แม้ช่วงแรกจะเอ่ยปากชม แต่สุดท้ายภาวินก็อดเกทับอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งที่เขาอายุยี่สิบต้น ๆ แม้จะมีปาร์ตี้และเที่ยวกลางคืนบ่อย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมามายจนไม่มีสติเลยสักครั้ง
กว่าสิบปีที่เขารู้จักนฤบดินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเห็นว่าน้องภรรยาคนนี้จัดว่าเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหล่อเหลาจนบางมุมแทบจะเรียกได้ว่าสวยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งพอกันกับเขา นิสัยก็เงียบขรึม และมีความสุขุม ทุกอย่างดูดีไปหมด
เสียอย่างเดียว สายตาที่มองพราวนภานั้นดูจะร้อนแรงมากเกินไปหน่อยราวกับต้องการกลืนกินบุตรสาวของเขาไปทั้งตัว เขาไม่ชอบเอาเสียเลย!
พราวนภายังเด็ก อายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไม่จบมัธยมปลายเลย แต่บุตรสาวของเขาดันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกไม่กี่ปีก็จะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขณะที่นฤบดินทร์ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว และสองคนนี้มักใกล้ชิดกันบ่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในบ้าน
“ทำไงได้ ผมมันพวกคออ่อนซะด้วยสิ” นฤบดินทร์พูดยิ้ม ๆ พลางชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของภาวินแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวผมเอารถเข้าบ้านแล้วจะเดินไปกินข้าวเช้าด้วยนะครับ”
ภาวินมองตามสายตาอีกฝ่ายไปก็เห็นว่านฤบดินทร์กำลังมองพราวนภาซึ่งกำลังเดินออกจากบ้านไปหาผู้เป็นปู่ที่ยืนตัดแต่งต้นไม้อยู่ในสวน เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“แกยังไม่สร่างเมาดี เดี๋ยวพี่ให้เจ้าพีทมันยกชามข้าวต้มไปให้ที่บ้านก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไปเองดีกว่า หรือไม่ก็...” อีกฝ่ายหยุดพูดพลางทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“หรือไม่ก็ให้หนูพราวยกมาให้ผมก็ได้พี่ ให้เจ้าพีทยกมาผมกลัวจะทำหกน่ะ ถ้างั้นผมขอตัวเอารถเข้าบ้านก่อนนะครับพี่วิน” พูดจบก็ยิ้มมุมปาก ซึ่งภาวินมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วให้เขาของขึ้นถึงได้จงใจเอ่ยถึงพราวนภา
ภาวินมองเขม่นน้องภรรยาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่กลับได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา เขาจึงเดินเข้าบ้านของตัวเองแล้วก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้านมองหาภรรยาทันที
“มะลิ!” เขาเรียกมัลลิกา เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบรับมาจากในครัวจึงเดินเข้าไปหาแล้วพูดเสียงเบาว่า
“เมื่อกี้พี่เจอเจ้าดินน่ะ เห็นบอกว่าไปกินเลี้ยงกับเพื่อนเพิ่งกลับมา ท่าทางยังไม่สร่างเมาดีเท่าไรเลย พี่ว่าเธอเอาข้าวต้มไปให้น้องมันกินหน่อยดีกว่า ซดอะไรร้อน ๆ จะได้สร่างเร็ว”
“ได้ค่ะ เฮ้อ...เจ้าดินนี่ก็จริง ๆ เลย พักหลังนี่รู้สึกจะดื่มเหล้าบ่อยไปหน่อยนะเนี่ย แถมยังกลับเช้าอีก ยิ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แบบนี้ยิ่งเอาใหญ่” มัลลิกาบ่นให้น้องชายพลางหยิบชามมาตักข้าวต้มแล้วใช้จานรองอีกที
“มะลิเอาไปให้น้องก่อนนะ” เธอหันไปยิ้มให้สามี ภาวินยิ้มตอบพลางมองภรรยาที่เดินถือชามข้าวต้มไปให้น้องชายที่อยู่บ้านเพียงลำพัง จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ
อยากอยู่กับหนูพราวสองต่อสองอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!
มัลลิกาเดินไปบ้านของตนโดยไม่ต้องอ้อมไปเข้าทางหน้าประตูใหญ่ เพราะตั้งแต่แต่งงานกับภาวิน ทั้งสองบ้านก็ตกลงกันว่าจะทุบกำแพงออกส่วนหนึ่งแล้วติดบานประตูอัลลอยด์เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ระหว่างกัน
เมื่อเข้าไปในบ้าน เธอก็วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปห้องของน้องชายเพื่อบอกกล่าวอีกฝ่ายว่าตนมาหา ทว่าเดินขึ้นไปไม่กี่ขั้นก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิมเพราะนฤบดินทร์กำลังเดินลงมาพอดี
“พี่เอาข้าวต้มมาให้น่ะ วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว” เธอเห็นน้องชายอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนพูดว่า
“ขอบคุณครับพี่” จากนั้นเจ้าตัวก็เดินดุ่ม ๆ ไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบขวดพริกไทยมาโรยลงในชาม มัลลิกาจึงเดินไปห้องครัวเพื่อดูว่าในตู้เย็นมีอะไรเหลือบ้าง เนื่องจากบิดามารดาของพวกตนไปทัวร์ยุโรปสองอาทิตย์ ช่วงนี้นฤบดินทร์จึงต้องอยู่บ้านคนเดียว
“ช่วงนี้แกไปกินข้าวที่บ้านโน้นก็ได้นะดิน จะได้ไม่ต้องกินแต่ของพวกนี้” เธอบอกน้องชายเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายทำกับข้าวไม่เป็น อีกทั้งถังขยะในครัวก็มีแต่ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับถาดอาหารแช่แข็งที่เจ้าตัวกินหมดแล้ว
“ก็ไม่ได้กินทุกมื้อสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่ผู้เป็นพี่สาวกำลังเบิกตากว้างมองเศษผักในถุงขยะที่มัดปิดปากถุงไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเศษผักสดเหล่านี้เป็นส่วนที่ต้องตัดทิ้งเพราะไม่จำเป็นในการประกอบอาหาร
แต่นฤบดินทร์ทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง แล้วใครเป็นคนมาทำให้
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคน ๆ นั้นคือพราวนภา
“หนูพราวมาทำอะไรให้กินหรือ” มัลลิกาทำทีเป็นเอ่ยปากถามเหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป แต่สายตากลับลอบสังเกตปฏิกิริยาของน้องชายอยู่เงียบ ๆ
เธอรออยู่นาน คิดว่าคงไม่ได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมพูดออกมา
“ข้าวผัดไส้กรอกน่ะ ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ลืมเอาถุงขยะไปทิ้ง”
มัลลิกาพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่ในใจอดห่วงไม่ได้ ข้าวผัดไส้กรอกนั้นเป็นของโปรดของนฤบดินทร์มาตั้งแต่เด็ก ในแต่ละสัปดาห์จะต้องมีหนึ่งมื้อที่เป็นข้าวผัดไส้กรอก และอีกฝ่ายก็สามารถกินอาหารชนิดนี้เพียงอย่างเดียวได้ตลอดทั้งสัปดาห์อีกด้วย กระทั่งโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังต้องมีกฎข้อนี้ในบ้านเสมอ
บิดามารดาเพิ่งออกทริปไปแค่สองวัน พราวนภาก็มาทำอาหารให้กินถึงบ้าน และอีกไม่นานนฤบดินทร์ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ใครจะเป็นคนทำให้กินกันเล่า
“ไปอยู่อเมริกาแกจะไปหากินจากไหนเนี่ย ข้าวผัดไส้กรอกน่ะ”
ถ้าเจ้าตัวบอกว่าทำกินเอง เธอไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด น้องชายของเธอนั้นแทบจะเป็นเจ้าชายประจำบ้านเพราะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองสักอย่างโดยเฉพาะเรื่องงานบ้าน เขามีหน้าที่เรียน และหาเงินอย่างเดียว ซึ่งมัลลิกาก็ยอมรับว่านฤบดินทร์นั้นสมองดีพอ ๆ กับตน แต่อีกฝ่ายเหนือกว่าที่การคิดคำนวณและวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ จะเหนือชั้นกว่าเธอมาก
“ร้านอาหารไทยเยอะแยะ” เขาตอบสั้น ๆ ตามเคยมัลลิกาจึงไม่ถามต่อเพราะรู้แล้วว่าน้องชายของตนคงแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยเงินแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน
บอกใครก็คงไม่มีคนเชื่อว่านฤบดินทร์สามารถหาเงินเองได้ และมีเงินเก็บถึงเจ็ดหลักตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลายด้วยการเทรดค่าเงิน ผ่านมาหลายปีตอนนี้ตัวเลขในบัญชีของอีกฝ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องกระเบียดกระเสียร หรือวุ่นวายหางานพิเศษทำที่โน่น ค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ทุกบาททุกสตางค์เขาก็จ่ายเองมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปีที่ห้า และแน่นอนว่าค่าทริปทัวร์ยุโรปของบิดามารดาตลอดสองสัปดาห์นี้ เขาก็เป็นคนจ่ายให้
“แกไปแล้วบ้านนี้คงเหงา โดยเฉพาะหนูพราว”
มัลลิกาพูดยิ้ม ๆ รู้ดีว่าลูกเลี้ยงอย่างพราวนภานั้นรักปักใจอยู่แต่น้องชายของเธอคนนี้มานาน แต่นฤบดินทร์กลับยังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้เสมอ ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายหนุ่มมีใจให้สาวน้อยข้างบ้านหรือไม่เพราะเธออ่านใจเขาไม่ได้ แต่เท่าที่สังเกต นฤบดินทร์เองก็คงหวั่นไหวไม่น้อยเพราะเจ้าตัวคอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่เงียบ ๆ ทว่าติดที่พราวนภายังเด็กเกินไป อีกทั้งยังมีบิดาขี้หวงอย่างภาวินคอยกันท่าอยู่เสมอ
“เปิดเทอมก็เลิกเหงาแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พลางผลักชามข้าวต้มที่กินหมดแล้วออกจากตัวแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
พราวนภาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำราวกับยังไม่ตื่นดี เธอเข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ตามไรผมมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้างหน้าเพื่อความสดชื่น“พี่ดินทำเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายกันหกเครื่องแล้วก็ห่อปากทำตาโต“โห อย่างกับฐานปฏิบัติการในซีรีส์ฝรั่งเลย แต่พี่ต้องรอให้เขามาติดอินเทอร์เน็ตให้ก่อนใช่ไหม”“ใช่ แต่ทำเรื่องขอไปแล้วละ รอเขาติดต่อกลับมา พราวหิวรึยัง แล้วทำไมดูเหมือนเดินขาสั่น ๆ ล่ะ”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ วันนี้เขาให้หญิงสาวขึ้นคุมเกมทั้งควบทั้งขย่มได้ตามต้องการ เธอเร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ชอบมากที่หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ คู่หมั้นของเขาแซ่บลืมโลกขนาดนี้แล้วทำไมเขาต้องรับไมตรีจากผู้หญิงคนอื่นมาทำให้ชีวิตคู่ของเขาต้องวุ่นวายอีกเล่า“ยังจะถามอีกนะ” เธอหันมาค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะพูดอีกว่า“พราวไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่ดินจะหื่นจัดได้ขนาดนี้”นฤบดินทร์ห
“พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”
“ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา
“เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่
บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ
“โธ่ไอ้บาส มึงก็น่าจะรู้ว่าไอ้ดินมันหวงของมันมาตั้งแต่น้องเขาอยู่มัธยม มึงนี่ก็ไม่เข็ดสักทีนะ” จิตตินันท์พูดถึงตรงนี้ ศิวัฒน์ก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อน ตอนเรียนปริญญาตรีเขาก็เห็นนฤบดินทร์เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นเทอมละคนสองคน“โอ้โหไอ้ดิน นี่หมายความว่ามึงเล็งน้องเขาไว้ตั้งแต่ใส่กระโปรงนักเรียนเลยหรือวะ แล้วไอ้ที่เคยคบ ๆ มาสิบกว่าคนนั่นล่ะ อย่าบอกนะว่าแค่เพื่อนสาวคนสนิท” ศิวัฒน์พูดด้วยความอิจฉา แต่แม้เขาจะพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่ในโต๊ะ แต่นฤบดินทร์ก็รีบหันไปมองพราวนภาทันทีราวกับกลัวหญิงสาวจะได้ยิน“ไอ้ตั้ม มึงอย่าวางระเบิดให้กู เดี๋ยวเขาได้ยินแล้วกูจะซวยเอา”“แววกลัวเมียมาแล้วเว้ย โถ...พ่อเทพบุตรสุดฮอตของกู” จิตตินันท์พูดไปหัวเราะไปด้วยความขบขันบรรยากาศของงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขอบอวลอยู่ทุกพื้นที่ จนกระทั่งถึงช่วงบ่ายที่แดดเริ่มร้อน เพื่อนบ้านหลายคนจึงทยอยกันกลับบ้านใครบ้านมัน รวมถึงเพื่อน ๆ ของพราวนภากับนฤบดินทร์ด้วยวันถัดมา นฤบดินทร์ขออนุญาตพาพราวนภาออกไป