สีหน้าบึ้งตึงของพนักงานสาวที่เผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้ประภากรณ์ที่ปรายตามองพอดิบพอดีหลุดยิ้มออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นเธอแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า แต่เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ปรับสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ก่อนบอกกล่าวกับเธอหลังจากพนักงานของพูลวิลล่าเดินกลับไปแล้ว "ลากกระเป๋าเข้ามาด้วย"
สิ้นเสียงทุ้มคามิลลาก็ลากกระเป๋าสัมภาระตัวเองกับของประธานหนุ่มเข้าไปในห้องพักสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัยทันที ภายในห้องพักกว้างขว้างและหรูหรามาก
พูลวิลล่าตั้งอยู่บนไหล่เขาจึงสามารถมองวิวสวย ๆ ของชายหาดสีขาวและท้องทะเลได้โดยรอบแบบ 300 องศาผ่านผนังกระจกใสได้ เปิดประตูกระจกออกไปก็จะเป็นระเบียงที่มีสระว่ายน้ำยื่นออกไปทางทะเลเรียกได้ว่าเป็นห้องที่บรรยากาศดีมาก ๆ หากเป็นคู่รักมาพักผ่อนคงโรแมนติกไม่น้อย
"เอาเสื้อผ้าผมจัดใส่ตู้ให้เรียบร้อยด้วยนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอเลิกสนใจสิ่งรอบข้างตวัดสายตามองเจ้าของคำสั่งอย่างเคือง ๆ เป็นเลขามันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไงชักสงสัยแล้วสิ
เท่าที่รู้มาเลขามีหน้าที่ช่วยเจ้านายแค่เรื่องงานไม่ใช่หรือ แต่ที่เขากำลังสั่งเธอมันเป็นงานของคนใช้ชัด ๆ
คิดหรือว่าคนอยากเธอจะยอมทำงานที่นอกเหนือหน้าที่แสร้งเอ่ยถามไปอย่างหน้าซื่อตาใส "นี่เป็นหน้าที่ของเลขาด้วยเหรอค่ะท่านประธาน ดิฉันคิดว่าเลขามีหน้าที่แค่ช่วยเรื่องงานในบริษัทค่ะ"
ทำเอาประภากรณ์ที่ยืนกอดอกทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลขมวดคิ้วเป็นปมหันกลับไปมองเจ้าของคำถามด้วยแววตาดุ
ทว่าพอเห็นเธอทำหน้าซื่อตาใสก็ทำให้เขานึกมันเขี้ยวขึ้นมา มุมปากหนากระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนเท้าใหญ่จะก้าวเข้าประชิดร่างบางด้วยความเร็ว
เจ้าของร่างบางถึงกับต้องรีบถอยหลังกรูดด้วยความตกใจกับการจู่โจมกะทันหันของประธานหนุ่ม และด้วยความไม่ทันระวังจึงถอยหลังไปชนกับขอบเตียงทำให้เสียหลักล้มลงไปนอนหงายบนเตียง "อ๊ะ!"
ครั้นจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งกลับถูกร่างสูงโถมตัวลงมาคร่อมไว้จนเธอต้องล้มตัวลงไปนอนราบบนที่นอนอีกครั้งพร้อมกับเบือนหน้าหลีกหนีใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงเอื้อม มือก็พยายามยกขึ้นดันอกแกร่งเพื่อผลักร่างสูงให้พ้นตัว "ออกไปนะคะท่านประธาน"
แรงดันเพียงน้อยนิดไม่ได้ทำให้ผู้ชายตัวโตอย่างประภากรณ์ขยับเขยื้อนสักนิด จับมือเรียวทั้งสองกดตรึงไว้ข้างศีรษะทุยแล้วโน้มหน้าลงกระซิบชิดกกหูเล็กด้วยคำพูดสองแง่สองง่าม "การเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ไม่ใช่หน้าที่เลขาหรอก แต่เป็นหน้าที่เมียต่างหาก"
สิ้นเสียงพูดก็เลื่อนใบหน้ามามองสบดวงตาคมด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยต่อ "แต่พอดีผมไม่มีเมียเลยต้องให้เลขาอย่างคุณทำแทน"
"อ๋อค่ะ" คามิลลาขานรับด้วยน้ำเสียงแดกดันนึกหมั่นไส้กับคำพูดของประธานหนุ่มไม่น้อยหากไม่ติดว่าเป็นเจ้านายอยากจะเบาะปากใส่สักร้อยที ดวงตาคมมองสบแววตาดุอย่างไม่เกรงกลัว หรือนึกเคอะเขินสักนิด
สองสายตามองสบประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนคามิลลาจะเริ่มดันอกกว้างอีกครั้ง "ท่านประธานก็ปล่อยสิคะ ดิฉันจะได้ไปเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้ค่ะ"
คนด้านบนได้ยินแต่ไม่คิดจะปล่อยยังคงจับจ้องใบหน้าเรียวอยู่อย่างนั้น เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ความรู้สึกจริง ๆ ขนาดใกล้ชิดกับเขาแบบนี้แล้วยังไม่มีท่าทีเขินอาย หน้าแดงหรือมีอาการใด ๆ ให้เห็นเลย หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงเคอะเขินจนหน้าดำหน้าแดงส่งเสียงร้องท้วง กรีดกราดทำเป็นผู้หญิงบอบบางโดนรังแกไปแล้ว
คงเป็นเพราะเธอเป็นแบบนี้เลยยิ่งดึงดูดความสนใจชักชอบเธอขึ้นมาแล้วสิ แต่ในขณะเดียวกันทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมานานช่างน่าแปลกยิ่งนัก แววตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอก็คล้ายกับคนที่เขาเคยรู้จัก แต่ต่างกันตรงที่แววตาคู่นี้มีแต่ความเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่ง ขณะที่แววตาอีกคู่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเอื้ออาทร
"ท่านประธานคะ" เสียงหวานดังขึ้นดึงให้เขาหลุดออกจากภวังค์ความคิด ดวงตาคมกริบมองสบแววตาเด็ดเดี่ยวต่อเพียงครู่ ก่อนจะยอมลุกออกจากร่างบางแต่โดยดี แล้วเดินออกไปยืนสูบบุหรี่ริมสระว่ายน้ำนอกระเบียง
คามิลลารีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งจับจ้องไปยังร่างสูงที่ยืนพ่นควันสีขาวคลุ้งด้วยความสงสัย เมื่อกี้ตอนเขาจ้องเธอแววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้น หนำซ้ำตอนลุกไปยังมีท่าทีแปลก ๆ อีก
แต่ก็ช่างเถอะยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกัน เธอจึงสลัดความสงสัยออกแล้วลุกเดินไปลากกระเป๋าสัมภาระของเขามาเปิดจัดการเอาเสื้อผ้า และของใช้ต่าง ๆ เก็บไว้ในตู้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อเสร็จก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาเล่นฆ่าเวลาเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี จะนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงก็ไม่ได้ จะออกไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ สรุปก็คือทำอะไรไม่ได้สักอย่างเพราะติดที่ประธานหนุ่ม
มือเรียวยกขึ้นปิดปากห้าววอดหลังจากนั่งเล่นมือถือได้เพียงไม่นานเพราะถูกความง่วงเข้าเล่นงานอย่างหนักจนเปลือกตาหนักอึ้งคงเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ตีหนึ่งแล้ว และในที่สุดเธอก็มิอาจต้านทานอนุภาพของความง่วงได้ผล็อยหลับไปในที่สุดโทรศัพท์ในมือร่วงหล่นลงไปอยู่ข้างเท้า
"หึ" ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประภากรณ์เข้ามาพอดี เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับภาพของพนักงานสาวที่นั่งหลับคอพับคอแคงหมดท่าหมดคาบสาวมั่น แต่ยามหลับไม่มีฤทธิ์เดชก็น่ามองไปอีกแบบเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขาต้องเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เธอ
มือหนายื่นไปเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลที่หล่นปกคลุมใบหน้าเรียวไปทัดไว้ข้างกกหู ดวงตาคมกริบไล่มองคิ้วโก้งงาม แพรขนตางอนยาวระเรื่อยลงตามสันจมูกโด่งมาหยุดตรงริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูมันวาว อดไม่ได้จะเคลื่อนมือไปสัมผัสใช้นิ้วโป้งลากไล้ไปตามกลีบปากอวบอย่างแผ่วเบาพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนี่ยว ๆ ลงลำคออึกใหญ่
อยากจะลิ้มลองเสียเหลือเกินว่าริมฝีปากอวบอิ่มนี้จะหวานฉ่ำเหมือนในคืนนั้นหรือเปล่า แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้รีบดึงมือกลับแล้วลุกเดินออกไปรับลมเย็น ๆ ริมระเบียงอีกครั้งดับความร้อนรุ่มในร่างกายและจิตใจ
มือหนาล้วงไปหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงออกมาจุดไฟสูบสารนิโคตินเข้าปอดพรืดใหญ่ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งสูบไปหยก ๆ ดวงตาคมกริบทอดมองไปยังท้องทะเลสีเขียวมรกตพลางครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
การที่เขากับพนักงานสาวต้องมาอยู่ร่วมห้องเดียวกันไม่ใช่ความผิดพลาดแต่เขาจงใจทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ความจริงเขาสั่งให้นิดาจองห้องเดียวตั้งแต่แรกแล้วพอมาถึงที่พักเขากับลูกน้องก็แค่เล่นละครตบตาเพื่อให้พนักงานสาวเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากความผิดพลาดจริง ๆ เธอจะได้ยอมพักกับเขาโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
หลังจากสูบบุหรี่จนหมดมวนเขาก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาเมื่อเห็นว่าเที่ยงตรงพอดิบพอดีจึงเดินกลับเข้าในห้อง เท้าใหญ่ก้าวมาหยุดตรงหน้าร่างบางที่นั่งหลับไหลบนโซฟาก่อนจะโน้มลงไปใช้มือเขย่าไหล่มนเบา ๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่นไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน "คามิลลาตื่นคามิลา"
"อื้อ ๆ" คนถูกรบกวนเวลานอนส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอพลางใช้มือปัดป่ายสิ่งรบกวนทั้งที่ตายังปิดสนิทอยู่ทำเอาประภากรณ์ถึงกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่กับความขี้เซาของพนักงานสาวไม่รู้ว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกัน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปเรียกใกล้กกหูเล็กด้วยเสียงที่ดังพอสมควร "คามิลลาตื่น!"
หลายปีต่อมา.."อ๊ะ!" แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างขวดนมบุตรสาวอยู่ภายในห้องครัวสะดุ้งด้วยความตกใจกับการมาไม่ให้สุ่มให้เสียงของคนเป็นสามี เอี้ยวหน้าไปส่งสายตาดุเล็กน้อย "รักตกใจหมดพี่โปรด""โอ้ ๆ! ขวัญเอ๋ยขวัญมา" คนโดนดุกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเรียกขวัญพร้อมกับกดจูบข้างขมับด้วยความรักใคร่เรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี เธอโคตรชอบเวลาที่คนเป็นสามีแสดงความรักแบบนี้มองสบแววตาอ่อนโยนนานนับนาทีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แล้วลูกละคะ""หลับอยู่ครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับเกยหน้าบนไหล่มน สองแขนโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่น เขาแต่งงานกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วมีลูกสาวที่แสนน่ารักด้วยกันหนึ่งคน และยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกช่วงเวลาที่ยากลำบากเธอคอยอยู่เคียงข้างและค่อยให้กำลังเขาเสมอมา เป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด ดูแลเขากับลูกไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลยคามิลลาเพียงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าล้างขวดนมต่อโดยมีคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหันควับมองคนด้านหลังอีกครั้งเพราะมือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งล้วงเข้ามาในเสื้อยืดแล้วบ
"อารักข๋า" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้คามิลลาที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงอันสดใสคือน้องปริมเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ๆ ลูกสาวประภาวินท์พี่ชายของแฟนหนุ่ม รีบลุกเดินไปหาเด็กน้อยที่เดินจูงมือคนเป็นอาเข้ามา "น้องปริมมาได้ยังไงคะเนี่ย""น้องปริมขอตามอาโปรดมาค่ะ น้องปริมคิดถึงอารักค่ะ" เด็กน้อยยิ้มตอบจนตาหยีทำให้เธอทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูจนต้องโน้มลงไปใช้มือบีบพวงแก้มอวบเบา ๆ "หื้ม นอกจากสวยแล้วยังปากหวานอีกด้วยนะเนี่ย""แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมครับน้องปริมนี่หลานอาโปรดนะ" ประภากรณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางมองหน้าแฟนสาว ตั้งแต่เขาพาเธอไปพบน้องปริมเมื่อหลายเดือนก่อนเด็กน้อยก็ดูจะชอบเธอเอามาก ๆ และเธอก็ดูเหมือนจะเข้ากับน้องปริมได้ดีหากวันไหนมีเวลาว่างเธอมักจะแวะเวียนไปเล่นด้วยน้องปริมตลอดบอกตามตรงว่าเวลาที่เห็นเธอเล่นกับหลานก็นึกอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างเขาก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้คนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาพร้อมอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเขาได้บอกให้ผู
"พี่โปรดยังงอนรักอีกเหรอคะ" คามิลลาเริ่มเปิดบทสนทนาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งบนตักยกมือขึ้นโอบลำคอแกร่งหลวม ๆ อีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห๋ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไปเปล่งเสียงตอบคนบนตักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "พี่ไม่ได้งอนอะไรนิครับ" "ไม่งอนแล้วทำไมทำตัวเย็นชาแบบนี้ละคะ" แววตาคมมองหน้าถามอย่างคาดคั้นปากบอกว่าไม่ได้งอนแต่การกระทำตรงข้ามกันสิ้นเชิงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงตอนนี้เขาก็เอาแต่ทำเย็นชาใส่ ขนาดเธอนั่งบนตักแบบนี้แล้วยังไม่คิดจะโอบกอดสักนิด"แค่น้อยใจที่เมียไม่ให้เอา" "มันใช่เรื่องจะมาน้อยใจไหมคะท่านประธาน" คำตอบของคนตัวโตทำเอาเธอถึงกับกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อะไรมันจะขนาดนั้นกันเชียว แต่กระนั้นเธอก็ยอมง้อนั่นแหละ มือเรียวคลายออกจากลำคอแกร่งเคลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลาแทน "แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจคะ"ประภากรณ์ไม่ได้ตอบแต่ทำปากจู๋ขอจูบจากเธอแทน อีกคนส่ายหน้าระบายยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ก็ยอมประทับจูบบนเรียวปากหยักตามคำเรียกร้อง เมื่อจะผละจูบออกกลับถูกมือหนากดท้ายทอยไว้พร้อมทั้งส่งเรียวเข้ามาในโพรงปาก และเธอก็ไม่คิดจะขัดขืนหลับตาจูบตอบ เกี่ยวกระหวั
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเข้ามากระทบร่างสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้คามิลลารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ขณะที่อีกคนยังนอนหลับสนิทรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเป็นอันดับแรก ดวงตาคมไล่มองสัดส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิศพร้อมใช้นิ้วกรีดกรายไปตามคิ้วดกดำ ลงมาหยุดที่แพรขนตายาวหนาที่ดูเหมือนจะยาวและสวยกว่าของเธอเสียอีกน่าอิจฉานักอดไม่ได้ที่จะเล่นกับมันโดยการลูบไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านจมูกโด่งลงไปยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับของผู้หญิง “จะดูดีเกินหน้าเกินตากันไปแล้วนะ” เธอพึมพำออกมาอย่างนึกอิจฉาเอาจริงเครื่องหน้าของเขาแป๊ะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาหนักมาก เสียงพึมพำจากริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาคนที่ตื่นตั้งแต่เธอลากนิ้วบนคิ้วแต่แสร้งหลับต่อหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับเปลือกตาบางที่ปรือขึ้นมองใบหน้าเรียว “บ่นอะไรหื้ม”“บ่นว่าพี่หล่อเกินไปแล้ว” เสียงหวานบอกไปตามจริงพร้อมกับทำหน้าคว่ำใส่ด้วยความหมั่นไส้“ไม่ภูมิใจเหรอครับมีแฟนหล่อ” ประภากรณ์ถึงกับกลั้วหัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ามันเขี้ยวของเธอใช้มือบีบจมูกโด่งรั้นเบา ๆ ก่อน
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้หายไปไหนแล้วนะครับ” ประภากรณ์ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับคำตอบตอนแรกก็แอบกลัว แต่ตอนนี้หัวใจพองโตคับอกแล้ว รู้สึกดีใจและมีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากหนากดจูบบนหน้าผากมนอีกครั้งพร้อมกับสวมกอดร่างบางอย่างแนบแน่นให้สมกับที่เขารอเธอมานานแสนนาน ร่างบางกอดตอบแนบแน่นไม่ต่างกัน ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซบลงบนแผงอกแกร่งพร้อมหลับตาลง เธอชอบอ้อมกอดนี้ ไออุ่นนี้เหลือเกินให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเหมือนในตอนเด็ก ๆ ที่เขาค่อยปกป้องเธอไม่มีผิดทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้ภาษากายบอกความรู้สึกที่มีต่อกันแทน ผ่านไปเนินนานหลายนาทีเสียงทุ้มจึงเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “คืนนี้นอนที่นี่นะครับ”“ไม่ค่ะรักต้องกลับไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนที่คอนโดเติม” ใบหน้าเรียวผงกขึ้นปฏิเสธทันควัน ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง “รักบอกเพื่อนไว้ว่าคุยธุระกับพี่เสร็จจะกลับไปฉลองด้วย รักไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนค่ะ”“ครับ” ประภากรณ์เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ที่ไม่ชอบคือผู้ชายคนนั้นที่มาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเกินไป ดวงตาคมกริบมองหน้าถามคนในอ้อ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเติมรักจึงกดรับสาย ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบหมุนตัวกลับมามองด้วยแววตาดุพร้อมเปล่งเสียงถามเพราะอยากรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า “ใครโทรมา”คามิลลาถึงกับงุนงงกับท่าทางของประธานหนุ่มความจริงใครจะโทรมามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนพ่อหวงลูกเพราะกลัวลูกจะมีแฟนไม่มีผิด“เติมรักค่ะ” ดวงตาคมมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าแต่กระนั้นก็ยอมตอบไปเพราะขี้เกียจมีปัญหาอีก จากนั้นก็กรอกเสียงพูดกับคนปลายสายต่อ อีกคนเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจจึงหมุนตัวเดินต่อโดยคามิลลาเดินตามหลังไปห่าง ๆ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนถึงห้องของเขา“เข้ามาสิ” เธอขอวางสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาตามคำเชื้อเชิญโดยง่ายอาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือพี่โปรดเธอจึงไว้ใจและกล้าเข้าแบบไม่กลัวอะไร ดวงตาคมมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างพินิศพิจารณาที่นี้หรูหรา กว้างขว้างและสะดวกสบายสมราคาจริง ๆ “อ๊ะ!” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากด้