หยวนหยงอี้ที่ได้ยินเช่นนั้น ทั้งรู้สึกดีใจ และเป็นกังวลในเวลาเดียวกันที่น่ากังวลนั่นเป็นเพราะการที่อ๋องฉู่และฉู่หมิงชุ่ยพบกันนั้นจริง และไม่ได้บอกอ๋องฉีให้รับรู้แต่ที่น่าดีใจก็คือ อ๋องฉู่ถูกหลอกให้มาพบนาง เมื่อรู้ว่าถูกหลอกถึงได้โกรธมากเช่นนี้หากกลับไปบอกอ๋องฉีเพียงแค่นี้ อ๋องฉีจะไม่คิดเคลือบแคลงใจขึ้นมาหรอกหรือ?หยวนหยงอี้ที่คิดไตร่ตรองดูแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้นั้น เลยตรงไปหาหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงโกรธจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเบิกตากว้าง ในแววตานางเต็มไปด้วยไฟโทสะ “จะไปอยู่แล้วยังมาทำให้พี่น้องบาดหมางกันอีก ช่างเป็นตัวปัญหาจริง ๆ”หยวนหยงอี้เองก็โกรธมาก และพูดว่า “ถ้าไม่ใช่ว่านางจะไปแล้วล่ะก็ ข้าคงลงมือไปนานแล้ว แค่อยากหลีกเลี่ยงเรื่องที่อาจคาดไม่ถึงที่จะเกิดขึ้นได้ หากทำร้ายนาง นางก็คงก่อนเรื่องวุ่นวาย และไม่ยอมจากไปเป็นแน่”หยวนชิงหลิงมองนาง และกล่าวต่อไปว่า “ผู้หญิงคนนี้เปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย เจ้าทำร้ายนาง ไม่รู้ว่านางจะเล่นสกปรกอะไรกับเจ้าอีก”นึกถึงเรื่องในวังหลวง คนชั่วช้าอย่างนางที่เข้าไปทูลฟ้องก่อนแล้วนั้น ผู้หญิงคนนี้ปากว่าตาขยิบ เล่ห์เหลี่ยมมารยาของนางช่างย
นางยื่นมืออกไปลูบคันฉ่องนั้น และฉีกยิ้มกว้างออกมาราวกับต้องมนต์สะกดหลังจากหยวนหยงอี้กลับมาแล้ว ก็เอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกอ๋องฉีตามตรงหลังจากที่อ๋องฉีได้ฟังแล้ว ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีกหยวนหยงอี้จึงดึงเก้าอี้แถวนั้นมานั่ง แล้วกล่าวว่า “มาคุยกัน?”อ๋องฉีเงยหน้าขึ้น “คุยเรื่องอะไรรึ?"หยวนหยงอี้มองตรงไปที่เขา “ท่านยังสนใจเรื่องนี้อยู่หรือ?”“แล้วไม่ควรสนหรอกหรือ?” อ๋องฉีเอ่ยถามกลับหยวนหยงอี้จึงเอ่ยขึ้น “ท่านแค่สนว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับท่าน แต่ว่าจากที่ข้าไปตรวจสอบที่โรงเตี้ยมเยวี่ยเต๋อ อ๋องฉู่โมโหมากที่พบว่าตัวเองถูกฉู่หมิงชุ่ยหลอกให้ไปพบที่โรงเตี้ยมเยวี่ยเต๋อ เขาไม่บอกท่านเรื่องนี้ คงได้คิดไตร่ตรองถึงความรู้สึกของท่าน มันคงลำบากใจที่จะมาบอกท่านว่า พระชายาของท่านให้เขาไปพบเป็นการส่วนตัว? แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าท่านเลยมิใช่หรือไร?”อ๋องฉีเงยหน้าขึ้นมองนาง “ข้าดีกับเจ้าไหม?”หยวนหยงอี้ตกใจ นี่นอกเรื่องไปไหนกัน?“ดีไหม?” อ๋องฉีเอ่ยย้ำถามหยวนหยงอี้ที่รู้สึกว่าอารมณ์ในตอนนี้ของเขาไม่ค่อยมั่นคงนัก ดังนั้นจึงนึกคำดี ๆ และเอ่ยตอบไปว่า “ก็ไม่เลวเท่าไหร่”อ๋องฉีส่ายหน้า
อ๋องฉีมองไปที่นาง “คืนนี้เจ้าไปเชิญพี่ห้ามาที่นี่”“จะทำอะไรรึ?” หยวนหยงอี้เอ่ยถามอ๋องฉีพูดว่า "แทนที่จะให้นางนำหน้าเรา ถ้าหากพวกเราลองนำหน้านางดูก่อนสักก้าวหนึ่ง ดูสิว่านางจะทำอะไรกันแน่”ถึงหยวนหยงอี้จะเป็นคนที่มุทะลุอยู่บ้าง แต่นางก็เป็นคนที่คิดการได้ละเอียดรอบคอบ แค่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็เข้าใจแล้ว “ท่านจะทำสิ่งที่นางต้องการ โดยเผชิญหน้ากับอ๋องฉู่ หลังจากนั้นก็ดูว่านางต้องการทำอะไรสินะ ? ”อ๋องฉีมองนางอย่างชื่นชมยกย่อง “เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ แต่ว่าเดาถูกแค่ครึ่งเดียว ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่านางจะทำอะไรต่อ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ข้าออกไปประจันหน้ากับพี่ห้าเป็นไปดั่งใจนางแล้ว ก็เป็นอันบรรลุเป้าหมายของนางแล้ว คงไม่ทำเรื่องยืดเยื้อการหย่าร้างนี้อีก ข้าคิดจะรีบตัดปัญหาน่ารำคาญนี่ซะ นางอยู่ที่นี่นานขึ้นหนึ่งวัน ข้ามักคิดว่านางจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีก”หยวนหยงอี้หัวเราะออกมา “หรือว่าบางที ท่านกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน?”อ๋องฉีดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว และพูดอย่างเฉยชาว่า "อืม ก็กลัวอยู่”หยวนหยงอี้พยักหน้า "เช่นนั้นก็ดี ข้าจะไปด้วยตัวเอง ไปพูดกับพี่หญิงฉู่หวางให้เข้าใจสถานการณ์ก่อน”“เจ้าไป
คนที่อยู่ตรงนั้นคือหยวนหยงอี้ นางไมไว้ใจฉู่หมิงชุ่ย นางคิดเสมอว่าคนผู้นี้นิสัยชั่วร้าย ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรออกมาอีกคำพูดของฉู่หมิงชุ่ยที่ดังเข้ามาในโสตประสาทอย่างแจ่มชัดแววตาของนางเย็นเยือกขึ้นในทันที พร้อมแรงกระตุ้นที่คิดจะสังหารฉู่หมิงชุ่ยไปซะวันรุ่งขึ้น นางไปจวนอ๋องฉู่ และนำคำพูดนั้นไปบอกเล่าให้อาซื่อฟัง และกล่าวว่า “ช่วงนี้พระชายาออกไปข้างนอก ทางที่ดีเจ้าควรอยู่ข้างกายนาง อย่าได้ลดการระมัดระวังโดยเด็ดขาด”อาซื่อกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “นี่นางยังคิดจะฆ่าพระชายาอีกรึ? ทำไมนางไม่ตาย ๆ ไปซะ? นางยังมีหน้ามีชีวิตอยู่อีกหรือไร?” หยวนหยงอี้จึงกล่าวต่อไป “คนบางคนถ้าไม่ตาย ก็จะกลายเป็นหายนะในที่สุด เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว อย่าให้นางมีช่องว่างฉวยโอกาสมาทำร้ายพระชายาได้”อาซื่อเอ่ยถามนาง “จะไม่บอกพระชายาหรือ?”หยวนหยงอี้คิดอยู่พักหนึ่ง “บอกท่านอ๋องเถอะ อย่าได้บอกพระชายาเลย ทำให้นางตกใจเสียเปล่า”อาซื่อจึงตอบกลับ “ใช่ ทำพระชายาตกใจไม่ได้ ช่วงนี้อารมณ์นางไม่ค่อยดีนัก”หยวนหยงอี้เป็นห่วงพี่หญิงฉู่หวาง “เรื่องราวในจวนอ๋องฉีช่วงนี้ จวนอ๋องฉู่ต้องพลอยมาเดือดร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
หยวนชิงหลิงเหลือบตามองนางที่อยู่ด้านข้าง นางยิ้มแย้มอ่อนหวานอ่อนโยนเหมือเทพธิดา แวบแรกที่ได้เห็นรู้สึกชวนขนลุกนัก ทำให้ใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอวี่เหวินห่าวไม่มองนาง และจูงมือหยวนชิงหลิงเดินเข้าไปด้วยกันข้างในอ๋องซุนนั้นสวมชุดพญางูสีน้ำเงินที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดี เพื่อแสดงถึงฐานะ ที่เอวคาดด้วยเข็มขัดทองคำ และหยกคาดเอวประดับรอบหน้าท้องกลมเอาไว้ เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธาน ฟังพระชายาซุนที่อยู่ด้านข้างพูดคุยด้วยแววตาที่เป็นประกายพระชายาซุนที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นเปล่งรัศมีกล้าหาญ ดูน่าเกรงขาม กลับกันกับอ๋องซุนที่ดูตัวเล็ก อ่อนแอ น่าสงสาร ใสซื่อ และยังอ้วนท้วมอีกด้วยเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา แววตาเขาก็เปล่งประกายขึ้น และรีบกล่าวว่า "ไม่ต้องพูดหรอก แขกก็ยิ่งมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ”พระชายาซุนหันกลับมาเห็นพวกเขา ก็รีบลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าจับมือหยวนชิงหลิง “ทำไมเพิ่งมากันเล่า? นึกว่าพวกเจ้าจะมาเร็วกว่านี้ซะอีก”หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เก็บกวาดนานไปหน่อย เลยมาช้าน่ะเพคะ”พระชายาซุนจูงนางไปข้าง ๆ และพูดเสียงเบาลงว่า “พระชายาฉีเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนางถึ
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ไม่ต้อง ให้อาซื่อไปกับข้าก็ได้แล้ว อาซื่ออยู่หน้าประตู ท่านอยู่คุยกับพี่รองก่อนเถิด”อ๋องซุนสอดมือกอดอกในแขนเสื้อของตัวเอง และกล่าว “ไม่ต้อง ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักครู่”ในแขนเสื้อเขาซ่อนขนมรังนกไว้อยู่นานแล้วอวี่เหวินห่าวกับหยวนชิงหลิงออกไป เมื่อเห็นว่าฉู่หมิงชุ่ยที่อยู่ในนั้น เขาจึงตามประกบหยวนชิงหลิงไม่ให้ห่างกาย และไม่ให้คลาดสายตาทั้งคู่ยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน เห็นองค์หญิงหลายพระองค์เสด็จมา และฉู่หมิงชุ่ยก็ก้าวออกไปทักทายก่อนหยวนชิงหลิงสังเกตฉู่หมิงชุ่ยจากระยะไกลนางสวมชุดกระโปรงหรูฉวินปักลายกุหลาบแดงพันเถา คลุมทับด้วยผ้าคลุมปักลายดอกไม้ เกล้ามวยผมทรงเมฆลอย ประดับปิ่นเมฆา และปิ่นทองดอกไม้ไหว ทุกการเคลื่อนไหวดูสง่างามหรูหรา ไม่เสียเสน่ห์ของหญิงสาวไปเลยแม้แต่หน่อยนางหันกลับมามองตัวเองในชุดกระโปรงจับจีบสีแดงตัวหลวม คลุมด้วยเสื้อคลุมเนื้อหนา ซึ่งให้ความอบอุ่นกำลังดี แต่ไม่มีความงดงามเลยแม้แต่น้อย เปิดเสื้อคลุมซ่อนเจ้าห้าได้ถึงสองคนด้วยซ้ำองค์หญิงเหวินจิง องค์หญิงฉินผิง และองค์หญิงลั่วผิงต่างมาพร้อมพระราชบุตรเขย อวี่เหวินหลิงที่หลบอยู่หลังองค์หญิ
อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าคำพูดของหยวนหยงอี้น่าสงสัยอยู่บ้าง ในตอนที่จะเอ่ยถามนั้น อวี่เหวินหลิงก็โผล่งออกมา "คุณพระ พี่สามพาผู้หญิงคนนั้นมาจริง ๆ ด้วย”ทุกคนรีบหันไปมองทางนั้นอ๋องเว่ยสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน และรองเท้าบูทสีดำ ร่างกายสูงสง่าเผยเสน่ห์กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างกายเขา สวมชุดกระโปรงผ้าต่วนเนื้อนุ่ม และเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกกันลม เกล้าผมทรงหวูม่าน ปักปิ่นผีเสื้อไหว และใส่ต่างหูหยกทองคำ ที่คอสวมสร้อยลูกปัดหยกเนื้อดีเม็ดกลมเกลี้ยงเพียงแต่รูปลักษณ์ของหญิงสาวนางนี้กลับดูธรรมดา หางที่ดูคิ้วสั้นนั้นต้องวาดหางคิ้วเพิ่ม แค่มองปราดเดียวก็มองได้ชัดเจนจมูกแบน ริมฝีปากบาง คางเหลี่ยม สิ่งเดียวที่ดูโดดเด่นคือดวงตาคู่นั้น ดวงตาไม่ได้โต แต่ในแววตาที่เหมือนมีน้ำคลออยู่ในนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนดั่งแสงจันทร์สลัวชวนโศกา ชวนให้รักใคร่ สงสารน่าเวทนาการที่อ๋องเว่ยมาปรากฏตัวพร้อมผู้หญิงที่ไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ ทำให้พระชายาซุนรู้สึกขายหน้ายิ่งนักเรื่องของพวกเขาสามีภรรยาลือไปถึงในราชสำนักมานานแล้ว คิดว่าเขาคงไม่คิดเหลวไหลแต่งตั้งนางเป็นชายารองได้คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้กลั
พระชายาซุนหันมามองหยวนชิงหลิง “เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเจ้าสามทีเถิด”หยวนชิงหลิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นางจะเกลี้ยกล่อมยังไง ? นางกับอ๋องเว่ยไม่สนิทกันเลยสักนิดผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อกู้จือกุมมืออ๋องเว่ยไว้ และหลุบตาลงต่ำ “หม่อมฉันจะกับไปทูลเชิญพระชายามาที่นี่แทน ท่านอ๋องอย่าได้ทรงกริ้วไปเลยนะเพคะ”อ๋องเว่ยยื่นมือไปกอดเอวนาง และจ้องไปที่อ๋องซุนอย่างดื้อรั้น “วันนี้ข้าจะให้นางอยู่ที่นี่ นางตั้งครรภ์ลูกของข้า ถึงไม่ใช่ชายาเอกก็เป็นชายารองแล้ว ถ้าท่านรับนางไม่ได้ ก็อย่านับว่าข้าเป็นน้องของท่านอีกต่อไป”มารดาของอ๋องเว่ยเป็นพระสนมเสียนเฟยองค์หนึ่ง หลังจากให้กำเนิดอ๋องเว่ยได้ไม่นาง นางก็ได้จากโลกนี้ไป จักรพรรดิหมิงหยวนจึงยกอ๋องเว่ยให้พระสนมจิ้งเฟย มารดาของอ๋องซุนเป็นคนเลี้ยงดู ดังนั้นสองพี่น้องจึงสนิทชิดเชื้อราวกับพี่น้องแท้ ๆ คลานตามกันมา“เจ้า...” อ๋องซุนโกรธจนไขมันบนหน้าสั่นกระเพือม “เจ้าอยากทำให้เสด็จแม่ทรงกริ้วจนอกแตกตายรึ” “ข้าจะไปอธิบายให้เสด็จแม่ฟังด้วยตัวเอง” อ๋องเว่ยเม้มริมฝีปาก และกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ เสด็จแม่ต้องทรงยินดี เพราะนางกำลังจะได้อุ้มหลานเร็ววันนี้ ไม่ต้องไปอิจฉาเสด็จแม่เ