วังมังกร : หลงจู่ในนิทรา

วังมังกร : หลงจู่ในนิทรา

last updateLast Updated : 2025-08-27
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
4Chapters
1views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

จ้าวมังกรทั้งห้ากลับสู่เกาะวังมังกร แต่กลับติดกับในฝันของมังกรหนุ่มผู้เป็นคู่ของตน กลางวันเก็บอาการกลางคืนกลับเผยไต๋หมดเปลือก เมื่อกลิ่นลมหายใจเริ่มร้อนผ่าว ความฝันก็ยิ่งแนบแน่นจนไม่อยากตื่น

View More

Chapter 1

ตอนที่ 1 : เด็กดื้อที่ต้องรับเลี้ยง

จื่ออายเหอกดเมฆที่เขาขี่อยู่ให้ต่ำลง ก่อนจะร่อนลงจากกลางอากาศอย่างสง่างาม เสื้อคลุมปลิวไสวขณะก้าวช้า ๆ เข้าสู่ประตูภูเขา

 

เหล่าเซียนน้อยผู้เฝ้าประตูเห็นว่าเป็นเขา จึงโค้งคำนับอย่างเคารพพร้อมกล่าวเสียงพร้อมกันว่า

“คารวะท่านเซียนจื่อ!”

 

จื่ออายเหอชะงักเล็กน้อย คล้ายรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทว่าเพียงขยับจิตเล็กน้อยก็จำได้ว่าตนเองคือศิษย์แห่งสำนักจื่ออวิ๋น

สำนักจื่ออวิ๋นเป็นหนึ่งในสำนักใหญ่แห่งวงการเซียน แม้เขาจะเพิ่งเข้าสู่หนทางเซียนได้ไม่นาน แต่ด้วยพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมทำให้เขาทะลวงถึงขั้นหยวนเสินในเวลาอันสั้น ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในสำนักเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลระดับแนวหน้าของโลกเซียนอีกด้วย

เมื่อเผชิญกับสายตาเคารพศรัทธาของเหล่าศิษย์ จื่ออายเหอก็ยิ้มบาง ๆ พร้อมพยักหน้ารับ

 

ครั้งนี้เขาเพิ่งกลับจากการฝึกฝนภายนอก กำลังจะขึ้นยอดเขาหลักเพื่อส่งภารกิจ

แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากในป่า เขาเหลือบมองไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่ากลับรู้สึกถึงกลิ่นอายอสูรจาง ๆ ลอยออกมา

จึงรู้ทันทีว่าคงเป็นพวกผู้ฝึกฝนอสูรในสำนัก ต่างจากสำนักอื่น สำนักจื่ออวิ๋นไม่เข้มงวดในการคัดศิษย์ ขอเพียงจิตใจไม่ชั่วร้าย

ไม่ว่าเป็นมนุษย์หรืออสูร จะมาจากไหน มีภูมิหลังอย่างไรก็สามารถเข้าร่วมได้ด้วยเหตุนี้ ศิษย์อสูรในสำนักจึงมีไม่น้อย ทั้งปลาปักเป้า อึ่งอ่าง หมึกยักษ์ หลากหลายสารพัด

แต่ต่อให้เป็นใคร หากพลาดแม้เพียงหนึ่งก้าวไปในทางชั่วร้ายก่อกรรมหนักก็จะถูกขับออกจากสำนักทันทีโดยไร้เยื่อใย

“อย่าตีผมเลย… ฮือออ…”

เสียงเด็กเล็กร้องไห้ดังขึ้น ทำให้จื่ออายเหอหยุดฝีเท้าทันที เสียงนี้ช่างคุ้นหูจนไม่รู้ว่าทำไมถึงแตะต้องบางส่วนในใจเขาได้

 

โดยปกติเรื่องหยุมหยิมในสำนักย่อมมีผู้ดูแลอยู่แล้วในฐานะผู้บรรลุขั้นหยวนเสิน เขาไม่ควรลงมือเอง

แต่ครั้งนี้เขากลับเดินเข้าไปในป่าอย่างห้ามใจไม่ได้ แล้วก็เห็นเด็กชายในชุดแดงคนหนึ่งล้มอยู่กับพื้น ถูกรุมล้อมโดยเด็กหนุ่มชุดดำและเด็กหนุ่มชุดขาว

เด็กชุดดำเตะเขาเข้าให้หนึ่งทีคิ้วขมวดแน่น “ร้องอีกแล้ว รำคาญจะตาย! ไม่เข้าใจรึไง? ยิ่งร้องก็ยิ่งน่าต่อย!”

เด็กชุดขาวยืนกอดอก มองมาอย่างยิ้มเยาะ “ก็ชื่อเล่นเขาคือ ‘เจ้าตัวน้ำมูก’ จะโทษใครได้ล่ะ มีแต่ชื่อจริงที่ตั้งผิด ไม่ใช่ชื่อเล่นนะ”

เด็กน้อยในชุดแดงสูดน้ำมูกป้อย ๆ “ฮือ… ผมไม่ได้ร้องมันไหลเองต่างหาก”

เด็กหนุ่มทั้งสองหัวเราะลั่นกำลังจะพูดอะไร ต่อแต่จื่ออายเหอก็กล่าวขึ้นเสียงเข้ม

“พอได้แล้ว! พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่? เด็กตัวแค่นี้ก็ยังจะรังแกกันอีก พวกเจ้าคิดจะอยู่ในสำนักจื่ออวิ๋นต่อไปหรือไม่?”

เด็กหนุ่มทั้งสองตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นว่าเป็นเขา พวกเขาหันหลังเตรียมจะหนี แต่กลับถูกจื่ออายเหอคว้าคอเสื้อไว้คนละข้าง ยกตัวลอยขึ้นอย่างง่ายดาย

หลังจากอบรมสั่งสอนพวกเขาอย่างหนัก พร้อมทั้งลงโทษตามกฎของสำนัก จื่ออายเหอจึงปล่อยให้ทั้งสองจากไป

เด็กน้อยในชุดแดงยังคงยืนมองเขาอย่างซื่อบื้อราวกับสายตาไม่อาจละไปจากเขาได้ จื่ออายเหอเห็นว่าใบหน้ากลมเล็กนั้นยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและฝุ่นดิน

เขาหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้จนสะอาด ขณะนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นว่าบนหัวเด็กมีเขามังกรเล็ก ๆ โผล่ขึ้นมาอยู่ราง ๆ

และในจังหวะนั้นความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ พ่อของเด็กคนนี้ คือมังกรอสูรสีแดงผู้บำเพ็ญเพียรมาหลายร้อยปี เขาเคยเป็นคนรู้จักเก่าแก่ของจื่ออายเหอ 

และเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาเกินใครทำให้จื่ออายเหอมักจะถูกใครต่อใครตามตื๊ออยู่บ่อยครั้ง มังกรตนนั้นก็เช่นกัน เป็นหนึ่งในผู้ตามตื๊อที่เขาไม่อยากนึกถึง แม้จะไม่ถึงกับเกลียด แต่ก็น่ารำคาญจนเขาเคยรู้สึกระอาอยู่ไม่น้อย

ไม่คาดคิดเลยว่าหลายปีก่อนเจ้ามังกรแดงคนนั้นจะสละชีวิตตนเอง ช่วยเขาจากอันตรายร้ายแรงยอมระเบิดแก่นแท้ตนเองเพื่อปกป้องเขา และก่อนตายก็ฝากฝังลูกชายตัวน้อยไว้กับเขาให้ช่วยดูแลจนเติบใหญ่

จื่ออายเหอไม่เคยรู้สึกชอบรูปลักษณ์ของตัวเองนัก กลับคิดว่ามันเป็นภาระมากกว่า เขาไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่ง ความงามนี้จะทำให้เขาต้องติดหนี้บุญคุณใครสักคน

แม้ถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่อยากนึกถึงความวุ่นวายในอดีตจึงพาเจ้ามังกรแดงน้อยในวัยเยาว์ที่ยังไร้เดียงสา มาฝากไว้ที่สำนักจื่ออวิ๋น ให้เป็นเพียงศิษย์นอกของสำนัก ไม่ต้องยุ่งกับเขาอีก

 

หากไม่ใช่เพราะได้พบกันอีกในวันนี้เขาแทบจะลืมเรื่องทั้งหมดนี้ไปเสียสนิทแล้ว อสูรนั้นเติบโตช้ายิ่งเทียบกับมนุษย์แล้วยิ่งช้ากว่าหลายเท่า กว่าจะเติบโตเต็มวัยคงต้องใช้เวลาอีกนับร้อยปี เด็กคนนี้จึงเป็นฝ่ายถูกกลั่นแกล้งอยู่ร่ำไป

จื่ออายเหอถอนหายใจเบา ๆ “ต่อจากนี้เจ้าก็อยู่กับข้าเถอะ”

เดี๋ยวก่อน!

เขาเพิ่งพูดอะไรออกไป!?

เขาจะเลี้ยงเด็กงั้นหรือ แต่ถึงจะต้องเลี้ยง ก็ใช่ว่าจะต้องลงมือเลี้ยงเองเสียหน่อย เขาสามารถรับศิษย์สักคน แล้วให้ศิษย์เป็นคนดูแลแทนก็ได้ เหตุใดประโยคเมื่อครู่จึงหลุดออกจากปากเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้

“อาจารย์!” เด็กน้อยในชุดแดงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาเปล่งประกาย

“ท่านจะรับข้าเป็นศิษย์จริง ๆ หรือ?”

 

จื่ออายเหอมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เด็กคนนี้กล้าเรียก “อาจารย์” ออกมาแล้วแท้ ๆ ยังจะมาถามอีกว่าจะรับเป็นศิษย์หรือไม่ ไหวพริบก็ถือว่ามีอยู่บ้าง แต่ยังไม่พอ

หากเป็นเด็กที่เจนจัดพอจริง ๆ คงคุกเข่าลงทันทีไม่ให้เขามีโอกาสปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อยังมีช่องให้ถอนคำพูด จื่ออายเหอก็อดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้ ในฐานะผู้อาวุโสแห่งสำนักจื่ออวิ๋น การจะรับศิษย์คนแรกจะให้เป็นเด็กอสูรน้ำมูกไหลได้อย่างไร?

“ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์แบบมีชื่อก็ได้” เขากล่าวเรียบ ๆ

“แต่จะได้เป็นศิษย์สืบทอดโดยแท้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าเจ้าจะตั้งใจเพียงใดในภายภาคหน้า”

“ขอรับ! ท่านอาจารย์! ศิษย์จะตั้งใจฝึกฝนอย่างสุดความสามารถ!” เด็กน้อยในชุดแดงเอ่ยอย่างยินดีปรีดา

“ศิษย์ชื่อ เฮ่อเหลียนเยี่ยน ท่านอาจารย์เรียกข้าว่า ‘เยี่ยนเอ๋อร์’ ก็ได้นะขอรับ!”

จื่ออายเหอไม่เคยตั้งชื่อให้เด็กคนนี้จริง ๆ แล้ว แม้แต่ชื่อของมังกรแดงผู้เป็นพ่อ เขายังไม่ใส่ใจจำ หลังจากพาเด็กมาถึงสำนัก ก็แค่ส่งให้พวกศิษย์รุ่นหลานดูแลแบบลวก ๆ ตัวเขาไม่เคยลงมือหรือใส่ใจแม้แต่น้อย

ตอนนี้ เมื่อได้ยินชื่อของเด็กในใจเขากลับเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นอย่างไร้เหตุผล คล้ายมีทั้งความร้อนรุ่มและความสุขใจแฝงอยู่ในคราวเดียวกัน

เขาจ้องมองไปยังเฮ่อเหลียนเยี่ยนอยากมองให้ทะลุว่าแท้จริงแล้วความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่ บางทีดวงตาของจื่ออายเหอ อาจดูมีแววอ่อนโยนเกินไป

เฮ่อเหลียนเยี่ยนจึงตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ท่านอาจารย์!”

ก่อนจะวิ่งพรวดเข้ามาอย่างดีใจเตรียมจะกระโจนเข้าไปกอดเขาเต็มแรง

จื่ออายเหอรีบถอยหลังสองก้าว แล้วปัดมือของอีกฝ่ายออก

“อย่ามากอดมั่วซั่ว”

เด็กน้อยตัวเล็กจนยืนตรงแล้วยังสูงไม่ถึงเอวของเขาด้วยซ้ำ

เฮ่อเหลียนเยี่ยนพูดเสียงอ่อยอย่างน้อยใจ “ไม่รู้ทำไม พอข้าเห็นท่านอาจารย์ ก็รู้สึกสนิทใจมาก อยากเข้าใกล้ท่านให้มากกว่านี้”

จื่ออายเหอเองก็รู้ว่าปฏิกิริยาของเขาเมื่อครู่ดูแรงเกินไป จึงลดเสียงลงเล็กน้อยแล้วกล่าว

“เมื่อเจ้าบำเพ็ญจนสำเร็จกล้าแข็งพอเป็นพาหนะให้ข้าได้ตอนนั้นล่ะจะได้ใกล้ชิดกันเท่าที่เจ้าต้องการ”

เฮ่อเหลียนเยี่ยนหัวเราะร่า “ท่านอาจารย์รู้ว่าข้าเป็นมังกรด้วยเหรอ!”

“อืม” จื่ออายเหอตอบเรียบ ๆ

“งั้นข้าจะแปลงร่างให้ท่านดูเลย!”

หือ อะไรคือการหักมุมนี้? จื่ออายเหอชะงักงันยังไม่ทันได้เอ่ยห้าม เด็กน้อยก็กู่เสียงเบา ๆ ก่อนที่หมอกแดงจะพวยพุ่งขึ้นมาจำนวนมหาศาล กลืนร่างเล็ก ๆ ของเขาไว้

เฮ่อเหลียนเยี่ยนเองก็สำลักหมอกที่ตนเรียกมาอยู่หลายครั้ง จนจื่ออายเหออดไม่ได้ต้องสะบัดแขนเสื้อเบา ๆ ไล่หมอกนั้นออกไปให้หมด

เมื่อหมอกแดงจางลงตรงหน้าเขาก็คือร่างมังกรน้อยสีแดงเพลิงขนาดลำตัวยาวแค่ถึงหัวเข่าของเขาเท่านั้นไม่ต้องพูดถึงการขี่แค่เผลอก้าวพลาดก็คงเหยียบตายได้แล้ว

แต่รูปลักษณ์ของเจ้ามังกรน้อยนั้นน่าเอ็นดูเสียจริงเกล็ดบางสีแดงสดใสแนบสนิทอยู่ตามตัว กรงเล็บเล็กจิ๋วที่ยังดูเปราะบางขยุ้มพื้นไว้แน่น หัวมังกรชูขึ้นตรง ทอดสายตามองเขาอย่างตื่นเต้นและประหม่า

ดวงตากลมใสเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่ปลายหางโบกไปมาบนพื้นด้วยจังหวะสม่ำเสมอ

“ท่านอาจารย์! ดูสิ! ร่างจริงของข้าสวยไหม!”

มังกรน้อยสีแดงพลันเอ่ยเป็นภาษามนุษย์ขึ้นมา เสียงยังคงเป็นของเฮ่อเหลียนเยี่ยน

จื่ออายเหอมองรูปร่างเล็กจิ๋วของเขาแล้วอดรู้สึกผิดไม่ได้ ที่เมื่อครู่เผลอคิดอยาก “ขี่” เขา

แต่พอได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของจื่ออายเหอก็เปลี่ยนเป็นเข้มทันที

“สวยตรงไหนกัน? ก็แค่สีดูสดไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“เจ้ามังกรแบบนี้น่ะ มีเกลื่อนทั่วแผ่นดิน ถ้ายังอ่อนแออยู่แบบนี้ อย่าแสดงร่างจริงพร่ำเพรื่อเชียว ระวังจะถูกจับไปหั่นต้มเป็นหม้อไฟ!”

“ไม่…ไม่สวยจริง ๆ เหรอ” เจ้ามังกรน้อยหน้าจ๋อยทันที ก้มหน้าลงอย่างเสียใจ

จื่ออายเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ “พวกเราเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ต้องสำรวมฝึกใจ อย่ายึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอก”

 

มังกรน้อยพึมพำอย่างหงอย ๆ “ก็ท่านอาจารย์หน้าตาดีออก ถึงไม่สนใจก็ไม่แปลก…”

บริเวณนั้นมีคนสัญจรผ่านไปมาไม่ขาดสายหากถูกใครมาเห็นว่าเขากำลังยืนคุยกับมังกรตัวน้อยแบบนี้ คงกลายเป็นจุดสนใจแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เฮ่อเหลียนเยี่ยนเริ่มสนิทกับเขา คำพูดก็เริ่มไม่ให้เกียรติมากขึ้นทุกที

จื่ออายเหอไม่อยากพูดพร่ำอีกต่อไปเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงยื่นนิ้วชี้ออกมาแตะลงเบา ๆ ตรงกลางหว่างคิ้วของมังกรน้อย

ทันใดนั้น มังกรน้อยก็หดตัวลงทันตากัดหางตัวเองแล้วเปลี่ยนร่างกลายเป็นกำไลหยกสีเลือด ลอยขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ

เผ่ามังกรแดงนั้นเลือดร้อนเหมือนไฟ นิสัยเปิดเผย ซื่อซื่อตรง และแทบไม่รู้จักระแวงผู้คนสายพันธุ์เรียบง่ายแบบนี้ไม่รู้รอดมาได้ยังไงจนถึงทุกวันนี้…

จื่ออายเหอค่อย ๆ ยื่นมือซ้ายออกกำไลหยกสีโลหิตนั้นก็ค่อย ๆ สวมลงบนข้อมือเขาอย่างพอดิบพอดี

ในที่สุด…ก็เงียบเสียที

เฮ่อเหลียนเยี่ยนที่กลายเป็นกำไลหยก กำลังอยู่ในสภาพจำศีล เมื่อตื่นขึ้นเองตามธรรมชาติ เขาจะหลุดออกจากข้อมือของจื่ออายเหอโดยไม่ต้องมีใครช่วย และเพราะจื่ออายเหอเป็นผู้บำเพ็ญในขั้น “หยวนเสิน”

พลังที่แผ่ออกมารอบตัวเขาก็เป็นประโยชน์ต่อเฮ่อเหลียนเยี่ยนอย่างมากแม้ในขณะหลับไหล พลังของเด็กน้อยก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย

หลังจากจัดการธุระต่าง ๆ ในสำนักจื่ออวิ๋นเรียบร้อยจื่ออายเหอก็กลับสู่ถ้ำพำนักของตนตั้งใจจะเข้าสู่การปิดด่านฝึกตนเป็นเวลานาน

แต่แล้วเขาก็พบว่า มังกรน้อยตัวนี้นำปัญหาใหญ่กลับมาด้วย เจ้ามังกรแดงยังอยู่ในวัยเด็ก ไม่สามารถงดกินงดดื่มเหมือนผู้ฝึกตนได้ ยังต้องกินข้าว ดื่มน้ำ ถ่ายหนักถ่ายเบาเช่นเดียวกับเด็กมนุษย์

เมื่อตอนเฮ่อเหลียนเยี่ยนยังเล็กกว่านี้เหล่าศิษย์รุ่นพี่ในสำนักจะผลัดกันนำอาหารมาให้เขา แต่เพราะไม่มีใครคอยดูแลจริงจัง อาหารที่เขาได้รับบ่อยครั้งก็เป็นของบูดเน่า เขาเองก็ยังเด็กนัก ไม่รู้ว่าจะต่อต้านหรือพูดออกมาอย่างไร จึงได้แต่ยอมรับไปอย่างเงียบ ๆ

ทว่าแม้จะไม่รู้เรื่องอะไรนัก เขากลับรู้ดีว่าใครดีกับเขา และใครไม่จริงใจ ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งร่วงหล่นจากฟากฟ้า และยื่นมือช่วยเหลือเขาอย่างไม่ลังเล หัวใจของเฮ่อเหลียนเยี่ยนจึงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ “พิเศษ” ทันที

เป็นความรู้สึกคุ้นเคยปนแปลกใหม่ ที่พุ่งพล่านขึ้นในอก ความดื้อรั้นตามสัญชาตญาณของมังกรอสูรถูกสายตาอ่อนโยนลึก ๆ คู่นั้นลบเลือนจนหมด

เขาเพียงแค่อยากโถมตัวเข้าไปกอดบุรุษผู้นั้นไว้แน่น ๆ ไม่ให้ห่างไปไหนอีก

หิวจังเลย!

กำไลหยกหลุดจากข้อมือของจื่ออายเหอ หล่นลงสู่พื้น แต่กลับไม่แตกหัก พลันเปล่งแสงเปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรน้อยสีแดงอีกครั้ง

เฮ่อเหลียนเยี่ยนยังอยู่ในอาการง่วงงุน ลืมตาเบลอ ๆ มีเพียงความหิวที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ 

เมื่อเห็นจื่ออายเหออยู่ข้างกายเขาก็รีบยืดตัวขึ้น ใช้อุ้งเท้านุ่ม ๆ พยายามปีนขึ้นไปเกาะเข่าของอีกฝ่าย

“ท่านอาจารย์ข้าหิวแล้ว!”

 

จื่ออายเหอมองเจ้าสัตว์เลื้อยคลานตัวป่วนตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะหยิบเม็ดยาจากถุงเก็บของออกมา แล้วยัดใส่ปากของมังกรน้อย

“นี่คือ**เม็ดพิลึกกู่กินแล้วหนึ่งเดือนค่อยกินอีกเม็ด”

 

พูดจบก็หยิบถุงเก็บของทั้งใบ ยัดใส่มือเล็ก ๆ ของอีกฝ่าย เฮ่อเหลียนเยี่ยนกอดถุงไว้แน่น ท่าทางมึนงงเต็มที่

พิลึกกู่แดนเป็นแค่เม็ดยาที่ช่วยระงับความหิวกินแล้วจะไม่อดตาย แต่ไม่มีสารอาหารอื่นใด ยิ่งเขาเป็นมังกรที่ยังโตไม่เต็มวัย กำลังอยู่ในช่วงเติบโต แค่กินยาพวกนี้มันจะดีจริงหรือ?

จื่ออายเหอเหมือนจะมองทะลุความคิดของเขาน้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้นว่า

“กฎข้อหนึ่งของสำนักจื่ออวิ๋น พึ่งพาตนเอง อะไรก็ตามที่เจ้าทำเองได้ อย่ารบกวนผู้อื่น หิวก็ลงเขาไปเอง เดินไปทางใต้ยี่สิบลี้ จะมีแม่น้ำสายหนึ่ง เจ้าไปจับปลากินเอา”

“แต่กฎข้อแรกของสำนักจื่ออวิ๋นจริง ๆ มันคือให้เคารพอาจารย์มิใช่หรือ”

“หากเจ้าทำไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังทันที่จะกลับไปอยู่ที่สำนักนะ”

 

มังกรน้อยสูดน้ำมูกดังฟืด แล้วตอบเบา ๆ

“โอเค…”

หลังกลืนเม็ดยาเข้าไป ความหิวก็เริ่มบรรเทาลง แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยชายเสื้อของจื่ออายเหอ ยังกอดไว้แน่นอย่างไม่อยากให้ห่าง

“ท่านอาจารย์!”

“อะไรอีก?”

 

“ไม่มีอะไร ศิษย์แค่อยากเรียกชื่อท่านเฉย ๆ ”

เฮ่อเหลียนเยี่ยนไม่เคยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเช่นนี้มาก่อน เขาพิงตัวกับเท้าของจื่ออายเหอค่อย ๆ ขดร่างเล็ก ๆ เข้าหากัน แล้วเอนศีรษะนอนหลับไป

จื่ออายเหอได้แต่มองอย่างหมดหนทางก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอีกครั้ง เปลี่ยนเขากลับเป็นกำไลหยก แล้วสวมกลับไปที่ข้อมือตนเองตามเดิม

ด้วยความที่ศิษย์ตัวน้อยยังอ่อนแอเกินไป และอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ จื่ออายเหอจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะปิดด่านฝึกตน เปลี่ยนมาอยู่บ้านเลี้ยงเด็กแทนหากเบื่อเกินไปก็ออกไปเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงบ้างเป็นครั้งคราว

 

เขาไม่ได้ดูแลอย่างโอ๋หรือประคบประหงม ในแต่ละวันก็แค่สอนบทเรียนเพียงหนึ่งชั่วยาม แล้วก็ปล่อยให้เด็กไปจัดการตัวเอง

แม้แต่ตอนที่เฮ่อเหลียนเยี่ยนออกไปหาอาหาร เขาก็ไม่ได้เดินตาม เพียงแค่แอบติดตามอยู่ห่าง ๆ เงียบ ๆ เท่านั้น

โชคดีที่เจ้าเด็กนี่ไม่ถึงกับโง่ยังพอรู้ว่าต้องแปลงเป็นร่างมนุษย์ก่อนออกไป ทว่าเจ้าตัวเล็กกลับยังบินไม่ได้แม้แต่จะควบเมฆก็ยังไม่เป็น แค่เดินยี่สิบลี้ก็เหมือนเดินข้ามเขาไปสามลูก

ไม่นานนักเสื้อผ้าที่เขาสวมก็ถูกกิ่งไม้หนามเกี่ยวจนขาดรุ่งริ่ง นิ้วเท้าเล็ก ๆ ก็เต็มไปด้วยตุ่มน้ำพองจากการเดินนานเกินไป

เสียงท้องร้องเบา ๆ ดังขึ้นในความเงียบของป่า ก่อนที่กำไลหยกจะหลุดจากข้อมือของจื่ออายเหอ กลิ้งตกลงบนพื้นอย่างไร้เสียงแตกแสงสีแดงอ่อนแผ่กระจายออกมา แล้วร่างของมังกรแดงตัวน้อยก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เฮ่อเหลียนเยี่ยนยังตาปรือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหิวโหย เขาค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่ง มือเล็ก ๆ คลำไปตามพื้นก่อนจะยันตัวเข้าไปเกาะเข่าของอาจารย์อย่างพยายามสุดฤทธิ์เสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อมดวงตาวิบวับ

“อาจารย์… ข้าหิว…”

จื่ออายเหอมองเจ้าตัวเล็กที่เต็มไปด้วยโคลนเลอะเทอะ แล้วหยิบเม็ดยาหนึ่งเม็ดจากถุงเก็บของมาใส่ปากเขา

“นี่คือเม็ดพิลึกกู่ หนึ่งเดือนกินแค่เม็ดเดียวก็พอ”

“แต่มันไม่มีรสเลย…” มังกรน้อยอมเม็ดยาไว้ในปากอย่างอิดหนาระอาใจใบหน้าจืดเจื่อน แต่ยังไม่กล้าคายออกมา

 

ไม่ทันไร ถุงเก็บของทั้งใบก็ถูกยัดใส่มือเล็ก ๆ ของเขา มังกรน้อยยิ่งงงหนักกว่าเดิม จับถุงไว้แน่นอย่างไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร

จื่ออายเหอปรายตามอง ก่อนจะพูดเรียบ ๆ 

“กฎข้อหนึ่งของสำนักจื่ออวิ๋นคือ ‘พึ่งพาตนเอง’ หิวก็ไปหาอะไรกินเอง ทางใต้มีแม่น้ำอยู่ เดินไปสักยี่สิบลี้ก็ถึงจับปลากินเอา”

เฮ่อเหลียนเยี่ยนเบะปากน้อย ๆ “แต่ข้าเคยได้ยินว่ากฎข้อแรกคือ ‘เคารพอาจารย์’ นี่นา…”

“ถ้าทำไม่ได้ ก็กลับสำนักไปซะ”

“โอเค…” เด็กน้อยรับคำเสียงเบา สูดน้ำมูกทีหนึ่งอย่างยอมจำนน

 

เขาฝืนกินเม็ดยาเข้าไป พอเริ่มรู้สึกอิ่มท้อง กลับไม่ยอมปล่อยชายเสื้อของจื่ออายเหอเฮ่อเหลียนเยี่ยนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตากลมโตมองอย่างคาดหวัง

 

“อาจารย์!”

 

“อะไรอีก?”

“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากเรียกท่านเฉย ๆ ”

เขาซุกตัวลงแนบเท้าอาจารย์เหมือนลูกแมวตัวเล็ก ๆ แล้วขดตัวกลิ้งเบา ๆ ด้านข้าง ก่อนจะเอนหัวลงนอนด้วยสีหน้าสงบสุข

จื่ออายเหอถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะก้มตัวลงอุ้มเจ้าตัวแสบขึ้นมา เปลี่ยนเขากลับเป็นกำไล แล้วสวมไว้ที่ข้อมืออย่างเคย เดิมทีเขาตั้งใจจะปิดด่านฝึกตนเป็นเวลานาน แต่เพราะเจ้ามังกรน้อยยังอ่อนแอเกินไปไม่อาจปล่อยไว้ลำพังได้ เขาจึงเปลี่ยนแผนมาอยู่บ้านเลี้ยงเด็กแทนแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

 

แม้จะไม่ได้ดูแลอย่างใกล้ชิดถึงขั้นโอ๋ตลอดเวลา แต่เขาก็เฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ ทุกครั้งที่มังกรน้อยออกไปหาอาหาร

โชคดีที่เฮ่อเหลียนเยี่ยนยังพอมีไหวพริบรู้จักแปลงร่างเป็นมนุษย์ก่อนออกนอกสำนัก แต่เขายังบินไม่ได้ แม้แต่การเรียกเมฆก็ยังไม่คล่อง 

ยี่สิบลี้ที่เดินทางไปแม่น้ำนั้นจึงเต็มไปด้วยความลำบาก เสื้อผ้าถูกหนามเกี่ยวจนขาดนิ้วเท้าเล็ก ๆ ก็พองจนแทบเดินไม่ไหว แต่เขาก็ยังกัดฟันไม่ร้องไห้แม้แต่น้อย

ทว่าเมื่อฟ้ามืดลง ขณะเดินกลับร่างเล็กก็สะดุดก้อนหินจนล้มหน้าคว่ำ ปากกระแทกพื้นจนได้รสโคลนเต็มปาก

เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ หัวเข่าและฝ่ามือถลอกเต็มไปด้วยเลือดซึมแม้จะยังพยายามลุกขึ้น แต่ก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

เฮ่อเหลียนเยี่ยนไม่รู้เลยว่า จื่ออายเหอกำลังยืนมองเขาเงียบ ๆ จากเงามืด และสุดท้ายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเดินออกมาช้า ๆ พร้อมยื่นมือพยุงเขาขึ้น

“ซุ่มซ่ามอะไรขนาดนี้?”

ร่างเล็กที่เต็มไปด้วยโคลนเงยหน้ามองเขา น้ำตาเริ่มไหลริน

“อาจารย์ท่านมาแล้ว ฮือ ฮือ”

จื่ออายเหอถึงกับสะอึก เขารู้สึกเจ็บปวดในใจแวบหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับยังเรียบเฉย

“ร้องทำไม แค่นี้ก็ร้อง?”

“มะ…มีงูบนทาง ข้าน่ากลัวมากเลย ฮือ”

เด็กน้อยกำชายเสื้อเขาแน่นพูดเสียงสั่นขณะที่น้ำตายังคงรินไม่หยุด

 

จื่ออายเหอนิ่ง แน่นอนว่าเขาเห็นเหตุการณ์นั้นมังกรน้อยตกใจถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะสังเกตว่างูไม่ได้สนใจเขา แล้วรีบวิ่งหนีไปอีกทางตอนนั้นเขาคิดว่าอีกฝ่ายเอาตัวรอดได้แล้ว แต่คงไม่ทันนึกว่าความกลัวเพิ่งจะระเบิดขึ้นตอนนี้

 

“เจ้ากลัวงูงั้นหรือ?”

จื่ออายเหอทำหน้าประหลาดใจแทบอยากจะจับเขาเขย่าหัวแล้วพูดว่า

“เจ้าเป็นมังกรนะ! ยังกลัวงูอีกเหรอ?”

 

เฮ่อเหลียนเยี่ยนตัวสั่น หดตัวเข้าหาอ้อมแขนของเขา

“ก็มันไม่มีเขา ไม่มีขา น่ากลัวออก…”

 

จื่ออายเหอมองร่างเล็กที่สั่นเทาในอ้อมแขนอย่างอ่อนใจสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแค่ยกแขนขึ้น อุ้มเด็กน้อยเอาไว้แน่น

 

เฮ่อเหลียนเยี่ยนเหมือนยิ่งได้รับการปลอบใจเขายิ่งรู้สึกน้อยใจมากกว่าเดิมจึงซุกหน้าลงกับบ่าของอาจารย์ ร้องไห้อย่างหมดแรงเสียงสะอื้นแผ่วเบาทว่าอบอุ่นแทรกกลางค่ำคืนเงียบงัน

จื่ออายเหอไม่ใช่คนที่ชอบเลี้ยงเด็ก ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะดูแลใครยาว ๆเพื่อนร่วมบำเพ็ญหลายคนเคยแนะนำให้เขาหาคู่บำเพ็ญธรรมสักคน จะได้ช่วยดูแลชีวิตให้เป็นระเบียบขึ้นบ้าง แต่เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

ถึงอย่างนั้น ชีวิตก็ไม่อาจปล่อยให้ดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย สุดท้ายเขาก็คิดได้ว่าการรับศิษย์สักคนเพื่อสืบทอดสายนั้น ดูจะง่ายกว่าเยอะ

ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ต้องสอนเจ้ามังกรน้อยในภายหลังก็ควรมีใครสักคนไว้ “ฝึกซ้อม” วิธีเป็นอาจารย์ก่อนจะดีกว่า

ช่วงที่เฮ่อเหลียนเยี่ยนหลับยาวในสภาพกำไลหยกนั้นพอตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าจื่ออายเหอรับศิษย์ใหม่เข้ามาแล้วเรียบร้อย และเพราะเฮ่อเหลียนเยี่ยนยังเป็นเพียงศิษย์แบบมีชื่อเขาเลยไม่ถูกนับรวมเป็นศิษย์แท้หรือศิษย์สืบทอดจื่ออายเหอยังบอกอีกด้วยว่าต่อไปให้เรียกศิษย์ใหม่คนนั้นว่า

“พี่ใหญ่”

พอได้ยินเช่นนั้น เฮ่อเหลียนเยี่ยนก็ตาแดงเถือก น้ำตาไหลพรากในทันที

“ท่านอาจารย์…ข้าขอร้องล่ะ อย่าทิ้งข้าเลย…”

 

จื่ออายเหอฟังแล้วถึงกับใบหน้าเกร็ง

“นี่มันกลายเป็นคำท่องลิ้นพันกันไปแล้วรึไง ? อย่าทิ้งอย่าทิ้ง ทิ้งอะไรนักหนา”

ศิษย์คนใหม่ที่เขารับมา เป็นคนที่เพื่อนในสำนักแนะนำให้ หนุ่มน้อยหน้าตาสุภาพ อ่อนโยน รอบคอบ พอเห็นเฮ่อเหลียนเยี่ยนร้องไห้จนหน้าแดงตาแดงก็รีบเดินเข้ามาปลอบทันทีด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

แต่เฮ่อเหลียนเยี่ยนไม่แม้แต่จะเหลือบตามองไม่พูดไม่จา ไม่รับรู้ ไม่ทักทาย เขาทำแค่สิ่งเดียวคือกอดขาของจื่ออายเหอไว้แน่น แล้วร้องไห้ไม่หยุด

จื่ออายเหอหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกว่าแขนเสื้อของตนเริ่มเปียกแฉะจากน้ำมูกที่ไหลไม่หยุด เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงฟาดมือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง

“พอได้แล้ว! ที่นี่ใช่ที่ให้เจ้ามานั่งร้องไห้หรือ!”

 

เฮ่อเหลียนเยี่ยนชะงักทันที ไม่กล้าร้องต่อ แต่เพราะเมื่อครู่ร้องแรงเกินไปน้ำมูกยังคงไหลไม่หยุด เจ้าตัวได้แต่ยกมือเล็ก ๆ ขึ้นปิดจมูกแน่นตาแดง ๆ ก็มองเขาด้วยความรู้สึกผิดผสมเว้าวอน

 

จื่ออายเหอมองอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจในใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นขรึม

“ข้าไม่ได้ไม่ต้องการเจ้า แค่ตอนนี้เจ้าต้องโตขึ้นก่อน บำเพ็ญให้สำเร็จเสียก่อนถึงเวลานั้น ข้าค่อยพิจารณารับเจ้าเข้าเป็นศิษย์สืบทอดแต่ถ้าเจ้าจะอ่อนแอ ร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ ข้าอาจจะไม่อยากได้เจ้าจริง ๆ ก็ได้นะ”

คำพูดนั้นฟังดูเด็ดขาดจนเฮ่อเหลียนเยี่ยนนิ่งไปในทันที ในใจน้อย ๆ ของเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอเลย

ก่อนจะได้พบกับอาจารย์เขาถูกคนในสำนักรังแกแทบทุกวัน แต่ก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ได้ทุกครั้งบางทีก็แกล้งร้องไห้ให้คนตายใจ แล้วรอโอกาสสวนกลับ

แต่พอได้พบกับคนที่เฝ้ารอมาเนิ่นนานจริง ๆ ความอัดอั้นมากมายก็ทลายจนหมดน้ำตาก็เลยไหลบ่อยเป็นพิเศษ

แม้ในเวลานี้จะถูกตำหนิ เขาก็ไม่ได้เถียงเพียงแต่แอบให้คำมั่นกับตัวเองในใจ ต่อจากนี้ไม่ว่าจะอยากร้องแค่ไหน ก็จะต้องอดทนไว้ให้ได้ จะต้องโตขึ้นจะต้องทำให้ท่านอาจารย์ยอมรับ

แต่แล้วเขาก็ต้องเผชิญกับความสิ้นหวังแบบใหม่ เพราะทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับยาวในร่างกำไล เขาก็จะพบว่าท่านอาจารย์มีศิษย์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนเสมอ

 

แต่ละคนที่มา ล้วนเฉลียวฉลาด เรียนรู้ไว จื่ออายเหอยังชมไม่ขาดปากว่า พูดหนึ่งเข้าใจสิบแค่ชี้ก็รู้

 

จนวันหนึ่ง เฮ่อเหลียนเยี่ยนก็มองเขาด้วยแววตาเศร้า แล้วถามด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า

 

“ท่านอาจารย์ ท่านเคยบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์แท้ท่านโกหกข้าใช่ไหม? ตอนนี้ท่านมีแต่พี่ใหญ่พี่รองพี่สามเต็มไปหมดแต่ข้าก็ยังไม่ใช่ใครสำหรับท่านเลย…”

กรงเล็บเล็กของมังกรแดงค่อย ๆ วางลงบนแขนเสื้อของจื่ออายเหอเฮ่อเหลียนเยี่ยนในตอนนี้เติบโตขึ้นกว่าเมื่อแรกพบมากนักกรงเล็บที่เคยนุ่มนิ่มบัดนี้เริ่มแหลมคมพอจะกรีดฝ่าลมได้ สัมผัสนั้นแม้จะแผ่วเบา แต่จื่ออายเหอก็รู้สึกได้ชัด ลมหายใจหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกถึงพลังป้องกันตนของตนเองถูกรบกวน 

ความเจ็บแปลบเล็กน้อยแทรกเข้ามา ราวกับเตือนว่าเด็กน้อยตัวนั้น กำลังเติบโตจริง ๆ แล้ว

 

เขายกนิ้วขึ้นนับในใจผ่านมาเพียงยี่สิบปีเท่านั้น เขากลับรับศิษย์เข้ามาถึงสี่คน แถมแต่ละคนยังฉลาดเกินพอดีพอเขาเอ่ยปากสอนอะไรไป ก็เข้าใจทันทีจนเขาแทบไม่มีอะไรจะสอนต่อจนเขาแทบลืมไปแล้วว่า เหตุผลที่รับศิษย์ในตอนแรกก็เพื่อหา “คนช่วยเลี้ยงเด็ก” เท่านั้นเอง

จื่ออายเหอก้มหน้ามองเจ้ามังกรน้อยที่ยังเกาะเขาอยู่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามนิสัย

“ข้าไม่เคยหลอกเจ้าจำไม่ได้หรือไง ข้าเคยบอกไว้แล้ว ว่ารอให้เจ้าบำเพ็ญให้สำเร็จก่อนตอนนี้แม้เจ้าจะยังตามไม่ทันศิษย์พี่สี่ของเจ้า แต่ก็พอไล่ตามได้แล้ว ก็ดีจากนี้ไป เจ้าจะเป็นศิษย์คนที่ห้าของข้า”

คำพูดนั้นเหมือนแสงสว่างสาดลงกลางใจเฮ่อเหลียนเยี่ยนแววตาเขาเปล่งประกายทันทีเด็กน้อยแปลงร่างกลับเป็นมนุษย์อย่างตื่นเต้นลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้น

 

“ขอบคุณท่านอาจารย์!”  เขาร้องออกมาอย่างดีใจเกินจะกลั้น

“ข้าจะไปต้มน้ำชามาถวายท่านเดี๋ยวนี้!”

 

ตอนนี้ ร่างมนุษย์ของเขาดูคล้ายเด็กชายวัยสิบสามสิบสี่ ใบหน้าผุดผ่อง งดงามแบบวัยรุ่นต้น ๆหากไม่บอก ไม่มีใครดูออกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์การเติบโตของเขาค่อย ๆ ช้าลงการหลับยาวเริ่มน้อยลง แต่กว่าจะเติบโตเป็นมังกรเต็มตัว ก็คงต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามร้อยปีและเมื่อถึงวันนั้นเขาก็คงมีรูปลักษณ์ราวกับชายหนุ่มวัยสิบแปดสิบเก้าเท่านั้นเอง

 

แค่คิดถึงเวลานั้น เฮ่อเหลียนเยี่ยนก็รู้สึกใจร้อนอย่างประหลาดอยากเติบโต…ไว ๆ จังเลย…

เขาต้มน้ำรินชาใส่ถ้วยจนเต็ม จากนั้นก็วิ่งกลับมาแบบเด็ก ๆ ก้าวสั้น ๆ วิ่งปร๋อเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือ

“อาจารย์ครับ ชามาแล้ว!”

 

จื่ออายเหอปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างแผ่วเบาเหมือนยิ้ม แต่ก็เหมือนไม่ใช่แสงจากอัญมณีสีม่วงบนหน้าผากเขาสะท้อนระยิบ แต่แม้จะเปล่งประกายเพียงใดก็ยังไม่อาจกลบเสน่ห์สงบลึกล้ำที่เขามีได้แม้แต่น้อย

 

สายตาของเฮ่อเหลียนเยี่ยนเผลอจับจ้องไปหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอกเขาแทบไม่กล้าหายใจ

เขาคุกเข่าถวายชาตามพิธีจื่ออายเหอรับถ้วยมาจิบหนึ่งคำก่อนจะทบทวนกฎของสำนักให้เขาฟังอีกครั้ง แล้วหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา

“เยี่ยนเอ๋อร์ นี่ของเจ้าที่ข้าเตรียมไว้ รับไว้ให้ดี”

 

ในมือของจื่ออายเหอ คือดาบสั้นเล่มหนึ่ง ประดับด้วยอัญมณีสีแดงสดห้าก้อน เรียงเรียงแสงเจิดจ้าเฮ่อเหลียนเยี่ยนดีใจจนเก็บไม่อยู่รีบรับของขวัญมาด้วยสองมือ รับคำอวยพรจากศิษย์พี่ทั้งสี่อย่างกระตือรือร้น แต่พอหันกลับมาเห็นจื่ออายเหอ เขาก็อดใจไม่ไหวพุ่งเข้าไปกอดรอบเอวแน่น

 

“ขอบคุณมากนะ ท่านอาจารย์!”

 

ก่อนที่จื่ออายเหอจะได้ต่อว่าอะไร เฮ่อเหลียนเยี่ยนก็หัวเราะกลั้วเสียง รีบปล่อยมือออก ทว่าจังหวะนั้นเอง เขาก็เงียบลงไปอย่างประหลาด เขาหันไปมองอาจารย์ของตนอีกครั้ง เอวของอาจารย์เล็กมากเลย 

เฮ่อเหลียนเยี่ยนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่ดวงตากลับล่องลอยคำพูดของศิษย์พี่ศิษย์น้องรอบข้างกลายเป็นเสียงพื้นหลังความคิดของเขาเต็มไปด้วยสัมผัสตอนที่กอดเมื่อครู่ นุ่ม แต่มั่นคง แล้วก็

เขไม่กล้าคิดต่อเพราะรู้ดีว่าสายตาของจื่ออายเหอเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ แค่ปรายตามาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ

เฮ่อเหลียนเยี่ยนรีบหันไปคุยกับศิษย์พี่ต่อพยายามทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในหัวกลับหมุนวนไม่หยุดไล่ย้อนความรู้สึกของมือของตนเองตอนที่กอดอีกครั้ง แล้วอีกครั้ง

 

ความรู้สึกหนึ่งที่คลุมเครือ กลับชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

 

สายสัมพันธ์ของศิษย์กับอาจารย์มันใกล้ชิดก็จริงแต่สำหรับเขาแค่นั้น มันยังไม่พอเลยสักนิดเดียว…

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
4 Chapters
ตอนที่ 1 : เด็กดื้อที่ต้องรับเลี้ยง
จื่ออายเหอกดเมฆที่เขาขี่อยู่ให้ต่ำลง ก่อนจะร่อนลงจากกลางอากาศอย่างสง่างาม เสื้อคลุมปลิวไสวขณะก้าวช้า ๆ เข้าสู่ประตูภูเขาเหล่าเซียนน้อยผู้เฝ้าประตูเห็นว่าเป็นเขา จึงโค้งคำนับอย่างเคารพพร้อมกล่าวเสียงพร้อมกันว่า“คารวะท่านเซียนจื่อ!”จื่ออายเหอชะงักเล็กน้อย คล้ายรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทว่าเพียงขยับจิตเล็กน้อยก็จำได้ว่าตนเองคือศิษย์แห่งสำนักจื่ออวิ๋นสำนักจื่ออวิ๋นเป็นหนึ่งในสำนักใหญ่แห่งวงการเซียน แม้เขาจะเพิ่งเข้าสู่หนทางเซียนได้ไม่นาน แต่ด้วยพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมทำให้เขาทะลวงถึงขั้นหยวนเสินในเวลาอันสั้น ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในสำนักเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลระดับแนวหน้าของโลกเซียนอีกด้วยเมื่อเผชิญกับสายตาเคารพศรัทธาของเหล่าศิษย์ จื่ออายเหอก็ยิ้มบาง ๆ พร้อมพยักหน้ารับครั้งนี้เขาเพิ่งกลับจากการฝึกฝนภายนอก กำลังจะขึ้นยอดเขาหลักเพื่อส่งภารกิจแต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากในป่า เขาเหลือบมองไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่ากลับรู้สึกถึงกลิ่นอายอสูรจาง ๆ ลอยออกมาจึงรู้ทันทีว่าคงเป็นพวกผู้ฝึกฝนอสูรในสำนัก ต่างจากสำนักอื่น สำนักจื่ออวิ๋นไม่เข้มงวดในการคัดศิษย์ ขอเพียงจิตใจไม่ชั่วร้ายไม่ว่
last updateLast Updated : 2025-08-27
Read more
ตอนที่ 2 : แม้เพียงเสี้ยวตา
ศิษย์ทั้งสี่ของจื่ออายเหอล้วนมีถ้ำพำนักของตัวเองหากไม่มีปัญหาในการฝึกฝน ก็แทบไม่กลับขึ้นเขามามีเพียงเมื่อประสบอุปสรรคในวิถีบำเพ็ญเท่านั้นจึงจะมาขอคำชี้แนะจากอาจารย์วันที่จื่ออายเหอยอมรับเฮ่อเหลียนเยี่ยนเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ เขาก็เตรียมถ้ำพำนักให้เจ้ามังกรแดงตัวน้อยทันที ให้แยกไปใช้ชีวิตอยู่ด้านนอก เช่นเดียวกับศิษย์พี่คนอื่น ๆแต่เฮ่อเหลียนเยี่ยนกลับส่ายหัวรัว ๆ ไม่ว่าจะพูดหว่านล้อมอย่างไร ก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น เขาดื้อดึงจะอยู่กับอาจารย์ให้ได้แม้แต่เมื่อศิษย์พี่แซวเขาว่า “ยังไม่รู้จักโต” เขาก็ทำแค่หน้าแดง แล้วไม่ตอบโต้สักคำ จื่ออายเหอเห็นว่าจิตใจของเขายังเยาว์นัก สุดท้ายก็ยอมให้เขาพักอยู่ห้องถัดไปตามใจภายนอกเฮ่อเหลียนเยี่ยนยังดูไร้เดียงสาเหมือนเดิม แต่ภายในกลับรู้ตัวดีว่าหลังจากกอดครั้งนั้น หัวใจของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...เมื่อก่อนแม้จะรู้ดีว่าอาจารย์ของตนงดงามเพียงใดเส้นผมสีเงินยาวสลวยประหนึ่งสายธารเยือกเย็น ดวงตาสีน้ำเงินอ่อนราวแสงจันทร์ที่สะท้อนจากหิมะ ปลายนิ้วเรียวยาว ผิวขาวดุจหยกเนื้อดี แถมยังมีท่วงท่าที่สงบนิ่งจนเหมือนหลุดมาจากภาพวาดโบราณแต่ความรู้สึกในตอนนั้น ก็เป็นเ
last updateLast Updated : 2025-08-27
Read more
ตอนที่ 3 : จ้าวมังกรแดง
จ้าวมังกรแดงเดินมาหยุดอยู่หน้าเตาหอม เอียงคอเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยขี้เถ้าเบา ๆ กลิ่นหอมบางเบายังลอยวนในอากาศจนปลายจมูกกระตุกเล็กน้อย“ฝันจะเหมือนจริงขนาดนี้ มันต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่” เขาพึมพำกับตัวเอง สีหน้าไม่ไว้วางใจนักเมื่อคิดย้อนถึงตอนที่ จ้าวมังกรเหลือง เคยเอายาแปลก ๆ มาให้ทดลอง แล้วทั้งเกาะห้าจักรก็กลายเป็นโรงละครกลิ่นหอมเคลิ้มฝัน ขนาดเขาเองยังเผลอเข้าใจผิดว่า เสี่ยวเจ๋อ คือ จ้าวมังกรโลหิต แถมเกือบจะทำเรื่องหน้าแตกในที่ประชุมใหญ่ ดีไม่ดีศักดิ์ศรี "จอมมังกรแดงผู้เย่อหยิ่ง" อาจพังพินาศไปทั้งเผ่าเขาถลึงตา กัดฟันกรอด“ต้องเป็นฝีมือเจ้ามังกรเหลืองแน่! พรุ่งนี้ข้าไปเขย่าให้หัวหลุดเลยคอยดู!”แต่พอหันหลังกลับมาก็เห็น จื่ออายเหอ นั่งจิบชาอยู่ตรงขอบเตียง แสงแดดอ่อนยามเช้าตกกระทบเส้นผมสีเงินยาวจนเปล่งประกาย รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของอีกฝ่ายเย็นตาแต่กลับอุ่นใจอย่างประหลาดหัวใจของมังกรแดงสะดุดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ความคิดจะทันตั้งตัว ร่างก็พุ่งเข้าไปอย่างไวกว่าใจ“อายเอ๋อร์~” เขาเรียกเสียงยานคางอย่างเอาใจ พร้อมกระโดดเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มรัก“อ๊ะ ระวัง—”เสียงของจื่ออายเหอขา
last updateLast Updated : 2025-08-27
Read more
ตอนพิเศษ 1 : คนรัก
ขอวิงวอนด้วยหัวใจขอเป็นหนึ่งเดียวกับท่านยามอรุณขึ้นเหนือผืนเมฆา แสงอาทิตย์ที่สะท้อนบนเกล็ดมังกรแดงสาดประกายราวอัญมณีจากแดนสวรรค์ยอดเขาเซียนในเช้านี้อบอวลด้วยพลังอำนาจของจ้าวมังกรแดงเฮ่อเหลียนเยี่ยนผู้กลายเป็นหนึ่งในห้าผู้ปกครองแดนเซียนรุ่นใหม่ ทว่าในแววตาสีเพลิงคู่นั้น ไม่มีความภาคภูมิ ไม่มีชัยชนะมีเพียงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ที่จะ ได้รักเขาก้าวผ่านทะเลหมอกไปยังศาลากลางสระบัว ซึ่งจื่ออายเหอกำลังรินน้ำชาอยู่เงียบ ๆเส้นผมยาวของอาจารย์ปลิวแผ่วกับลมเช้า ชุดขาวสะอาดดุจหิมะไม่มีมลทิน ใบหน้างดงามเกินกว่าคำเรียบใดจะบรรยายเมื่อเสียงก้าวเท้าดังขึ้นเบื้องหลัง จื่ออายเหอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย“เจ้ามาช้า” น้ำเสียงเรียบ แต่ไม่เย็นชาเฮ่อเหลียนเยี่ยนยิ้ม“แต่ข้าไม่ได้มาในฐานะศิษย์อีกต่อไปแล้ว”เขายื่นมือออกไป และในวินาทีนั้นดอกบัวทั่วสระเบ่งบานพร้อมกันราวต้องมนตร์สายลมหยุดพัด เมฆเหนือศีรษะเรียงตัวกลายเป็นมังกรแดงยิ่งใหญ่โอบล้อมศาลาไว้ ดวงตาทุกคู่ทั่วเขาเซียนเงยขึ้นอย่างตะลึงงัน“จื่ออายเหอ” เสียงของเขาดังแน่น ชัดเจนกว่าทุกครั้งในชีวิต“ตลอดหลายร้อยหลายพันปี ข้าเฝ้ามองท่าน เฝ้ารักท่านอย่างเงียบงัน
last updateLast Updated : 2025-08-27
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status