออกปากไล่อีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจออกไปจากห้องด้วยอาการคอตก พยายามที่จะไม่ท้อแท้กับกิริยาหรือคำพูด ที่เธอพูดเสียดแทงหัวใจ เพราะเขารู้ตัวดีและจำได้ว่าเคยพูดให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจมาแล้วอย่างไม่น่าให้อภัย “แค่สองวันก็จะทนไม่ได้แล้วเหรอเรา ทีทำร้ายเขาเต็มๆ หนึ่งอาทิตย์ ทิ้งให้อุ้มท้องคนเดียวจนคลอดอีก เขายังทนได้ หึ เอาเลยพิ้งค์อยากจะลงโทษผมให้สาแก่ใจ ให้เจ็บปวดเจียนตายก็เอา” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ และไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้เพียงแต่อยากสงบจิตใจเท่านั้นเองขณะเดียวกันมะเหมี่ยวซื้อของเสร็จก็รีบกลับมาทันที พร้อมทั้งขอตัวกลับบ้านเพราะเที่ยงแล้ว เนื่องจากว่าคาเมรอนให้ทำงานเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เวียงพิงค์ต้องถามเหตุผลกันเสียหน่อยว่าทำไมถึงกลับก่อนเวลาสองวันแล้ว“มีอะไรบอกพี่ตรงๆ ก็ได้นะเหมี่ยว ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เวียงพิงค์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่มะเหมี่ยวอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ“คือเหมี่ยว ไม่มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรอกค่ะ แต่แบบว่าพี่พิ้งค์มีคุณเขาดูแลแล้ว เหมี่ยวเลยอยากจะดูแลพี่พิ้งค์ช่วงเช้าครึ่งวันน่ะค่ะ” “
“ก็ได้ครับ” ว่าแล้วเขาก็ค้นหาเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำ ชำระร่างกายภายในห้องนอนนี่เอง ซึ่งเขาใช้เวลาไม่นานนัก ระหว่างนี้มะเหมี่ยวก็ทำอาหารเช้าสำหรับเวียงพิงค์และคาเมรอน เสร็จแล้วเธอก็ขึ้นมาหาเวียงพิงค์ทันที“พี่พิ้งค์สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะคุณ...” มะเหมี่ยวทักทายทั้งสองคนพลางยกมือไหว้“เมื่อวานไปทำธุระครึ่งวันทำไมไม่บอกพี่ล่ะ” เวียงพิงค์ตำหนิเล็กน้อยทว่ามะเหมี่ยวกลับปรายตามองคาเมรอนแทน“คือหนู มันด่วนมากน่ะค่ะเลยไม่ทันได้บอก แต่ฝากบอกผ่านสามีพี่พิ้งค์แล้วนะคะ” สามีอย่างนั้นหรือ ใครสั่งใครสอนให้พูด หรือว่าเขาบอกเอง เวียงพิงค์คิดอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมามองมาคาเมรอนที่ยืนอยู่ปลายเตียง“เหมี่ยวเขาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรน่ะครับ” “คุณเสี้ยมคนของพิ้งค์มากกว่า” “ผมเปล่า กับข้าวเสร็จหรือยัง เอาขึ้นมาให้พี่พิ้งค์ไป แล้วเดี๋ยวจะได้พาพี่พิ้งค์ไปหาหมอ” “พิ้งค์ไม่ได้บอกว่าจะไปนะคะ” การที่เธอไม่ตอบนั่นแหละว่าตกลงแล้ว เขาคิด“ไปเอากับข้าวขึ้นมานะ” คาเมรอนไม่ได้พูดกับเวียงพิงค์แต่หันไปสั่งมะเหมี่ยวแทน“ได้ค่ะคุณ” มะเหมี่ยวรับคำเสร็จก็ออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง“ค