แชร์

โอบฟ้ามาห่มดิน
โอบฟ้ามาห่มดิน
ผู้แต่ง: จรสจันทร์

ปฐมบท

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-22 22:00:21

ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพูกับกางเกงขาสั้นสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วจากการเล่นโรลเลอร์สเกตอยู่กลางถนนของหมู่บ้านนั้น เรียกความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนของตัวเองได้ทันที เขาลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยตัดบทกับคู่สนทนาแล้วกดวางสาย จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอนลงไปยังสวนสาธารณะของหมู่บ้านเพื่อไปดักเจอหญิงสาว

   อุปกรณ์ป้องกันก็ไม่ใส่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วไม่รู้จักจำ!

   แม้ในใจจะบ่น แต่ก่อนออกจากบ้านนฤบดินทร์ก็ยังอุตส่าห์หยิบน้ำดื่มขวดเล็กจากตู้เย็นติดมือไปด้วย เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนมองจากหน้าต่างเมื่อครู่ พราวนภาไม่ได้พกน้ำหรืออะไรติดตัวเลยแม้แต่อย่างเดียว

ชายหนุ่มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เลยสิบแปดนาฬิกามาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ท้องฟ้ากลับเริ่มสลัวลงราวกับเป็นช่วงหัวค่ำทั้งที่ไม่ใช่ฤดูหนาวแต่กลับมืดเร็วกว่าปกติ เพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายคนต่างพากันจูงลูกจูงหลานทยอยกลับบ้านใครบ้านมัน เขายกมือไหว้คนเหล่านั้นเพื่อทักทายก่อนจะหย่อนตัวบนม้านั่งแล้วรออย่างใจเย็น

ไม่นานนัก นฤบดินทร์ก็เห็นร่างคุ้นตาเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวมาจากที่ไกล ๆ เขาจ้องเขม็งไปที่ร่างนั้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายวิ่งอยู่กลางถนนโดยไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง

ชายหนุ่มรอจนกระทั่งพราวนภาใกล้มาถึงตรงที่ตนนั่งอยู่จึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งผ่านไป

“พราว!” เขาเรียกเธอด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาเกินไป ทว่ากลับทำให้เจ้าตัวตกใจจนสเกตเสียหลักล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง

“ว้าย!” พราวนภาร้องได้แค่นั้น ใบหน้าก็เหยเกด้วยความเจ็บปวดพลางเอามือวางบนสะโพกของตน

“พราว! เป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนให้น้าดูหน่อยซิ” นฤบดินทร์ปรี่เข้ามาทรุดตัวลงใกล้ ๆ ด้วยความร้อนใจ หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นแผลถลอกเป็นทางยาวบนเรียวขาของอีกฝ่าย เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่ตนเป็นต้นเหตุให้หญิงสาวเกิดอุบัติเหตุจนเจ็บตัว

“เจ็บไปทั้งตัวเลย ทำไมพี่ดินไปนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวล่ะ” เธอทำหน้าง้ำ

“ก็ไปรอเรานั่นแหละ ใกล้ค่ำแล้วจะออกไปวิ่งเล่นทำไม แล้วน้าบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเวลาจะเล่นสเกตให้ใส่สนับเข่ากับหมวกกันน็อกด้วยทำไมไม่ใส่”

“อะไรเนี่ย หนูพราวกำลังเจ็บนะ พี่ดินอย่าดุสิ” เธอมองเขาด้วยสายตาออดอ้อนที่มักทำเป็นประจำเวลาถูกเขาดุหรือว่ากล่าวตักเตือน และเขาก็ต้องยอมลงให้ทุกครั้งไป

“ลุกไหวไหมเนี่ย” เขาถามเสียงอ่อนพลางยื่นมือออกไปให้เธอใช้ยึดเหนี่ยวเวลาลุกขึ้นยืน แต่หญิงสาวกลับกางแขนออกทั้งสองข้างแล้วชูขึ้นพร้อมกับพูดว่า

“อุ้ม”

นฤบดินทร์ถอนหายใจแผ่วอย่างอ่อนใจ “พราว เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ น้าจะอุ้มเธอได้ยังไง  มันน่าเกลียด”

“น่าเกลียดตรงไหนกัน ก็พราวลุกไม่ไหวนี่นา พี่ดินจะให้พราวคลานกลับบ้านรึไง เร็ว ๆ สิเดี๋ยวก็มีรถขับผ่านมาหรอก ตอนนี้พราวนั่งอยู่กลางถนนเลยนะ” เธอยังคงกางแขนค้างไว้อยู่อย่างนั้น ขณะที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่อยากทำตัวใกล้ชิดกับหญิงสาวมากเกินไปนัก...แต่สุดท้ายเขาก็แพ้สายตาออดอ้อนของเธออยู่ดี

“ถ้าอย่างนั้นก็ขี่หลังน้าละกัน” เขาพูดพลางหันหลังให้พราวนภา ยังไม่ทันตั้งหลักดีเจ้าตัวก็เอาแขนมาโอบรอบคอเขาไว้ นฤบดินทร์จึงใช้แขนเกี่ยวขาทั้งสองข้างของเธอแล้วพูดโดยไม่หันไปมองคนที่วางคางเกยไว้กับบ่าของเขาอย่างสนิทสนม

“พร้อมรึยัง จะลุกขึ้นแล้วนะ” เขานับถึงสามก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเริ่มออกเดิน

“พี่ดิน” เสียงหวานใสของหญิงสาวดังอยู่ข้างหูจนชายหนุ่มต้องเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพราะต้องการรักษาระยะห่างระหว่างกัน

“บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกน้า” ตั้งแต่มัลลิกา พี่สาวของนฤบดินทร์แต่งงานกับภาวิน บิดาของพราวนภา เขาก็แทนตัวเองว่าน้ามาตลอด แต่หญิงสาวกลับยังคงเรียกเขาว่าพี่มาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ยอมเรียกน้าแม้แต่ครั้งเดียว

“ไม่เอา เรียกพี่ติดปากมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่” เธอถอนหายใจแผ่วก่อนพูดต่อ

“จะไปเรียนต่อเมืองนอกจริง ๆ หรือ”

“อืม” นฤบดินทร์ตอบสั้น ๆ ตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และกำลังจะไปศึกษาต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

“ไม่ไปได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนของเธอทำให้ชายหนุ่มต้องหลับตาลงเพื่อเก็บความรู้สึก

“ไม่ได้” เขาตอบห้วน ๆ เพราะคร้านจะอธิบายให้หญิงสาวได้เข้าใจ

“หนูพราวไม่อยากให้ไปนี่นา อย่าไปเลยนะ” ไม่พูดเปล่า แต่พราวนภากลับรัดวงแขนโอบรอบคอเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแก้มของเธอเฉียดแก้มของเขาไปนิดเดียวเท่านั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเบี่ยงหน้าให้ห่างออกมา รู้ดีว่าหญิงสาวคงไม่รู้สึกถึงความชิดใกล้ที่มากเกินไป หากแต่เขานั้นรับรู้ได้เป็นอย่างดี

“อยู่เฉย ๆ สิจะกอดคอทำไม มันอึดอัด!” เขาจำเป็นต้องดุเธอ มิเช่นนั้นหญิงสาวก็คงเผลอเอาตัวมาใกล้ชิดกับน้าอย่างเขามากเกินพอดีอีก

   “ดุอีกแล้ว ดุอยู่นั่นแหละ พี่ดินน่าเบื่อ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเองก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธออีกจึงปิดปากเงียบไปจนกระทั่งถึงบ้านของพราวนภา และไปส่งหญิงสาวถึงห้องรับแขกซึ่งตอนนี้มัลลิกากำลังนั่งดูโทรทัศน์โดยมีบุตรชายบุตรสาวอย่างภานุภัทร์กับภัทร์นรินท์ ฝาแฝดชายหญิงนั่งเล่นเกมอยู่ด้วยกันอีกมุมหนึ่ง

“พี่มะลิ ทำแผลให้หนูพราวด้วย” เขาบอกพี่สาวไว้แค่นั้นแล้วก็เดินออกจากบ้านมาทันทีโดยไม่คิดจะตอบคำถามของมัลลิกาที่ถามไล่หลังมาเพราะรู้ดีว่าพราวนภาคงเป็นฝ่ายตอบแม่เลี้ยงเอง

...ไม่ไปได้ไหม...อย่าไปเลยนะ...

น้ำเสียงเว้าวอนของพราวนภาดังขึ้นในหัวขณะที่ชายหนุ่มเดินกลับบ้านของตนที่อยู่หลังถัดไป

ใช่ว่าเขาอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเสียเมื่อไร แต่เขาจำเป็นต้องไป และไม่ว่าใครก็ห้ามความตั้งใจของเขาไม่ได้ด้วย

เขาขอเวลาแค่สามปีเท่านั้น ถ้าหลังจากสามปีนี้ทุกอย่างยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขาจะได้ตัดสินใจสักทีว่าควรทำอย่างไรต่อไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 27 หนุ่มออฟฟิศ - 100%

    “ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 27 หนุ่มออฟฟิศ - 70%

    “เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 27 หนุ่มออฟฟิศ - 35%

    บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 26 ตีตราจอง - 100%

    “โธ่ไอ้บาส มึงก็น่าจะรู้ว่าไอ้ดินมันหวงของมันมาตั้งแต่น้องเขาอยู่มัธยม มึงนี่ก็ไม่เข็ดสักทีนะ” จิตตินันท์พูดถึงตรงนี้ ศิวัฒน์ก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อน ตอนเรียนปริญญาตรีเขาก็เห็นนฤบดินทร์เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นเทอมละคนสองคน“โอ้โหไอ้ดิน นี่หมายความว่ามึงเล็งน้องเขาไว้ตั้งแต่ใส่กระโปรงนักเรียนเลยหรือวะ แล้วไอ้ที่เคยคบ ๆ มาสิบกว่าคนนั่นล่ะ อย่าบอกนะว่าแค่เพื่อนสาวคนสนิท” ศิวัฒน์พูดด้วยความอิจฉา แต่แม้เขาจะพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่ในโต๊ะ แต่นฤบดินทร์ก็รีบหันไปมองพราวนภาทันทีราวกับกลัวหญิงสาวจะได้ยิน“ไอ้ตั้ม มึงอย่าวางระเบิดให้กู เดี๋ยวเขาได้ยินแล้วกูจะซวยเอา”“แววกลัวเมียมาแล้วเว้ย โถ...พ่อเทพบุตรสุดฮอตของกู” จิตตินันท์พูดไปหัวเราะไปด้วยความขบขันบรรยากาศของงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขอบอวลอยู่ทุกพื้นที่ จนกระทั่งถึงช่วงบ่ายที่แดดเริ่มร้อน เพื่อนบ้านหลายคนจึงทยอยกันกลับบ้านใครบ้านมัน รวมถึงเพื่อน ๆ ของพราวนภากับนฤบดินทร์ด้วยวันถัดมา นฤบดินทร์ขออนุญาตพาพราวนภาออกไป

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 26 ตีตราจอง - 70%

    “ไม่ใช่นะ อยากหมั้น แต่มันกะทันหันมากเลย วันนี้วันศุกร์เท่ากับว่าอีกอาทิตย์เดียวเองนะที่เราจะหมั้น พราวยังไม่ได้บอกเพื่อนฝูงเลยสักคน จัดกันที่บ้านพราวใช่ไหม”“ใช่ จัดที่บ้านพราวนั่นแหละเพราะมีบริเวณมากกว่าบ้านพี่ เย็นนี้กลับบ้านไปก็ประกาศออกสื่อซะ ไอ้พวกหมาเห็นปลากระป๋องมันจะได้เลิกมาวนเวียนใกล้เราสักที” เย็นนี้เขามีแผนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปบ้านเพื่อนสนิททั้งสามคนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันเพื่อเอาของฝากไปให้ จากนั้นก็บอกข่าวเรื่องงานหมั้นเสียเลยบ้านของเกม เจ และบาสอยู่ห่างกันออกไปไม่กี่หลัง แต่ถ้าไปเยือนทั้งสามบ้านก็จะเหมือนวนรอบหมู่บ้านครบพอดี ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าบรรดาหนุ่ม ๆ ที่ตบเท้าพากันมาจีบพราวนภาจะได้เห็นกันถ้วนหน้าว่าเขากลับมาแล้ว และอย่าได้คิดมายุ่งกับผู้หญิงของเขาอีก“ขี้หวง” พราวนภาเอานิ้วจิ้มอกของเขาแล้วอมยิ้มจนแก้มบุ๋มชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วจับมือเธอเอาไว้ เขาหวงพราวนภาตั้งแต่เธอเริ่มโตเป็นสาวแล้วแต่เจ้าตัวไม่เคยรู้เรื่องเลยต่างหาก ใครที่คิดจะจีบเธอโดยการเข้ามาตีสนิทกับเขาเพราะเห็นว่าเป็นน้า จะโดนเขาสกัดดาวรุ่งไ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 26 ตีตราจอง - 35%

    “ไม่เร็วเลยครับคุณพ่อ ผมว่าช้าไปด้วยซ้ำ” นฤบดินทร์ตอบหน้าตาย“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้แกเรียกใครว่าพ่อวะไอ้ดิน” ภาวินยืนเท้าเอวมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ขณะที่คนถูกถามก็ชี้ไปทางคนถามพร้อมกับรอยยิ้มซื่อ ๆ พลางพูดว่า“จะมาขอลูกสาวเขาทั้งทีก็ต้องเปลี่ยนคำเรียกขานจากพี่เป็นพ่อไม่ใช่หรือครับ คุณน้าจันทร์เจ้าบอกมา”“นี่แกไปคุยกับคุณจันทร์มาแล้วหรือ” ภาวินถามอย่างไม่เชื่อหูเพราะไม่คิดว่านฤบดินทร์จะเตรียมพร้อมมาขนาดนี้ หนำซ้ำยังฉลาดด้วยการเข้าหาผู้ใหญ่ทางนั้นก่อนเพราะคงรู้ดีว่าจันทร์เจ้าไม่ปฏิเสธแน่นอน“เรียบร้อยแล้วครับ คุณน้ากับคุณยายบอกว่าไม่มีปัญหา ทีนี้ก็เหลือแต่ทางนี้แล้วละครับ...คุณพ่อ” นฤบดินทร์เน้นย้ำที่คำเรียกขาน ทำเอาคุณปู่กับคุณย่า และพี่สาวอย่างมัลลิกาได้แต่หัวเราะกันคิกคักด้วยความชอบใจเมื่อเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของภาวิน“รู้สึกเหมือนเดจาวูไหมครับ...คุณพ่อ” ขณะที่พูดนฤบดินทร์กลั้นขำเต็มที่เมื่อเห็นสีหน้าภาวินที่เหมือนอยากเดินเข้ามาเบิ๊ดกระโหลกเขาเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status