LOGINอีกห้านาทีต่อมา ร่างบางก็มายืนหน้าบ้านซึ่งอยู่ท้ายสุดของซอย สายตาสอดส่ายหาเจ้าของบ้าน เมื่อไม่เจอจึงกดกริ่งเรียก รอไม่นานกรองทองก็เปิดประตูออกมา และทันทีที่รั้วบ้านเปิดออก ไร้สิ่งขวางกั้น เอมมาลินก็โผเข้าไปกอดหญิงวัยกลางคนที่ตนรักดั่งแม่คนที่สองเอาไว้แน่น พร้อมกับเอ่ยเรียกด้วยเสียงสั่นเครือ
“น้ากรอง...”
“หนูเอม เป็นอะไรลูก” กรองทองกอดตอบอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจ และค่อนข้างตกใจเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างบางในอ้อมกอดนั้นสั่นเทา
“พี่อิสร์อยู่มั้ยคะ”
“พี่อิสร์ไปฝึกงานวันแรกลูก ตอนนี้คงเลิกงานแล้ว นี่ก็น่าจะกำลังกลับ เข้าบ้านก่อนมั้ย ไปรอพี่อิสร์ในบ้านก็ได้” กรองทองจะจูงแขนเล็กเข้าในบ้าน ทว่าเอมมาลินรั้งเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่ค่ะน้ากรอง เอมมีเวลาไม่มากค่ะ เอมแค่จะมาลาน้ากรองกับพี่อิสร์”
“ลาไปไหนหนูเอม เกิดอะไรขึ้น”
“เอมจะไปอยู่กับน้าอรที่ภูเก็ตค่ะ”
“แล้วบอกคุณพ่อหรือยังลูก” กรองทองเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ดูจากสีหน้าและแววตาของเอมมาลิน เธอก็รู้ว่าสถานการณ์น่าจะไม่สู้ดีนัก
“ไม่ค่ะ พ่อไม่รักเอมแล้ว เอมก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปเรียนต่อ เอมไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน ไม่อยากทำให้พ่อสิ้นเปลืองเงินทองในส่วนที่ควรจะเป็นของพ่อกับครอบครัวใหม่”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะลูก น้าว่าคุณพ่อรักและหวังดีกับหนูเอม เพียงแต่อาจจะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง เชื่อน้านะคะเด็กดีว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้น มีอะไรก็คุยกับคุณพ่อตรงๆ น้าเชื่อว่าคุณพ่อพร้อมจะรับฟัง และถ้าหนูเอมโตขึ้นกว่านี้ หนูเอมอาจจะเข้าใจคุณพ่อ” กรองทองเอ่ยออกมาอย่างเป็นกลาง อย่างคนที่เป็นแม่คนและเข้าใจหัวอกของพ่อแม่ ลูกชายของเธอก็ขาดพ่อ เธอรู้ดีว่าลึกๆ แล้วกวินภพก็คงว้าเหว่ ทว่าเธอก็พยายามเติมเต็มให้ลูก แต่พ่อของเอมมาลินอาจจะไม่สามารถเติมเต็มความรักให้ลูกสาวได้เท่าที่ควร ด้วยเพราะเขาแต่งงานใหม่ มีภรรยาและมีลูกเพิ่มขึ้นมา จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเขากับลูกสาวคนโต
“ไม่ค่ะน้ากรอง พ่อไม่ฟังเอม พ่อคิดว่าเอมเป็นเด็กใจแตกที่จะทำเรื่องไม่ดี จะทำให้พ่อเสื่อมเสียชื่อเสียง พ่อตบเอมค่ะน้ากรอง พ่อตบเอมในวันเกิดของเอม ของขวัญที่พ่อให้เอมคือรอยนิ้วมือ รอยนิ้วมือที่อยู่บนหน้าและอยู่ในใจเอมตอนนี้…”
เมื่อพูดประโยคนั้นน้ำตาหยดใสๆ ก็ไหลอาบลงสองแก้มอย่างน่าเวทนา ทำให้กรองทองอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางเข้ามากอดเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้
“โธ่...คนดีของน้า”
“เพราะฉะนั้นน้ากรองอย่ารั้งเอมเลยนะคะ บางทีถ้าเอมไปอยู่กับน้าอร มันอาจจะดีกับทุกฝ่าย เพียงแต่เอมอาจจะไม่ค่อยได้เจอน้ากรองกับพี่อิสร์แล้ว ถ้าเอมไปถึงบ้านน้าอร เอมจะโทรศัพท์มาบอกที่อยู่นะคะ เมื่อไหร่ที่น้ากรองกับพี่อิสร์ว่าง อย่าลืมไปหาเอมบ้างนะ เอมจะรออยู่ที่นั่น ถ้าพี่อิสร์มาไม่ทันเอมฝากบอกพี่อิสร์ด้วย” เสียงหวานเอ่ยสั่งลาคนที่เป็นที่รักด้วยน้ำตา เธออยากบอกลาพี่อิสร์ อยากรอเขา อยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกันไกล แต่เวลาเหลือน้อยแล้ว เธอจึงได้แต่บอกผ่านแม่ของเขา
“ไม่ต้องมีใครไปไหนทั้งนั้น กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะเอม”
เสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ทั้งเอมมาลินและกรองทองหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
“พ่อ!”
“คิดไว้ไม่มีผิด ว่าที่อยากออกจากบ้าน ก็เพราะจะแล่นมาที่นี่” ธนินมองลูกสาวด้วยความโกรธและผิดหวัง เขาอนุญาตให้เอมมาลินออกไปข้างนอกกับแทนไทก็จริง ทว่าไม่ไว้วางใจสักนิด จึงให้คนมาดักรอดูที่หน้าปากซอย และเมื่อคนของเขารายงานว่า เห็นเอมมาลินเดินเข้ามาในนี้ เขาจึงรีบตามมาที่นี่ และยิ่งได้ยินว่าลูกสาวนัดหมายกับผู้ชายที่เขาสั่งห้ามคบ ธนินก็ยิ่งโกรธจัด
“ใจเย็นๆ นะคะคุณ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน” กรองทองพูดจาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เอมมาลินยิ่งจะน้อยใจและยิ่งจะเตลิด
“คุณไม่ต้องยุ่ง บอกลูกชายของคุณว่าให้เจียมตัวดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์”
“ลูกชายของดิฉันกับหนูเอม คบหากันด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ ไม่เคยทำอะไรเสียหาย คุณสบายใจได้”
“จะสบายใจได้ยังไง ในเมื่อผมห้ามแล้ว ลูกสาวผมยังแล่นมาถึงที่นี่ แถมยังนัดแนะกันอีก คุณไม่ห้ามแถมยังสนับสนุนแบบนี้เป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร หรือคิดอยากให้ลูกชายจับลูกสาวผม จะได้พลอยสบายไปด้วย”
“กรุณาให้เกียรติดิฉันกับลูกด้วยค่ะ พวกเราไม่เคยคิดแบบนั้นกับหนูเอม”
“คุณกับลูกมีเกียรติอะไรล่ะ คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกสาวผมกับลูกชายคุณมันคนละระดับกัน ถ้าเป็นคุณคุณจะยอมให้ลูกสาวมาเกลือกกลั้วกับผู้ชายแบบนี้ไหม”
“หยุดก้าวร้าวน้ากรองนะคะพ่อ ถ้าจะด่าก็ด่าเอม น้ากรองไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” เอมมาลินสุดที่จะทนฟังคำพูดของบิดา จึงแทรกขึ้นด้วยความเสียใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านกับพ่อ”
“เอมไม่กลับค่ะ เอมจะไปตามทางของเอม” เอมมาลินส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าไปหลบด้านหลังกรองทอง “น้ากรองช่วยเอมด้วยนะคะ”
“มานี่เลยยัยเอม”
ธนินขยับไปกระชากแขนเล็กออกมาจากด้านหลังของกรองทองเต็มแรง เอมมาลินพยายามจะขัดขืนและบิดแขนออกจากมือพ่อ
“ปล่อยเอมนะคะพ่อ ปล่อย...”
“ไม่ปล่อย กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้”
คนเป็นพ่อออกแรงลากถูลู่ถูกัง ดึงลูกสาวออกมาจากบ้านจัดสรรที่หลังเล็กกว่าบ้านพักคนรับใช้ของตัวเอง โดยที่เอมมาลินได้แต่หันไปหากรองทองอย่างขอความช่วยเหลือ กรองทองจึงรีบก้าวตามออกมา
“ว่าไงตะวัน” “จะโทร.มาถามว่าเรื่องนั้นตกลงแกว่าไง” “แกนี่มันบ้าว่ะตะวัน ลูกฉันยังไม่โตเลยนะเว้ย” กวินภพต่อว่าเพื่อน แต่พร้อมกันนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่รังสิมันต์ที่โทร.มาทาบทามลูกสาวของเขา แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าจะให้ลูกใครคู่กับลูกใครบ้าง “ก็เพราะยังไม่โตนี่แหละเลยต้องรีบจองไว้ก่อน” “แล้วน้องนิลลูกไอ้ปรัชญ์ล่ะ” “คนนั้นพี่กริชจองไว้ให้ลูกชายแล้ว” “แต่ลูกพี่กริชอายุน้อยกว่าน้องนิลไม่ใช่เหรอวะ” “อายุมันใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ”“แล้วลูกพี่ปราณต์ล่ะ”“ก็คู่กับน้องโอมลูกชายคนรองแกไง เอาละๆ แกไม่ต้องเฉไฉ ตอบมาคำเดียวว่าแกจะยกหนูอินธ์ให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของฉันหรือเปล่า หรือถ้าไม่ได้น้องอินธ์จะเป็นน้องอัยย์ก็ได้นะเว้ย” คราวนี้รังสิมันต์ข่มขู่แบบจริงจังสุดๆ กวินภพเลยต้องถอนหายใจออกมา “แกนี่มันบ้าเข้าขั้นจริงๆ ว่ะตะวัน ถามจริงแกปรึกษาจันทร์บ้างหรือเปล่า”“จันทร์ตามใจฉันอยู่แล้ว”“แน่ใจเหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้โรคกลัวเมียของแกกำลังกำเริบหนักนี่”“ใครโทร.มาสาระแนเรื่องชาวบ้านล่ะ ไอ้ปรัช
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ หอมวันละกี่รอบก็ไม่รู้”“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ อีกอย่างเดี๋ยวนี้มีลูกๆ มาคอยแย่งหอมแก้มแม่ พี่ยิ่งต้องรีบหอมเวลาที่มีโอกาส”คำพูดนั้นทำให้เอมมาลินหัวเราะออกมาเบาๆ โดยที่ตายังคงทอดมองภาพลูกสาวคนโตอยู่เช่นเดิม ก่อนจะรำพึงออกมากับสามี“ยัยอินธ์ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนน้ากรอง จนบางครั้งเอมอดคิดไม่ได้ว่า น้ากรองคงมาเกิดเป็นลูกของเรา เหมือนที่เอมเคยอธิษฐานไว้ ว่าขอให้เอมได้มีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนน้ากรองบ้างไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”“แม่คงคิดถึงเราสองคน ถึงได้กลับมาอยู่ด้วย”ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ กับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัวในตอนนี้ เธอมองไปยังลูกสาวคนโตด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักสุดหัวใจ ซึ่งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่น้ากรองที่มาเกิดใหม่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับน้ากรองกับพ่อเหมือนเดิม และทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็จะให้พี่อิสร์พาไปที่วัดเพื่อเยี่ยมพ่อกับน้ากรองเสมอ“ตาโอมเป็นยังไงบ้างคะ หลับหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามถึงลูกชายคนรองกับสามี เพราะเขาเพิ่งจะกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อครู่นี้สองคนพ่อลูกเล่นอยู่ด้วยกันในนั้น“หลับไปแล้วละ
“งั้นวันหลังพี่อิสร์เปิดรูปพวกนั้นให้เอมดูหน่อยนะคะเอมอยากเห็น”“ได้สิ แล้วนอกจากเรื่องต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เอมมีอะไรอยากจะถามพี่อีกมั้ย รีบถามเลย เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่เปิดโอกาสให้ถามแล้วนะ เพราะพี่จะชวนเอมทำอย่างอื่น”ท่าทีและถ้อยคำยั่วเย้าของเขา ทำให้เอมมาลินวาบหวามและอุ่นซ่านในอก รู้ดีว่าสามีต้องการอะไร แต่เธอก็ยังหาเรื่องประวิงเวลาต่อ“มีอีกเรื่องค่ะ เอมอยากรู้ว่าช่วงนี้พี่อิสร์หายไปไหนบ่อยๆ”“ไปดูช่างทาสีบ้านกับตกแต่งสวนใหม่ ตอนนี้บ้านเอมสวยเหมือนเดิมแล้วนะ อีกไม่กี่วันพี่จะปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันน่าจะโตไปพร้อมๆ กับลูกคนโตของเรา เอาไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปดู”“ทำไมพี่อิสร์ไม่ขายซะล่ะคะ บ้านก็ไม่มีคนอยู่นานแล้ว”“มันเคยเป็นบ้านของเอม พี่ไม่อยากขาย ตอนที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ ก็เพราะแอบหวังลึกๆ ว่าพี่จะมีโอกาสได้คืนมันให้เอม หรือถ้าไม่มีโอกาสจริงๆ พี่ก็ยังมีของที่ระลึกให้ได้คิดถึงเอม”“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”“แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใจร้ายเท่านั้นเอง เอมจ๋าลืมมันได้มั้ย” กวินภพออดอ้อน พอคิดถึงความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำ หัวใจก็พลอยเจ็บปวดเพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเก
“สัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาด้วย เอมคือหัวใจ คือชีวิตของพี่ พี่อยากทำทุกๆ วันให้เอมมีความสุข เพื่อชดเชยเวลาที่เคยเสียไปกับเรื่องเลวร้ายที่พี่ทำกับเอม”“ทุกวันนี้เอมก็มีความสุขมากแล้ว และความสุขของเอมก็คือการมีพี่อิสร์อยู่ข้างๆ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้ตื่นมาเจอกัน ได้กินข้าวพร้อมกัน และได้นอนพร้อมกัน ขอบคุณที่ดูแลเอมอย่างดี เอมรักพี่อิสร์นะคะ”“พี่ก็รักเอมและรักลูกของเรา ขอบคุณที่ยอมตามใจพี่ ที่ยอมมีลูกกับพี่”กล่าวจบปากหยักอุ่นซ่านก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม จูบเธออย่างดูดดื่ม รักใคร่ และลึกซึ้ง ซึ่งเอมมาลินเองก็ยอมให้จูบและจูบตอบเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน“เรื่องห้องลูก เอมตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว พี่อิสร์มีหน้าที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็พอแล้วค่ะ” เอมมาลินบอกกับสามีอีกครั้งหลังจากจูบอันเนิ่นนานของทั้งคู่ผ่านไป“ไม่เอาค่าจ้างเหรอ”“ไม่เอาหรอกค่ะ ห้องลูกของเรานะคะ เอมจะเอาได้ยังไง”“แต่พี่อยากให้ อยากจ้างเมียตัวเอง”“ทุกวันนี้ก็ให้จนเอมใช้ไม่หมดอยู่แล้วค่ะ”“เอมแทบจะไม่ใช้เลยต่างหาก” กวินภพเอ่ยแย้งพลางยกมือขึ้นไล้แก้มนวลเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ไม่รู้จะใช้ซื้ออะไรนี่คะ พี่อิสร์หามาให้หมดทุกอย
“ถ้ามัวแต่เรียกชื่อเอมอยู่แบบนี้ เอมจะไม่ยอมมีลูกด้วย”“ถึงเอมจะไม่ยอม พี่ก็จะปล้ำแบบมาราธอน งานนี้ถ้าเอมไม่ท้อง พี่ก็ไม่พากลับ”ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับลงจูบปากนุ่มอย่างดูดดื่ม เอมมาลินจูบตอบเขา แต่ไม่ได้หลับตาเหมือนทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ปากยังถูกจูบ ตาของเธอจ้องมองเขา ประกายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว และภาษากายเหล่านั้นก็ทำให้ความอบอุ่นอ่อนหวานกลายเป็นความเร่าร้อนขึ้นในทันทีทุกตารางนิ้วบนเรือนกายเปลือยเปล่าของเอมมาลินถูกจูบถูกสัมผัสจนเธอพรั่งพร้อม เขาก็เป็นฝ่ายพลิกตัวลงนอนหงายกับที่นอน แล้วจับร่างบางขึ้นไปอยู่เหนือร่างใหญ่ เอมมาลินเขินอายไม่น้อยเมื่อรู้ความต้องการของสามี แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการค่อยๆ นำพาเขาและเธอให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเอมมาลินขยับกายบดสะโพกเป็นจังหวะช้าเร็ว ตามแต่ธรรมชาติและความเร่าร้อนวาบหวามจะนำทาง ทว่ากลับทำให้คนที่ทำตัวเป็นเบี้ยล่างชั่วคราวพอใจและเปล่งเสียงครางออกมาอย่างสุขสม และความสุขสมเหล่านั้นมันก็คือรางวัลที่ดีงามที่สุดสำหรับเธอความอุ่นซ่านแล่นลึกเข้ามาสู่ท้องน้อยและหัวใจ ในช่วงสุดท้ายของท่วงทำนองคลองรัก เอมมาลินรู้ดีว่ามันคือต
“ไม่หรอกครับ สำหรับบางอย่างหรือบางเรื่อง การเว้นช่องว่างและปล่อยให้เป็นเส้นขนานคือทางที่ดีที่สุดแล้ว พี่ว่าภัสเองก็คงเข้าใจเหมือนกัน” “เหมือนครั้งหนึ่งที่เอมเคยคิดว่า เรื่องระหว่างเอมกับพี่อิสร์มันคงเป็นเส้นขนานไปแล้ว” “ยกเว้นเรื่องของเราที่รัก พี่รักเอมมากเกินกว่าจะปล่อยให้เรื่องระหว่างเราสองคนกลายเป็นเส้นขนาน” “ขอบคุณที่พี่อิสร์ยกโทษให้เอม และขอบคุณที่กลับเข้ามาในชีวิตของเอม” “ขอบคุณเอมเหมือนกันที่ยอมยกโทษให้พี่ และยอมให้โอกาสพี่ได้ดูแลเอม” ตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดความรักความเข้าใจให้กันและกันผ่านทางหน้าต่างของหัวใจ ก่อนที่เอมมาลินจะเป็นฝ่ายชวนสามีไปไหว้พ่อกับแม่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ไปไหว้พ่อกับแม่ของเรากันเถอะค่ะ” “พี่จะขออโหสิกับพ่อของเอมและแนะนำตัวกับท่านว่าตอนนี้พี่เป็นลูกเขยท่านแล้ว เอมเองก็อย่าลืมบอกแม่พี่นะว่าเอมเป็นลูกสะใภ้ท่านแล้ว” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ หัวใจพองคับอกและเต็มไปด้วยความอุ่นซ่าน มือใหญ่จูงมือเล็กไปยังหน้าสถูปของผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินไปยังสถูปของแม่ของเขา บอกกล่าวทุกอย่างให้ท่า







