คามิลลาถึงกับเบิกตาโพลงสะดุ้งโหยงผุดนั่งหลังตรงด้วยความตกใจ ขณะที่ใช้มือข้างขวาจับหูเบา ๆ เพราะเสียงเรียกของประธานหนุ่มทำเอาแสบแก้วหูไม่น้อย ดวงตาคมตวัดขึ้นมองร่างสูงที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งด้วยความขุ่นเคืองปากก็บ่นขมุบขมิบ "คนบ้าปลุกดี ๆ ไม่ได้รึไงแก้วหูแตกแล้วมั้งเนี่ย"
ถึงแม้พนักงานสาวจะบ่นเบา ๆ แต่ประภากรณ์ก็ดันหูดีได้ยิน มุมปากหยักยกยิ้มอย่างนึกตลกกับเสียงบ่นและใบหน้าบอกบุญไม่รับของเธอเสียมากกว่าราวกับเด็กน้อยโดนปลุกยังไงยังงั้น ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีก็กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม
"จะนั่งงงอีกนานไหมคามิลลา ตกลงผมเป็นเจ้านายคุณหรือคุณเป็นเจ้านายผมกันแน่ถึงต้องให้ผมปลุกคุณ แล้วรอคุณไปทานข้าวแบบนี้" เสียงทุ้มเอ่ยแกล้มดุ ใบหน้าหล่อเหลาที่ราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมบ่งบอกให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจมาก
"ขอโทษค่ะ ต่อไปดิฉันจะปรับปรุงตัวให้ดีกว่านี้ค่ะ" คามิลลารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับคำต่อว่าของประธานหนุ่มการที่เธอแค่ผล็อยหลับในเวลาว่างซึ่งไม่มีงานอะไรให้ทำเลยมันผิดขนาดนั้นเลยหรือ แต่กระนั้นเธอก็ยังน้อมรับคำต่อว่าด้วยสีหน้าท่าทางราบเรียบ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางใช้มือจัดผมเผ้า และเสื้อผ้าให้เรียบร้อยจากนั้นผายมือเชิญประธานหนุ่มออกจากห้อง "เชิญค่ะท่านประธาน"
"คราวหลังอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก" เสียงทุ้มมิวายเอ่ยทิ้งท้ายแล้วหันหลังเดินออกไปทันที
"ไม่รู้จะวางมาดขรึมไปถึงไหนกัน" อีกคนได้แต่เบะปากใส่ร่างสูงที่เดินออกไปด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไปห่าง ๆ จนถึงห้องอาหารของพูลวิลล่า
"คุณอยากทานอะไรก็สั่งได้เลย" เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับพนักงานสาวทันทีที่หย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะหยิบเมนูมาเปิดดูแล้วหันไปสั่งอาหารกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ "ล๊อบเตอร์อบชีส ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน ข้าวผัดปูครับ"
"ของฉันสเต๊กปลากระพงซอสเนยกระเทียมค่ะ" คามิลลาเอ่ยต่อหลังจากประธานหนุ่มสั่งเสร็จ เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วต่างคนก็ต่างนั่งเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยกระทั่งอาหารถูกนำมาเสิร์ฟ
"ทานให้อร่อยนะคะ" ทั้งสองพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกับคำบอกกล่าวของพนักงานสาวที่มาเสิร์ฟอาหารจากนั้นก็เริ่มลงมือทานทันที
คามิลลาตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจ หรือรู้สึกเคอะเขินร่างสูงที่นั่งตรงข้ามสักนิด ใบหน้าเรียวเคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ตลอดเวลาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอมีความสุขกับการทานอาหารแค่ไหน
ความเป็นธรรมชาติของเธอทำให้ประภากรณ์มองอย่างเพลิดเพลิน ยามปากเล็กนั่นเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ จนแก้มพองช่างน่ามองยิ่งนัก
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาเผลอมองเธออยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมองนานเกินไปแล้วจึงรีบดึงสายตากลับมาสนใจอาหารตรงหน้า
"หากคุณอยากจะไปเที่ยวไหนก็ไปได้นะผมอนุญาต" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารและเช็คบิลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ว่าจบก็ลุกเดินออกไปทันทีไม่รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรหรือไหม
"ฮึ" คามิลลาเค้นเสียงในลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากประธานหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้ายังดุเธออยู่เลย ดวงตาคมมองตามหลังร่างสูงด้วยความฉงน
สรุปแล้วเขาเป็นคนที่คาดเดาอารมณ์ยากจริง ๆ แต่ก็ถือว่ายังมีคุณธรรมอยู่บ้างนึกว่าจะให้นั่งเฝ้าตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลาเสียอีก เธอมองร่างสูงเดินจากไปจนลับสายตาจึงลุกเดินออกไปนั่งใต้ร่มไม้ริมชายหาดชมทิวทัศน์ของทะเล
หลายชั่วโมงผ่านไปคามิลลายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เธอเลือกจะนั่งโง่ ๆ อยู่ริมชายหาดดีกว่าต้องอยู่ร่วมห้องกับประธานหนุ่มกระทั่งสี่โมงเย็นจึงลุกเดินกลับห้องพัก
พอเปิดห้องพักเข้าไปก็พบว่าประธานหนุ่มนอนหลับอยู่บนเตียงเธอจึงเดินย่อง ๆ ไปยกกระเป๋าสัมภาระมาวางบนโซฟาพร้อมกับหย่อนก้นนั่ง มือเรียวค่อย ๆ รูดซิบกระเป๋าอย่างแผ่วเบาที่สุดเพราะกลัวทำให้อีกคนตื่น แล้วหยิบแฟ้มขอมูลเกี่ยวกับลูกค้าออกมาอ่านทบทวนอีกครั้งเผื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในวันพรุ่งนี้
เธอนั่งอ่านทุกตัวอักษรบนกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจจนไม่รู้เลยว่าอีกคนตื่นแล้ว และตอนนี้ก็กำลังนอนมองเธออยู่
ประภากรณ์นอนมองพนักงานสาวอยู่อย่างนั้นไม่คิดจะลุกลงจากเตียงหรือส่งเสียงใด ๆ ออกมาให้อีกคนรู้ตัว เวลาเธอดูตั้งใจกับอะไรสักอย่างก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่งชวนให้น่ามองไม่รู้เบื่อ
ผ่านไปเนินนานเกือบครึ่งชั่วโมงคามิลลาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนจ้องมองอยู่จึงเงยหน้าขึ้นจากเอกสารทำให้สบสายตากับร่างสูงบนเตียงที่นอนตะแคงใช้มือค้ำศีรษะจ้องมองมาจัง ๆ คิ้วสวยพลันขมวดชนกันเพิ่งรู้ว่านอกจากเขาจะชอบวางมาดแล้วยังชอบแอบมองอีกด้วย แต่คิดหรือว่าคนอย่างเธอจะกลัวมองสบนัยน์ตาสีดำขลับเขม็ง
สองสายตามองสบประสานกันอย่างไม่ลดละราวกับจะทำสงครามประสาทยังไงยังงั้น ก่อนประภากรณ์จะเป็นฝ่ายละสายตาออกหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงเปล่งเสียงเรียกพนักงานสาวให้มาหา "มาหาผมหน่อยคามิลลา"
คามิลลาแม้จะรู้สึกงุนงงว่าประธานหนุ่มเรียกทำไม แต่ก็ยอมลุกไปหาโดยดีเพราะเขาเป็นเจ้านายมิอาจขัดใจได้ เธอเดินไปหยุดข้างเตียงแล้วถามไถ่ถึงความต้องการของเขา "ท่านประธา.."
"ว๊าย!" แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยจบเธอก็ต้องหลุดอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ เขาก็ตวัดมือมารั้งเอวคอดทำให้เสียหลักล้มคะมำลงไปนอนทับอยู่บนอกเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทันเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ว่าตัวเองเสียรู้เขาแล้วจะลุกหนีก็ทำไม่ได้เพราะวงแขนแกร่งกอดรัดเอวคอดไว้แน่น
"ท่านประธานกำลังปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับพนักงานอยู่นะคะ นี่มันเป็นการกระทำไม่ดีต่อพนักงานดิฉันสามารถแจ้งความเอาผิดและฟ้องกระทรวงระ.." เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่พอ ทว่าไม่ทันจะได้เอ่ยจบก็ถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อริมฝีปากหนาประกบจูบปิดริมฝีปากอวบอิ่มไว้เพราะไม่ชอบใจกับความปากมากของเธอ เจ้าของริมฝีปากตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเธอก็แค่พูดหวังให้เขายอมคล้ายพันธนาการไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้
ตุ้บ ๆ! พยายามพาหน้าหนีริมฝีปากหนาพัลวันพลางรัวกำปั้นเล็กทุบตีอกแกร่งให้เขาหยุดการกระทำ แต่อีกคนไม่ได้สะเทือนสักนิดหนำซ้ำยังกดท้ายทอยและกอดรัดเอวคอดแน่นขึ้นจนร่างกายแนบชิดสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกัน เนินหน้าอกคัพดีบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อหน้าท้อง
ยิ่งเธอพยายามดีดดิ้นก็ยิ่งทำให้เนินอกอวบเสียดสีกับมัดกล้ามเนื้อกระตุ้นอารมณ์บางอย่างในกายของประภากรณ์ให้คุกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ริมฝีปากหนาค่อย ๆ ผละออกจากริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนน้ำลายเหนี่ยว ๆ จะถูกกลืนลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าบูดบึ้งนิ่ง ๆ ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้สักนิด แต่เพราะปากพนักงานสาวช่างดีเหลือเกินจนเขาต้องกำราบ
"ท่านประธานไม่มีสิทธิ์มาทำกับพนักงานแบบนี้นะคะ ท่านประธานกำลังใช้กำลังข่มแหงรังแกคนด้อยกว่ามีความผิดนะคะ" แต่ถามว่าคามิลลาจะยอมสงบปากสงบคำไหมตอบเลยว่าไม่ทันทีที่ริมฝีปากได้รับอิสระก็เปล่งเสียงพูดไปด้วยความไม่พอ มือก็พยายามดันอกแกร่งเพื่อผลักตัวเองให้ออกห่าง
"ทำไมจะไม่ได้ขนาดคุณยังเคยแอบปีนขึ้นเตียงผมเลย" สิ้นเสียงหวานวงแขนแกร่งก็ยอมคลายออกจากร่างบางโดยดี แต่กลับเอ่ยประโยคที่ทำคนฟังถึงกับสะอึก ดวงตาคมกริบแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จับจ้องร่างบางที่ดีดตัวลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มอ่อน ๆ "จริงไหมคามิลลา"
"ท่านประธานพูดเรื่องอะไรคะดิฉันไม่เข้าใจสักนิด ใครปีนขึ้นเตียงใครกันคะ" ถึงแม้จะสะอึกกับคำพูดของประธานหนุ่มแต่คามิลลาก็ยังเก็บอาการได้ดีตอบกับอย่างหน้าซื่อตาใสทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ถ้าเธอไม่ยอมรับเสียอย่างเขาจะทำอะไรได้ อีกคนกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับความปากแข็งของเธอหากเขาไม่รู้มาก่อนคงเชื่อสนิทใจว่าเธอไม่รู้เรื่องจริง ๆ เพราะเก็บพิรุธเก่งและแสดงได้แนบเนียนมาก
เขาเลือกจะไม่เอ่ยอะไรต่อลุกลงจากเตียงเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปยังมีเวลาเหลืออีกหลายวันให้เขาได้เค้นความจริงออกมาจากปากเธอ
คามิลลาหมุนตัวมองตามหลังร่างสูงด้วยแววตาขุ่นเคืองจนประตูห้องน้ำปิดลงจึงเดินออกไปยืนริมระเบียงรับลมเย็นเพื่อดับไฟแห่งความโมโหที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
"บ้าที่สุด" เสียงหวานสบถออกมาเบา ๆ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเอามาก ๆ ยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากซ้ำ ๆ จนแดงเถือกถึงแม้เขาจะแค่ประกบปากไม่ได้ใช้ลิ้นรุกล้ำเข้าไปข้างในแต่เธอก็นึกรังเกียจอยู่ดี
นี่แค่วันแรกยังไม่สิ้นสุดวันเธอยังโดนเขาฉวยโอกาสขนาดนี้ เชื่อว่าเขาไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่จนกว่าเธอจะยอมรับว่าเป็นคนปีนขึ้นเตียงเขาในคืนนั้นสินะ จะอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้กับอีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
ดวงตาคมทอดมองออกไปยังท้องทะเลอันไกลโพ้นด้วยความรู้สึกเซ็ง ในขณะที่สมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
เธอยืนอยู่ริมระเบียงจนแน่นใจแล้วว่าอีกคนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเดินกลับเข้าไปข้างใน หยิบผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ ออกจากกระเป๋าจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไป
เธออาบน้ำ และแต่งตัวในห้องน้ำจนเสร็จสรรพจึงเดินออกมานั่งทาครีมที่ใบหน้าต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่นั่งพิงหัวเตียงก้มหน้าก้มตาเล่นไอแพดสักนิด แต่บอกตามตรงเลยว่าการต้องอยู่ร่วมห้องกับประธานหนุ่มโคตรลำบากจริง ๆ จะแต่งตัวก็ต้องแต่งในห้องน้ำ จะนอนเล่นนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงก็ไม่ได้
และคืนนี้คงไม่พ้นต้องนอนบนโซฟาแน่ ๆ หนำซ้ำยังไม่รู้เลยว่าจะนอนหลับไหมไหนจะไม่คุ้นชินกับสถานที่ ไหนจะระแวงเขาอีก แต่ก็ยังอุ่นใจหน่อยที่เธอพกสเปรย์พริกไทย และที่ช็อตไฟฟ้าติดตัวตลอดเวลาเดินทางไปไหนมาไหน
หลายปีต่อมา.."อ๊ะ!" แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างขวดนมบุตรสาวอยู่ภายในห้องครัวสะดุ้งด้วยความตกใจกับการมาไม่ให้สุ่มให้เสียงของคนเป็นสามี เอี้ยวหน้าไปส่งสายตาดุเล็กน้อย "รักตกใจหมดพี่โปรด""โอ้ ๆ! ขวัญเอ๋ยขวัญมา" คนโดนดุกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเรียกขวัญพร้อมกับกดจูบข้างขมับด้วยความรักใคร่เรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี เธอโคตรชอบเวลาที่คนเป็นสามีแสดงความรักแบบนี้มองสบแววตาอ่อนโยนนานนับนาทีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แล้วลูกละคะ""หลับอยู่ครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับเกยหน้าบนไหล่มน สองแขนโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่น เขาแต่งงานกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วมีลูกสาวที่แสนน่ารักด้วยกันหนึ่งคน และยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกช่วงเวลาที่ยากลำบากเธอคอยอยู่เคียงข้างและค่อยให้กำลังเขาเสมอมา เป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด ดูแลเขากับลูกไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลยคามิลลาเพียงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าล้างขวดนมต่อโดยมีคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหันควับมองคนด้านหลังอีกครั้งเพราะมือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งล้วงเข้ามาในเสื้อยืดแล้วบ
"อารักข๋า" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้คามิลลาที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงอันสดใสคือน้องปริมเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ๆ ลูกสาวประภาวินท์พี่ชายของแฟนหนุ่ม รีบลุกเดินไปหาเด็กน้อยที่เดินจูงมือคนเป็นอาเข้ามา "น้องปริมมาได้ยังไงคะเนี่ย""น้องปริมขอตามอาโปรดมาค่ะ น้องปริมคิดถึงอารักค่ะ" เด็กน้อยยิ้มตอบจนตาหยีทำให้เธอทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูจนต้องโน้มลงไปใช้มือบีบพวงแก้มอวบเบา ๆ "หื้ม นอกจากสวยแล้วยังปากหวานอีกด้วยนะเนี่ย""แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมครับน้องปริมนี่หลานอาโปรดนะ" ประภากรณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางมองหน้าแฟนสาว ตั้งแต่เขาพาเธอไปพบน้องปริมเมื่อหลายเดือนก่อนเด็กน้อยก็ดูจะชอบเธอเอามาก ๆ และเธอก็ดูเหมือนจะเข้ากับน้องปริมได้ดีหากวันไหนมีเวลาว่างเธอมักจะแวะเวียนไปเล่นด้วยน้องปริมตลอดบอกตามตรงว่าเวลาที่เห็นเธอเล่นกับหลานก็นึกอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างเขาก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้คนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาพร้อมอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเขาได้บอกให้ผู
"พี่โปรดยังงอนรักอีกเหรอคะ" คามิลลาเริ่มเปิดบทสนทนาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งบนตักยกมือขึ้นโอบลำคอแกร่งหลวม ๆ อีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห๋ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไปเปล่งเสียงตอบคนบนตักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "พี่ไม่ได้งอนอะไรนิครับ" "ไม่งอนแล้วทำไมทำตัวเย็นชาแบบนี้ละคะ" แววตาคมมองหน้าถามอย่างคาดคั้นปากบอกว่าไม่ได้งอนแต่การกระทำตรงข้ามกันสิ้นเชิงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงตอนนี้เขาก็เอาแต่ทำเย็นชาใส่ ขนาดเธอนั่งบนตักแบบนี้แล้วยังไม่คิดจะโอบกอดสักนิด"แค่น้อยใจที่เมียไม่ให้เอา" "มันใช่เรื่องจะมาน้อยใจไหมคะท่านประธาน" คำตอบของคนตัวโตทำเอาเธอถึงกับกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อะไรมันจะขนาดนั้นกันเชียว แต่กระนั้นเธอก็ยอมง้อนั่นแหละ มือเรียวคลายออกจากลำคอแกร่งเคลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลาแทน "แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจคะ"ประภากรณ์ไม่ได้ตอบแต่ทำปากจู๋ขอจูบจากเธอแทน อีกคนส่ายหน้าระบายยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ก็ยอมประทับจูบบนเรียวปากหยักตามคำเรียกร้อง เมื่อจะผละจูบออกกลับถูกมือหนากดท้ายทอยไว้พร้อมทั้งส่งเรียวเข้ามาในโพรงปาก และเธอก็ไม่คิดจะขัดขืนหลับตาจูบตอบ เกี่ยวกระหวั
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเข้ามากระทบร่างสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้คามิลลารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ขณะที่อีกคนยังนอนหลับสนิทรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเป็นอันดับแรก ดวงตาคมไล่มองสัดส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิศพร้อมใช้นิ้วกรีดกรายไปตามคิ้วดกดำ ลงมาหยุดที่แพรขนตายาวหนาที่ดูเหมือนจะยาวและสวยกว่าของเธอเสียอีกน่าอิจฉานักอดไม่ได้ที่จะเล่นกับมันโดยการลูบไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านจมูกโด่งลงไปยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับของผู้หญิง “จะดูดีเกินหน้าเกินตากันไปแล้วนะ” เธอพึมพำออกมาอย่างนึกอิจฉาเอาจริงเครื่องหน้าของเขาแป๊ะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาหนักมาก เสียงพึมพำจากริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาคนที่ตื่นตั้งแต่เธอลากนิ้วบนคิ้วแต่แสร้งหลับต่อหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับเปลือกตาบางที่ปรือขึ้นมองใบหน้าเรียว “บ่นอะไรหื้ม”“บ่นว่าพี่หล่อเกินไปแล้ว” เสียงหวานบอกไปตามจริงพร้อมกับทำหน้าคว่ำใส่ด้วยความหมั่นไส้“ไม่ภูมิใจเหรอครับมีแฟนหล่อ” ประภากรณ์ถึงกับกลั้วหัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ามันเขี้ยวของเธอใช้มือบีบจมูกโด่งรั้นเบา ๆ ก่อน
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้หายไปไหนแล้วนะครับ” ประภากรณ์ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับคำตอบตอนแรกก็แอบกลัว แต่ตอนนี้หัวใจพองโตคับอกแล้ว รู้สึกดีใจและมีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากหนากดจูบบนหน้าผากมนอีกครั้งพร้อมกับสวมกอดร่างบางอย่างแนบแน่นให้สมกับที่เขารอเธอมานานแสนนาน ร่างบางกอดตอบแนบแน่นไม่ต่างกัน ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซบลงบนแผงอกแกร่งพร้อมหลับตาลง เธอชอบอ้อมกอดนี้ ไออุ่นนี้เหลือเกินให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเหมือนในตอนเด็ก ๆ ที่เขาค่อยปกป้องเธอไม่มีผิดทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้ภาษากายบอกความรู้สึกที่มีต่อกันแทน ผ่านไปเนินนานหลายนาทีเสียงทุ้มจึงเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “คืนนี้นอนที่นี่นะครับ”“ไม่ค่ะรักต้องกลับไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนที่คอนโดเติม” ใบหน้าเรียวผงกขึ้นปฏิเสธทันควัน ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง “รักบอกเพื่อนไว้ว่าคุยธุระกับพี่เสร็จจะกลับไปฉลองด้วย รักไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนค่ะ”“ครับ” ประภากรณ์เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ที่ไม่ชอบคือผู้ชายคนนั้นที่มาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเกินไป ดวงตาคมกริบมองหน้าถามคนในอ้อ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเติมรักจึงกดรับสาย ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบหมุนตัวกลับมามองด้วยแววตาดุพร้อมเปล่งเสียงถามเพราะอยากรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า “ใครโทรมา”คามิลลาถึงกับงุนงงกับท่าทางของประธานหนุ่มความจริงใครจะโทรมามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนพ่อหวงลูกเพราะกลัวลูกจะมีแฟนไม่มีผิด“เติมรักค่ะ” ดวงตาคมมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าแต่กระนั้นก็ยอมตอบไปเพราะขี้เกียจมีปัญหาอีก จากนั้นก็กรอกเสียงพูดกับคนปลายสายต่อ อีกคนเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจจึงหมุนตัวเดินต่อโดยคามิลลาเดินตามหลังไปห่าง ๆ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนถึงห้องของเขา“เข้ามาสิ” เธอขอวางสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาตามคำเชื้อเชิญโดยง่ายอาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือพี่โปรดเธอจึงไว้ใจและกล้าเข้าแบบไม่กลัวอะไร ดวงตาคมมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างพินิศพิจารณาที่นี้หรูหรา กว้างขว้างและสะดวกสบายสมราคาจริง ๆ “อ๊ะ!” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากด้