Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 25%

Share

บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 25%

last update Last Updated: 2025-05-22 22:22:52

ในห้องที่ปิดไฟจนมืดสลัว นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วก็มีเพียงเสียงสวบสาบของผ้าห่มและเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาดังมาจากเตียงนอนหลังใหญ่ ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าห่มพลิกตัวไปมาบ่อยครั้งราวกับคนที่กำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มเกาะกินใจจนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้

พราวนภานอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดอยู่บนเตียงนอนของตน หญิงสาวไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใด แต่คิดว่าน่าจะล่วงเข้าวันใหม่แล้วเพราะก่อนนอนเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทร่วมชั่วโมงกว่า และเพิ่งวางสายไปตอนห้าทุ่มเศษ เนื้อหาของบทสนทนานั้นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ คือปรึกษาปัญหาหัวใจ เพราะต่างคนก็ต่างมีชายหนุ่มให้แอบรักเป็นของตัวเอง

หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนตะแคง สายตาจึงตกที่ตุ๊กตาหมีสองตัวที่นอนเคียงคู่กันอยู่บนพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ชายหญิงคู่นี้นฤบดินทร์ซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบสามปี

หมีผู้ชายใส่ชุดเอี๊ยมกางเกงลายสก๊อตสีน้ำเงินกับเสื้อสีขาว หมีผู้หญิงใส่ชุดเอี๊ยมกระโปรงลายสก๊อตสีแดงกับเสื้อสีขาวเช่นกัน เธอรักมันมาก ไม่ว่าจะนอนที่บ้านนี้ หรือบ้านของแม่จันทร์เจ้า ผู้เป็นน้าสาว เธอก็จะนำตุ๊กตาหมีคู่นี้ไปนอนข้างกายด้วยทุกครั้ง

นอกจากนั้นหญิงสาวมักหาซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนใส่ให้พวกมันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นชุดหมอกับนางพยาบาล ชุดนอน ชุดแฟนซีต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งชุดแต่งงาน ซึ่งแน่นอนว่าชุดแต่งงานนั้นเธอได้แต่ใส่ให้พวกมันแล้วเก็บไว้ชื่นชมอยู่คนเดียว ไม่เคยนำไปให้คนอื่นเห็นแม้แต่คนให้อย่างนฤบดินทร์ เพราะเธอไม่อยากให้เขารู้ว่าตนแอบใช้ตุ๊กตาทั้งสองตัวนี้เป็นตัวแทนระหว่างเขากับเธอ

ตุ๊กตาคู่นี้ได้ใส่ชุดเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว แล้วเธอเล่า จะมีโอกาสได้ใส่ชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างเขาหรือไม่

“คนขี้ดุ” หญิงสาวใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของตุ๊กตาหมีผู้ชายพลางยู่หน้าใส่มันอย่างแง่งอน

“ทำไมพี่ดินต้องไปเรียนต่อด้วย พราวไม่อยากให้พี่ไปเลย” เธอพูดกับตุ๊กตาราวกับว่ามันคือนฤบดินทร์

“ถ้าพี่ไปอยู่ที่โน่นแล้วมีแฟนขึ้นมา พราวจะทำยังไงล่ะ พราวไม่อยากให้พี่มีแฟน พี่ดินสัญญากับพราวได้ไหมว่าพี่จะไม่มีใคร พราวกำลังจะขึ้นม.หกแล้ว อีกหน่อยก็เรียนมหา’ลัยได้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว พี่ดินรอพราวหน่อยได้ไหม”

พูดถึงตรงนี้เสียงของหญิงสาวก็สั่นเครือขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พราวนภาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อกลั้นอาการสะอื้นของตน หากคืนนี้เธอนอนร้องไห้ ตื่นมาพรุ่งนี้ขอบตาจะต้องบวมแดง และบิดาจะต้องเค้นถามแน่นอน ยิ่งพักหลังนี้พราวนภารู้สึกว่าผู้เป็นบิดามักคอยกันท่าไม่ให้เธอกับนฤบดินทร์อยู่ใกล้กันเท่าไรนัก ซึ่งหญิงสาวก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม ทั้งที่นฤบดินทร์ก็หาได้มีท่าทีสนใจเธออย่างชู้สาวเลยสักนิด

“และถ้าพี่กลับมาแล้วยังไม่มีใคร พี่ดินจะเปิดใจให้พราวหน่อยได้ไหม พราวอยากให้พี่มองพราวเป็นผู้หญิงคนหนึ่งบ้าง ไม่ใช่มองว่าเราเป็นญาติกัน”

จากพี่ชายข้างบ้านที่เธอมักชอบไปวุ่นวายอยู่ใกล้ตัวเขาเพราะอยากเล่นด้วย จนกระทั่งบัดนี้ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเพราะเธอยังคงคอยวิ่งตามเขาอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ ทว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจกลับต่างกัน เมื่อก่อนเธอเห็นเขาเป็นพี่ชาย แต่ตอนนี้เธอเห็นเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ตนคิดอยากยืนเคียงข้างเขาไปตลอดชีวิต

สถานะของเขาในใจเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ หญิงสาวรู้เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่พูดคุยกับเพื่อนเรื่องแฟนหรือคนรักขึ้นมา เธอจะนึกถึงนฤบดินทร์เป็นคนแรก ไปไหนก็คิดถึงเขาเสมอ ตื่นเต้นที่ได้เห็นหน้าเขา และคอยมองหาเวลาที่ไม่เจอตัว เธอรู้สึกแบบนี้กับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น และเป็นแบบนี้มาตลอดหลายปี

และก็เป็นเช่นทุกคืนที่พราวนภานอนคุยกับตุ๊กตาหมีจนกระทั่งผล็อยหลับไป

ตอนเช้าของวันถัดมา พราวนภากึ่งวิ่งกึ่งเดินลงบันไดมาห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าและอารมณ์เบิกบาน จมูกได้กลิ่นหอมลอยมาจากห้องครัว หญิงสาวจึงเดินตามกลิ่นไปก็เห็นผู้เป็นย่ากำลังง่วนอยู่หน้าเตา ขณะที่มารดาของตนก็กำลังจัดเตรียมจานชามช้อนส้อมอยู่อีกด้าน

“คุณย่าทำอะไรคะ หอมจังเลย” เธอเดินเข้าไปหาท่านแล้วชะโงกดูอาหารในหม้อ

“ข้าวต้มทรงเครื่องหมูเด้ง ของโปรดของเราสามพี่น้องนั่นแหละ” ภคินีหันมาตอบหลานสาวทั้งรอยยิ้ม

“หนูพราว หนูไปเรียกน้องลงมากินมื้อเช้าได้แล้วนะลูก แปดโมงกว่าแล้วยังไม่พากันลงมาเลย เมื่อคืนต้องแอบเล่นเกมจนดึกดื่นแน่ ๆ”

มัลลิกาบ่นลูกฝาแฝดชายหญิงของตนที่ตอนนี้อายุเก้าขวบแล้วแต่ความแสบสันนั้นเป็นที่เลื่องลือในหมู่บ้านและโรงเรียนจนเพื่อนในวัยเดียวกันยกให้ทั้งคู่เป็นลูกพี่ใหญ่

“ได้ค่ะ แล้วคุณปู่กับคุณพ่อล่ะคะ” หญิงสาวรับคำพลางถามถึงสมาชิกในบ้านอีกสองคน

“คุณปู่ไปเดินเล่นที่สวนหน้าบ้านน่ะ คุณพ่อเราเขาก็ไปวิ่งเหมือนเคยนั่นแหละ” ผู้เป็นย่าตอบโดยไม่ได้หันมามองหลานสาว พราวนภาจึงเดินออกจากห้องครัวเพื่อไปเรียกน้อง ๆ

หญิงสาวตัดสินใจเคาะห้องของน้องสาวก่อนแต่ไร้เสียงตอบรับจึงลองเปิดประตูแง้มดู ภัทร์นรินท์ตื่นแล้วเพราะไม่อยู่บนที่นอน เธอจึงเดินเข้าไปในห้องแล้วส่งเสียงเรียก

“พาย! อยู่ในห้องน้ำรึเปล่า”

“พายแปรงฟันอยู่ พี่พราวไปปลุกพีทเลย มันยังไม่ตื่นชัวร์”

เสียงใสตะโกนมาจากห้องน้ำ พราวนภาจึงอดขำไม่ได้เพราะสองพี่น้องคู่นี้มักชอบแข่งขันกันเสมอ แม้กระทั่งเวลาตื่นนอนว่าใครจะจัดการตัวเองได้เสร็จเร็วกว่ากัน ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะเดินออกจากห้อง ประตูก็เปิดออกอีกครั้งโดยมีใบหน้าทะเล้นของภานุภัทร์โผล่เข้ามา

“เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังจะลงไปข้างล่างด้วยล่ะ วันนี้พายแพ้เราแล้ว แบร่!” ภานุภัทร์แลบลิ้นปลิ้นตาไปทางห้องน้ำก่อนจะวิ่งมาจูงมือพี่สาวให้ออกจากห้องพร้อมกัน

“พี่พราวเราไปข้างล่างกันเถอะ ปล่อยให้พายมันช้าอยู่คนเดียว ไปก่อนนะคนขี้แพ้” ประโยคหลังเจ้าตัวไม่วายตะโกนเยาะเย้ยคู่แฝดของตน พราวนภาจึงเดินตามแรงจับจูงของน้องชายโดยปิดประตูห้องให้ภัทร์นรินท์ไว้ตามเดิม

ขณะเดียวกัน ภาวินที่กำลังวิ่งเหยาะ ๆ ผ่านหน้าบ้านของตัวเองนั้นก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นรถยนต์คันคุ้นตาขับมาจอดอยู่หน้าบ้านพ่อตาแม่ยายของตน ซึ่งชายหนุ่มที่ก้าวลงมาจากฝั่งคนขับเพื่อมาเปิดประตูรั้วด้วยตนเองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนฤบดินทร์ น้องเมียหน้านิ่งของเขานั่นเอง

กลับเช้าเชียวนะ ไอ้ตัวดี!

และอีกฝ่ายคงเห็นเขาแล้ว นฤบดินทร์จึงหันมายิ้มให้บาง ๆ พร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อทักทาย ภาวินจึงหยุดวิ่งพลางดึงเสื้อของตัวเองพัดไปมาเพื่อระบายความร้อนแล้วพูดกับชายหนุ่มว่า

“เพิ่งกลับรึไงเรา” ภาวินพูดไปหอบไป

“ครับ เพื่อนผมเขาต้องย้ายไปอยู่เชียงใหม่วันพรุ่งนี้น่ะ ก็เลยมาเจอกันก่อน” นฤบดินทร์ตอบกลับมา แต่ภาวินสังเกตเห็นอีกฝ่ายตาแดงเล็กน้อยราวกับคนที่ยังไม่สร่างเมาดีจึงอดขำไม่ได้

“เช้านี้ที่บ้านทำข้าวต้มทรงเครื่อง ถ้าอยากซดอะไรร้อน ๆ ให้สร่างเมาก็แวะไปละกัน เรานี่ก็ดีนะที่รู้ตัวว่าเมาแล้วนอนพัก ตอนเช้าก็ค่อยขับกลับบ้าน สมัยพี่อายุเท่าแก ถ้ารู้ว่าต้องขับรถจะไม่ดื่มให้เมาอย่างเด็ดขาด”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทส่งท้าย รักคนอื่นไม่เป็น - 35%

    “พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 27 หนุ่มออฟฟิศ - 100%

    “ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 27 หนุ่มออฟฟิศ - 70%

    “เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 27 หนุ่มออฟฟิศ - 35%

    บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 26 ตีตราจอง - 100%

    “โธ่ไอ้บาส มึงก็น่าจะรู้ว่าไอ้ดินมันหวงของมันมาตั้งแต่น้องเขาอยู่มัธยม มึงนี่ก็ไม่เข็ดสักทีนะ” จิตตินันท์พูดถึงตรงนี้ ศิวัฒน์ก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อน ตอนเรียนปริญญาตรีเขาก็เห็นนฤบดินทร์เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นเทอมละคนสองคน“โอ้โหไอ้ดิน นี่หมายความว่ามึงเล็งน้องเขาไว้ตั้งแต่ใส่กระโปรงนักเรียนเลยหรือวะ แล้วไอ้ที่เคยคบ ๆ มาสิบกว่าคนนั่นล่ะ อย่าบอกนะว่าแค่เพื่อนสาวคนสนิท” ศิวัฒน์พูดด้วยความอิจฉา แต่แม้เขาจะพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่ในโต๊ะ แต่นฤบดินทร์ก็รีบหันไปมองพราวนภาทันทีราวกับกลัวหญิงสาวจะได้ยิน“ไอ้ตั้ม มึงอย่าวางระเบิดให้กู เดี๋ยวเขาได้ยินแล้วกูจะซวยเอา”“แววกลัวเมียมาแล้วเว้ย โถ...พ่อเทพบุตรสุดฮอตของกู” จิตตินันท์พูดไปหัวเราะไปด้วยความขบขันบรรยากาศของงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขอบอวลอยู่ทุกพื้นที่ จนกระทั่งถึงช่วงบ่ายที่แดดเริ่มร้อน เพื่อนบ้านหลายคนจึงทยอยกันกลับบ้านใครบ้านมัน รวมถึงเพื่อน ๆ ของพราวนภากับนฤบดินทร์ด้วยวันถัดมา นฤบดินทร์ขออนุญาตพาพราวนภาออกไป

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 26 ตีตราจอง - 70%

    “ไม่ใช่นะ อยากหมั้น แต่มันกะทันหันมากเลย วันนี้วันศุกร์เท่ากับว่าอีกอาทิตย์เดียวเองนะที่เราจะหมั้น พราวยังไม่ได้บอกเพื่อนฝูงเลยสักคน จัดกันที่บ้านพราวใช่ไหม”“ใช่ จัดที่บ้านพราวนั่นแหละเพราะมีบริเวณมากกว่าบ้านพี่ เย็นนี้กลับบ้านไปก็ประกาศออกสื่อซะ ไอ้พวกหมาเห็นปลากระป๋องมันจะได้เลิกมาวนเวียนใกล้เราสักที” เย็นนี้เขามีแผนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปบ้านเพื่อนสนิททั้งสามคนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันเพื่อเอาของฝากไปให้ จากนั้นก็บอกข่าวเรื่องงานหมั้นเสียเลยบ้านของเกม เจ และบาสอยู่ห่างกันออกไปไม่กี่หลัง แต่ถ้าไปเยือนทั้งสามบ้านก็จะเหมือนวนรอบหมู่บ้านครบพอดี ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าบรรดาหนุ่ม ๆ ที่ตบเท้าพากันมาจีบพราวนภาจะได้เห็นกันถ้วนหน้าว่าเขากลับมาแล้ว และอย่าได้คิดมายุ่งกับผู้หญิงของเขาอีก“ขี้หวง” พราวนภาเอานิ้วจิ้มอกของเขาแล้วอมยิ้มจนแก้มบุ๋มชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วจับมือเธอเอาไว้ เขาหวงพราวนภาตั้งแต่เธอเริ่มโตเป็นสาวแล้วแต่เจ้าตัวไม่เคยรู้เรื่องเลยต่างหาก ใครที่คิดจะจีบเธอโดยการเข้ามาตีสนิทกับเขาเพราะเห็นว่าเป็นน้า จะโดนเขาสกัดดาวรุ่งไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status