Share

บทที่ 13

Penulis: สั่งไม่หยุด
นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหล

มองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้น

จึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”

“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”

“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดดเด่นเช่นเจ้าได้

“ตามความเห็นของข้า หากเจ้าเป็นลูกชาย เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าท่านพ่อของเจ้า เขาหัวโบราณและรักหน้าตามากเกินไป บางครั้งยังสู้เจ้าไม่ได้!”

ถึงแม้จะไม่ควรพูดต่อหน้าหลานสาว เพราะอย่างไรเสียการว่าท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาพยายามจะให้หรงจือจือแต่งงานกับฉีจื่อฟู่ นายหญิงใหญ่ก็เกิดโทสะขึ้น

โชคดีที่ตอนนี้หลานสาวมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมอย่างแน่นอน จะต้องทะเลาะกับบุตรชายจนเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่

เมื่อได้ยินคำชมของท่านย่า อารมณ์ที่มัวหมองมาหลายวันของหรงจือจือ ในที่สุดก็ดีขึ้นมากแล้ว

เมื่อจับชีพจรของท่านย่า สังเกตเห็นว่าค่อย ๆ คงที่ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่จริงเป็นเพราะท่านย่าสั่งสอนมาดี หากไม่ใช่เพราะมีท่านย่าคอยอบรมสั่งสอน หลานจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร!”

คำพูดนี้ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เพียงแต่นางถอนหายใจเช่นกัน “ตอนนั้นท่านพ่อของเจ้าสอบคัดเลือกขุนนาง อดีตอัครมหาเสนาบดีหวังเป็นหัวหน้าผู้คุมสอบ ท่านพ่อของเจ้าก็นับว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา เขาอยากจะให้บุตรสาวแต่งงานกับท่านพ่อเจ้า แม้ว่าข้ากับท่านพ่อเจ้าจะไม่ชอบนางหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้”

“หลังจากที่นางหวังแต่งเข้ามา เคารพและเชื่อฟัง รักใคร่กันดีกับท่านพ่อเจ้า เดิมคิดว่าคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับทำตัวสติเลอะเลือนในเรื่องของเจ้า มักจะไม่ชอบใจเจ้า ท่านพ่อของเจ้าก็ทำตัวห่างเหินและเย็นชาต่อลูกจนเกินไป”

“ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ต่อให้ข้าป่วยหนักแค่ไหน ก็นอนตายตาหลับไม่ได้ เกรงว่าหากข้าเป็นอะไรไป ในภายภาคหน้าจะไม่มีใครคอยหนุนหลังหลานสาวคนดีของข้าอีกแล้ว !”

หรงจือจือได้ยิน ก็กล่าวพร้อมน้ำตา “ท่านย่าอย่าพูดจาเช่นนี้อีก ท่านจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงยิ้ม รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า ถึงอย่างไรวันนั้นก็ต้องมาถึง สุขภาพของข้าไม่ดีมาตลอด มีชีวิตอยู่ให้พ้นไปแต่ละวันเท่านั้น”

“หลานเขยเพิ่งกลับมา ตอนนี้เจ้าไม่ควรอยู่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่ บอกหลานเขยว่าหากมีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมข้า จะได้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมาบ้าง!”

วันนี้ฉีจื่อฟู่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมตนพร้อมกับจือจือ นายหญิงใหญ่เกิดความสงสัยขึ้นในใจเล็กน้อย

หรงจือจือรีบกล่าว “เขาไม่รู้ว่าท่านย่าไม่สบาย ประกอบกับเพิ่งกลับมายังเมืองหลวง งานราชการค่อนข้างยุ่ง ถึงไม่ได้มาด้วย หากเขามีเวลาว่าง หลานจะพาเขามาเยี่ยมท่านแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงพยักหน้า “ดีดีดี! ข้าอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย เจ้าก็รีบกลับไปที่สกุลฉีเถอะ เจ้ากับหลานเขยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงจะดีต่อสุขภาพของข้าที่สุด!”

หรงจือจือ “หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ประกอบกับโรคกำเริบ จึงนอนมาก หรงจือจือเฝ้านาง เมื่อท่านย่าหลับสนิทแล้ว สาวใช้จึงมากระซิบที่ข้างหูนาง “คุณหนู นายท่านเรียกท่านออกไป”

หรงจือจือลุกขึ้น เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าตื่น จึงเดินออกไปเบา ๆ

เมื่อเห็นท่านพ่อ นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากว่าจะขออยู่เฝ้าท่านย่าสักสองสามวัน

มหาราชครูหรงก็คาดเดาได้ว่านางอยากจะพูดอะไร “กลับไปเถอะ ข้างกายท่านย่าเจ้ามีข้าคอยดูแล บัดนี้จิตใจของฉีจื่อฟู่ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าเฝ้าไข้อยู่ที่นี่ กลับไม่เห็นหลานเขยมารับเจ้า ท่านย่าจะเกิดความสงสัยเอาได้”

“มิสู้กลับไปจัดการสินเดิมของเจ้าให้เรียบร้อย การหย่าร้างเป็นความคิดของเจ้า ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ควรจะเก็บสิ่งของให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกสองสามวันตอนข้าไปรับเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้านนอกจวนเพื่อรอเจ้าตัดขาด ท่านย่าของเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอยู่ที่บ้าน”

หรงจือจือรู้ว่าคำพูดของท่านพ่อมีเหตุผล จึงเรียกให้เจาซีนำขนมอบที่ตนซื้อทิ้งไว้ให้ท่านย่า เอ่ยสั่งกับบ่าวรับใช้ “ตอนกลางคืนท่านย่าชอบกินของหวาน ถึงตอนนั้นก็ให้ท่านย่ากินสักหน่อย”

จะว่าไป หากไม่ใช่เป็นเพราะตอนที่ซื้อขนมอบให้ท่านย่า หรงจือจือก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงถือโอกาสซื้อเผื่ออตนเองอีกนิดหน่อย วันนี้ก็คงต้องหิวโซไปแล้ว

จากนั้นจึงคำนับมหาราชครูหรงแล้วกล่าว “เช่นนั้นลูกขอตัวลาก่อน หากท่านย่าต้องการลูก ท่านพ่อจะต้องส่งคนไปแจ้งลูกนะเจ้าคะ”

มหาราชครูหรงพยักหน้า “อืม เจ้าไปเถอะ

เดิมทีหรงจือจือใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่ในบ้านสามี แม้ปากของมหาราชครูหรงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในใจกลับไม่พอใจมาก แต่เมื่อเห็นนางเป็นห่วงทุกเรื่องของนายหญิงใหญ่ เขาก็ต่อว่าไม่ลงอีก บอกให้คนส่งนางออกไป

ทันทีที่หรงจือจือกลับไป นางหวังก็เดินพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห พลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ จือจือล่ะ?”

มหาราชครูหรงขมวดคิ้ว “กลับไปแล้ว ทำไมหรือ?”

เมื่อได้ยินว่ากลับไปแล้ว นางหวังทำได้เพียงกัดฟันอย่างเคียดแค้น เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไร แค่ถามเท่านั้น!”

คนกลับไปแล้ว จะจับตัวกลับมาจัดการก็เป็นไปได้ยาก ทำได้เพียงครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ลูกสาวตัวดี ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หมัวมัวคนสนิทของตนโมโหจนหมดสติ นี่ไม่ใช่เป็นการหักหน้าตนหรอกหรือ? นางคิดว่าตนเองเก่งกล้าจริง ๆ คิดว่าตนจัดการกับนางไม่ได้ใช่หรือไม่?

...

ระหว่างทางกลับ

เมื่อเห็นว่าอากาศหนาวเกินไป หรงจือจือจึงให้เจาซีมานั่งด้วยกันบนรถม้า แม่นางน้อยจะได้ไม่แข็งตาย

เจาซีรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าวันข้างหน้าจะอุทิศตนให้กับคุณหนูมากกว่าเดิม

กล่าวขึ้นว่า “คุณหนู พวกเรากลับมาแบบนี้ ไม่แน่สกุลฉีอาจจะคิดว่า เป็นเพราะนายท่านบอกให้ท่านอดทน ใช้ชีวิตกับลูกเขยให้มีความสุขก็ได้นะเจ้าคะ!”

หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “พวกเขาอยากจะคิดอย่างไร ก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นเถอะ”

ถึงอย่างไรตนก็ใกล้จะหลุดพ้นจากกรงขังแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้ดีใจอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะยิ่งอับอายมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

คำพูดของท่านพ่อก็ได้เตือนสตินางเช่นกัน สินเดิมของนาง ทั้งหมดท่านย่าให้มา ก็ควรจะจัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วนำกลับไปจริง ๆ ไม่ควรให้สกุลฉีเอาเปรียบได้แม้แต่นิดเดียว

เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนซิ่นหยางโหว

หรงจือจือก็พาคนกลับไปที่เรือนของตน ทันทีที่ถอดเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกออก ถ่านไม้ภายในห้องก็ถูกจุดขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ฉีอวี่เยียนก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา

นางเป็นน้องสาวของฉีจื่อฟู่ น้องสามีของหรงจือจือ เนื่องจากฉีอวี่เยียนใจดีกับนางมาตลอด ไม่เหมือนกับหรงเจียวเจียวผู้เป็นน้องสาวที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีและเยาะเย้ย หลายปีมานี้หรงจือจือรักและเอ็นดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ด้วยใจจริง

บัดนี้นางจะหย่าร้างกับฉีจื่อฟู่ หรงจือจือยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายอยู่

เพียงแค่มองรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย หรงจือจือก็สะอึกในใจทีหนึ่ง รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องของตนกับพี่ชายของนางอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้?

ฉีอวี่เยียนกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม “พี่สะใภ้!”

หรงจือจือนั่งลง ถามนางอย่างระวัง “วันนี้มาหาข้า มีธุระอันใด?”

ฉีอวี่เยียนประคองหน้า กล่าวอย่างออดอ้อน “พี่สะใภ้ ใกล้วันแต่งงานของข้าแล้ว วันพรุ่งนี้ทั้งสองตระกูลจะหารือกันเรื่องสินสอดและสินเดิมแล้ว”

“ท่านแม่กับท่านพี่ให้ข้ามาที่นี่ ให้พี่สะใภ้นำสินเดิมของท่าน มาเติมสินเดิมให้ข้าสักสองสามกล่อง”

“มงกุฎทองหลากสี ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลจีนใต้ของท่าน แล้วก็ยังมีปะการังยักษ์ต้นนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นของหายากในโลก มิสู้เติมเข้าไปทั้งหมดก็แล้วกัน !”

หรงจือจือฟังจบก็แสดงสีหน้าจริงจัง คิดไม่ถึงว่าครอบครัวของเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ตอนนี้ยังวางแผนจะเอาสินเดิมของนางอีก!
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
ลักษิกา
บ้านนี้มีแต่คนหน้าด้าน
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 14

    เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่พูดจาฉีอวี่เยียนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่สะใภ้ ท่านเป็นพี่สะใภ้แท้ ๆ ของข้า ข้าออกเรือนทั้งที หากท่านไม่เติมสินเดิม ก็ดูจะใช้ไม่ได้สักเท่าไหร่นะ!”“อีกอย่าง การแต่งงานของข้า พี่สะใภ้ยังเป็นคนช่วยข้าพูดจนสำเร็จ หากท่านไม่เติมสินเดิม ทางด้านจวนอ๋องเฉียน ก็คงจะพูดลำบากเช่นกันมิใช่หรือ?”ว่ากันตามเหตุผล จวนอ๋องเฉียนสมรส ก่อนหน้านี้ไม่มีทางถูกใจครอบครัวที่มีแต่เปลือกนอกอย่างซิ่นหยางโหวง่าย ๆ แน่ความจริงคือหรงจือจือมีชื่อเสียงด้านคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมักจะชมนางไม่หยุดปาก บอกว่านางเป็นสตรีที่น่ารัก มีความชอบธรรม ทั้งยังกตัญญู น่าเสียดายที่ไม่ใช่หลานสะใภ้ของตนเองดังนั้นเมื่อเห็นหรงจือจือเป็นผู้มาคุยเรื่องการแต่งงานให้น้องสาวสามีด้วยตนเอง พระชายาอ๋องเฉียนถึงได้ตกปากรับคำเพื่อหลานชายของตนเองถึงแม้จะไม่ใช่หลานคนโตของภรรยาเอก แต่ฉีอวี่เยียนก็คู่ควรที่จะแต่งงานกับหลานชายคนรองของภรรยาเอก จึงเป็นที่อิจฉาของใครหลายคนหรงจือจือมองฉีอวี่เยียน ถามอย่างพินิจพิจารณา “อวี่เยียน พี่ใหญ่ของเจ้าต้องการให้ข้าเป็นอนุเพื่อองค์หญิงม่านหวานั่น เจ้ารู้เ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 15

    มองรอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดในดวงตาของฉีอวี่เยียน หรงจือจือรู้สึกว่า ความดีที่ตนมีต่อนางตลอดหลายปีมานี้ ล้วนเป็นการให้อาหารสุนัข ไม่สิ หากเป็นการให้อาหารสุนัข สุนัขก็ยังกระดิกหางให้นางบ้างจะเหมือนกับคนเนรคุณตรงหน้าที่ไหนกัน? ไม่มีความซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่น้อยก็มากเกินพอแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางนี้ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีก!รู้สึกโมโหที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาด เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมองโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไม่ออก? ซ้ำยังทำดีกับนางแบบนั้นอีก!ฉีอวี่เยียนยังดึงแขนของหรงจือจือ กล่าวอย่างออดอ้อนต่อ “พี่สะใภ้ ท่านก็รับปากข้าเถอะนะ! ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็มีวันมงคล เพียงครั้งเดียว หากข้ามีสินเดิมมากมาย ท่านก็ได้หน้าได้ตาไปด้วยไม่ใช่หรือ?”หรงจือจือ “...”เหอะ ๆ เอาสินเดิมของข้า ไปสร้างหน้าสร้างตาให้ครอบครัวเจ้ามากกว่า?เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปาก ฉีอวี่เยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กล่าวข่มขู่ “หากพี่สะใภ้ไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของข้า เกรงว่าท่านแม่กับท่านพี่จะยิ่งไม่ชอบใจพี่สะใภ้มากกว่าเดิมนะ”“หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงม่านหวาแต่งเข้ามาแล้ว พี่สะใภ้คงจะต้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 16

    หรงจือจือกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “นางพูดไม่ใช่หรือว่า พี่ชายของนางรับปากข้าเอาไว้มากมาย แต่ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลง ไม่มีหลักฐาน ข้าไม่สามารถร้องเรียนเขาได้?”“เรื่องที่ข้ารับปากนางเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลงเช่นกัน ถึงเวลานางให้นางไปร้องเรียนข้าเถอะ! วันนี้พวกเจ้า ได้ยินข้ารับปากอะไรนางหรือไม่?”นางไม่เคยใช้วิธีการที่หน้าไม่อายไปจัดการใคร เนื่องจากไม่อยากให้ตนต้องกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจเหมือนกับคนอื่นแต่บางครั้ง การเผชิญหน้ากับคนที่ไร้ยางอายเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการมากนัก หากยังคงวางมาด จมไม่ลง ผู้อื่นก็จะปฏิบัติกับตนด้วยวิธีการที่สกปรกและน่าขยะแขยงครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการเช่นกันท้ายที่สุดแล้วคนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ไม่เพียงต้องมีคุณธรรมสูงส่ง ยังต้องสามารถปกป้องตนเองให้ดี ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนชั่วข้างในเรือนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสาวใช้ของหรงจือจือเอง ท่านย่าได้จัดเตรียมเอาไว้ให้นางก่อนจะออกเรือน สัญญาขายตัวของทุกคนอยู่ในมือของนาง เนื่องจากนางปกครองบ่าวรับใช้ด้วยความยุติธรรม บร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 17

    เจาซีตะลึงไปทันที ในใจมีความสงสัยเล็กน้อย ว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มั่นใจเช่นนี้แต่เมื่อลองคิดดูคุณหนูก็ประสบความสำเร็จมาตลอด คิดว่าไม่น่าจะคำนวณผิดพลาด จึงวางใจได้ชั่วขณะ......สวนฉางโซ่วของนางถานฉีอวี่เยียนกลับมาด้วยความดีใจ เล่าเรื่องที่หรงจือจือรับปากตนเองให้ฟังยังรินน้ำชาให้ตนอีกถ้วยด้วย พลางดื่มพลางกล่าวด้วยท่าทางมีความสุข “เป็นตามที่ท่านแม่คาดคะเน มหาราชครูหรงไม่สนใจนาง นางจึงตื่นตระหนก ต่อไป สิ่งของทั้งหมดของนางหรง ก็จะตกเป็นของครอบครัวเราแล้ว!”“ทันทีที่อ้าปากก็ตอบตกลงว่าจะให้สิ่งของมากมายขนาดนี้ ท่านแม่ ผ้าไหมสามพับนั่นที่ท่านตั้งใจจะให้ข้าเป็นสินสมรสติดตัวไป ก็เก็บเอาไว้เองเถอะ บัดนี้ข้ามีสิ่งของที่นางหรงมอบให้ ก็ไม่ได้ขาดแคลนของเล็กน้อยนั่นแล้ว”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ฟังถึงตรงนี้ ก็วางใจขึ้นแตกต่างกับท่านแม่และน้องสาว ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความอยากได้สินเดิมของหรงจือจือ ดังนั้นจึงเอ่ยข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมาแต่ฉีจื่อฟู่เพียงแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูท่าทีของหรงจือจือ หากหรงจือจือปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหมือนกับเมื่อคืนนี้ที่ปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับตน คิดว่าเป็นเพราะมหาราชครู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 18

    เมื่อนางถานนึกถึงความเย็นชาเหล่านั้นที่ตนได้รับวันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ก็โมโหขึ้นมา แทบอยากจะกลืนหรงจือจือทั้งเป็น เมื่อเห็นบุตรชายถูกตนโน้มน้าวได้สำเร็จนางถานจึงพยายามต่อไป กล่าวขึ้นอีกว่า “ดังนั้นไม่เพียงเรื่องสินเดิม เจ้าห้ามปกป้องนาง เจ้าต้องคิดหาหนทาง เพื่อตั้งกฎให้นาง”“ทำให้นางรู้ว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่ใช่ว่าอะไรก็นึกถึงแต่นาง คนที่เจ้ารักที่สุดในใจก็ไม่ใช่นางเช่นกัน องค์หญิงม่านหวากับลูกในท้องของนาง เจ้าต้องวางไว้เป็นอันดับหนึ่ง”“ทำเช่นนี้หรงจือจือถึงจะรู้สึกถึงความลนลาน ถึงจะระมัดระวังตัว พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะใจเจ้า”ฉีจื่อฟู่แค่นหัวเราะ “เรื่องแค่นี้ลูกเข้าใจ! ก่อนหน้านี้ให้นางเป็นอนุ นางก็อยากจะหย่าร้าง เห็นได้ชัดว่าหัวแข็งเกินไป เมื่อก่อนลูกดีกับนางเกินไปหน่อย”“หากนางรักข้าจริง ก็ต้องยินดีที่เป็นอนุ จะไม่ยอมร่วมหลับนอนได้อย่างไร? ท่านแม่วางใจ ลูกจะสั่งสอนนางให้ดี ทำแบบนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!”หรงจือจือดีงามเกินไปแล้ว ตอนนั้นตอนที่เขายังนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ทุกคนมาเยี่ยมเขา มักจะพูดถึงหรงจือจือ กล่าวว่าตนเองมีวาสนาราวกับว่าผู้ชายอกสามศอกอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 19

    ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง นางถานจึงได้มอบหน้าที่หุงหาอาหารในบ้านให้หรงจือจือทำมานานแล้ว วันนี้อยากจะต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับนางเซี่ยหรงจือจือเพิ่งได้รับอิสระ แต่นางก็ไม่ได้ทำตัวว่าง ส่งคนไปสืบข่าวคราวที่เรือนด้านหน้า แล้วก็กำลังจัดการใบรายการสินเดิมของตนเองเพียงแต่ถึงแม้นางถานจะสติเลอะเลือน แต่กลับปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรอบคอบยิ่ง ให้คนรับใช้คนสนิทของตนเฝ้าเรือนอย่างเข้มงวด สาวใช้ของหรงจือจือจึงไม่สามารถสืบรายละเอียดที่คุยกันได้หลังจากได้ยินรายงานของเจาซี “คุณหนู หลังจากที่พระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องกลับไปแล้ว ฮูหยินก็โมโหมาก ขว้างปาข้าวของในห้องหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หรงจือจือเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ?”หรือที่ไม่อยากให้ตนไปพูดอะไรกับจวนอ๋องเฉียน เป็นเพราะการแต่งงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว?ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดสาวใช้เฉินคนสนิทของนางถาน ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องหรงจือจือกล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ ฮูหยินใช้ให้บ่าวรับใช้มาตามท่านให้ไปพบเจ้าค่ะ!”หรงจือจือก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน จึงไม่รอช้า รีบลุกขึ้นทันทีเจา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 20

    เมื่อเจาซีฟังจบก็สีหน้าไม่พอใจทันที กำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจแทนคุณหนูของตนมาก อยากจะด่าแม่สามีที่ไม่มีเหตุผลอย่างนางถานสักยกจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ด่าไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนหรงจือจือดูสงบยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่อยากจะตำหนิข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นอย่างน้อยลูกก็ควรได้รู้ว่า ตนทำผิดอะไรใช่หรือไม่? ท่านแม่โปรดบอกด้วย”นางถานกำลังจับมือสาวใช้เฉิน มองหรงจือจือด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ดี ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง! ป้าเฉิน เจ้าบอกนางไปซิ”สาวใช้เฉินก้าวออกมา พูดเหตุผลออกมาแทนเจ้านายของตนเอง “เมื่อครู่นี้นางเซี่ยพระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเฉียนมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องสินสอด ไม่คิดว่าจะสะเพร่าถึงขนาดนี้ ให้สินสอดเพียงสามสิบลัง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จวนอ๋องจะทำอย่างแน่นอน”“นางเซี่ยกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องที่ซื่อจื่อจะให้ซื่อจื่อฮูหยินเป็นอนุ ตอนนี้ด้านนอกลือกันอย่างหนาหู ในครอบครัวต่างกำลังพูดกันว่าครอบครัวของเราไม่ดี นางไม่ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ ก็นับว่าไว้หน้าจวนโหวแล้ว”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ยินยอมที่จะให้สินสอดไปมากกว่านี้แล้ว ให้เพียงแค่สาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 21

    สิ่งนี้ทำให้นางถานไม่พอใจเป็นอย่างมากทว่าในจังหวะนี้เองฉีจื่อฟู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “จือจือ ท่านแม่ถูกเจ้ายั่วโมโหจนร้องไห้ แต่เจ้ากลับไม่สำนึกผิดเลยสักนิด คุณธรรมกับความกตัญญูของเจ้าล่ะ?”ครั้นหรงจือจือได้ยินคำพูดกลับขาวเป็นดำของคนในตระกูลเขา ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าในใจของนางจะสงบลงแล้วนางเพียงทอดตามองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “ท่านพี่กล่าวเรื่องตลกแล้ว ผู้ที่ถูกสามีลดขั้นให้เป็นอนุเช่นข้าจะมีคุณธรรมอะไรกัน?”“แทนที่ท่านพี่จะมาถามหาความกตัญญูจากข้า ไม่สู้ถามตัวท่านเองเถิด? หากไม่ใช่เพราะท่านคบชู้ร่วมประเวณีโดยมิชอบ และประกาศว่าจะลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุในงานเลี้ยงละก็ เรื่องการแต่งงานของอวี่เยียนจะพลอยถูกท่านทำให้ติดร่างแหไปด้วยหรือ?”“ท่านแม่เอาแต่โทษข้า แต่ผู้ที่มีปัญญาก็รู้กันทั้งนั้นว่า อันที่จริงแล้วเรื่องมันเกิดมาจากท่านทั้งนั้น ฉะนั้นผู้ที่ทำให้ท่านแม่ต้องเดือดดาลจนเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นผู้ที่เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดอย่างท่านต่างหาก!”ฉีจื่อฟู่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “จือจือ เจ้าดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ ข้

Bab terbaru

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status