共有

บทที่ 13

作者: สั่งไม่หยุด
นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหล

มองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้น

จึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”

“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”

“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดดเด่นเช่นเจ้าได้

“ตามความเห็นของข้า หากเจ้าเป็นลูกชาย เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าท่านพ่อของเจ้า เขาหัวโบราณและรักหน้าตามากเกินไป บางครั้งยังสู้เจ้าไม่ได้!”

ถึงแม้จะไม่ควรพูดต่อหน้าหลานสาว เพราะอย่างไรเสียการว่าท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาพยายามจะให้หรงจือจือแต่งงานกับฉีจื่อฟู่ นายหญิงใหญ่ก็เกิดโทสะขึ้น

โชคดีที่ตอนนี้หลานสาวมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมอย่างแน่นอน จะต้องทะเลาะกับบุตรชายจนเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่

เมื่อได้ยินคำชมของท่านย่า อารมณ์ที่มัวหมองมาหลายวันของหรงจือจือ ในที่สุดก็ดีขึ้นมากแล้ว

เมื่อจับชีพจรของท่านย่า สังเกตเห็นว่าค่อย ๆ คงที่ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่จริงเป็นเพราะท่านย่าสั่งสอนมาดี หากไม่ใช่เพราะมีท่านย่าคอยอบรมสั่งสอน หลานจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร!”

คำพูดนี้ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เพียงแต่นางถอนหายใจเช่นกัน “ตอนนั้นท่านพ่อของเจ้าสอบคัดเลือกขุนนาง อดีตอัครมหาเสนาบดีหวังเป็นหัวหน้าผู้คุมสอบ ท่านพ่อของเจ้าก็นับว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา เขาอยากจะให้บุตรสาวแต่งงานกับท่านพ่อเจ้า แม้ว่าข้ากับท่านพ่อเจ้าจะไม่ชอบนางหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้”

“หลังจากที่นางหวังแต่งเข้ามา เคารพและเชื่อฟัง รักใคร่กันดีกับท่านพ่อเจ้า เดิมคิดว่าคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับทำตัวสติเลอะเลือนในเรื่องของเจ้า มักจะไม่ชอบใจเจ้า ท่านพ่อของเจ้าก็ทำตัวห่างเหินและเย็นชาต่อลูกจนเกินไป”

“ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ต่อให้ข้าป่วยหนักแค่ไหน ก็นอนตายตาหลับไม่ได้ เกรงว่าหากข้าเป็นอะไรไป ในภายภาคหน้าจะไม่มีใครคอยหนุนหลังหลานสาวคนดีของข้าอีกแล้ว !”

หรงจือจือได้ยิน ก็กล่าวพร้อมน้ำตา “ท่านย่าอย่าพูดจาเช่นนี้อีก ท่านจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงยิ้ม รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า ถึงอย่างไรวันนั้นก็ต้องมาถึง สุขภาพของข้าไม่ดีมาตลอด มีชีวิตอยู่ให้พ้นไปแต่ละวันเท่านั้น”

“หลานเขยเพิ่งกลับมา ตอนนี้เจ้าไม่ควรอยู่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่ บอกหลานเขยว่าหากมีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมข้า จะได้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมาบ้าง!”

วันนี้ฉีจื่อฟู่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมตนพร้อมกับจือจือ นายหญิงใหญ่เกิดความสงสัยขึ้นในใจเล็กน้อย

หรงจือจือรีบกล่าว “เขาไม่รู้ว่าท่านย่าไม่สบาย ประกอบกับเพิ่งกลับมายังเมืองหลวง งานราชการค่อนข้างยุ่ง ถึงไม่ได้มาด้วย หากเขามีเวลาว่าง หลานจะพาเขามาเยี่ยมท่านแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงพยักหน้า “ดีดีดี! ข้าอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย เจ้าก็รีบกลับไปที่สกุลฉีเถอะ เจ้ากับหลานเขยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงจะดีต่อสุขภาพของข้าที่สุด!”

หรงจือจือ “หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ประกอบกับโรคกำเริบ จึงนอนมาก หรงจือจือเฝ้านาง เมื่อท่านย่าหลับสนิทแล้ว สาวใช้จึงมากระซิบที่ข้างหูนาง “คุณหนู นายท่านเรียกท่านออกไป”

หรงจือจือลุกขึ้น เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าตื่น จึงเดินออกไปเบา ๆ

เมื่อเห็นท่านพ่อ นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากว่าจะขออยู่เฝ้าท่านย่าสักสองสามวัน

มหาราชครูหรงก็คาดเดาได้ว่านางอยากจะพูดอะไร “กลับไปเถอะ ข้างกายท่านย่าเจ้ามีข้าคอยดูแล บัดนี้จิตใจของฉีจื่อฟู่ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าเฝ้าไข้อยู่ที่นี่ กลับไม่เห็นหลานเขยมารับเจ้า ท่านย่าจะเกิดความสงสัยเอาได้”

“มิสู้กลับไปจัดการสินเดิมของเจ้าให้เรียบร้อย การหย่าร้างเป็นความคิดของเจ้า ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ควรจะเก็บสิ่งของให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกสองสามวันตอนข้าไปรับเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้านนอกจวนเพื่อรอเจ้าตัดขาด ท่านย่าของเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอยู่ที่บ้าน”

หรงจือจือรู้ว่าคำพูดของท่านพ่อมีเหตุผล จึงเรียกให้เจาซีนำขนมอบที่ตนซื้อทิ้งไว้ให้ท่านย่า เอ่ยสั่งกับบ่าวรับใช้ “ตอนกลางคืนท่านย่าชอบกินของหวาน ถึงตอนนั้นก็ให้ท่านย่ากินสักหน่อย”

จะว่าไป หากไม่ใช่เป็นเพราะตอนที่ซื้อขนมอบให้ท่านย่า หรงจือจือก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงถือโอกาสซื้อเผื่ออตนเองอีกนิดหน่อย วันนี้ก็คงต้องหิวโซไปแล้ว

จากนั้นจึงคำนับมหาราชครูหรงแล้วกล่าว “เช่นนั้นลูกขอตัวลาก่อน หากท่านย่าต้องการลูก ท่านพ่อจะต้องส่งคนไปแจ้งลูกนะเจ้าคะ”

มหาราชครูหรงพยักหน้า “อืม เจ้าไปเถอะ

เดิมทีหรงจือจือใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่ในบ้านสามี แม้ปากของมหาราชครูหรงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในใจกลับไม่พอใจมาก แต่เมื่อเห็นนางเป็นห่วงทุกเรื่องของนายหญิงใหญ่ เขาก็ต่อว่าไม่ลงอีก บอกให้คนส่งนางออกไป

ทันทีที่หรงจือจือกลับไป นางหวังก็เดินพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห พลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ จือจือล่ะ?”

มหาราชครูหรงขมวดคิ้ว “กลับไปแล้ว ทำไมหรือ?”

เมื่อได้ยินว่ากลับไปแล้ว นางหวังทำได้เพียงกัดฟันอย่างเคียดแค้น เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไร แค่ถามเท่านั้น!”

คนกลับไปแล้ว จะจับตัวกลับมาจัดการก็เป็นไปได้ยาก ทำได้เพียงครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ลูกสาวตัวดี ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หมัวมัวคนสนิทของตนโมโหจนหมดสติ นี่ไม่ใช่เป็นการหักหน้าตนหรอกหรือ? นางคิดว่าตนเองเก่งกล้าจริง ๆ คิดว่าตนจัดการกับนางไม่ได้ใช่หรือไม่?

...

ระหว่างทางกลับ

เมื่อเห็นว่าอากาศหนาวเกินไป หรงจือจือจึงให้เจาซีมานั่งด้วยกันบนรถม้า แม่นางน้อยจะได้ไม่แข็งตาย

เจาซีรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าวันข้างหน้าจะอุทิศตนให้กับคุณหนูมากกว่าเดิม

กล่าวขึ้นว่า “คุณหนู พวกเรากลับมาแบบนี้ ไม่แน่สกุลฉีอาจจะคิดว่า เป็นเพราะนายท่านบอกให้ท่านอดทน ใช้ชีวิตกับลูกเขยให้มีความสุขก็ได้นะเจ้าคะ!”

หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “พวกเขาอยากจะคิดอย่างไร ก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นเถอะ”

ถึงอย่างไรตนก็ใกล้จะหลุดพ้นจากกรงขังแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้ดีใจอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะยิ่งอับอายมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

คำพูดของท่านพ่อก็ได้เตือนสตินางเช่นกัน สินเดิมของนาง ทั้งหมดท่านย่าให้มา ก็ควรจะจัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วนำกลับไปจริง ๆ ไม่ควรให้สกุลฉีเอาเปรียบได้แม้แต่นิดเดียว

เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนซิ่นหยางโหว

หรงจือจือก็พาคนกลับไปที่เรือนของตน ทันทีที่ถอดเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกออก ถ่านไม้ภายในห้องก็ถูกจุดขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ฉีอวี่เยียนก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา

นางเป็นน้องสาวของฉีจื่อฟู่ น้องสามีของหรงจือจือ เนื่องจากฉีอวี่เยียนใจดีกับนางมาตลอด ไม่เหมือนกับหรงเจียวเจียวผู้เป็นน้องสาวที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีและเยาะเย้ย หลายปีมานี้หรงจือจือรักและเอ็นดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ด้วยใจจริง

บัดนี้นางจะหย่าร้างกับฉีจื่อฟู่ หรงจือจือยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายอยู่

เพียงแค่มองรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย หรงจือจือก็สะอึกในใจทีหนึ่ง รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องของตนกับพี่ชายของนางอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้?

ฉีอวี่เยียนกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม “พี่สะใภ้!”

หรงจือจือนั่งลง ถามนางอย่างระวัง “วันนี้มาหาข้า มีธุระอันใด?”

ฉีอวี่เยียนประคองหน้า กล่าวอย่างออดอ้อน “พี่สะใภ้ ใกล้วันแต่งงานของข้าแล้ว วันพรุ่งนี้ทั้งสองตระกูลจะหารือกันเรื่องสินสอดและสินเดิมแล้ว”

“ท่านแม่กับท่านพี่ให้ข้ามาที่นี่ ให้พี่สะใภ้นำสินเดิมของท่าน มาเติมสินเดิมให้ข้าสักสองสามกล่อง”

“มงกุฎทองหลากสี ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลจีนใต้ของท่าน แล้วก็ยังมีปะการังยักษ์ต้นนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นของหายากในโลก มิสู้เติมเข้าไปทั้งหมดก็แล้วกัน !”

หรงจือจือฟังจบก็แสดงสีหน้าจริงจัง คิดไม่ถึงว่าครอบครัวของเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ตอนนี้ยังวางแผนจะเอาสินเดิมของนางอีก!
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (1)
goodnovel comment avatar
ลักษิกา
บ้านนี้มีแต่คนหน้าด้าน
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status