Share

บทที่ 361

Author: สั่งไม่หยุด
“แม้เมื่อก่อนบ่าวจะโง่เขลาไปบ้าง เคยล่วงเกินคุณหนูอยู่หลายครา แต่บ่าวก็ไม่เคยทำเรื่องชั่วช้าสามานย์ใดๆ เลยนะเจ้าคะ”

“ท่านใช้แผนการทีละขั้น ยุยงให้ฮูหยินกับบ่าวแตกแยกกัน บีบคั้นบ่าวจนถึงขั้นนี้ เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเจ้าคะ? บ่าวเป็นเพียงคนต่ำต้อยไร้ค่า ไหนเลยจะควรค่าให้คุณหนูต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านมากมายถึงเพียงนี้!”

“ตอนนี้ บ่าวมิกล้ากลับไปข้างกายฮูหยินแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ! ขอคุณหนูโปรดไว้ชีวิตบ่าวสักครั้ง ปล่อยบ่าวไปเถิด บ่าวรับรองว่าจะหนีออกจากเมืองหลวงทันที จะไม่มาให้รกหูรกตาท่านอีกต่อไป!”

หรงจือจือจ้องมองนางเขม็ง กล่าวว่า “ขอเพียงเจ้าบอกเรื่องที่ข้าอยากรู้ให้ข้าฟัง เจ้าอยากจะไปที่ใดย่อมได้ทั้งนั้น”

สาวใช้จ้าวตัวสั่นสะท้าน “คุณหนูใหญ่ ท่าน ท่านต้องการให้บ่าวทรยศฮูหยินหรือเจ้าคะ?”

หรงจือจือหรี่ตาลงเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น ก็หมายความว่านางหวังมีความลับบางอย่าง ที่สามารถนำเปิดโปงได้สินะ?”

สาวใช้จ้าวหลบสายตาของหรงจือจือ “คุณหนูใหญ่คิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินไม่มีความลับใดๆ ทั้งนั้น เมื่อครู่บ่าวก็แค่พลั้งปากพูดไปเท่านั้น!”

เพียงแต่แววตาหลุกหลิกมีพิรุธของนาง มีหรือที่ผู้ใดจะมอ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 364

    ฉีอวี่เยียนกล่าว “ท่านมันช่างโง่เขลาเสียจริง! ท่านเอาใจใส่นางถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่เห็นค่าแม้แต่น้อย ข้าช่างไม่เข้าใจเลยว่าท่านต้องการอะไร!”ฉีจื่อฟู่ตอบเพียงสั้นๆ “แค่อยากให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดก็เท่านั้น”......หรงจือจือไปพบมหาราชครูหรงและบอกว่าตนเองได้เกลี้ยกล่อมแล้ว แต่ตระกูลอวิ๋นไม่ยอมนางไม่ได้เอ่ยถึงคำพูดที่ฉีจื่อฟู่และหรงเจียวเจียวสั่งให้นางพูด เพราะพวกเขาพูดได้ แต่นางไม่สามารถพูดความจริงนั้นได้หากนางพูดออกไป บิดาคงตำหนินางกลับมาว่าไม่รู้ความ ไม่รู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูดนางจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลย ปล่อยให้บิดาไม่รู้เรื่องมหาราชครูหรงรู้ว่าล้มเหลว แม้จะผิดหวังบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรมากนัก เพียงแค่บอกให้นางกลับไปกลับถึงเรือนอี่เหมยคำพูดที่พี่น้องตระกูลฉีพูดกันที่หน้าประตูหลังจากหรงจือจือเข้ามาในจวน ถูกเจาอู้เล่าให้หรงจือจือฟังทั้งหมดหรงจือจือซึ่งปกติก็ใจเย็น ยังอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากเบาๆ ยังจะพูดว่าทำไปเพื่อมโนสำนึกอยู่อีกหรือ? ฉีจื่อฟู่นี่ คงใกล้จะซาบซึ้งจนน้ำตาซึมกับความดีของตัวเองแล้วกระมัง?เจาซีเกือบจะอาเจียนออกมา “ที่แท้การพยายามป้ายสีตัวเองให้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 363

    ประโยคนั้นเล่นเอาเจาซีถึงกับสะดุ้ง เพราะนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ท่านอัครเสนาบดีเคยพูดว่าจะขอนางในเรือนของพวกตน แต่ว่า เป็นภรรยาเอกหรือแค่อนุนั้น ดูจะยังไม่เคยพูดชัดเจนเสียด้วยซ้ำฉีอวี่เยียนก็รีบโพล่งขึ้นมาอย่างมีโมโหว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ข้าคิดเผื่อเจ้า เขาคงไม่เสียเวลาอยู่กับเจ้าเป็นวันๆ อย่างนี้หรอก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาลงแรงมาพูดกับเจ้าด้วยตัวเอง!”“เราก็แค่หวังดีแท้ๆ เจ้ายังจะมองเป็นน้ำใจเน่าๆ เหมือนตับลาของใครเข้าอีก! ไม่รู้ดีชั่วจริงๆ!”หรงจือจือหัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะเหลือบตามองทั้งคู่ด้วยท่าทีเฉยเมย “เรื่องของข้า ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเหนื่อยใจแทนหรอก พวกเจ้าจะเก็บน้ำใจอันแสนงดงามนี้ไว้ไปมอบให้คนที่รู้จักดีชั่วอย่างที่ปากเจ้าพร่ำบอกเถิด ข้า ข้าไม่มีปัญญารับไว้แม้แต่เสี้ยวเดียว”เห็นนางพูดเช่นนั้น ฉีจื่อฟู่ก็ขมวดคิ้วแน่น จ้องหน้าหรงจือจือพลางเอ่ยด้วยเสียงเข้ม “ทำไม? หรือว่าเจ้าไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด?”หรงจือจือย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว นางตอบเรียบเย็นว่า “ท่านอัครเสนาบดีเป็นคนฉลาด หากข้ายินดีจะเป็นแค่อนุ คงไม่ถึงขั้นต้องตัดขาดกับตระกูลฉีอย่างที่ผ่านมา และเขาเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 362

    หรงจือจือสงสัยว่าอาการป่วยทางสมองของคนตระกูลฉี จะหนักกว่าเดิมแล้วหรือไม่ตั้งแต่แรกนางก็ไม่อยากเจอฉีจื่อฟู่แล้วไม่ใช่หรือ? ใครใช้ให้พวกเขามารอที่นี่กัน?เจาซีอดไม่ไหว เอามือเท้าสะเอวด่าฉีอวี่เยียน “เจ้าคงไม่ใช่จิตรกรชั้นยอดหรอกนะ คนอื่นไม่ให้หน้าเจ้า แต่เจ้ากลับวาดหน้าตัวเองให้ทั้งใหญ่ทั้งกลมได้!”“คุณหนูของข้าเห็นพวกเจ้าพี่น้อง ก็มีแต่จะรู้สึกว่าเป็นลางร้าย!”“พวกเจ้าเองที่เสนอหน้าเข้ามา ปักหลักไม่ยอมไปจากหน้าจวนตระกูลหรง ตอนนี้ยังมาพูดเหมือนใครไปอ้อนวอนให้พวกเจ้ามา ถึงขนาดต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยงั้นหรือ?”ฉีอวี่เยียนฟังจบก็โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ มองไปยังหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าก็ไม่คิดจะดูแลบ่าวของเจ้าหน่อยหรือ!”“เจ้าฟังดูสิว่านางพูดอะไรออกมา? เจ้านายพูดกันอยู่ ถึงคราวให้บ่าวใช้ชั้นต่ำผู้หนึ่งพูดสอดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ฉีจื่อฟู่ถูกเจาซีด่าเช่นนี้ ก็รู้สึกเสียหน้ามากเช่นกันหรงจือจือกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เจาซีเป็นบ่าว ก็เป็นแค่บ่าวของข้า ยังไม่ถึงตาเจ้ามาสั่งสอน”“ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลฉีของพวกเจ้า ข้าก็ไม่ใช่คนตระกูลฉีของพวกเจ้า เจ้าอยากจะวางอำนาจ ก็กลับไปวางที่จวนข

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 361

    “แม้เมื่อก่อนบ่าวจะโง่เขลาไปบ้าง เคยล่วงเกินคุณหนูอยู่หลายครา แต่บ่าวก็ไม่เคยทำเรื่องชั่วช้าสามานย์ใดๆ เลยนะเจ้าคะ”“ท่านใช้แผนการทีละขั้น ยุยงให้ฮูหยินกับบ่าวแตกแยกกัน บีบคั้นบ่าวจนถึงขั้นนี้ เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเจ้าคะ? บ่าวเป็นเพียงคนต่ำต้อยไร้ค่า ไหนเลยจะควรค่าให้คุณหนูต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านมากมายถึงเพียงนี้!”“ตอนนี้ บ่าวมิกล้ากลับไปข้างกายฮูหยินแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ! ขอคุณหนูโปรดไว้ชีวิตบ่าวสักครั้ง ปล่อยบ่าวไปเถิด บ่าวรับรองว่าจะหนีออกจากเมืองหลวงทันที จะไม่มาให้รกหูรกตาท่านอีกต่อไป!”หรงจือจือจ้องมองนางเขม็ง กล่าวว่า “ขอเพียงเจ้าบอกเรื่องที่ข้าอยากรู้ให้ข้าฟัง เจ้าอยากจะไปที่ใดย่อมได้ทั้งนั้น”สาวใช้จ้าวตัวสั่นสะท้าน “คุณหนูใหญ่ ท่าน ท่านต้องการให้บ่าวทรยศฮูหยินหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือหรี่ตาลงเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น ก็หมายความว่านางหวังมีความลับบางอย่าง ที่สามารถนำเปิดโปงได้สินะ?”สาวใช้จ้าวหลบสายตาของหรงจือจือ “คุณหนูใหญ่คิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินไม่มีความลับใดๆ ทั้งนั้น เมื่อครู่บ่าวก็แค่พลั้งปากพูดไปเท่านั้น!”เพียงแต่แววตาหลุกหลิกมีพิรุธของนาง มีหรือที่ผู้ใดจะมอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 360

    แม้เขาจะยืนกรานเช่นนี้ ทว่าหรงจือจือไม่คิดจะไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อยกำชับเสียงชืด ๆ ว่า “หากใต้เท้าฉีไม่ยอมหลีกทาง พวกเขาก็ ‘เชิญ’ เขาออกไป”องครักษ์ “ขอรับ!”หลังจากนั้นองครักษ์จวนสกุลหรงก็เข้าไปเข็นรถเข็นของฉีจื่อฟู่ไปไว้ข้าง ๆ จริง ๆฉีจื่อฟู่เดือดดาลอย่างยิ่ง “จือจือ ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีเจตนาดีจริง ๆ! เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ ไม่เห็นเจตนาของผู้อื่นเช่นนี้ เจ้าจะต้องนึกเสียใจ!”ครั้นหรงจือจือได้ยินถึงตรงนี้ ก็หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “หากใต้เท้าฉีมีเจตนาดีจริง ๆ ไม่สู้ไปบอกผู้อาวุโสสกุลฉีของพวกท่าน ว่าอย่าไปก่อเรื่องที่หน่วยองครักษ์หลงสิงอีก พวกเขาไร้ยางอาย แต่สกุลหรงยังเห็นแก่หน้าตาอยู่!”ฉีจื่อฟู่อึ้ง “อะไรนะ? พวกเขาไปก่อเรื่องที่หน่วยองครักษ์หลงสิงเมื่อไร?”หรงจือจือไม่ได้สนใจเข้า รถม้าสกุลหรงก็วิ่งผ่านหน้าเขาไปทั้งอย่างนี้ฉีจื่อฟู่มองรถม้าที่แล่นออกไปไหล ในใจไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้านั่น เดิมทีเป็นภรรยาของเขาทว่าตอนนี้แค่เขาอยากพบหน้านางสักครั้งกลับไม่ง่ายเลย กระทั่งนางยังไม่เปิกหน้าต่างของรถม้าออกมาพบเขาด้วยซ้ำ และไม่ยอมพูดคุยกับเขาเลยแม้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 359

    อวิ๋นเสวี่ยเซียวคารวะอย่างไม่ถือตัว “คารวะท่านหญิง”หรงจือจือ “ไม่ต้องมากพิธี”ฮูหยินอวิ๋นคลี่ยิ้มพลางเอ่ย “เช่นนั้นเด็ก ๆ อย่างพวกเจ้าพูดคุยกันไปนะ ข้าไม่อยู่ที่นี่เตะถ่วงพวกเจ้าพูดคุยส่วนตัวแล้ว”หรงจือจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ฮูหยินเชิญตามสบายเลยเจ้าค่ะ”ฮูหยินอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบอยู่ในใจ เป็นบุตรสาวของมหาราชครูหรงเช่นเดียวกัน เหตุใดคนหนึ่งแสนดีไม่หยาบคาย แต่อีกคนหนึ่งกลับราวกับหญิงโง่ไร้สมองก็มิปานเล่า?หลังฮูหยินอวิ๋นออกไป หรงจือจือกับอวิ๋นเสวี่ยเซียวก็พูดคุยกัน อวิ๋นเสวี่ยเซียวเองก็พยายามอดกลั้นเอาไว้อย่างยิ่ง ส่วนหรงจือจือเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายกล่าวถึงเรื่องในบ้านก่อน นางเองก็จะไม่มีทางกล่าวขึ้นมาเป็นอันขาดเมื่อเป็นเช่นนี้ หรงจือจือเองก็มองอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมทีหนึ่ง ช่างเป็นคุณหนูที่สุขุมเหมาะจะเป็นภรรยาของบุตรชายคนโตสายตรงจริง ๆอย่างไรก็ต้องพูดเรื่องสำคัญ หรงจือจือกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านพ่ออยากให้ข้ามาไกล่เกลี่ย เพราะเหตุนี้ข้าถึงได้มา รบกวนคุณหนูห้าแล้ว”อวิ๋นเสวี่ยเซียวฟังความหมายโดยนัยของหรงจือจือออก “กล่าวเช่นนี้ ที่จริงท่านหญิงไม่ได้ยินดีจ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 358

    ครั้นได้ยินคำพูดบ้าคลั่งของหรงเจียวเจียว หรงจือจือก็นับว่าเข้าใจแล้วว่า ปกติมารดาของตนอบรมสั่งสอนน้องสาวและน้องชายอย่างไรพูดคำพูดโง่ ๆ เช่นนี้กรอกหูพวกเขาทุกวัน พวกเขาคิดจะมีความคิดปกติสักสองสามส่วนก็ยากนางมองหรงซื่อเจ๋อ พลางถามขึ้นชืด ๆ ประโยคหนึ่ง “เจ้าเองก็คิดเช่นนี้หรือ?”หรงซื่อเจ๋อ “ข้า...”ในแววตาของเขามีความสับสนเห็นได้อย่างชัดเจน คิดว่าแม้เขาจะมาขวางหรงจือจือ ทว่าในใจก็ไม่แน่ใจที่จะทำเช่นนี้ สุดท้ายแล้วถูกหรือว่าผิดกันแน่หรงเจียวเจียวเห็นเขาลังเล ก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “พี่รอง เป็นกังวลอะไร? พี่คิดดูสิ พี่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของมหาราชครู ต่อไปจวนสกุลหรงนี้ต้องเป็นของท่าน”“รองตุลาการแห่งศาลต้าหลี่เพิ่งจะเป็นขุนนางขั้นไหนกัน? พวกเขาคิดจะถอนหมั้นเพราะเรื่องเล็ก ๆ จริง ๆ หรือ? ท่านก็แค่ให้นางขอโทษข้าก็เท่านั้น ไม่ได้เอ่ยข้อเรียกร้องที่เกินไปสักหน่อย”“ตอนนี้ท่านกับนาง ต้องดูว่าผู้ใดจะมั่นคงได้ยิ่งกว่ากัน หากท่านกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ครึ่งชีวิตที่เหลือก็จะถูกผู้หญิงคนนั้นบีบ”“ท่านคิดดูให้ดีสิ ท่านเป็นบุรุษอกสามศอกแสนสง่า คิดอยากจะพูดประจบสอพลอต่อหน้านางจริง ๆ หรือ? ตัวท่านไม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 357

    ฮ่องเต้หย่งอันวางจอกชาลง “ชาของเสด็จแม่ไม่เลวทีเดียว เพียงแต่ข้ายังมีงานบริหารบ้านเมือง ไม่อยู่ต่อแล้ว อย่างไรเสด็จแม่กับท่านลุงก็พูดคุยเรื่องสัพเพเหระให้มาก ๆ จะดีกว่า เรื่องที่ไม่ต้องให้เสด็จแม่เป็นกังวล ก็อย่าเป็นกังวลไปเลย”ครั้นพูดจบ ฮ่องเต้ก็ลุกขึ้นทันทีไทเฮาพลันกลัดกลุ้มใจ “หย่งอัน!”ทว่าฮ่องเต้หย่งอันกลับสาวเท้าก้าวยาวออกไปจากตำหนักหย่งหนิงโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองไทเฮาเดือดดาลจนหน้าคล้ำดำเขียว ก่อนจะกวาดของที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาลงทั้งหมดฮ่องเต้หย่งอันได้ยินการเคลื่อนไหวที่แว่วดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง มุมปากก็เผยรอยยิ้มแสนเย็นชาออกมา ไทเฮาคงเห็นเขาเป็นเด็กอายุสามขวบ ที่สั่งได้ตามใจนางคอยควบคุมอยู่ในเงื้อมมือเมื่อฮ่องเต้เดินออกไปไกลแล้ว ท่านลุงเซี่ยถึงลุกขึ้นประตูของตำหนักหย่งหนิง ถูกนางกำนัลปิดลงท่านลุงเซี่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “หากปล่อยให้เฉินเยี่ยนซูเกี่ยวดองกับมหาราชครูหรงจริง ๆ ต่อให้ในอนาคตฝ่าบาทไม่เชื่อใจอัครมหาเสนาบดีเฉินอีก ทว่าตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีนี้ ข้าเองก็ยากจะปีนขึ้นไป”ไทเฮาสูดลมหายใจเข้าหลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “จะลงมือทางฝ่าบาท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 356

    เฉินเยี่ยนซูจ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวประเมินด้วยน้ำเสียงชืด ๆ “เด็กมีอนาคตสอนได้”ในตอนนี้ฮ่องเต้หย่งอันถึงนับว่าได้ถอนหายใจทีหนึ่งเข้าใจแล้ว! ต่อไปคำถามที่ไม่ควรถาม ก็อย่าถามสุ่มสี่สุ่มห้าหลังเฉินเยี่ยนซูออกจากวังไป ก็มีบ่าวรับใช้เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ไทเฮาเชิญให้ฝ่าบาทไปตำหนักหย่งหนิงเพคะ”ฮ่องเต้หย่งอันพยักหน้าก่อนจะรุดหน้าไปเมื่อมาถึงต่อหน้าไทเฮา ฮ่องเต้หย่งอันก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งน้อมทักทาย “ลูกขอถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาฉีกยิ้มพลางตอบ “หย่งอัน รีบลุกขึ้นเถอะ”ฮ่องเต้หย่งอันลุกขึ้น ก็เห็นลุงของตน ท่านลุงเซี่ยเองก็อยู่ด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน ส่วนท่านลุงเซี่ยเองก็รีบคุกเข่าคารวะฮ่องเต้หย่งอัน “ท่านลุงไม่ต้องมากพิธี”ท่านลุงเซี่ย “ขอบพระทับฝ่าบาท”ต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน ฮ่องเต้น้อยสุขุมอมภูมิเป็นอย่างมาก ไม่ซนเป็นลิงเป็นค่างเหมือนอย่างตอนอยู่หน้าเฉินเยี่ยนซูเลยสักนิด เขานั่งลงตรงโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้าไทเฮาโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมานางกำนัลนำชามาให้หลังท่านลุงเซี่ยลุกขึ้น ฮ่องเต้หย่งอันก็ไม่เป็นฝ่ายพูดคุยกับพวกเขาก่อนสองพี่น้องมองหน้ากันสุด

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status