“ฉันจะกลับ”หญิงสาวเสียงแข็งขึ้นมาทันที พอหันไปดึงที่จับเพื่อเปิดก็เห็นว่าล็อกอยู่ ขณะที่หนุ่มใหญ่พูดขึ้น“แค่คุยกันแป๊บเดียวแล้วค่อยกลับก็ได้”“คุณโกหก น้องพลอยไม่ได้ป่วยใช่ไหมคะ”พิมพ์ปรางหันมาต่อว่าเขา แววตาคู่สวยฉายแววของความหวาดกลัว“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ก็ไม่มีทางได้เจอคุณ พักหลังมานี้คุณหลบหน้าผมตลอด ทำไมครับ?”พัลลภถามทันที น้ำเสียงของเขาเริ่มบ่งบอกถึงความไม่พอใจคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความกลัวไม่สามารถหาคำตอบให้อีกฝ่ายได้ เธอพยายามหลบเลี่ยงเขาจริงๆ“ฉัน...ขอโทษค่ะ”พิมพ์ปรางได้แต่ยอมรับ ขณะที่สมองกำลังนึกหาทางออกให้ตัวเอง“ยอมรับแบบนี้ หมายความว่าคุณกำลังจะเขี่ยผมทิ้งจริงๆ สินะ”“ไม่ใช่นะคะ”“ถ้าไม่ใช่ทำไมต้องหลบหน้าผม”“ฉันหมายถึงไม่ได้จะเขี่ยคุณทิ้ง เราไม่เคยเป็นอะไรกัน”หญิงสาวพูดออกไปตามตรง เธอจำได้ว่าไม่เคยพูดกับเขาในเชิงให้ความหวังเลยสักครั้ง คนที่เธอสนใจมีเพียงลูกสาวของเขา ไม่ใช่เขา“อ้อ นั่นสิ งั้นผมขอคบกับครูปรางได้ไหมครับ ครูก็รู้ว่าผมชอบครูมาก”อีกฝ่ายพูดเองเออเองทำเอาพิมพ์ปรางถึงกับตาโตส่ายหน้าทันที“ทำไมล่ะ ผมไม่เคยขอคบกับคุณครูตรงๆ เลยก็จริง แต่คุณต้องรู้อยู่แล้ว
ทุกครั้งที่พัลลภไปรับน้องพลอยที่โรงเรียนสอนรำ เขาจะพบผู้ชายคนนั้นเสมอ และได้รับการแนะนำจากคุณครูก้อยของลูกสาวแล้วว่าเป็นพี่ชายคนโตชื่อปัฐวิกร ทว่าที่หนุ่มใหญ่รู้สึกไม่พอใจคือ คนที่ออกมาส่งลูกสาวของเขากลับกลายเป็นครูก้อยกับครูสองสลับกันแทนที่จะเป็นครูปรางเหมือนเคยเขาแทบไม่เห็นหน้าพิมพ์ปรางเลย ในขณะที่ผู้ชายอีกคนสามารถเข้าไปเจอเธอได้ถึงในพื้นที่ส่วนตัวตลอดเวลา หนุ่มใหญ่รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของตัวเองกับอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้เขาไม่พอใจเพราะก่อนหน้าที่ปัฐวิกรจะมาพิมพ์ปรางก็ให้ความสนใจเขา ยิ้มแย้มเจ่มใสกับเขาเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับทำห่างเหินราวไม่รู้จักและแทบไม่ยิ้มให้เขาด้วยซ้ำให้ความหวังแล้วก็ตีจากหนุ่มใหญ่เจ็บใจที่ราวกับถูกหญิงสาวหลอก เพราะเขาหวังว่าจะได้พิมพ์ปรางมาดูแลน้องพลอยจริงๆ ในเมื่อทั้งเขาและลูกสาวพอใจเธอเหมือนกัน เขาจึงคิดว่าอะไรๆ จะง่ายขึ้นแต่ตอนนี้กลับตาลปัตรคืนนี้พัลลภมานั่งที่ร้านเงียบๆ คนเดียวที่มุมหนึ่ง เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องทำอะไรบางอย่างมือหนาวางแก้วในมือที่ดื่มติดๆ กันระหว่างการแสดงโชว์ของพิมพ์ปรางลง เมื่อวานตอนเย็นหลังจากไปรับลูกสาวและชวนคุยเกี่ยวกับคุณครูปรางท
การแสดงสวยงามจับตาและท่วงทำนองล้านนาเสนาะหูเรียกความสนใจจากบรรดาแขกในร้านขันโตกระดับท็อปของจังหวัดได้ดี ที่นี่มีการแสดงโชว์แบบล้านนาให้นักท่องเที่ยวผู้เยือนได้ชม ซึ่งวันนี้ทั้งพิมพ์ปราง กัญญานัน และมาธาวีมาแสดงโชว์ร่วมกับนักเรียนที่โตแล้วของตนเป็นครั้งแรก โดยสามสาวได้รับการติดต่อให้แสดงเป็นประจำผ่านมาลินีพี่สาวของมาธาวี เนื่องจากลูกสาวเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับหญิงสาวและชื่นชอบการแสดงของมาธาวีในงานแสดงช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาจึงอยากให้รับงานแสดงประจำที่ร้าน โดยทั้งสามสาวเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่สามารถทำได้ก็เลยรับไว้ ทั้งยังสามารถช่วยให้นักเรียนของพวกเธอมีงานอีกด้วยระบำเชียงแสน [1] เป็นการแสดงที่สามสาวเลือกมาโชว์ เพราะรู้สึกว่านานๆ ครั้งถึงจะได้แสดงระบำนี้ และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนที่มาร้านนี้มาก เพราะเมื่อโชว์จบต่างก็ปรบมือกันเสียงดัง โดยเฉพาะพัลลภที่มากับกลุ่มเพื่อนของเขาเพราะบังเอิญรู้จากลูกสาวว่าคุณครูรับแสดงโชว์ที่ร้านนี้ แล้วเขามีสังสรรค์หลังสัมมนาพอดีชายหนุ่มจึงเสนอที่นี่“นั่นมันจินตะหราคนสวยขวัญใจคุณนี่พัลลภ”เพื่อนที่ทำงานด้วยกันและได้ชมการแสดงบทจินตะหราด้วยแซว เพราะพักหลังมานี้พัล
ความอบอุ่นที่เบียดเข้ามาชวนให้หญิงสาวซุกซบเข้าหาเพราะอากาศที่หนาวจัดในช่วงเช้า ขณะที่อีกฝ่ายก็โอบกอดเธอเอาไว้ราวกับยินดีแชร์ความอบอุ่นให้ แต่แล้วอยู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ทำให้ร่างบางลืมตาโพลงขึ้น เมื่อรับรู้สิ่งรอบตัวก็รีบขยับออกห่างแต่ถูกแขนกำยำคว้าเอาไว้ ทว่าเสียงเคาะประตูยังไม่หยุด พิมพ์ปรางจึงจำต้องกระซิบกับอีกฝ่าย“มีคนเรียกน่ะค่ะ”ยังพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หญิงสาวขยับตัวไปรับในขณะที่กิตติกรยังคว้าเอวอยู่“ค่ะ คุณก้อย”ชื่อที่ออกจากปากหญิงสาวทำให้กิตติกรยอมปล่อยเอวบางแล้วปรือตาขึ้นมามองอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์“ปรางยังอยู่ข้างในใช่ไหม”“ค่ะ”“ก้อยจะชวนไปนั่งรถเล่นในไร่กัน ไปสายเดี๋ยวจะร้อน ก้อยไปรอที่ห้องอาหารนะจ๊ะ”“ค่ะ”หลังวางสายพิมพ์ปรางก็หันมาบอกชายหนุ่ม“ปรางต้องรีบไปแล้วน่ะค่ะ”ชายหนุ่มพยักหน้าให้ง่ายๆ แต่หญิงสาวยังไม่อาจวางใจได้เพราะเวลานี้ทุกคนในบ้านตื่นกันหมดแล้ว พิมพ์ปรางกลัวว่าอาจมีใครเห็นเขาออกจากห้องของเธอ“เอ่อ...คือว่า...”“ฉันจะระวังก็แล้วกัน”กิตติกรรู้ว่าอีกฝ่ายจะบอกอะไร เพราะเป็นเขาเองที่ตั้งใจอยู่กับเธอนานกว่าที่เคย พอร่างบางขยับตัวชายหนุ่มก็ดึงเข้ามา
‘พี่กลางคิดว่าคุณพัลลภเป็นยังไงบ้างคะ’วันนี้น้องสาวอยู่ๆ ก็เดินเข้ามาคุยกับเขาระหว่างที่นั่งรอพี่ชายกับเปรมิทร์ก่อนจะออกไปเหมือง‘ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ’กิตติกรเสียงแข็งขึ้นจนเขาเองก็รู้ตัวแต่ยั้งไว้ไม่ทันแล้ว‘ก้อยกับสองคิดว่าเขาสนใจปราง ปรางเองก็คงรู้’‘แล้ว?’‘ก้อยคิดว่าปรางไม่ได้ชอบเขา แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง’‘อือฮึ’ชายหนุ่มสบตาน้องสาว อีกฝ่ายดูลำบากใจที่จะพูดแต่สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมา‘ปรางไม่เคยคบใครเลย ฝ่ายนั้นก็ดูรุกมาก ก้อยกลัวปรางหาทางออกไม่ได้น่ะค่ะ ก็เลยอยากให้พี่กลางช่วยหน่อย’‘ยังไง?’‘คือว่า...คุณพัลลภก็น่าจะเป็นคนดี ถึงจะมีลูกติดแต่น้องพลอยก็ชอบปรางมาก แต่ก้อยก็ยังไม่มั่นใจ เลยคิดว่าผู้ชายด้วยกันน่าจะดูกันออกน่ะค่ะ’‘น้องก้อยอยากให้พี่ช่วยดูว่าเขาเหมาะจะคบกับเพื่อนเราไหมน่ะนะ’‘เอ่อ...’น้องสาวของเขากัดริมฝีปาก ดวงตาคู่สวยลอกแลกก่อนจะพูดต่อ‘ยังไงพี่กลางก็อยู่ที่นี่ เป็นผู้ใหญ่ที่สุด เป็นพี่ของก้อยกับปราง’กิตติกรหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะยอมพยักหน้าตอบรับไป‘พี่จะลองดูๆ ให้ก็แล้วกัน’หลังจากบอกไปปัฐวิกรกับเปรมิทร์ก็มาพอดีสามหนุ่มจึงออกจากบ้านไป ขณะที่กิตติกรเก็บท่าทาง
หญิงสาวที่เพิ่งออกจากห้องน้ำมาในชุดเรียบร้อยแต่ผมเปียกหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะเห็นในห้องของตน“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”กิตติกรที่นั่งเอนหลังพิมพ์บางอย่างบนแท็บเลตของตัวเองอยู่บนเตียงเงยหน้ามองแล้วถามหญิงสาวที่ทำท่าชะงักหลังจากเห็นเขา“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ”“โกหกไม่เนียนอีกแล้ว”ชายหนุ่มพูดเบาๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขากวาดตามองร่างบางอย่างรวดเร็วก่อนจะสั่ง“เป่าผมให้แห้งซะ”พิมพ์ปรางรีบทำตามทันทีเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร อยู่ๆ ชายหนุ่มก็มานอนรอในห้องของเธอทั้งที่วันนี้เธอมั่นใจว่าไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้เขาขุ่นเคืองแม้แต่น้อย เพราะวันนี้เขาออกไปเหมืองพลอยกับปัฐวิกรและเปรมินทร์ทั้งวัน กลับมาถึงก็เย็นแล้ว ทุกคนแค่นั่งทานข้าวเย็นพร้อมกัน จากนั้นสามหนุ่มก็คุยงานต่อเหมือนเดิม เธอกับกัญญานันเองก็เพิ่งแยกย้ายหลังจากทำแผนการสอนของเดือนเสร็จโดยใช้วิดีโอคอลกับมาธาวีหลังจากเป่าผมและทาครีมเสร็จหญิงสาวก็ยืนเก้กังทำตัวไม่ถูกแม้จะเป็นห้องพักของตัวเอง กิตติกรไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วจึงเหลือบมอง ทว่าพอสบตาอีกฝ่ายก็หลบสายตาชายหนุ่มจึงพยักหน้าเรียก“มานวดให้หน่อย ฉันชอบที่เธอนวด สบายดี”พิมพ์ปรา
“เธอโกหกไม่เนียน รู้ไว้ซะสาวน้อย”พิมพ์ปรางเม้มปาก รู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ได้แต่ก้มหน้างุดอยู่อย่างนั้นแล้วฝืนหลับตาลง ไม่กล้าแม้แต่จะทำตัวแง่งอน แต่แล้วก็รู้สึกได้ถึงมืออบอุ่นวางลงมาบนหัวของตัวเองเบาๆ“แต่ฉันพอใจในแบบที่เธอเป็นนะ”‘นี่เขาชมหรือปลอบ’พิมพ์ปรางคิดในใจ ถึงจะไม่เข้าใจความหมายแต่ภายในใจเธอกลับอุ่นวาบขึ้นมา ถึงจะอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ได้ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายบอกทำให้เธอวางซบหน้าลงบนอกแกร่งได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้พูดคุยราวกับคนใกล้ชิดกันมากที่สุดหลังจากจบสัมพันธ์ลึกซึ้งทางร่างกายกิตติกรกอดร่างเล็กแนบอกในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน พอใจในเรือนร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นที่แนบชิด ความคิดที่อยากมีคนร่างบางนอนในอ้อมกอดทุกคืนแล้วตื่นขึ้นมาเจอในทุกเช้าแวบเข้ามาในหัว ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งอยากสัมผัสพิมพ์ปรางมากขึ้น ไม่เคยนึกเบื่อทั้งที่อีกฝ่ายไม่เก่งเรื่องอย่างว่าสักนิด ทว่ากลับยิ่งทำให้เขาพอใจที่ได้ออกคำสั่งให้หญิงสาวทำในสิ่งที่ต้องการ ที่สำคัญก็อยากให้เธอเรียกร้องต้องการเขาเช่นกันเวลานี้เขากลายเป็นคนโลภมากไปแล้ว เขาต้องการที่จะเป็นทุกอย่างในชีวิตของพิมพ
เป็นอีกครั้งที่พิมพ์ปรางต้องนอนเกร็งไปทั้งตัวเพราะมีกิตติกรนอนอยู่บนเตียงด้วย ในตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะออกไปเมื่อเขาเสร็จธุระระหว่างร่างกายแล้วแต่ไม่เป็นอย่างที่คิด ชายหนุ่มยังนอนเตียงเดียวกันกับเธอต่อโดยไม่แตะต้องซ้ำอีก นอกจากดึงให้เธอไปนอนซบอกเขา“อากาศหนาวขนาดนี้จะนอนห่างกันทำไม หนาวเนื้อห่มเนื้อไม่เคยได้ยินเหรอ”ชายหนุ่มบอกเพราะอากาศหนาวจัดแม้ทั้งสองคนอยู่ในผ้าห่มผืนหนาด้วยกัน คนร่างบางใส่ทั้งเสื้อและกางเกงขายาว ส่วนเขาใส่เพียงกางเกงตัวเดียวแม้จะเป็นชุดที่เขาเพิ่งเปลี่ยนตอนมาถึงภู แต่ตอนนั้นยังไม่ได้อาบน้ำก็เลยไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาทนกลิ่นตัวบนเสื้อของเขา“เธอไม่ได้สนใจไอ้พ่อลูกติดนั่นหรอกใช่ไหม”อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามขึ้นมาพิมพ์ปรางอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะชวนทะเลาะใหม่ทั้งที่เขาก็ทำโทษเธอในแบบของเขาโดยไม่ฟังคำอธิบายไปแล้ว แต่เพราะรับรู้ได้ถึงปลายนิ้วโป้งที่เกลี่ยเบาๆ จากมือที่วางบนไหล่เธอทำให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองมีอย่างหนึ่งที่กิตติกรไม่เคยทำเลยก็คือทำร้ายให้เธอเจ็บตัว ไม่ว่าเขาจะไม่พอใจแค่ไหนแต่ไม่เคยลงไม้ลงมือแบบผู้ชายขี้โมโหที่เธอเห็นในข่าวบ่อยๆ เขาแค
“ทำให้ฉัน”“คะ?”สมองหญิงสาวยังคงว่างเปล่าเกินกว่าจะเข้าใจอะไร แต่มือหนารั้งเอวเล็กให้ขยับเข้าไปหาเขา“นั่งลงมาสิ”เธอถูกจัดร่างกายให้เป็นไปตามที่ชายหนุ่มต้องการแล้ว ไม่สามารถถอยกลับได้ในตอนนี้ แล้วก็ต้องสะดุ้งเบาๆ พร้อมร้องออกมาเสียงแผ่ว ร่างสองร่างหลอมรวมอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัวมือหนาสองข้างบังคับให้เอวบางขยับโดยไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว พร้อมตาก็กวาดมองทรวงอกคู่สวย ใบหน้างดงามน่ามองแม้จะเปียกโชกไปทั้งตัว รู้ดีว่าพิมพ์ปรางมีเสน่ห์บางอย่างที่ผู้ชายหนุ่มทุกคนพร้อมจะกระโดดเข้าหา ดวงตาเรียวคมสวยที่ฉายแววน่าสงสารนั่นเอง มันชวนมองและดึงดูดอย่างน่าประหลาด พาให้อยากปกป้องคุ้มครองและเป็นเจ้าของดวงตาคู่นั้น ให้มันมองเขาแค่คนเดียวเหมือนตอนนี้กิตติกรจำได้ว่าเมื่อก่อนเขายอมทำแม้กระทั่งให้ดวงตาคู่นี้มองเขาอย่างเจ็บปวด มาถึงตอนนี้เขาอยากได้มันมากกว่านั้น ไม่ว่าจะมองอย่างเรียกร้องต้องการ ตัดพ้อต่อว่า หรือแม้แต่แววของความสุขมือหนาเปลี่ยนมากอบกุมอกอวบตรงหน้าที่กระเพื่อมไหวด้วยความหลงใหล เขารู้ว่าตัวเองกำลังหลง ทุกอย่างบนเนื้อตัวของพิมพ์ปรางทำให้เขาลืมไม่ลง คอยแต่คิดถึงทุกครั้งที่ทิ้งตัวลงนอน แล้วก็ระแ