และแล้วก็เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ช่างยาวนานอีกแล้ว หัวที่ปวดตุบ ๆ ทำเอาไอน์แทบอยากจะบ้าตาย สุดท้ายตอนที่เช้าวันนั้นที่ไอน์ตื่นมาแล้วเจอกับผู้ชายคนนั้นเขาก็จำได้ทันที และภาพเหตุการณ์ในความทรงจำต่าง ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาเพียงเพราะไอน์ได้เห็นเสื้อยืดผืนบางที่เปียกน้ำจนปรากฏให้เห็นแผ่นอกแน่น ๆ ของมัดกล้ามเนื้อนั้น ทำเอาไอน์ประมวลสถานการณ์ต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ และก็เพราะรู้สึกละอายเกินไปที่จะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายต่อ เขาเลยเลือกที่จะหนีมาอีกครั้ง
และในตอนที่เขาคิดว่าจะกลับไปขอโทษอีกฝ่ายให้เป็นเรื่องเป็นราวดีหรือเปล่านั้น ความทรงจำแรกเริ่มที่เจอกันก็ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ความคิดในหัวของเขาตีกันยุ่งเหยิงไปหมด และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาต่อเขาอย่างไรด้วย แล้วถ้าเกิดว่าที่คนคนนั้นจงใจพาตนเองไปที่บ้านเพื่อปิดปากกับเรื่องที่ตนไปล่วงรู้ในสิ่งไม่ควรรู้เข้าล่ะ จะทำอย่างไร และพอคิดไปคิดมา ก็ทำให้ไอน์รู้สึกหวาดระแวงขึ้นไปอีกว่า ผู้ชายคนนั้นอาจจะกำลังเฝ้ามองและรอจังหวะที่จะจัดการกับตนเองอยู่ก็เป็นได้ และพอนึกคิดถึงเรื่องที่ตัวเขานั้นไปทำกับอีกฝ่ายแล้ว ต่อให้เกิดกับใครก็คงรู้สึกว่าปล่อยผ่านไปไม่ได้เช่นกัน “เฮ้อออ… แต่ก็… ใหญ่โคตร ๆ เลยนะ เอ้ยยยย!!” คิดไปพูดไปอุทานไป จนใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวก็แดงเดี๋ยวก็ซีด ผลัดเปลี่ยนไปมาอยู่อย่างนั้นเหมือนตกอยู่ในความคิดที่คิดไม่ตก (จริง ๆ ลืมเหตุการณ์น้องเหมียวไปแล้ว เพราะจดจำได้แค่ใบหน้าของคนคนนั้น แล้วก็คิดถึงแค่ความทรงจำที่น่าอายของตัวเอง) “เอาวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว สู้ให้ทนอยู่ไม่สุขแบบนี้ แล้วเลือกไปแอบสังเกตการณ์เลยไม่ดีกว่าเหรอ เหมือนที่เขาว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ต่อให้ความเป็นจริงจะไม่มีทางชนะก็เถอะ ไม่ชนะก็ช่าง แค่ไม่ตายแล้วถูกฝังลืมก็พอแล้วไง” ไอน์พูดพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนั้นก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วรีบแต่งตัวให้มิดชิด และปลอมตัวให้แนบเนียนจนคนอื่นจดจำไม่ได้มากที่สุด แล้วก็ไปยังที่หมายทันที สุดท้ายชายร่างสูงที่ใส่ชุดสีดำมิดชิด ทั้งหมวกทั้งแว่น ทั้งหน้ากากอนามัยปกปิดจนมิดชิดก็ได้มายืนเฝ้าสังเกตการณ์ อยู่ใกล้ ๆ คอนโดหรูที่ตนเคยออกมาเมื่อครั้งนั้นอีกครั้ง “… อยู่จริงหรือเปล่าเนี่ย? ใจคอจะไม่ออกไปไหนเลยหรือไงกัน” ทั้งที่เฝ้ามองมาทั้งวันสุดท้ายก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนคนนั้น จนไอน์เริ่มถอดใจ แล้วก็เริ่มถอดเครื่องมือที่ใช้ปกปิดตัวตนไว้ออกไปทีละอย่างสองอย่างอย่างหมดความอดทน “เอาวะ ถึงขนาดนี้แล้ว ก็มาดูกันว่าคนมันจะไม่อยู่ หรือไม่ไปไหนเลยหรือไงกัน” พอคิดตัดสินใจได้ดังนั้น ไอน์ก็มาแอบอยู่ใกล้ ๆ คอนโดหรูจนไปตีสนิทกับคนแถวนั้นไว้อย่างแนบเนียน เพราะด้วยนิสัยที่เป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้วเลยเข้ากับผู้คนได้ง่าย ไหนจะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจึงเป็นมิตรกับผู้คนได้อย่างง่ายดายในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนคนนั้นอยู่ดี ทั้งที่คนรู้จักหน้าใหม่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน “อ้าว พ่อหนุ่ม วันนี้ก็มาเฝ้าแฟนอีกแล้วเหรอ” “สวัสดีครับ ใช่ครับคุณยาย” “หวัดดี ๆ ขยันจริง ๆ ” “ไม่หรอกครับ แค่ความปลอดภัยของแฟนก็ต้องมาก่อนแค่นั้นเองครับ” “เอาเถอะ ๆ หนุ่ม ๆ สมัยนี้พึ่งพาได้จริง ๆ ” “ใช่ ๆ ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี แฟนคงจะรักน่าดู” และวันนี้ก็ผ่านไปอีกวัน แม้บทสนทนาจะฟังดูแปลกไปหน่อย แต่พอได้พูดหลายครั้งเข้าก็ไม่ได้รู้สึกแปลกเท่าที่คิด เพราะตอนที่ไอน์มาเฝ้าอยู่รอบ ๆ คอนโดหลายครั้งผู้คนที่พบเห็นเลยสงสัย และทางเดียวที่ไอน์จะแสร้งให้แผนการแนบเนียนคือ การโกหกไปว่า เพราะแฟนของเขาที่อาศัยอยู่ที่นี่หน้าตาดีเกินไปจึงชอบมีพวกคนแปลก ๆ เข้ามายุ่ง และเพื่อแฟนของเขา ไอน์จึงรับบทแฟนหนุ่มที่แสนดี มาเฝ้าระวังความปลอดภัยให้นั่นเอง “ พี่ครับ ช่วงนี้แถวนี้ดูแปลก ๆ นะครับ ตอนแรกที่ผมมาบ้านพี่แถวนี้ออกจะเงียบแท้ ๆ มีแต่เพื่อนบ้านรุ่นคุณตาคุณยาย ผมยังเคยคิดเลยว่าพี่ยังหนุ่มยังแน่น จะอยู่ในที่ที่เงียบสงบแบบนี้ได้ยังไง ถ้าเป็นผมชีวิตคงได้เฉาลงไม่น้อย จนผมทนไม่ไหวแน่ ๆ ” “…..” “พี่… แถวบ้านพี่นะ พี่ไม่ทำท่าทีอยากรู้สักหน่อยเหรอครับ เกินไปแล้วนะ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงผมก็จะเล่าอยู่ดี” “…..” “อะ เอ่อ พี่อย่ามองแบบนั้นสิ ผมก็เขินแย่” “…แล้วจะไม่เล่า?” “เอาละ ช่วงนี้แถวบ้านพี่ คุณตาคุณยายชอบออกไปเดินเล่นข้างนอกกันบ่อยเลยนะพี่ ไม่ใช่แค่นั้นนะ บางวันก็จับกลุ่มพูดคุยกัน ทำอะไรกันสักอย่างเป็นวัน ๆ กันเลยนะ” “แล้ว?” “ใช่ไหมล่ะ พี่ก็ว่าแปลกใช่ไหมล่ะครับ” “ตรงไหนที่แปลก” “โธ่ พี่…. นี้มันบ้านพี่นะ ไม่หัดสงสัยสังเกตรอบข้างบ้างเลยหรือไงครับ ขนาดผมนาน ๆ มาเอาของทีผมยังดูออกเลย” “……” “อ่อ แล้วสรุปพี่จะเข้าร้านหรือยังครับ พี่ไม่เข้าหลายวันแล้ว ถ้าพี่ยังไม่เข้าไปอีก ผมจะตายแล้วนะครับ ช่วยเห็นแก่ลูกจ้างตัวน้อยอย่างผมด้วยเถอะครับบบบ” “อื่ม เดี๋ยวเย็นนี้ไป” “ครับ งั้นผมไปล่ะครับ” หลังจากที่ชายหนุ่มรุ่นน้องจากไป เซนก็เดินไปมองดูตรงระเบียง เมื่อไม่ได้เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ ก็คิดว่าลูกน้องหนุ่มน่าจะคิดมากเกินไป ที่ตอนนี้เขาเห็นก็แค่พวกคุณตาคุณยายที่นั่งพูดคุยกัน กับเล่นหมากรุกกันเท่านั้นเอง แต่ก็อย่างว่าไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นจะเป็นเหตุทำให้ตัวเขาเองคิดไม่ตกอยู่หลายวัน จนไม่ได้เข้าไปที่ร้านเลย ก็อย่างที่อีกฝ่ายพูดก็ถูก ช่วงนี้ที่ร้านก็ยุ่ง ๆ ด้วย ถ้าเขายังคงไม่เข้าไปดูอีก ก็เป็นการเพิ่มงานหนักให้พวกพนักงานเกินไปจริง ๆ ด้วย เพราะตอนนี้เชฟที่ร้านก็ยังไม่ลงตัว เซนเองที่เป็นเจ้าของร้านก็ต้องเข้าไปช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ “เฮ้อออ… ถ้ามาที่นี่แล้วไม่เจออีกล่ะก็….” หลังจากที่ไปเฝ้าสังเกตการณ์มาแล้วล้มเหลว ไอน์จึงตัดสินใจจากความทรงจำว่า ตนเองนั้นจำได้ว่าวันนั้นเขาได้มานั่งดื่มที่ร้านนี้แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นที่คอนโดนั้น สรุปได้ว่าคนคนนั้นน่าจะหิ้วตัวเขาไปจากที่นี่แน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้น ไอน์ก็เลือกที่จะกลับมาที่ร้านที่เป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง “วันนี้ฉันจะไม่ดื่มเยอะ วันนี้ห้ามเมา วันนี้ต้องหาให้เจอ” ไอน์นั่งบ่นพึมพำ ท่องเป้าหมายไว้อย่างแน่วแน่ “ลูกพี่ครับ ช่วยออกมาดูข้างนอกทีสิครับ” “…..” สายตาคู่คมมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่คอยวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดในช่วงนี้ อย่างหมดคำจะพูด“อึก อื่ออ”“อรุณสวัสดิ์”เซนที่นอนมองใบหน้าหล่อเหลายามหลับ กำลังขยับแพรขนตายาวเปิดขึ้น ก็เอ่ยทักทายเสียงเบาราวกระซิบ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาแล้วมอบจูมพิตบนหน้าผากเนียน ยิ้มต้อนรับวันใหม่อย่างอารมณ์ดี“อึก อ่าา อะ เอว ผม”ไอน์ที่ตื่นเต็มตาเพราะถูกรอยยิ้มทรงเสน่ห์จู่โจมก็รีบสะดุ้งตัวขึ้น แต่ก็ต้องเผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ต้องรีบทิ้งตัวลงไปที่เตียงนุ่มอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้“หืม ปวดเอวเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบีบนวดให้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล“คุณเซน ผมขอถามอีกคำถาม นี่เป็นครั้งแรกของคุณแน่นะ”ไอน์ที่หวนคิดถึงเรื่องที่ตนและเขาทำกันไปจนเกือบฟ้าสาง ถ้าตนไม่ผล็อยหลับไปก่อน เห็นทีว่าคนหน้าไม่อายคนนี้ก็คงจะไม่ยอมหยุดเป็นแน่ จนเขานั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วจริง ๆ ว่า เรื่องที่อีกฝ่ายทำกับตนนั้นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ใช่ไหม“หืมม แน่นอนสิ ทำไมเหรอ?”“…ช่างมันเถอะครับ คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวผมค่อยไปทีหลัง”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เซนตอบกลับมาอย่างซื่อตรง ไอน์ที่เป็นคนถามก็รู้สึกเหลือจะเชื่อที่ตนตั้งแง่ถามออกไป เลยปล่อยร่างให้นอนจมลงไปที่เตียงนอนอีกครั้งแล้วโ
“เจลน่ะ”เซนที่เห็นท่าทางของไอน์แล้วก็จำต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพื่อข่มความปวดหนึบตรงแก่นกายของตัวเองไว้ แล้วโฉบใบหน้าเข้าไปขบเม้มที่ติงหูสีแดงระเรื่ออย่างตั้งใจ ก่อนจะกระซิบบอกเสียงแหบพร่า“…. ละ แล้ว ไม่รีบบอกล่ะครับ”ไอน์ที่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีและเขินอายอยู่แล้ว ก็พูดโพล่งขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าที่ตัวเองทำไปจะไร้ประโยชน์ แถมยังต้องมาทำอะไรน่าอายแบบที่ไม่เคยทำต่อหน้าอีกฝ่ายอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว“ก็นายไม่ได้ถาม”เซนยังคงตีหน้ามึนตอบออกไปทั้งอย่างนั้น“อะ อยู่ไหนล่ะครับ รีบเอามาสิครับ ไอ้เจลที่ว่าน่ะ”ไอน์ที่เหมือนถูกล้อ ก็ยิ่งเลือดขึ้นหน้าด้วยความเขินอายและเสียหน้าเป็นที่สุด เลยตะโกนถามออกไปทั้งอย่างนั้น ให้ตายสิ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการจะได้กินอะไรที่อยากกินมันจะยากเย็นขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาหน่อย ๆ หรือจะไม่ทงไม่ทำมันแล้วดีกว่าหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวด้วย ดูจากไอ้กระบองยักษ์นั่น มันใช่ขนาดที่จะเข้ามาในร่างกายของคนได้จริง ๆ หรือไง ต่อให้คลายดีแค่ไหนก็คงไม่พ้นต้องเลือกตกยางออกอยู่ดีไม่ใช่เหรอแต่ไหน ๆ ก็ทำเรื่องน่าอายมจนถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ปล่อยเ
“เด็กดี เงียบก่อนนะ เอาอีกไหม”แม้จะยังไม่พอใจ แต่เซนก็ยอมถอดถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เสียงทุ้มติดแหบเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ พร้อมทั้งไล่จูบซับคราบน้ำตาบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างอ่อนโยน“อื่มม”ไอน์ที่เผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยน พยักหน้าตอบอย่างหลงลืมตัว จนริมฝีปากอ่อนนุ่มถูกความเร้าร้อนเข้าครอบงำอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง“พอใจ หรือยัง”“อึก! อึก”เพราะถูกคนตัวโตแกล้งมอบจูบที่แสนเรียกร้องเอาแต่ใจ พอเผลอไผล ก็กลับผละออก จนไอน์สะอึกเสียอย่างนั้น“ต่อไป ห้ามร้องเพราะคนอื่นอีกนะ ร้องกับฉันแค่คนเดียว”พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาเริ่มขมวดคิ้วพร้อมทั้งสะอึก เซนจึงหยุดแกล้งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไล้เช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้อย่างเบามือ แล้วเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น“ทำไม ครับ”ไอน์ซบใบหน้าลงตรงฝ่ามืออุ่น ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย“ฉันอยากได้สิทธิ์ที่ทำให้นายร้องไห้เพราะฉันคนเดียว”ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่ยังคงหลงเหลือประกายของคราบน้ำตา ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง“……”“ได้ไหม ตอบมาสิ”ไอน์ที่ถูกจ้อง หลงลืมตัวไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างหวั่นไหว หากตีค
“หยุด ไม่ต้องเรียก หัดหยุดแล้วหัดฟังที่คนอื่นเขาจะพูดบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็จะมาพูด ๆ ในสิ่งที่ตัวเองจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว มีปากไว้พูดเป็นคนเดียวหรือไง ฮะ แล้วที่มายืนพูด ๆ อยู่หน้าห้องคนอื่นแบบนี้มันได้เหรอ นอกจากจะไม่มีสมองแล้วยังไม่มีมารยาทอีก ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกน่ะ”ไม่ว่าจะทักท้วงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดพูด ไอน์ที่หมดความอดทนเลยพูดตัดบทอย่างหัวเสีย“อะ ไอน์ อย่าบอกนะว่า ไอน์ลืมเราไปแล้ว ไม่จริง เรารู้ว่าไอน์รักเรามากแค่ไหน และเราก็รู้แล้วว่าเราเองก็รักไอน์มากแค่ไหนเหมือนกัน เราขอโทษนะไอน์ เรากลับมาคืนดีกันเถอะนะ”ถึงแม้จะชะงักไปเมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดขึ้นมา แต่ปกป้องก็ยังคงเชื่อว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธ และตอนนี้ตนก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน“เหอะ นี่นาย ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ!!”ไอน์ฟังปกป้องอดีตแฟนเก่าพล่าม จนหัวเราะออกมาเสียงต่ำ ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทั้งตัวเขาและปกป้องจะเข้าใจกันได้ไปในทางที่ดีขึ้น อย่าว่าแต่ตกลงเลย แค่พูดกันดี ๆ ยังเข้าใจคนละความหมาย จนตอนนี้ไอน์แทบจะเหลืออดด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้ว“ทำไม อย่าบอกนะ ว่าเพรา
“หึ ก็หล่อจริง ๆ นั่นแหละ”เซนหยิบกระดาษแผ่นเล็กเปิดออกแล้วอ่านตามข้อความ “ตั้งใจทำงานนะครับ น้องชายสุดหล่อมาให้กำลังใจแล้ว” ก่อนจะยกยิ้มแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา“ฮะ พี่พูดว่าอะไรนะครับ”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพูดของเจ้านายไม่ชัด“ไม่มีอะไร”เซนตอบด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะรีบเก็บกระดาษแผ่นเล็กใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว“หืมม…”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง เห็นท่าทีมีพิรุธของเจ้านายหนุ่มเลยเลิกคิ้วทำเสียงอย่างสงสัย“เสร็จแล้วก็ไปทำงาน”เซนแสร้งทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตอบกลับพนักงานหนุ่มรุ่นน้องเหมือนอย่างปกติ“ครับ คร้าบบ…”แต่พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง รู้จักเซนมาหลายปีจึงสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแต่ก็แสร้งลากเสียงตอบรับ อย่างทะเล้นก่อนจะรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นสายตาดุของรุ่นพี่ผู้เป็นนาย“คุณเซน”ไอน์ที่ยืนพิงอยู่ข้างร้านเอ่ยเรียกอีกฝ่ายทันทีที่ร่างสูงออกมาจากร้าน“หืม.. ทำไมยังไม่กลับอีก”สายตาคู่คมหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยถามอย่างสงสัย“ก็รอกลับพร้อมคุณเซนไงครับ”ไอน์ที่เดาไว้อยู่แล้วเลยตอบกลับไปอย่างหย
“…..”“… ใคร! โทรมาแล้วทำไมไม่พูด จะกวนประสาทกันหรือไง?”“… อะ เอ่ออ ไอน์ เดี๋ยวก่อน นี่ปกป้องเอง”“ฮะ!! ว่าไงนะ!?”“ไอน์ ปกป้องขอโทษ เราเลิกกับแฟ เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วนะ จริง ๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิด ปกป้องไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ พอดีเพื่อน ๆ เชียร์ให้คู่กันและแซวเล่นเฉย ๆ เราไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ นะ คนที่เรารักที่สุดก็คือไอน์ ไอน์รู้ใช่ไหม เรากำลังจะไปห…”“เหอะ!! พล่ามเสร็จหรือยัง? แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะ”“อะ ไอ…”“เหอะ!! ไอ้เวรนี่ ตัวขัดขวางอารมณ์แท้ ๆ”ไอน์ กดวางสาย ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านั้น ชื่อที่ทำให้ไอน์ต้องมองบนก็โชว์ขึ้นมา ทำให้ไอน์กดรับทันที“สวัสดีน้องชายสุดหล่อ เป็นไงได้ข่าวว่าโดนเท ได้ไปเรียนญี่ปุ่นคนเดียวหรือไง อะไรกันพี่สาวคนนี้ไม่ได้ไปหาแค่แป๊บเดียว เกิดเรื่องเวรอะไรขึ้นกับนายล่ะนั้น”“ให้มัน น้อย ๆ หน่อย แล้วอีกอย่างฉันก็อายุมากกว่าเธอตั้งสามปี”“เอาน่า ๆ หยวนหยวนกันไป”“มายงมาหยวนอะไร เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมีสัมมาคารวะซะบ้าง”“โห… บ่นเหมือนคุณปู่เลย แล้วฉันมีข่าวเด็ดจะฟังไหม น้องสาวคนนี้ไปหาสืบมาให้ อย่างยากลำบากเลยนะคะ”“ข่าวอะไรของเธอ ถ้