นางข้าหลวงสี่รีบพูดว่า "เฮ้อ ถือว่าออกมาได้แล้ว องค์รัชทายาทเพคะ เช่นนั้นแล้วทรงไปรอให้องค์หญิงอาบน้ำก่อน ไม่รู้ว่าเหล้าหกรดใส่ตัวนางไปแล้วกี่แก้ว"อวี่เหวินห่าวมองไปที่เสื้อผ้าของนาง มีทั้งกลิ่นเหล้าและยังเปียกจริง ๆ ใบหน้าของนางทั้งแดงและดำ หน้าแดงเพราะดื่มเหล้า หน้าดำก็เพราะเปื้อนฝุ่นใต้เตียง สภาพเมาเละเทะไม่ต่างจากคนเมาที่กองอยู่ข้างถนน อวี่เหวินห่าวโกรธจนพูดไม่ออก "นางดื่มหรือเทเหล้ากัน?"นางข้าหลวงสี่บ่น "ดื่มได้สนุกมากเพคะ นางปีนขึ้นไปเหยียบเก้าอี้ มืออีกข้างยกกาเหล้าขึ้นกรอกปากดื่ม นางก็ทำหกใส่หน้าดื่มไม่ได้สักหยด เกือบสำลักตายแล้วเพคะ"อวี่เหวินห่าวลองจินตนาการถึงฉากนั้น หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น คืนนี้เขารอนานแค่ไหนแล้ว? นางไม่รู้จริง ๆ หรือ? หรือว่านางจงใจ?"เฮ้อ ชื่อเสียงดี ๆ ขององค์หญิงรัชทายาทในคืนนี้ถูกทำลายหมดแล้ว วันนี้มีพระญาติตั้งกี่องค์ พรุ่งนี้จะต้องมีเรื่องซุบซิบมากมายไปทั่วทั้งตลาดแน่" แม่นมฉีกล่าวอวี่เหวินห่าวไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มองไปที่หยวนชิงหลิงหายใจพะงาบ ๆ เหมือนจะตาย โกรธจนนิ้วชาไปหมด แล้วคืนนี้เขาจะทำอย่างไรดี? เขาเตรียมการมานานพังหมดแล้วจริ
อวี่เหวินห่าวมองไปที่หมอหลวงเฉา "หาวิธีสิ"หมอหลวงเฉารีบคิดอย่างรวดเร็ว เขากัดฟันและพูดว่า "ช่วยไม่ได้ งั้นล้วงคอ""ไม่ได้ มันจะปวดท้องเอาน่ะสิ" อวี่เหวินห่าวทนไม่ได้หมอหลวงเฉาผายมือออก "เช่นนั้นพานางออกไปเดินเล่น ให้นางได้เคลื่อนไหวขยับร่างกาย ให้เหงื่อออกเล็กน้อย แล้วค่อนเช็ดตัวด้วยน้ำร้อน หลังจากเหงื่อออก แบบนี้จะช่วยขจัดฤทธิ์เหล้าได้บางส่วน อย่างน้อยก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้น”อวี่เหวินห่าวร้อนใจมาก เขาทำอะไรไม่ถูก แต่หากทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาก็เป็นอันใช้ได้แล้วในช่วงกลางดึก เขาช่วยประคองนางออกไปเดินเล่น ตัวเป่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงของมัน จึงเดินตามไปตลอดทางอวี่เหวินห่าวประคองหยวนชิงหลิงที่เมาจนเดินเทน้ำหนักทั้งหมดลงมาที่เขา นางรู้สึกตัว แต่นางเมามากจนตาลายไปหมด อาเจียนออกมาก็ไม่ได้ และนางก็รู้สึกอึดอัดมากด้วยหลังจากเดินไปสักพัก อวี่เหวินห่าวก็สร่างเมา และฤทธิ์เหล้าก็จางไปแล้วเขาอุ้มหยวนชิงหลิงขึ้นกลับไปที่ห้อง และให้คนเตรียมน้ำร้อนมาให้เขาให้นางข้าหลวงสี่และแม่นมฉีกลับไปพักผ่อน เขาจะดูแลหยวนชิงหลิงเองหลังจากถอดเสื้อผ้าออกแล้ว เขาก็เช็ดตัวนางด้วยผ้าร้อน เช็ดม
“ชิงเอ๋อร์ ทำไมนอนที่นี่ล่ะ? กลิ่นเหล้าแรงเชียว หนูดื่มมาหรือเปล่า?”ท่ามกลางความสับสน หยวนชิงหลิงได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอ เธอเวียนศีรษะมากและพึมพำว่า "หนูเวียนหัว"“หนูไปดื่มกับใครมา?” ผู้พูดถอนหายใจเบา ๆ “เคยบอกแล้วไงว่าห้ามดื่ม ยังจะดื้ออีก”เสียงฝีเท้าค่อย ๆ จางหายไป และหลังจากนั้นไม่นาน ผ้าร้อนก็ถูกนำมาประคบที่หน้าผากของเธอหยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นทันทีในดวงตาที่พร่ามัว ใบหน้าค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น หยวนชิงหลิงตกใจมากจนน้ำตาคลอเบ้า "แม่?"“เป็นอะไรไป ไม่รู้จักแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวยิ้ม หยิบผ้าที่วางบนหน้าผากออกให้ และช่วยเธอเช็ดหน้า “ดื่มกับใครมาจ๊ะ?”หยวนชิงหลิงตกใจสุดขีด ค่อย ๆ ลุกขึ้นมามองแม่ด้วยสายตางุนงง แม่ผอมและซีดเซียวขนาดนี้ได้อย่างไร?แม่หยวนเข้าห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัว เธอดีดตัวขึ้นทั้งที่ยังรู้สึกวิงเวียน แต่โซฟา ทีวี โต๊ะ ตู้ และหน้าต่างสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน...สวรรค์ นี่คือในบ้าน เธอกลับบ้านแล้วเหรอ?เธอวิ่งเข้าไปในห้อง ตู้เสื้อผ้าของห้องที่มีกระจกติดอยู่ เธอเห็นตัวเองในกระจก กางเกงยีนส์ เสื้อยืด มัดผมหางม้า และสวมสร้อยคอทองคำขาวประดับเพชรอย่างประณีตที่คอ นี่เป็นของ
แม่หยวนกอดเธอร้องไห้ด้วยความเสียใจหยวนชิงหลิงตบหน้าตัวเองอย่างแรง เธอทำให้แม่เสียใจ และทำให้ครอบครัวของเธอต้องเสียใจเธอปล่อยแม่แล้วรีบถามไปว่า “พ่ออยู่ไหน? พี่ชายล่ะ? คุณย่าด้วย”แม่หยวนเช็ดน้ำตามองเธอแล้วบอกว่า "ทุกคนไปทำงาน คุณย่าอยู่โรงพยาบาล หลังจากที่หนูจากไปแล้ว สุขภาพของย่าก็ไม่ดี และอยู่ในโรงพยาบาลเกือบตลอดทั้งปี""โอ้สวรรค์" หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืนทันที "หนูจะไปโรงพยาบาล ไปหาคุณย่า ย่าอยู่โรงพยาบาลไหน?"“อยู่ในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเมือง โอเค ๆ แม่จะพาไปนะ” แม่หยวนไปหยิบโทรศัพท์ “แม่จะโทรหาพ่อกับพี่ชาย บอกพวกเขาว่าหนูกลับมาแล้ว หนูรอแปปนะลูก…”หยวนชิงหลิงรู้สึกวิงเวียน เสียงที่ได้ยินก็ค่อย ๆ หายไป แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจดังว่า "ชิงเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน หนูอยู่ไหน?"“แม่!” เธอตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ"หยวน หยวน ตื่น รีบตื่นสิ ร้องไห้ทำไม? ฝันร้ายหรือเปล่า?" อวี่เหวินห่าวกอดนางไว้ เห็นนางร้องไห้เสียงแห้ง และตะโกนมาจากในความฝันหยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น และเห็นสีหน้ากังวลของอวี่เหวินห่าว นางรู้สึกเคว้งคว้างราวกับว่าได้เสียโลกอีกใบไป "เจ้าห้า? แม่อยู
“ต้องฝันร้ายเป็นแน่ อย่าคิดมาก” อวี่เหวินห่าวรีบพูดทันทีหยวนชิงหลิงพยักหน้ายกผ้านวมลุกขึ้นจากเตียง "ข้าจะไปดูลูก ๆ"“ข้าไปด้วย” อวี่เหวินห่าวรีบลุกจากเตียง คว้ามือนางไว้ “รอข้าด้วย”หยวนชิงหลิงมองกลับมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ "ต้องรอท่านด้วยหรือ? เดินตรงไปก็ได้แล้ว อยู่ถัดไปนี่เอง"อวี่เหวินห่าวพูดว่า "งั้นไปด้วยกัน เจ้ายังไม่ได้ล้างหน้า กลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้จะพาลทำให้ลูก ๆ หายใจไม่ออกเสียเปล่า"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "จริงหรือ เมื่อคืนท่านทนไปได้อย่างไร? ท่านเมาหรือไม่?""ข้ากึ่งเมานิดหน่อย ไม่เป็นไร" อวี่เหวินห่าวกล่าวหมานเอ๋อร์เคาะประตู "ฝ่าบาท พระชายา ต้องการคนรับใช้ไหมเพคะ?""ไปเอาน้ำมาเถอะ" อวี่เหวินห่าวพูด"เพคะ!" หมานเอ่อร์ถอยออกไปเนื่องจากนิสัยหยวนชิงหลิงเวลาแต่งตัวไม่จำเป็นต้องมีคนมารับใช้ ดังนั้นนายท่านอย่างอวี่เหวินห่าวจึงลองแต่งตัวแบบไม่มีข้ารับใช้ดู แต่วันนี้เขานอนไม่พอ เขาใส่อยู่นานแล้ว ยังใส่กางเกงตัวในไม่เรียบร้อยเลยหยวนชิงหลิงหัวเราะและเดินมาหา "ท่านบอกว่าไม่เมา เมื่อคืนท่านเมามากกว่าข้าเสียอีก? แต่งตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ"นางยื่นมือออกไปจัดกางเกงตัวในแล้วส
ฉากของความฝันนั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในหัวของหยวนชิงหลิง ทุกถ้อยคำและประโยคเหล่านั้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ชัดจนดูเหมือนว่าไม่ใช่ความฝันนางรู้สึกว่าตอนนี้เป็นเพียงความฝัน บางทีอาจเป็นเพราะอาการง่วงนอนหลังจากอาการเมาค้าง ทำให้นางรู้สึกราวกับว่านางกำลังฝันไป นางเคว้งคว้างเหมือนเหยียบเมฆอยู่เช่นนั้นต่อหน้าอวี่เหวินห่าว รอยยิ้มของนางช่างซีดเซียวและจืดเจื่อน ราวกับว่านางกำลังพยายามฉีกยิ้มออกมาดูฝืดเฝื่อนมากบางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องของแม่ดังขึ้นในหูของนาง นางปวดใจมากเสียจนนางคู้ตัวลงไปเพื่อหยุดเสียงนั้นในตอนนี้อวี่เหวินห่าวย่อตัวลงและกอดนางเบา ๆ ไม่ถามหรือพูดอะไร แต่มองมาที่นางด้วยสายตาเจ็บปวดหยวนชิงหลิงเข้าใจแล้วว่าทำไมเขารู้ทุกอย่าง ในความฝันมีอีกอย่างในฝัน นั่นคือนางกระโดดไปหาแม่ และเขาก็กอดนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยนางไปเขากำลังกลัว เมื่อเห็นความร้อนรนในแววตาของเขา หยวนชิงหลิงเก็บซ่อนความเจ็บปวดและความคิดถึงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจนางเขาไม่พูดอะไรสักคำ และนางเองก็ไม่พูดอะไรสักคำเช่นกัน ราวกับว่านางไม่เคยเมามาก่อนอย่างไรก็ตาม ในคืนนั้นหยวนชิงหลิงนั่งพิงเขาในศาลาเพื่อชมดาว นางพูดเบา ๆ "เจ้า
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ หยวนชิงหลิงก็หัวเราะเช่นกัน "คนเรามีสามเศียรหกกรได้อย่างไร นี่ไม่ไร้สาระไปหน่อยหรือ?""แม้ว่าจะไม่มีสามเศียรหกกร แต่ก็ต้องยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ท่านคิดลองดูสิ นี่มันแม่ทัพหญิงเลยนะเจ้าคะ" อาซื่อพูดอย่างใฝ่หาหยวนชิงหลิงหัวเราะออกมาดัง ๆ "อาซื่อ ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหยวนของเจ้ามีแม่ทัพหญิงกลุ่มหนึ่งด้วย ตระกูลหยวนของเจ้าล้วนยิ่งใหญ่น่าเกรงขามใช่ไหม?"เมื่อพูดถึงครอบครัวของนาง อาซื่อก็ภูมิใจมากเช่นกัน แต่นางกล่าวว่า "ตระกูลหยวนของเราย่อมเก่งกาจอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ดีเท่าเฉินจิ้งหนิงจวิ้นจู่หรอก นางนำทัพเพียงลำพังเพื่อกวาดล้างความวุ่นวายภายใน จากนั้นจึงไปสู้รบกับเสียนเป่ย แม่ทัพหญิงช่างยอดเยี่ยม ออกรบครั้งเดียวก็ประสบความสำเร็จเลื่องชื่อแล้ว เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้ชายก็ทำไม่ได้ใช่ไหม”ออกรบครั้งเดียวก็ประสบความสำเร็จเลื่องชื่อแล้ว ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ และหยวนชิงหลิงก็ชื่นชมคนที่มีความสามารถ นางจึงคาดหวังมากกว่านี้เล็กน้อยจากฮูหยินแม่ทัพเฉินเมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง คณะต้อนรับจากกรมพิธีการก็รออยู่ ในสองวันที่ผ่านมาทูตจากแคว้นต่าง ๆ ก็ทยอยมาถึง กรมพิธีการรับผิดชอบหน้าที่ต้
หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและหันไปมองอาซื่อ "ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น"อาซื่อพูดว่า "ข้าแค่คิดว่าสิ่งที่ติดค้างในใจนางตอนนี้น่าจะเป็นอ๋องเว่ย ถ้านางอยากปล่อยวางจริง นางอาจจะคุยกับอ๋องเว่ย?"“มีอะไรให้คุยอีก?” หยวนชิงหลิงนึกถึงเรื่องที่อ๋องเว่ยทำร้ายนาง หวังเพียงว่าอ๋องเว่ยจะออกไปจากชีวิต และไม่รบกวนนางอีก“ไม่รู้สิ” อาซื่อไม่เข้าใจความรักระหว่างชายกับหญิง แต่คิดแค่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะไปไหนได้?หยวนชิงหลิงก้าวไปข้างหน้า อาซื่อรีบพูดว่า "พี่หยวนก้าวไปข้างหน้าไม่ได้นะ มันอันตราย"หยวนชิงหลิงหันศีรษะและยิ้มให้นาง "ไม่เป็นไร ลมดีมากเลย ข้าอยากรับลม"“นางข้าหลวงสี่เพิ่งบอกอยู่หยก ๆ เพิ่งอยู่เดือนเสร็จ ยังโดนลมไม่ได้” อาซื่อกล่าว“ไม่เป็นไร อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว” หยวนชิงหลิงกล่าวอาซื่อยิ้ม "จะอุ่นหรือไม่ก็ช่างเถอะ ใต้เท้าถังส่งเครื่องนอนไปที่คุกเมื่อวานนี้ พ่อของท่านบอกว่าในคุกมันหนาว"เนื่องจากฝ่าบาทยังคงต้องดำเนินการสอบสวนต่อไป แม้ว่าจิ้งโฮ่วจะให้การเป็นอย่างดี แต่เขาจะหลอกลวงเบื้องสูงได้หรือ? ดังนั้นฝ่าบาทจึงสั่งให้เขาถูกคุมขังในคุกของสำนักผู้ตรวจการจวนจิ้งเป่าไปก่อนอย่า