แชร์

บทที่ 11 ไม่ยอมแพ้

ผู้เขียน: Luffy.g
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 13:32:18

บทที่ 11 ไม่ยอมแพ้

          จางหมินเย่วถูกขังอยู่ในศาลบรรพชนเป็นเวลากว่าห้าวันแล้ว แต่ทว่านางยังคงมีท่าทีแข็งขืนและไม่ยอมแพ้ เล่อจิ้นยกสำรับอาหารเข้ามาภายในห้อง นางมองนายหญิงของตนด้วยความเป็นห่วง นับตั้งแต่จางหมินเย่วถูกลงโทษนางก็แตะต้องอาหาร เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างกายบอบบางซีดผอมลงอย่างเห็นได้ชัด จนเล่อจิ้นอดนึกเป็นห่วงเสียมิได้ “คุณหนู...ท่านทานอาหารให้มากเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ หากท่านยังฝืนร่างกายเช่นนี้ ท่านจะล้มป่วยเอาได้นะเจ้าคะ”

จางหมินเย่วหัวเราะหึๆ ออกมา “ป่วยงั้นรึ...ข้าป่วยได้ก็ดีสิ” เล่อจิ้นได้แต่ถอนหายใจในความดื้อรั้นของนาง

จนกระทั่งช่วงบ่ายของวันเล่อจิ้นเข้ามาภายในห้องเพื่อจัดเก็บสำรับ นางกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น “พ่อบ้าน...พ่อบ้านตามนายท่านและฮูหยินเร็ว...คุณหนูรองเป็นลมหมดสติไปแล้ว” เล่อจิ้นร้องพลางรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน จางหมินเย่วนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นห้องอย่างไม่รู้สึกตัว

 จวนสกุลจางโกลาหลขึ้นอีกครั้ง จางเหวิ่นชิงรีบให้คนไปตามหมอมาที่จวนเป็นการด่วน ในขณะที่จางหมินเย่วถูกพาตัวกลับมายังเรือนนอน นางยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบนิ่ง จางเหวิ่นชิงรู้สึกปวดใจยิ่งนักเมื่อมองใบหน้าของบุตรสาว ใบหน้าที่เคยอิ่มเอิบบัดนี้กับซีดเซียวราวกับไร้ชีวิต ร่างกายซูบผอมลงไปจนน่าตกใจ

เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ครั้นพอหมอก้าวเข้ามาในห้อง นางก็รีบเชิญเขาเข้าตรวจอาการในทันที

“เรียนใต้เท้า...คุณหนูรองมีอาการอ่อนเพลียอย่างมาก ประกอบกับจิตใจที่ไม่มั่นคงยิ่งทำให้ร่างกายทรุกหนัก ข้าจะจัดเทียบยาให้ทานวันละสามหน ต่อไปขอใต้เท้าหมั่นดูแลอย่าให้มีเรื่องกระทบจิตใจอีก ไม่ช้าร่างกายของคุณหนูก็จะฟื้นตัวขอรับ”

เสร็จสิ้นคำรายงานจางเหวิ่นชิงก็ให้พ่อบ้านมอบเงินให้เขาจำนวนหนึ่ง ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงด้านข้างเตียงพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวจางหมินเย่วอย่างแผ่วเบา “เย่วเอ๋อร์...เจ้าช่างดื้อรั้นเหมือนม่านเอ๋อร์ไม่มีผิด...หากมิใช่เพราะความดื้อรั้นนี้ ข้าคงไม่มีวาสนาได้ตบแต่งกับแม่ของเจ้าเป็นแน่” จางเหวิ่นชิงพึมพำออกมาพลางนึกถึงฟางม่านเอ๋อร์ ภรรยาสุดที่รักของเขา

ในตอนนั้นจางเหวิ่นชิงยังคงเป็นแค่ขุนนางระดับล่าง เขาได้พานพบกับคุณหนูใหญ่สกุลฟาง บุตรสาวคนโตของบัณฑิตฟางเจี้ยหลิน อาจารย์ใหญ่ประจำสำนักข้าหลวงที่อบรมถ่ายทอดความรู้ให้เหล่าบัณฑิตรวมถึงบุตรชายขุนนาง ไม่เว้นแม้แต่เหล่าองค์ชายและเชื้อพระวงศ์ ทำให้ฟางเจี้ยหลินได้รับความเคารพยำเกรงและนับหน้าถือตาเป็นอย่างมาก 

จางเหวิ่นชิงนั้นตกหลุมรักฟางม่านเอ๋อร์ตั้งแต่แรกพบ แต่ด้วยฐานะและตำแหน่งของเขาในเวลานั้นก็มิต่างจากยาจกที่หมายปองหญิงสูงศักดิ์ก็ไม่ปาน ฟางม่านเอ๋อร์นั้นได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่งประกอบกับความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบิดาทำให้เหล่าคุณชายทั้งหลายหรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ต่างต้องการเกี่ยวดองนางเข้าเป็นสะใภ้ของตระกูลแทบทั้งสิ้น

จนกระทั่งวันหนึ่งจางเหวิ่นชิงได้มีโอกาสช่วยเหลือรถม้าของฟางม่านเอ๋อร์ที่ติดหล่มอยู่ข้างทาง ทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสพูดคุยและพัฒนาความสัมพันธ์กัน ในคราแรกฟางเจี้ยหลินไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ครั้งนี้แต่เพราะความดื้อดึงของฟางม่านเอ๋อร์ทำให้สุดท้ายเขาก็ได้แต่จนใจและยอมให้นางแต่งเข้าสกุลจาง จางเหวิ่นชิงจดจำวันสู่ขอฟางม่านเอ๋อร์ได้เป็นอย่างดี เขารับปากกับฟางเจี้ยหลินว่าจะรักและดูแลฟางม่านเอ๋อร์มิให้เจ็บช้ำน้ำใจแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เป็นสัญญาที่เขาปฏิบัติตามมาโดยตลอด คำสัญญานี้จึงถ่ายทอดลงมาสู่จางหมินเย่ว บุตรสาวที่เขารักและโปรดปรานเป็นที่สุด

เดิมทีจางเหวิ่นชิงไม่เคยคิดจะรับอนุคนใดเข้าจวนเพราะสายตาและหัวใจของเขาผูกติดกับฟางม่านเอ๋อร์จนหมดสิ้น แต่เมื่อฟางม่านเอ๋อร์รบเร้าพร้อมกับข่มขู่เขาด้วยเหตุผลที่ว่าหากจางเหวิ่นชิงแต่งงานกับนางแล้วทำให้สกุลจางต้องหมดสิ้นทายาท ตราบาปนี้คงตกกับนางไปชั่วชีวิต และเมื่อเห็นฟางม่านเอ๋อร์เอาแต่อมทุกข์อยู่ทุกวี่ทุกวัน สุดท้ายจางเหวิ่นชิงจึงยอมใจอ่อนรับอนุเข้ามาในเรือนตามการจัดแจงของฟางม่านเอ๋อร์ทั้งหมด

“ม่านเอ๋อร์...หากเจ้ายังอยู่...ข้าคงรู้ว่าข้าควรทำเช่นใดดี” จางเหวิ่นชิงยังคงพร่ำเพ้อถึงฟางม่านเอ๋อร์ในขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าของจางหมินเย่วอย่างไม่วางตา

          เซี่ยเหมยจ้องมองจางเหวิ่นชิงตรงหน้า สองมือกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกที่อัดล้นขึ้นมา นางเม้มปากเพื่อข่มกลั้นความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติอีกครั้ง นางเดินตรงไปยังจางเหวิ่นชิงพร้อมตบบ่าของเขาอย่างเบามือ “ท่านพี่ออกมาคุยกับข้าด้านนอกหน่อยเถิด”

          จางเหวิ่นชิงกะพริบตาไล่หยดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตา ก่อนจะพยักหน้ารับพร้อมลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

          เซี่ยเหมยจ้องมองดูจางหมินเย่วด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและเลื่อนลอย “เจ้าอย่าได้โทษข้าเลย” เซี่ยเหมยรำพันออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกก่อนจะหันกายเดินตามจางเหวิ่นชิงออกไปภายนอกเช่นกัน

         “ท่านพี่...เย่วเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ หากปล่อยเวลาต่อไปนางต้องทนไม่ไหวเป็นแน่” เซี่ยเหมยพูดออกมาทันทีที่อยู่ตามลำพังกับสามี

          จางเหวิ่นชิงจ้องมองเซี่ยเหมยด้วยแววตาครุ่นคิดอย่างหนัก เซี่ยเหมยเห็นว่าเขายังคงยืนเงียบจึงได้กล่าวต่อ “ในเมื่อเย่วเอ๋อร์รักปักใจกับใต้เท้าซ่งมากเช่นนี้ ต่อให้นางตบแต่งเข้าไปเป็นอนุแล้วเป็นเช่นใดกัน ด้วยบารมีของสกุลจางหากพวกเราช่วยส่งเสริมซ่งฟู่หลงให้ก้าวหน้า สกุลซ่งจะไม่เกรงใจพวกเราหรอกหรือ วันหน้าเย่วเอ๋อร์ต้องมีโอกาสได้เป็นฮูหยินของจวนสกุลซ่งเป็นแน่”

          คำหว่านล้อมของเซี่ยเหมยทำให้เขาลังเลใจอยู่พอสมควร เขายังคงยืนนิ่งพร้อมเงยหน้าเหม่อมองขึ้นไปบนฟ้าราวกับต้องการได้ยินเสียงหวานนุ่มหูของฟางม่านเอ๋อร์อีกสักครั้ง เซี่ยเหมยเม้มปากแน่นอย่างนึกขัดเคือง นางยังคงกล่าวต่อไปอีกครั้ง “ข้ารับใช้คุณหนูฟางมาแต่เด็ก...ความหัวรั้นของนางข้าย่อมรู้ดีกว่าใคร...เย่วเอ๋อร์เองก็มิต่างกันหากท่านยังคงแข็งขืนแล้วคิดว่าเย๋วเอ๋อร์จะยอมแพ้...ข้าว่าท่านพี่คงต้องเตรียมผ้าขาวเอาไว้แทนแล้วกัน”

          จางเหวิ่นชิงถึงกับสะดุ้งกับคำพูดสุดท้ายของเซี่ยเหมย เขาตวัดสายตาคมกริบหันมาจ้องมองเซี่ยเหมยอย่างดุดัน เซี่ยเหมยถึงกับชะงักคำไปในทันทีเมื่อรู้ตัวว่าได้ล้ำเส้นของสามีไปแล้ว

เซี่ยเหมยก้มหน้าพร้อมสีหน้าสลดลงไป น้ำตาของนางหยดลงอาบแก้ม สองมือยกขึ้นปาดน้ำตาจนดูน่าสงสาร “ท่านพี่จะโกรธข้าก็ได้...แต่ข้าแค่เป็นห่วงเย่วเอ๋อร์...หากนางเป็นอะไรไป...ข้าคงต้องโคกศีรษะนับร้อยครั้งเพื่อไถ่โทษแก่ฮูหยินฟาง”

จางเหวิ่นชิงคลายโทสะลงเมื่อได้ยินชื่อของฟางม่านเอ๋อร์ “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน

    บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิด

    บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีก

    บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจ

    บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 64 ทวงสัญญา

    บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 63 จนมุม

    บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status