แชร์

บทที่ 114

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
ภายใต้โทสะถึงขีดสุด ซิ่นหยางโหวหันไปตบนางถานอีกครั้ง

ตบจนใบหน้าทั้งสองข้างของนางถานสมดุลกัน บวมจนเหมือนโป๊ยก่ายที่ผู้ล่วงลับท่านหนึ่งเขียนอยู่ในไซอิ๋ว

นางถานกุมใบหน้าของตัวเอง ร้องขึ้นมาด้วยความระทม “ท่านโหว!”

นางรู้เสียที่ไหนเล่า ในสายตาของทุกคน เมื่อครู่หรงจือจือมีท่าทางของศรีภรรยาที่น่าสงสารจับใจ หวังดีต่อครอบครัวพยายามอย่างสุดความสามารถ

แต่นางกลับมีท่าทางที่ตะคอกสุดชีวิต ดูแล้วราวกับคนวิปลาสอย่างไรอย่างนั้น

นางบ้าที่อยากให้ครอบครัวนี้จบเห่!

ตอนนี้หรงจือจือดูเหมือนกำลังขอร้อง แต่ความจริงกำลังปลุกปั่น “ท่านพ่อ! ท่านอย่าได้ตบหน้าท่านแม่อีกเลย! ต่อให้ท่านแม่แค้นน้องเสียนกับน้องเยียน ทั้งยังเกลียดชังข้า แต่อย่างไรนางก็คือผู้อาวุโสของพวกเรานะเจ้าคะ!”

ไม่ขอร้องยังดี พอขอร้องซิ่นหยางโหวก็ยิ่งโมโหโกรธา

เขาตวาด “ผู้อาวุโสหรือ? เจ้าเห็นนางมีความเป็นอาวุโสสักกิ่งก้อยหรือไม่? เหมือนกับหญิงวิปลาสก็ไม่ปาน! เจ้าเห็นนางเป็นผู้อาวุโส นางเห็นเจ้าอยู่ในสายตาสักนิดหรือ?”

“วันนี้นางทำร้ายจื่อเสียนกับอวี่เยียน เจ้าก็ไม่ได้หาเรื่องนาง นางยังจะอาละวาดกับเจ้าอีก!”

นางถานเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 115

    ครอบครัวนี้เอะอะก็หาถ้อยคำมาทำให้นางรังเกียจ เพราะเหตุใด?คิดว่าทำให้นางรังเกียจแล้ว นางจะไม่พูดอะไรหรือ? สำหรับมารดาคนหนึ่ง ที่จริงแล้วเรื่องที่โหดเหี้ยมที่สุด ก็คือการลบหลู่บุตรของพวกนาง เพราะมันทำให้พวกนางทรมานเสียยิ่งกว่าการด่าพวกนางเองแน่นอน ที่ไม่รักมารดาของตัวเองอย่างนางหวังคือข้อยกเว้นซึ่งมีจำนวนน้อยยิ่งนางถานกลับรักบุตรของตัวเองดังคาด ครั้นนางถานได้ฟังก็ไอโขลก แม้แต่คำพูดคำจาก็ไม่สมบูรณ์ “เจ้า เจ้า...หรงจือจือ เจ้า...”หลี่หมัวมัวก็กล่าวเช่นกัน “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านความหมายว่าอย่างไร? หากให้ข้างนอกล่วงรู้คำพูดเหล่านี้ของท่าน พวกเขาจะคิดกับท่านอย่างไร?”หรงจือจือหัวเราะอย่างเสียดสี “ข้างนอกจะคิดกับข้าอย่างไร? ข้างนอกก็เห็นแต่ท่านย่าของข้าเพิ่งสิ้นอายุขัย ยังถูกบีบให้ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านหลังท่านแม่ในงานเลี้ยงชมดอกไม้อีกนะสิ”“ข้างนอกรู้เพียงท่านย่าของข้าโมโหคนสกุลฉีจนสิ้นใจ ข้ายังทุ่มเทใจวางแผนเรื่องแต่งงานของฉีอวี่เยียน มิใช่บุตรสาวคนดีของบ้านมารดา แต่เป็นลูกสะใภ้แสนดีของสกุลฉี”“อย่าว่าแต่ข้างนอกเลย แม้แต่คนอื่นในบ้านหลังนี้ก็รู้กันทั้งนั้น ข้ายังวางแผนให้กับทุกคน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 116

    ทว่านางถานผิดหวังแล้วหรงจือจือมองนางพลางยิ้มเยาะน้อย ๆ “นั่นก็ไม่รบกวนให้ท่านเป็นกังวลแล้ว! นางถาน ท่านต้องอายุยืนยาวนะ หากตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ ข้าจะรู้สึกว่าท่านอ่อนหัดนัก!”พูดจบนางก็พาเจาซีเดินออกไปข้างนอกนางถานโกรธจนไอออกมาเป็นเลือด เคียดแค้นนาง ก่อนจะตะเบ็งเสียงก่นด่า “หรงจือจือ เจ้ามันนางแพศยา เจ้าหยุดนะ! เจ้าถึงกลับกล้าพูดเช่นนี้กับข้า...ใครก็ได้ ขวางนางเอาไว้! วันนี้ข้าต้องตีนางให้ตายให้ได้” ครั้นนางตะเบ็งเสียงเช่นนี้ ก็มีบ่าวไพร่หลายคนเข้ามาหรงจือจือพูดราบเรียบอย่างไม่คิดเช่นนั้น “นางถาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ? ตอนนี้ท่านกำลังถูกกักบริเวณอยู่นะ ข้าเป็นคนตัดสินใจงานในเรือนทั้งหมด!”“ด้วยฐานะฮูหยินซื่อจื่อ ฐานะบุตรสาวในภรรยาเอกของสกุลหรงของข้า บ่าวไพร่คนใดจะกล้าลงมือกับข้า? หลี่หมัวมัว เจ้าหรือ? หรือว่าเจ้าฮวาหมัวมัว?สายตาเย็นเยียบของนางกวาดมองมา หมัวมัวทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับหรงจือจือหากเป็นเฉินหมัวมัวและเฉียนหมัวมัว ด้วยที่นางถานให้ความสำคัญต่อพวกนางในอดีต หรงจือจือกลับเชื่อว่าพวกนางจะปกป้องนาย ทว่าสองคนนั้นไม่ได้ปรนนิบัติอยู่ข้างตัวนางถานแล้วนี่?หลี่หมัวมัวรีบ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 117

    ……หรงจือจือพาเจาซีกลับถึงเรือนหลันแล้วเจาซีตื่นเต้นจนใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ “คุณหนู วันนี้สะใจยิ่งนัก บ่าวเพิ่งจะเคยเห็นนางถานโมโหโทโสจนเป็นเช่นนั้นครั้งแรกเลยเจ้าค่ะ! ไม่นึกว่าท่านโหวผู้นี้ยังมีช่วงเวลาที่มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน”หรงจือจือหัวเราะ “มีเหตุผล? เขาแค่รู้สึกว่าข้ามีประโยชน์ก็เท่านั้น ถ้ามีเหตุผลจริง ด้วยการกระทำในวันนี้ของฉีจื่อเสียน เขาต้องให้ฉีจื่อเสียนขอขมาข้าแล้วมิใช่หรือ?”“เจ้าไม่ได้สังเกต วันนี้ข้าดูเหมือนจะชนะ แต่ความจริงข้าถูกคนสกุลฉีหยามเกียรติแล้ว ทำให้รังเกียจแล้ว ซิ่นหยางโหวยังรู้สึกเป็นเรื่องที่สมควรอยู่เลย คิดว่าข้าควรวางอนาคตให้ลูก ๆ ของเขาต่อ”ฉีจื่อเสียนว่านางว่าแสดงเก่งกว่าผู้หญิงโรงงิ้ว ซิ่นหยางโหวยังไม่ให้เขายกน้ำชาขอขมานาง นี่คือการกระทำของบิดาสามีที่รู้แจ้งในเหตุผลหรือ?เจาซีใจเย็นลงทันที “คุณหนู ท่านพูดถูกเจ้าค่ะ! มิน่าตอนนั้นบ่าวถึงรู้สึกสะใจ แต่ก็รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ค่อยถูกอยู่ บอกไม่ถูกว่าปัญหาอยู่ตรงไหน”อวี้หมัวมัวยกรังนกพุทราเข้ามายื่นให้หรงจือจือ “คุณหนูรีบดื่มตอนร้อนๆ เจ้าค่ะ! บ่าวได้ยินว่าหลังจากนั้นซื่อจื่อไประบายอารมณ์กับชุนเซิงแล้ว”

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 118

    อวี้ม่านหวา “นี่...นี่จะไม่เหมาะสมหรือเปล่าเจ้าคะ? ข้าเกรงว่าฮูหยินซื่อจื่อจะไม่พอใจ”ฉีจื่อฟู่ขมวดคิ้วพูด “นางมีอันใดให้ไม่พอใจ? นี่ไม่เพียงแต่เพื่อเจ้า ยังเพื่อเด็กในท้องของเจ้าด้วย อย่าว่าแต่เตาอุ่นมือใบเดียวเลย ถ้าเจ้าอยากอยู่เรือนหลัน นางก็ควรย้ายออกมาให้เจ้า!”อวี้ม่านหวารีบพูด “ข้าไม่กล้า ท่านพี่อย่าได้พูดคำนี้ออกไปเชียวนะเจ้าคะ ข้าเป็นแค่อนุคนหนึ่ง ไหนเลยจะคู่ควรพักเรือนของฮูหยินซื่อจื่อ?”ฉีจื่อฟู่ได้ยินอวี้ม่านหวากล่าวเช่นนี้แล้วกลับตาโตหากเขาให้จือจือย้ายออกจากเรือนหลัน นางต้องรู้ตัวแน่ว่าใครกันที่เป็นใหญ่ในจวนแห่งนี้ วันหน้าจะกล้าทำให้เขาเสียหน้าบ่อย ๆ หรือ?เอาไว้อีกสองวันเขาหยุดราชการจะไปพูดเรื่องนี้กับจือจือวันนี้เขายังโกรธอยู่ ปล่อยนางไปก่อนสักสองสามวัน นางทำเช่นนี้ ไหนเลยจะมีสิทธิ์ได้พบเขาผู้เป็นสามี?เขาคิดแล้วจึงกุมมือของอวี้ม่านหวา “อย่าคิดมากไปเลย เจ้าคือองค์หญิง ก็แค่เรือนเรือนหนึ่ง มีอันใดไม่เหมาะสม? ข้าบอกว่าเจ้าคู่ควร เจ้าก็คู่ควรสิ”อวี้ม่านหวายิ้มกริ่ม “ท่านพี่ฟู่ ท่านดีกับข้าจริง ๆ!”ฉีจื่อฟู่เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งอารมณ์ดี ม่านหวาพอใจง่ายเช่นนี้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 119

    ในที่สุดจางหมัวมัวก็เริ่มไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นก็ขอให้ฮูหยินซื่อจื่อมีอนาคตที่สดใสก็แล้วกันเจ้าค่ะ”หลังจากกล่าวทิ้งท้ายแล้วก็ตะบึงตะบอนออกไปเจาซีมองจางหมัวมัวออกไปแล้วก็ตาแดงระเรื่อ “คุณหนูที่น่าสงสารของข้า นี่คือการแต่งงานที่ดีกว่าชัด ๆ...”ในตอนที่คุณหนูปฏิเสธครั้งแรก จางหมัวมัวถึงขั้นบอกว่าอีกสองสามวันจะมาถามใหม่ พอให้เห็นว่าให้ความสำคัญแต่ต้องโทษที่นางเซี่ยยอมรับคุณหนูไม่ได้อวี้หมัวมัวรีบโบกมือ “อย่าร้องไห้นะ ก็เพราะวัน ๆ เอาแต่ร้องไห้ เสนียดจัญไรจึงมาเกาะ! พวกเจ้ายังเด็ก ไม่เข้าใจ หากเรื่องดีตรงหน้าไม่ราบรื่น เช่นนั้นก็เพราะยังดีไม่พอ ต้องมีที่ดีกว่าอยู่ข้างหลังแน่”หรงจือจือกลับเห็นต่างเรื่องแต่งงานอันใด เรื่องดีหรือไม่ นางไม่สน เวลานี้ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าความแค้นของท่านย่าอีกแล้วจางหมัวมัวไปได้ไม่นานฉีอวี่เยียนก็มา “พี่สะใภ้ ข้าเข้าไปแล้วนะ...”หรงจือจือพยักหน้ากับบ่าวไพร่ ไม่ได้ให้คนขวางนางไว้ฉีอวี่เยียนมาถึงตรงหน้าหรงจือจือด้วยความประหลาดใจ ทั้งยังมีถานผิงถิงที่รุ่นราวคราวเดียวกับฉีอวี่เยียนมาด้วยอีกคนถานผิงถิงคือบุตรสาวพี่ชายบ้านมารดานางถาน แต่พี่ชายขอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 120

    หรงจือจือเห็นฉีอวี่เยียนรีบร้อนจากไปจึงทำเป็นตะโกนอย่างร้อนรน “น้องเยียน เจ้าอย่าก่อเรื่องเป็นอันขาดนะ กลับมาเร็ว!”ทว่าตัวกลับไม่แยกออกจากเก้าอี้ ไม่มีท่าทางเหมือนจะไปรั้งคนด้วยตัวเองสักนิดส่วนฉีอวี่เยียนหลังจากได้ยินเสียงของหรงจือจือแล้วก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก ราวกับกลัวจะถูกถ่วงอนาคตอันสวยงามของตัวเองหรงจือจือถอนหายใจทีหนึ่ง “เฮ้อ นี่จะทำอย่างไรดี...”การแสดงออกเช่นนี้ของนางกลับทำให้ถานผิงถิงตาค้างไปวันนี้หรงจือจือเป็นอันใดไป? เหตุใดจึงไม่คิดขัดขวางอย่างจริงจัง ไม่ให้ฉีอวี่เยียนออกไปจากบ้าน?ถึงตอนนั้นนางจะได้แอบเป่าหูฉีอวี่เยียนอีกที เช่นนั้นฉีอวี่เยียนจะมิเคียดแค้นหรงจือจือ ไม่พอใจพี่สะใภ้คนนี้มากขึ้นหรือ? ระหว่างที่นางนิ่งไป หรงจือจือยังปรายตามองนาง “น้องถิง เจ้าไม่ไปกับอวี่เยียนหรือ? ยังไม่รีบไปเป็นเพื่อนนางอีก?”หลังจากได้ยินการไล่แขกนี้แล้ว ถานผิงถิงก็จุกอกนางก็กลัวเหมือนกันว่าฉีอวี่เยียนจะไปก่อเรื่องจริง ๆ ถึงตอนนั้นหากอาหญิงรู้ว่านางยุแยงตะแคงรั่ว จะตำหนินางได้ จึงรีบหมุนตัวตามไปห้ามฉีอวี่เยียนทว่านางห้ามฉีอวี่เยียนในเวลานี้ได้ที่ไหน?หลังจากพวกนางพี่น้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 121

    นางเซี่ย “ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดทั้งนั้น ตราบใดที่เจ้ายังเป็นลูกสาวของนางถาน เจ้าก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับลูกชายข้า! ข้าเกลียดแม่ของเจ้าเข้าไส้ ดูถูกไปทุกสิ่ง”นางยังจำได้ว่าตนรับปากอะไรกับหรงจือจือเอาไว้ ยังปัดความรับผิดชอบไปให้นางถานดังเดิมเมื่อนางเซี่ยกล่าวจบ ก็สาวเท้ามุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องผู้ใดจะไปรู้ได้ว่าฉีอวี่เยียนจะตัดสินใจโหดเหี้ยม หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา แล้วกัดนิ้วจนเลือดออกเสียตรงนั้นเลย “พระชายาซื่อจื่อ ข้าจะเขียนหนังสือเลือดตัดขาดกับท่านแม่ของข้าเสีย!”นางเซี่ยมีชีวิตอยู่มาจนอายุปูนนี้ เคยเห็นอะไรมามากมาย ทว่าไม่เคยเห็นผู้ใดทำอย่างฉีอวี่เยียนถานผิงถิงเองก็ตกตะลึง แม้นางจะคอยเสี้ยมมาโดยตลอด ทว่าคนที่นางชิงชังจริง ๆ มีเพียงหรงจือจือเท่านั้น นางยังคิดทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าอาหญิงและฉีอวี่เยียน เช่นนี้ถึงจะพอมีหวังได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตนหากฉีอวี่เยียนก่อเรื่องจนถึงขั้นนั้น กลับไปหากอาหญิงรู้ว่าตนกล่าวสิ่งใดออกไป ไม่ก่นด่าตนจนหูแตกสิถึงจะแปลกนางรีบเอ่ยปากขึ้นทันที “อวี่เยียน อย่าบุ่มบ่าม! อาหญิงคือแม่แท้ ๆ ของเจ้านะ...”ฉีอวี่เยียนกล่าวอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่มีท่านแม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 122

    ฉีอวี่เยียนหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด พยายามอยากจะฟัง ทว่าสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวดที่หูซ้ายพร้อมกับเสียงอื้ออึง จากนั้นก็ค่อย ๆ ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงอื้ออึงแล้ว ราวกับถูกฝ้ายอุดเอาไว้ก็มิปาน และยังปวดหัวอย่างรุนแรงตามมาด้วยส่วนซิ่นหยางโหวยังเดือดดาลขึ้นศีรษะครั้นเห็นชาวบ้านที่หัวเราะเยาะพูดคุยกันเป็นเรื่องตลกโดยรอบเหล่านั้น เพลิงโทสะชั่วร้ายก็ยิ่งพุ่งขึ้นยอดหัวกะโหลก เขาหวดแส้ไปที่ฉีอวี่เยียนทีหนึ่งจนต้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด!หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ลากนางลูกไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวนี่กลับไปที่จวนโหวเสีย!”บรรดาบ่าวรับใช้ “ขอรับ”เจาซีมารายงานข่าวพวกนี้กับหรงจือจือ ในใจผุดความปลื้มปีติที่พูดออกมาไม่ได้ “ท่านโหวลากนางไปที่สวนฉางโซ่ว พร้อมด่านางถานไปด้วย บอกว่าเป็นเพราะลูกสาวตัวดีที่นางสั่งสอนมา!”“นางถานยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกท่านโหวฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอีก ใบหน้าที่กว่าจะยุบอย่างยากเย็นแสนเข็ญในก่อนหน้านี้ กลับต้องบวมอีกครั้ง”“หลังจากนั้นเมื่อนางถานรู้ว่า ฉีอวี่เยียนไปสาบานร้ายแรง เขียนหนังสือเลือดตัดขาดกับนาง สีหน้าก็คล้ำดำเขียวครึ่งซีดเผือดครึ่ง แล้วก็ไม่แยแ

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status