Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-12-03 02:34:30

หนึ่งปีต่อมา… (ปัจจุบัน)

เสียงแตรรถหรูดังแทรกเข้ามาท่ามกลางความวุ่นวายของตลาดในตอนเช้า กลิ่นผักสดปะปนกับกลิ่นปลาอบคละคลุ้งทั่ว พ่อค้าแม่ค้าต่างรีบเก็บของกันให้วุ่นเมื่อขบวนรถสีดำเงาวับคันยาวแล่นเข้าจอดด้านหน้า

คะน้าเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยหลังมือน้อย ๆ เธอก้มลงยกตะกร้าผักที่เหลือขายมาตั้งขึ้นแผงช่วยยายสมพร ขณะดวงตาเธอก็พลางจับจ้องไปยังรองเท้าหนังราคาแพงที่ก้าวลงจากรถก่อนใคร

ชายร่างสูงในสูทสีดำยืนอยู่กลางตลาดราวกับเป็นเจ้าของตลาดทุกตารางนิ้ว ดวงตาคมเรียบเย็นกรามชัดเจน ผมดำแกรมเทาที่ถูกเซ็ตอย่างประณีตสะท้อนแสงแดดในยามเช้า และทุกสายตาก็จ้องมองไปที่เขาราวกับคนมองราชา

“นายทุนใหญ่มาแล้ว..”เสียงแม่ค้าแผงข้างกันกระซิบเบา ๆ คะน้าไม่ได้สนใจคำกระซิบเหล่านั้น เธอเชิ่ดใบหน้าเรียวใสขึ้นสูดกลิ่นผักที่คุ้นเคย แล้วมองตรงไปยังผู้ชายที่เดินตรงเข้ามาเหมือนที่นี่เป็นสนามของเขา

“ที่ตรงนี้.. จะต้องถูกรื้อในอีกสามเดือน” เสียงทุ้มเข้มฟังแล้วเยือกเย็นดังชัดทุกถ้อยคำราวกับประกาศคำสั่งตัดสินชะตาคนในตลาด

ตลาดที่เธอเติบโตมาเกือบทั้งชีวิต เพียงประโยคเดียวกลับเหมือนโลกทั้งใบของเธอกำลังถูกบดขยี้

“รื้อ ? คุณเป็นใครถึงมาพูดแบบนี้ ?” คะน้าเอ่ยเสียงดังในขณะที่แม่ค้าพ่อค้าคนอื่น ๆ กำลังหลบสายตาชายสูทดำ จากนั้น…

“ใหญ่มาจากไหนกัน?” สิ้นคำถามครั้งที่สองของคะน้าจบลง คนตัวสูงสวมสูทดำจึงหันใบหน้าช้า ๆ ดวงตาคมกริบตวัดมามองเธอเต็ม ๆ เพราะไม่เคยมีใครในที่แห่งนี้เคยถามเขาแบบนี้มาก่อนและไม่มีใครกล้าเผชิญหน้าเขาในที่แบบนี้

“หลงเฟย เจ้าของที่นี่… และเป็นคนที่จะทำให้ตลาดเก่า ๆ นี้... เปลี่ยนไป” เขาตอบเรียบ ๆ แต่คำตอบเรียบ ๆ ของเขานั้นกลับเหมือนมีดบาดใจใครหลายคนที่ไม่มีทางเลือก แต่ไม่ใช่กับคะน้า

ใช่.. เธอกลับยกคางขึ้นนิด ๆ ดวงตากลมใสของเธอมีประกายดื้อรั้นไม่สนคำพูดของหลงเฟย

“ฉันคือเจ้าของที่นี่ได้ยินรึเปล่า”

“เหรอ ฉันไม่เห็นเคยรู้มาก่อน แต่ก็ดีคุณมาที่นี่ก็ดีฉันจะได้สู้ถูกคน ฉันได้ยินคนลือเรื่องคุณมาหลายครั้งแล้ว”

บรรยากาศรอบตลาดเงียบลงชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าแม้แต่หายใจแรง หลงเฟยมองใบหน้าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา เธอไม่มีความกลัวในแววตานั่นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความท้าทายแบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน

“สู้เหรอ...เธอสู้ไม่ได้หรอก” หลงเฟยพูดช้า ๆ

“อย่าลืมว่า ตอนนี้ฉันคือคนถือสิทธิ์แทบทุกอย่างของตลาดนี่”

“แล้วยังไง” เสียงคะน้าดังสะท้อนอยู่กลางตลาด ทุกคนหันมองบางคนเบิกตากว้าง บางคนรีบหลบสายตาไม่กล้าสบกับชายสูทดำอีกสามสี่คนที่ยืนอยู่อีกฟาก

“คะน้า! คะน้า! คะแคก” เสียงยายสมพรสั่น ๆ ปนเสียงไอ ดังแทรกขึ้นมาอย่างร้อนรน หญิงชราก้าวออกมาจากแผงผักสดที่ตั้งอยู่ข้างหลังจับแขนหลานสาวแน่น

“อย่าพูดแบบนี้ลูก… อย่าไปเถียงกับเขาเลย” สิ้นเสียงของคนเป็นยาย คะน้าหันไปมองยายสมพร ดวงตาเธอยังแข็งกร้าว

ยายสมพรไม่ได้กลัวเพราะรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ยายสมพรรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดแห่งนี้..

“ยาย เขาบอกจะมารื้อที่นี่นะ! ถ้าเป็นงั้นจริงแล้วเราจะอยู่ยังไง? ที่นี่คือที่เราไม่ใช่เหรอ จะรื้อง่าย ๆ ได้ยังไงกัน”คะน้าเถียงกลับยายสมพรเสียงเบา

“แต่เราไม่ควรไปต่อปากกับเขา” ยายสมพรพูดเสียงสั่น

“คนอย่างนั้น เขาไม่ใช่คนที่เราจะปากดีใส่ได้นะลูก”

สายหลงเฟยมองภาพยายที่ดึงแขนหลานไว้ แล้วมองกลับมาที่คะน้าที่ยังไม่ยอมลดสายตาลง หลงเฟยไม่พูดอะไรแต่รอบยิ้มบางเบาที่มุมปากคือคำตอบทั้งหมด…

“หนูไม่ยอมนะยาย” คะน้ากระซิบกับยายเบา ๆ แต่เสียงนั้น… ดังพอให้หลงเฟยได้ยิน

“ถ้าเธอไม่ยอม…” รองเท้าหนังก้าวเข้ามาอีกก้าว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เธอก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองให้ได้”

บรรยายกาศรอบตลาดเงียบกริบ เสียงลมหายใจของคนทั้งตลาดเหมือนหยุดไปชั่วขณะ ด้านยายสมพรเองก็พลางหลบตาลงแต่คะน้ายังคงยกคางเชิ่ดขึ้นอีกครั้ง แม้ภายในใจจะสั่นแต่ก็ไม่ถอย

หลงเฟยยื่นมือข้างหนึ่งออกจากกระเป๋าสูทสีดำที่สะท้อนแสงแดดยามเช้าอย่างเรียบหรูแล้วก้าวขาเข้ามาใกล้คะน้าอีกก้าว ใกล้จนเงาของเขาทาบร่างของคะน้าและยายสมพรจนมิด

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาปากดีใส่ฉัน” หลงเฟยเอ่ยช้า ๆ น้ำเสียงเรียบแต่กดอากาศรอบตัวให้หนักขึ้น ยายสมพรสะดุ้ง รีบดึงแขนหลานแน่นกว่าเดิม

“ขอโทษนะคะคุณ… เด็กมันไม่รู้เรื่อง อย่าถือสาเลย” ยายสมพรพูดเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพราะไม่รักคะน้าแต่เพราะใจในของยายรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร

หลงเฟยมองยายสมพรแค่เพียงแวบเดียว ก่อนจะเลื่อนสายตาคมกริบกลับไปที่คะน้า

“ไม่ต้องขอโทษ… คนที่ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองคือเด็กนี่”

“ทำไมต้องรับผิดชอบ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” คะน้าสวนกลับทั้งที่ใจสั่น ด้านยายสมพรเองเมื่อได้เสียงหลานสาวตัวเองสวนกลับหลงเฟยทันควันก็สะดุ้งรีบส่ายหน้าเบา ๆ แต่คะน้าก็ยังไม่ถอย

“หึ…”หลงเฟยยิ้มมุมปากนิด ๆ ดวงตาคมลึกจนเหมือนอ่านใจคนตรงหน้าออก พลางมองคะน้าจากหัวจรดเท้าเหมือนประเมินราคา

“ง่ายมาก…” เขาพูดช้า ๆ แล้วโน้มตัวเข้าใกล้

“ทำให้ฉันพอใจ”

“หมายความว่ายังไง”

คำว่า ทำให้ฉันพอใจ ดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบ ทุกสายตาในตลาดจับจ้องไปยันคะน้าและหลงเฟย ไม่ใช่เพราะเข้าใจในคำพูดของหลงเฟย แต่อารมณ์ของคำพูดนั้นเพียงพอจะทำให้ใครต่อใครหนาวสั่นไปทั้งตัว

ด้านคะน้าเมื่อได้ยินคำพูดของหลงเฟยเธอจึงกำมือแน่น แล้วนิ่งเงียบ คะน้าไม่ใช่คนโง่ ข้อเสนอของนายทุนแบบนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องอื่นได้เลย

“ว่ายังไง”

“คะน้าอย่าเลย” เสียงยายสมพรเรียกหลานสาวคนเดียวของเขาแทบบจะร้องไห้ออกมา

“…”

“เตรียมตัวรับผิดชอบกับคำพูดของเธอให้ดีก็แล้วกัน”

พูดจบหลงเฟยก็หมุนตัวเดินกลับไปยังรถหรูประตูรถหรูปิดดัง ปั๊ง! และเสียงเครื่องยนต์หรูคำรามเบา ๆ ก่อนรถจะแล่นออกจากตลาดเก่า ทิ้งไว้เพียงงกลิ่นควันและความเงียบงันที่ยังไม่คลาย

“ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม…ฉันจะไม่ยอมให้คุณมารื้ออย่างที่ทุกคนในตลาดเขาลือแน่”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 159

    หลงเฟยอยู่ในสูทสากลสีดำทรงเฉียบปักลายมังกรทองบาง ๆ ที่ปกเสื้อ ประสานความเป็นจีนกับความเป็นสากลได้อย่างพอดีที่สุด ทันทีที่หลงเฟยเห็นคะน้าเขาหยุดหายใจอีกครั้งในวันเดียว “สวยกว่าพิธีเช้าอีก” ร่างสูงกระซิบเบา ๆ “ก็คุณเลือกชุดให้นี่คะ” คะน้ายิ้ม งานเริ่มด้วยพิธีเปิดตัวบ่าวสาว เดินเข้าสู่เวทีท่ามกลางแ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 158

    รุ่งเช้าในวันแต่งงานของตระกูลหลง ท้องฟ้าเซี่ยงไฮ้สีฟ้าอ่อนแบบหายาก แสงสว่างลอดผ่านม่านผืนบางในคฤหาสน์ใหญ่ บรรยากาศในบ้านไม่ใช่ความเร่งรีบ แต่เป็นความสงบ อบอุ่น และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบขาวกับลิลลี่ที่ทีมงานกำลังจัดอยู่ทุกมุม ห้องแต่งตัวชั้นบนถูกเปิดไฟนุ่ม ๆ ช่างแต่งหน้าช่างผมยืนเรียงกันอย่

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 157

    “เดี๋ยวคุณจินก็บินมาแล้ว” “เอาล่ะ เรามาดูชุดเจ้าสาวต่อดีกว่า” หลงเฟยพูดขึ้น พลางเลือกรูปชุดจากโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า kanaa bridal ไว้ “แล้วคุณอยากให้ฉันใส่แบบไหนคะ?” “ที่เธอชอบที่สุด” หลงเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังตั้งใจจริง “แต่คุณก็ต้องชอบด้วยค่ะ” “คะน้าไม่ว่าชุดไหน เธอก็สวย” เขาส่ายหัวเบา

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 156

    หลังจากสรุปจำนวนแขกและรูปแบบงานได้อย่างสงบที่สุดในรอบเช้าปั่นป่วน ช่วงบ่ายของวันนั้นบรรยากาศในบ้านหลังโต ตระกูลหลงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกโลกหนึ่ง ราวกับจากสนามรบกลายเป็นสตูดิโอวางแผนความฝันของคู่รัก… บ่ายวันเดียวกัน ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง คะน้านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อเถียง แต่เพื่อไล่ดู

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 155

    “คะน้า…” “คะ?” “ฉันตั้งใจรักเธอมากนะ” เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหู ทำให้หัวใจคะน้าสั่นอย่างที่คำหวานเกินไปไม่เคยทำได้ “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้ม หลงเฟยกอดแน่นขึ้นนิด เหมือนยืนยันคำพูดโดยไม่ต้องอธิบายอะไรอีก วันนี้ไม่มีเสียงถกเถียงเรื่องงานแต่งอีกแล้ว จะมีแค่เสียงหัวใจของสองคน ที่กำลังก้าวจากสู้กันเ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 154

    เสียงของคะน้าดังสะเทือนไปทั้งโถงบ้าน แต่แทนที่หลงเฟยจะเถียงกลับ เขากลับยกมือยอมแพ้ทั้งสองข้างอย่างสงบ เหมือนผู้ชายที่รู้ว่าถ้ายังไปต่อ จะไม่มีทางชนะตั้งแต่ต้น… “ล้อเล่น” หลงเฟยพูดเสียงเบานุ่มจนคะน้าขมวดคิ้ว “ฉันจะไม่บังคับเรื่องจำนวนแขกแล้วให้เราค่อย ๆ คุยกันใหม่ดีกว่า” คะน้าไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ยิ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status