Share

ใต้เงาหลงเฟย
ใต้เงาหลงเฟย
Author: แมวดำดื้อ

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-11-27 01:21:51

เสียงพัดลมเก่า ๆ หมุนเอื่อยเหนือยศีรษะ เสียงแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้าและเสียงเหล็กกระทบกระทะดังสนั่นทั้งตลาดในตอนเช้า ยายสมพรกำลังจัดผักหน้าร้านเหมือนทุกวัน ดวงตาแม้จะมีรอยย่น แต่แววตาอบอุ่นนั้นยังไม่เคยหายไป

“ขอโทษครับ ขออนุญาตรบกวนเวลาสักครู่”

ชายในสูทเรียบหรูเดินเข้ามาพร้อมผู้ติดตามสองคนและแฟ้มเอกสารในมือ ยายสมพรหยุดมือมองชายคนนั้นอย่างระแวดระวัง คนในตลาดเริ่มชะโงกหน้าออกมามองเป็นแถว

“ผมเป็นตัวแทนจากบริษัทตึกสูง ๆ ตึกนั้นครับ”ชายในสูทเรียบหรูชี้นิ้วไปยันตึกสูงหลายสิบชั้นที่ตั้งตะหง่านอยู่ไม่ไกลจากตลาด ซึ่งเป็นตึกสำนักงานรองบริษัทหลงเฟยกรุ๊ป

“ทางบริษัทมีโครงการพัฒนาตลาดเชิงพาณิชย์ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ และเราอยากเชิญชวนพ่อค้าแม่ขายพี่น้องในชุมชนทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครับ”

คำว่า ‘เปลี่ยนแปลง’ ดังชัดแต่แฝงความหมายบางอย่างไว้ข้างใน

“ถ้าทุกท่านยินดีร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เราจะจ่ายค่าชดเชยให้… คนละสามเท่าของราคาประเมินที่ดิไม่มีใครเสียเปล่าแน่นอนครับ”

สิ้นเสียงชายสูทดำ เสียงซุบซิบของพ่อค้าแม่ขายและคนในชุมชนก็เริ่มดังระงมขึ้นทันทีในตลาด

“สามเท่าเลยนะ”

“ได้เงินก้อนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยจะดี ได้เงินก้อนคงจะดี”

“อายุเยอะแล้ว ถ้าได้เงินก้อนมาก็ไปอยู่บ้านลูกบ้านหลานสบาย”

“เอ่อ..คุณยายครับ…หากคุณยายเซ็นเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เงินก้อนนี้จะเข้าบัญชีพรุ่งนี้เช้าเลยนะครับ”

เสียงของชายชุดสูทเรียบสะอาดพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังยื่นปากกาสีดำสวยดูมีราคามาให้ มืออีกข้างถือเอกสารสัญญาหนาเตอะที่ปิดตราประทับบริษัทชัดเจน

“มันเยอะเกินไป” ยายสมพรพูดเสียงเบา

“ฉันไม่เคยจับเงินขนาดนี้มาก่อนเลย”

“มันเป็นเพียงเงินขวัญถุงหลังเซ็นสนใจเข้าร่วมเท่านั้นครับคุณยาย” เขาพูดเรียบชัดและใจเย็นแบบคนที่เจรจาธุรกิจเป็นงานประจำ

“แค่เซ็นเอกสารเข้าร่วมโครงการ คุณยายกับหลานสาวก็ไม่ต้องแบกภาระอะไรอีก ขึ้นโครงการใหม่เมื่อไหร่ ก็จะได้สิทธิ์ตั้งแผงในที่ใหม่เหมือนเดิมและได้เงินเพิ่มอีกด้วย”

“แล้วถ้า…ฉันไม่เซ็นล่ะ”เสียงของยายสมพรเบาแต่หนัก

“ก็ไม่เป็นไรครับ” ชายคนนั้นยิ้มมุมปากบาง ๆ

“แต่ว่า...เงินนั่นมากพอจะส่งคะน้าเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนดี ๆ ได้สี่ปีเต็ม เงินนี่อาจเป็นใบเบิกทางให้คะน้าไม่ต้องจมอยู่ในตลาดเก่า ๆ เล็ก ๆ ไปตลอดชีวิต” ยายสมพรคิดคนเดียวใจใน

“ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหมพ่อหนุ่ม” ยายถามเสียงสั่นด้วยความลังเล

“ได้เลยครับคุณยาย” หนุ่มสูทดำยิ้มสุภาพ แต่สายตาคมเรียบนั้นไม่แม้แต่จะไหววูบ

“อื้ม… แต่ผมแนะนำว่า…คุณยายอย่าคิดนานเกินไปนะครับ เงินก้อนจากที่ได้เยอะอาจจะลดลงนะครับคุณยาย” พูดจบชายสูทดำก็เก็บเอกสารไว้ในซอง วางไว้หน้าแผงผักตรงหน้าไม่ได้เอากลับ ยายสมพรมองมันราวกับมันเป็นตะปูร้อนที่กำลังจี้หัวใจด้วยความลังเล

เพราะอนาคตและความฝันของหลานสาวรออยู่อีกไม่ถึงปี…

และในเอกสารยังเขียนอีกไว้ว่า…

‘ราคาชดเชยสามเท่าจากราคาประเมิน พร้อมโบนัสเพิ่มสำหรับผู้เซ็นสัญญาภายใน 60 วัน รับเงินก่อน เซ็นทีหลังได้สบายใจ’

ไม่กี่วันต่อมา…

บริษัทส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจารอบที่สองแม่ค้าในตลาดหลายคนเริ่มยิ้ม บางคนรับปาก บางคนถึงขั้นฝันถึงชีวิตใหม่หลังได้เงินก้อนใหญ่หลังเซ็นเอกสาร และแม่ค้าพ่อค้าในตลาดก็ค่อย ๆ แตกเสียงกันเป็นสองฝั่ง

ฝั่งที่อยากขายเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

ฝั่งที่ยังลังเลเพราะที่นี่เปรียบเสมือนบ้านที่อยู่มาทั้งชีวิต

ยายสมพรยืนอยู่ตรงกลางเหมือนถูกดึงออกเป็นสองด้านและในขณะเดียวกันก็มีซองเอกสารสัญญาเบื้องต้นวางอยู่ในมือเหี่ยวของเธอ

และวันนี้แหละ... คือวันที่หมากตัวแรกถูกวางบนกระดาน คะน้าสาววัยสิบแปดปลาย ยังไม่รู้เลยว่าการตันสินใจของยายสมพรในที่เซ็นเอกสาร… จะเป็นจุดเริ่มต้นของแรงกดดันในชีวิตของเธออย่างมหาศาล

“ก้อนแรกหลังเซ็นเข้าร่วมโครงการสี่แสนบาท…”ยายสมพรพึมพำเสียงเบา มันคือเงินจำนานมหาศาลสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ เงินนี้มากพอจะเปลี่ยนชีวิตของคะน้าหลานสาวคนเดียวของหญิงชราให้ได้เรียนมหาวิทยาลัยตามฝัน แต่ก็เป็นเงินที่แลกมากับที่ดินผืนเดียวที่พวกเขามี

เสียงเข็มนาฬิกาดัง ติ๊ก…ต๊อก เป็นจังหวะเดียวที่ดังในห้องเล็ก ๆ นี้

น้ำตาหยดแรกของยายสมพรก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว

ยายสมพรรู้ดีว่าโครงการนี้ไม่ได้เป็นแค่ข้อเสนอ แต่มันคือแรงกดดันบางอย่างเกินจะขัดขืนได้ ไม่ยอมวันนี้วันหน้าก็ต้องยอม แม่ค้าหลายคนในตลาดเซ็นไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คนที่ยังลังเล

ยายสมพรหยิบกระดาษในซองขึ้นมาอ่านอีกครั้งพร้อมกับเสียงไอแห้ง ๆ แม้จะอ่านไม่ค่อยเข้าใจถ้อยคำกฎหมายทั้งหมดแต่บรรทัดสุดท้ายของเอกสารก็ง่ายเกินจะไม่เข้าใจ

“หากท่านยินยอมเข้าร่วมโครงการและพร้อมเซ็นภายใน 60 วัน บริษัทยินดีดำเนินการจ่ายเงินส่วนที่เหลือภายใน 15 วันหลังโอนกรรมสิทธิ์”

และในตอนนี้ชื่อยายสมพรไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่บริษัทบอกว่า…

“แค่รับเงินก้อนไว้ก่อนก็พอครับ เดี๋ยวเรื่องเซ็นโอนทางบริษัทเราสามารถจัดการต่อได้ครับ” น้ำเสียงสุภาพของชายสูทดำ แต่คำพูดเหมือนกับมัดเชือกรอบตัวยายสมพรไว้เงียบ ๆ

“ยายจ๋า” เสียง คะน้า เด็กสาววัยสิบแปดขวบปลาย ดังมาจากประตูทางเข้าของบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ เด็กสาวเพิ่งกลับมาจากเรียนพิเศษ

“ยายยังไม่นอนอีกเหรอ”

“อืม… ยายแค่คิดอะไรนิดหน่อย” ยายสมพรรีบเก็บซองเอกสารไว้ข้างตัว

“คิดอะไรเหรอ?” คะน้าเลิกคิ้ว เธอยังไม่รู้เลยว่าคำถามธรรมดาวันนี้ อีกหนึ่งปีข้างหน้ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิต

“คิดว่าถ้าถึงวันที่หลานยายได้เรียนมหาลัยจริง ๆ จะดีแค่ไหน” ยายสมพรฝืนยิ้มบาง ๆ ด้านคะน้าเมื่อได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะน้อย ๆ แล้วเดินเข้ามากอดคนเป็นยาย

“หนูต้องทำตามความฝันให้ได้อยู่แล้ว สอบเข้ามหาลัยดี ๆ พอเรียนจบหนูจะไม่ให้ยายขายผักอีก แล้วก็จะพายายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ ไม่ต้องเช่าบ้านให้ลำบาก”

คำพูดของเด็กกำพร้าตัวน้อย ๆ ที่โดนแม่คลอดแล้วทิ้งไว้ให้ยายสมพรเลี้ยงดูเหมือนกำลังเป็นมีดกรีดใจยายสมพรช้า ๆ เพราะภายในใจยายสมพรรู้ดีว่า อนาคตที่คะน้าฝันถึง อาจต้องเสียงที่ดินผืนที่ใช้ทำมาหากินไป...

กลางดึกที่ฝนโปรยยายสมพรยื่นมือไปแตะซองเอกสารอีกครั้ง นิ้วเรียงที่หยาบกร้านลูบไล้มุมซองสีน้ำตาลเบา ๆ เหมือนจะถามมันว่า ที่คือทางที่จะทำให้คะน้ามีอนาคตที่สวยงามได้จริง ๆ ใช่ไหม

และในที่สุด…

“ยายขอโทษนะคะน้าที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ แต่ยายอยากให้หนูมีอนาคตจะได้เรียนจบสูง ๆ มีงานทำดี ๆ ไม่ต้องมาขายของกลางตลาดร้อน ๆ ลำบากเหมือนยาย”

เสียงขูดของปลายปากกาเสียดสีกับกระดาษดังยาวกว่าปกติในความรู้สึกของยายสมพร

มันไม่ใช่เพียงเสียงของปลายปากกาที่กำลังลงบนกระดาษ แต่มันเหมือนเสียงกุญแจที่กำลังล็อกชีวิตบางอย่างไว้ตลอดกาล

ยายสมพรหลับตาชั่วขณะ มือที่สั่นเพราะแรงกดดันไม่ใช่เพราะความชรา เธอไม่ได้เซ็นเพราะเชื่อบริษัท…แต่เพราะเธอเชื่อว่า นี่จะเป็นทางเดียวที่จะทำให้คะน้าได้เรียนมหาลัยดี ๆ และมีอนาคตที่ดีตามความฝัน

“ขอให้มันเป็นทางที่ดีนะ” เสียงที่ไม่มีใครได้ยินเล็ดลอดจากริมฝีปากเหี่ยวย่น

เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ในสูทเรียบเดินเข้ามาพร้อมซองเงินก้อนใหญ่ ใบหน้าของเขายิ้ม แต่ในดวงตากลับเยือกเย็น

เงินในมือซองนั่นไม่ใช่เงินขวัญถุง ไม่ใช่รางวัล อย่างที่เขาเคยบอกแต่มันคือ โซ่ทองที่ผูกพันธนาการ

และไม่มีใครรู้เลยว่า…

ลายเซ็นของหญิงชราคืนนั้นจะเป็นประตูเปิดสู่กรงมังกร ที่ไม่มีใครออกมาได้ง่าย ๆ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 159

    หลงเฟยอยู่ในสูทสากลสีดำทรงเฉียบปักลายมังกรทองบาง ๆ ที่ปกเสื้อ ประสานความเป็นจีนกับความเป็นสากลได้อย่างพอดีที่สุด ทันทีที่หลงเฟยเห็นคะน้าเขาหยุดหายใจอีกครั้งในวันเดียว “สวยกว่าพิธีเช้าอีก” ร่างสูงกระซิบเบา ๆ “ก็คุณเลือกชุดให้นี่คะ” คะน้ายิ้ม งานเริ่มด้วยพิธีเปิดตัวบ่าวสาว เดินเข้าสู่เวทีท่ามกลางแ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 158

    รุ่งเช้าในวันแต่งงานของตระกูลหลง ท้องฟ้าเซี่ยงไฮ้สีฟ้าอ่อนแบบหายาก แสงสว่างลอดผ่านม่านผืนบางในคฤหาสน์ใหญ่ บรรยากาศในบ้านไม่ใช่ความเร่งรีบ แต่เป็นความสงบ อบอุ่น และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบขาวกับลิลลี่ที่ทีมงานกำลังจัดอยู่ทุกมุม ห้องแต่งตัวชั้นบนถูกเปิดไฟนุ่ม ๆ ช่างแต่งหน้าช่างผมยืนเรียงกันอย่

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 157

    “เดี๋ยวคุณจินก็บินมาแล้ว” “เอาล่ะ เรามาดูชุดเจ้าสาวต่อดีกว่า” หลงเฟยพูดขึ้น พลางเลือกรูปชุดจากโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า kanaa bridal ไว้ “แล้วคุณอยากให้ฉันใส่แบบไหนคะ?” “ที่เธอชอบที่สุด” หลงเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังตั้งใจจริง “แต่คุณก็ต้องชอบด้วยค่ะ” “คะน้าไม่ว่าชุดไหน เธอก็สวย” เขาส่ายหัวเบา

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 156

    หลังจากสรุปจำนวนแขกและรูปแบบงานได้อย่างสงบที่สุดในรอบเช้าปั่นป่วน ช่วงบ่ายของวันนั้นบรรยากาศในบ้านหลังโต ตระกูลหลงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกโลกหนึ่ง ราวกับจากสนามรบกลายเป็นสตูดิโอวางแผนความฝันของคู่รัก… บ่ายวันเดียวกัน ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง คะน้านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อเถียง แต่เพื่อไล่ดู

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 155

    “คะน้า…” “คะ?” “ฉันตั้งใจรักเธอมากนะ” เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหู ทำให้หัวใจคะน้าสั่นอย่างที่คำหวานเกินไปไม่เคยทำได้ “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้ม หลงเฟยกอดแน่นขึ้นนิด เหมือนยืนยันคำพูดโดยไม่ต้องอธิบายอะไรอีก วันนี้ไม่มีเสียงถกเถียงเรื่องงานแต่งอีกแล้ว จะมีแค่เสียงหัวใจของสองคน ที่กำลังก้าวจากสู้กันเ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 154

    เสียงของคะน้าดังสะเทือนไปทั้งโถงบ้าน แต่แทนที่หลงเฟยจะเถียงกลับ เขากลับยกมือยอมแพ้ทั้งสองข้างอย่างสงบ เหมือนผู้ชายที่รู้ว่าถ้ายังไปต่อ จะไม่มีทางชนะตั้งแต่ต้น… “ล้อเล่น” หลงเฟยพูดเสียงเบานุ่มจนคะน้าขมวดคิ้ว “ฉันจะไม่บังคับเรื่องจำนวนแขกแล้วให้เราค่อย ๆ คุยกันใหม่ดีกว่า” คะน้าไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ยิ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status