Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

Share

บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

last update Last Updated: 2025-05-22 22:23:02

แม้ช่วงแรกจะเอ่ยปากชม แต่สุดท้ายภาวินก็อดเกทับอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งที่เขาอายุยี่สิบต้น ๆ แม้จะมีปาร์ตี้และเที่ยวกลางคืนบ่อย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมามายจนไม่มีสติเลยสักครั้ง

กว่าสิบปีที่เขารู้จักนฤบดินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเห็นว่าน้องภรรยาคนนี้จัดว่าเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหล่อเหลาจนบางมุมแทบจะเรียกได้ว่าสวยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งพอกันกับเขา นิสัยก็เงียบขรึม และมีความสุขุม ทุกอย่างดูดีไปหมด

เสียอย่างเดียว สายตาที่มองพราวนภานั้นดูจะร้อนแรงมากเกินไปหน่อยราวกับต้องการกลืนกินบุตรสาวของเขาไปทั้งตัว เขาไม่ชอบเอาเสียเลย!

พราวนภายังเด็ก อายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไม่จบมัธยมปลายเลย แต่บุตรสาวของเขาดันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกไม่กี่ปีก็จะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขณะที่นฤบดินทร์ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว และสองคนนี้มักใกล้ชิดกันบ่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในบ้าน

“ทำไงได้ ผมมันพวกคออ่อนซะด้วยสิ” นฤบดินทร์พูดยิ้ม ๆ พลางชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของภาวินแล้วพูดว่า

“เดี๋ยวผมเอารถเข้าบ้านแล้วจะเดินไปกินข้าวเช้าด้วยนะครับ”

ภาวินมองตามสายตาอีกฝ่ายไปก็เห็นว่านฤบดินทร์กำลังมองพราวนภาซึ่งกำลังเดินออกจากบ้านไปหาผู้เป็นปู่ที่ยืนตัดแต่งต้นไม้อยู่ในสวน เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

“แกยังไม่สร่างเมาดี เดี๋ยวพี่ให้เจ้าพีทมันยกชามข้าวต้มไปให้ที่บ้านก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไปเองดีกว่า หรือไม่ก็...” อีกฝ่ายหยุดพูดพลางทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

“หรือไม่ก็ให้หนูพราวยกมาให้ผมก็ได้พี่ ให้เจ้าพีทยกมาผมกลัวจะทำหกน่ะ ถ้างั้นผมขอตัวเอารถเข้าบ้านก่อนนะครับพี่วิน” พูดจบก็ยิ้มมุมปาก ซึ่งภาวินมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วให้เขาของขึ้นถึงได้จงใจเอ่ยถึงพราวนภา

ภาวินมองเขม่นน้องภรรยาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่กลับได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา เขาจึงเดินเข้าบ้านของตัวเองแล้วก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้านมองหาภรรยาทันที

“มะลิ!” เขาเรียกมัลลิกา เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบรับมาจากในครัวจึงเดินเข้าไปหาแล้วพูดเสียงเบาว่า

“เมื่อกี้พี่เจอเจ้าดินน่ะ เห็นบอกว่าไปกินเลี้ยงกับเพื่อนเพิ่งกลับมา ท่าทางยังไม่สร่างเมาดีเท่าไรเลย พี่ว่าเธอเอาข้าวต้มไปให้น้องมันกินหน่อยดีกว่า ซดอะไรร้อน ๆ จะได้สร่างเร็ว”

“ได้ค่ะ เฮ้อ...เจ้าดินนี่ก็จริง ๆ เลย พักหลังนี่รู้สึกจะดื่มเหล้าบ่อยไปหน่อยนะเนี่ย แถมยังกลับเช้าอีก ยิ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แบบนี้ยิ่งเอาใหญ่” มัลลิกาบ่นให้น้องชายพลางหยิบชามมาตักข้าวต้มแล้วใช้จานรองอีกที

“มะลิเอาไปให้น้องก่อนนะ” เธอหันไปยิ้มให้สามี ภาวินยิ้มตอบพลางมองภรรยาที่เดินถือชามข้าวต้มไปให้น้องชายที่อยู่บ้านเพียงลำพัง จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ

อยากอยู่กับหนูพราวสองต่อสองอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

มัลลิกาเดินไปบ้านของตนโดยไม่ต้องอ้อมไปเข้าทางหน้าประตูใหญ่ เพราะตั้งแต่แต่งงานกับภาวิน ทั้งสองบ้านก็ตกลงกันว่าจะทุบกำแพงออกส่วนหนึ่งแล้วติดบานประตูอัลลอยด์เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ระหว่างกัน

เมื่อเข้าไปในบ้าน เธอก็วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปห้องของน้องชายเพื่อบอกกล่าวอีกฝ่ายว่าตนมาหา ทว่าเดินขึ้นไปไม่กี่ขั้นก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิมเพราะนฤบดินทร์กำลังเดินลงมาพอดี

“พี่เอาข้าวต้มมาให้น่ะ วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว” เธอเห็นน้องชายอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนพูดว่า

“ขอบคุณครับพี่” จากนั้นเจ้าตัวก็เดินดุ่ม ๆ ไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบขวดพริกไทยมาโรยลงในชาม มัลลิกาจึงเดินไปห้องครัวเพื่อดูว่าในตู้เย็นมีอะไรเหลือบ้าง เนื่องจากบิดามารดาของพวกตนไปทัวร์ยุโรปสองอาทิตย์ ช่วงนี้นฤบดินทร์จึงต้องอยู่บ้านคนเดียว

“ช่วงนี้แกไปกินข้าวที่บ้านโน้นก็ได้นะดิน จะได้ไม่ต้องกินแต่ของพวกนี้” เธอบอกน้องชายเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายทำกับข้าวไม่เป็น อีกทั้งถังขยะในครัวก็มีแต่ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับถาดอาหารแช่แข็งที่เจ้าตัวกินหมดแล้ว

“ก็ไม่ได้กินทุกมื้อสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่ผู้เป็นพี่สาวกำลังเบิกตากว้างมองเศษผักในถุงขยะที่มัดปิดปากถุงไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเศษผักสดเหล่านี้เป็นส่วนที่ต้องตัดทิ้งเพราะไม่จำเป็นในการประกอบอาหาร

แต่นฤบดินทร์ทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง แล้วใครเป็นคนมาทำให้

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคน ๆ นั้นคือพราวนภา

“หนูพราวมาทำอะไรให้กินหรือ” มัลลิกาทำทีเป็นเอ่ยปากถามเหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป แต่สายตากลับลอบสังเกตปฏิกิริยาของน้องชายอยู่เงียบ ๆ

เธอรออยู่นาน คิดว่าคงไม่ได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมพูดออกมา

“ข้าวผัดไส้กรอกน่ะ ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ลืมเอาถุงขยะไปทิ้ง”

มัลลิกาพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่ในใจอดห่วงไม่ได้ ข้าวผัดไส้กรอกนั้นเป็นของโปรดของนฤบดินทร์มาตั้งแต่เด็ก ในแต่ละสัปดาห์จะต้องมีหนึ่งมื้อที่เป็นข้าวผัดไส้กรอก และอีกฝ่ายก็สามารถกินอาหารชนิดนี้เพียงอย่างเดียวได้ตลอดทั้งสัปดาห์อีกด้วย กระทั่งโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังต้องมีกฎข้อนี้ในบ้านเสมอ

บิดามารดาเพิ่งออกทริปไปแค่สองวัน พราวนภาก็มาทำอาหารให้กินถึงบ้าน และอีกไม่นานนฤบดินทร์ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ใครจะเป็นคนทำให้กินกันเล่า

“ไปอยู่อเมริกาแกจะไปหากินจากไหนเนี่ย ข้าวผัดไส้กรอกน่ะ”

ถ้าเจ้าตัวบอกว่าทำกินเอง เธอไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด น้องชายของเธอนั้นแทบจะเป็นเจ้าชายประจำบ้านเพราะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองสักอย่างโดยเฉพาะเรื่องงานบ้าน เขามีหน้าที่เรียน และหาเงินอย่างเดียว ซึ่งมัลลิกาก็ยอมรับว่านฤบดินทร์นั้นสมองดีพอ ๆ กับตน แต่อีกฝ่ายเหนือกว่าที่การคิดคำนวณและวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ จะเหนือชั้นกว่าเธอมาก

“ร้านอาหารไทยเยอะแยะ” เขาตอบสั้น ๆ ตามเคยมัลลิกาจึงไม่ถามต่อเพราะรู้แล้วว่าน้องชายของตนคงแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยเงินแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน

บอกใครก็คงไม่มีคนเชื่อว่านฤบดินทร์สามารถหาเงินเองได้ และมีเงินเก็บถึงเจ็ดหลักตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลายด้วยการเทรดค่าเงิน ผ่านมาหลายปีตอนนี้ตัวเลขในบัญชีของอีกฝ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องกระเบียดกระเสียร หรือวุ่นวายหางานพิเศษทำที่โน่น ค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ทุกบาททุกสตางค์เขาก็จ่ายเองมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปีที่ห้า และแน่นอนว่าค่าทริปทัวร์ยุโรปของบิดามารดาตลอดสองสัปดาห์นี้ เขาก็เป็นคนจ่ายให้

“แกไปแล้วบ้านนี้คงเหงา โดยเฉพาะหนูพราว”

มัลลิกาพูดยิ้ม ๆ รู้ดีว่าลูกเลี้ยงอย่างพราวนภานั้นรักปักใจอยู่แต่น้องชายของเธอคนนี้มานาน แต่นฤบดินทร์กลับยังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้เสมอ ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายหนุ่มมีใจให้สาวน้อยข้างบ้านหรือไม่เพราะเธออ่านใจเขาไม่ได้ แต่เท่าที่สังเกต นฤบดินทร์เองก็คงหวั่นไหวไม่น้อยเพราะเจ้าตัวคอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่เงียบ ๆ ทว่าติดที่พราวนภายังเด็กเกินไป อีกทั้งยังมีบิดาขี้หวงอย่างภาวินคอยกันท่าอยู่เสมอ

“เปิดเทอมก็เลิกเหงาแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พลางผลักชามข้าวต้มที่กินหมดแล้วออกจากตัวแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 50%

    อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากทั้งคู่คบหากันตั้งแต่ตอนนี้ และถ้าวันข้างหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนที่ใช่กว่า สุดท้ายคงไม่พ้นต้องเลิกรา และมองหน้ากันไม่ติดทั้งสองบ้านแน่นอน“เชื่อแม่นะหนูพราว ถ้าหนูกับเขาเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ยังไงก็ต้องได้อยู่ด้วยกันอีกแน่ แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เราดึงดันยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ ตอนนี้แม่อยากให้หนูใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่มากกว่า”พราวนภายิ้มพลางลุกขึ้นนั่งแล้วกอดจันทร์เจ้าอย่างออดอ้อน“ค่ะคุณแม่ หนูพราวเชื่อคุณแม่ค่ะ”แต่แล้วหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแหยให้ “แต่หนูพราวขอร้องคุณแม่อย่างหนึ่งนะคะ อย่าบอกเรื่องที่หนูชอบพี่ดินให้คุณพ่อกับแม่มะลิรู้เชียวนะ คุณแม่มะลิน่ะไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่คุณพ่อนี่สิถ้ารู้ละก็ระเบิดลงแน่”จันทร์เจ้าหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้ารับปาก ทั้งที่ตนอยากบอกเหลือเกินว่าทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้ว รวมทั้งภาวิน คุณพ่อจอมหวงนั่นก็ด้วยสองวันถัดมา นฤบดินทร์เดินออกจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเปิดตู้เสื้อผ้านั้น เขาก็ได้ย

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

    พราวนภาหยิบผ้านวมมาห่มให้รุ้งจันทราอย่างเบามือเพราะเด็กน้อยค่อนข้างตื่นง่าย เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้า ผู้เป็นมารดาของรุ้งจันทราเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หญิงสาวจึงพูดโดยไม่มีเสียงว่า“หลับปุ๋ยแล้วค่ะ”จันทร์เจ้ายิ้มพลางเดินเข้ามาดูบุตรสาวตัวน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างพราวนภาแล้วพูดว่า“หนูรุ้งน่ะเหมือนหนูพราวตอนเด็ก ๆ เลยนะรู้ไหม ดูสิเนี่ย ชอบเอาตุ๊กตามานอนเรียงเป็นเพื่อนกัน แล้วยังไม่ชอบกินแคร์รอตเหมือนกันอีกด้วย”“แต่ตอนนี้หนูกินแคร์รอตแล้วนะ และกินผักเก่งมากเลยด้วยคุณแม่ก็รู้นี่นา” พราวนภายิ้มกว้างอย่างประจบ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นน้า แต่ตนเรียกอีกฝ่ายว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้จันทร์เจ้ายิ้มพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู สายตาที่มองพราวนภายังคงมีแต่ความรักไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าตนจะมีบุตรสาวและบุตรชายของตัวเองแล้วก็ตาม“เป็นอะไรล่ะฮึ จู่ ๆ ก็มาอ้อนแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้า ทำให้พราวนภายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หนูพราวแค่รู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ไม่อยากโตเป็น

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 100%

    “ใช่ครับ คนจีบพี่พราวเยอะมากเลย เวลาพีทไปเล่นข้างนอกก็มีแต่คนถามหาพี่พราว เนอะพายเนอะ”“แล้วไปยังไง เรียกแท็กซี่หรือพ่อเราไปส่ง” ชายหนุ่มยังถามต่อ“แท็กซี่ครับ/มีคนมารับค่ะ” สองพี่น้องพูดพร้อมกัน แต่คำตอบไปคนละทางจนทั้งคู่ต่างหันมามองหน้ากันและกัน ขณะที่ผู้เป็นน้าอย่างนฤบดินทร์ได้แต่ถอนหายใจที่คงไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรจากหลานตัวแสบเป็นแน่“ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้าไปถามแม่เราเองก็ได้” เขาพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทร. ออก แต่สองพี่สองรีบโบกมือห้ามเป็นพัลวัน“อย่านะคะน้าดิน พี่พราวสั่งเอาไว้ว่าห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าพี่พราวไปเที่ยวกับแฟน ไม่งั้นคุณพ่อจะดุเอาได้ น้าดินอย่าถามคุณแม่นะคะ ขอร้องล่ะ นะคะน้าดิน” ภัทร์นรินท์ยกมือไหว้ปะหลก ๆ พร้อมกับทำตาสลดอย่างน่าสงสาร ภานุภัทร์เห็นอย่างนั้นจึงทำตามบ้าง“ใช่ครับน้าดิน เห็นใจพวกเราเถอะนะครับ พี่พราวอุตส่าห์ไว้ใจให้พวกเราเก็บความลับ พีทไม่อยากให้พี่พราวถูกดุครับ นะครับน้าดิน”ชายหนุ่มลอบยิ้ม “ก็ได้ ไม่ถามก็ไม่ถาม น้าเข้าบ้านก่อนนะ พวกเราก็เข้าบ้านเถอะ ข้างนอกมันร้อน”เขาเตรียมตัวจะหันหลังกลับ แต่จู่ ๆ หลานสาวตัวดีก็ยื่นมือมากระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ คร

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 75%

    “แล้วแกล่ะ จะไม่คิดถึงหนูพราวบ้างหรือ” มัลลิกาอมยิ้ม แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วมุ่นพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย“คิดถึงทำไม ปกติก็ต่างคนต่างอยู่กันอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย”“ถามจริง! แกไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์หนูพราวบ้างเลยรึไง สามปีเชียวนะที่จะไม่ได้เจอกัน” มัลลิกายังคงเย้าไม่เลิกจนชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาราวกับหงุดหงิดเต็มทีก่อนพูดว่า“แล้วไง ต่อให้สามปีหรือสามสิบปีก็ไม่มีอะไรแตกต่าง มันก็ชีวิตใครชีวิตมันอยู่แล้ว พี่เลิกชงเถอะ ไม่ได้ผลหรอก”“ชิ!” ไอ้คนปากแข็ง!มัลลิกาเบ้ปากใส่น้องชายด้วยความหมั่นไส้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่านฤบดินทร์เองก็ใจหายและคงคิดถึงพราวนภาไม่น้อย แต่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา เธอเป็นพี่น้องกับชายหนุ่มตรงหน้ามายี่สิบกว่าปีมีหรือจะเดาใจอีกฝ่ายไม่ออก เพราะหากนฤบดินทร์ไม่สนใจพราวนภาจริง เจ้าตัวก็จะแสดงออกด้วยการนิ่งเฉย ไม่ต่อปากต่อคำมาหลายประโยคแบบนี้แน่“ก็ดี พี่จะได้เลิกกั๊กหนูพราวไว้ให้แก คราวนี้ถ้ามีคนมาจีบหนูพราวอีกพี่จะได้ปล่อยเลยตามเลย ไม่กันท่าไว้ให้แกแล้วเพราะแกเอ็นดูหนูพราวเหมือนน้องสาว โธ่เอ๊ย...นี่พี่เข้าใจผิดไปเองหรือเนี่ย”เมื่อมัลลิกาพูดจบก็ได้รับส

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

    แม้ช่วงแรกจะเอ่ยปากชม แต่สุดท้ายภาวินก็อดเกทับอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งที่เขาอายุยี่สิบต้น ๆ แม้จะมีปาร์ตี้และเที่ยวกลางคืนบ่อย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมามายจนไม่มีสติเลยสักครั้งกว่าสิบปีที่เขารู้จักนฤบดินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเห็นว่าน้องภรรยาคนนี้จัดว่าเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหล่อเหลาจนบางมุมแทบจะเรียกได้ว่าสวยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งพอกันกับเขา นิสัยก็เงียบขรึม และมีความสุขุม ทุกอย่างดูดีไปหมดเสียอย่างเดียว สายตาที่มองพราวนภานั้นดูจะร้อนแรงมากเกินไปหน่อยราวกับต้องการกลืนกินบุตรสาวของเขาไปทั้งตัว เขาไม่ชอบเอาเสียเลย!พราวนภายังเด็ก อายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไม่จบมัธยมปลายเลย แต่บุตรสาวของเขาดันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกไม่กี่ปีก็จะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขณะที่นฤบดินทร์ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว และสองคนนี้มักใกล้ชิดกันบ่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในบ้าน“ทำไงได้ ผมมันพวกคออ่อนซะด้วยสิ” นฤบดินทร์พูดยิ้ม ๆ พลางชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของภาวินแล้วพูดว่า“เดี๋ยวผมเอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 25%

    ในห้องที่ปิดไฟจนมืดสลัว นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วก็มีเพียงเสียงสวบสาบของผ้าห่มและเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาดังมาจากเตียงนอนหลังใหญ่ ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าห่มพลิกตัวไปมาบ่อยครั้งราวกับคนที่กำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มเกาะกินใจจนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้พราวนภานอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดอยู่บนเตียงนอนของตน หญิงสาวไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใด แต่คิดว่าน่าจะล่วงเข้าวันใหม่แล้วเพราะก่อนนอนเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทร่วมชั่วโมงกว่า และเพิ่งวางสายไปตอนห้าทุ่มเศษ เนื้อหาของบทสนทนานั้นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ คือปรึกษาปัญหาหัวใจ เพราะต่างคนก็ต่างมีชายหนุ่มให้แอบรักเป็นของตัวเองหญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนตะแคง สายตาจึงตกที่ตุ๊กตาหมีสองตัวที่นอนเคียงคู่กันอยู่บนพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ชายหญิงคู่นี้นฤบดินทร์ซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบสามปีหมีผู้ชายใส่ชุดเอี๊ยมกางเกงลายสก๊อตสีน้ำเงินกับเสื้อสีขาว หมีผู้หญิงใส่ชุดเอี๊ยมกระโปรงลายสก๊อตสีแดงกับเสื้อสีขาวเช่นกัน เธอรักมันมาก ไม่ว่าจะนอนที่บ้านนี้ หรือบ้านของแม่จันทร์เจ้า ผู้เป็นน้าสาว เธอก็จะนำตุ๊กตาหมีคู่นี้ไปนอนข้างกายด้วยทุก

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   ปฐมบท

    ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพูกับกางเกงขาสั้นสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วจากการเล่นโรลเลอร์สเกตอยู่กลางถนนของหมู่บ้านนั้น เรียกความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนของตัวเองได้ทันที เขาลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยตัดบทกับคู่สนทนาแล้วกดวางสาย จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอนลงไปยังสวนสาธารณะของหมู่บ้านเพื่อไปดักเจอหญิงสาว อุปกรณ์ป้องกันก็ไม่ใส่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วไม่รู้จักจำ! แม้ในใจจะบ่น แต่ก่อนออกจากบ้านนฤบดินทร์ก็ยังอุตส่าห์หยิบน้ำดื่มขวดเล็กจากตู้เย็นติดมือไปด้วย เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนมองจากหน้าต่างเมื่อครู่ พราวนภาไม่ได้พกน้ำหรืออะไรติดตัวเลยแม้แต่อย่างเดียวชายหนุ่มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เลยสิบแปดนาฬิกามาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ท้องฟ้ากลับเริ่มสลัวลงราวกับเป็นช่วงหัวค่ำทั้งที่ไม่ใช่ฤดูหนาวแต่กลับมืดเร็วกว่าปกติ เพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายคนต่างพากันจูงลูกจูงหลานทยอยกลับบ้านใครบ้านมัน เขายกมือไหว้คนเหล่านั้นเพื่อทักทายก่อนจะหย่อนตัวบนม้านั่งแล้วรออย่างใจเย็นไม่นานนัก นฤบดินทร์ก็เห็นร่างคุ้นตาเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวมาจา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status