เข้าสู่ระบบตอนมีชีวิตอยู่ก็ยากจนแสนเข็ญ เมื่อตกตายไป ยังต้องเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูตกอับที่อาภัพรัก ถูกคู่หมายทิ้งร้าง จนนางเฝ้าถามฟ้าดินว่าเหตุใดไม่ปล่อยให้นางตายไปเสีย ตายแล้วตายเลยมิได้หรืออย่างไรกัน!!! เรื่องย่อ ผู้จัดการร้านเหล้าชื่อดัง กลับต้องกลายมาเป็นคุณหนูตกอับแห่งสกุลเหอ เหอหลี่น่า ทั้งที่ตายตกไปแล้ว เหตุใดยังฟื้นตื่นขึ้นมาอีกเล่า วิบากกรรมอันใดที่เคยก่อ จึงต้องมาใช้ชีวิตลำบากลำบนเช่นนี้ ครอบครัวถูกโกง ผู้คนมินับหน้าถือตา คู่หมายที่ให้คำมั่นกันไว้ก็แต่งสตรีอื่นเข้ามาแทนที่ คอยดูเถิด ข้าจะเป็นเศรษฐีนีของแคว้นให้ดู เหอหลี่น่า VS จ้าวหวังหย่ง “ทาบทาม หมายถึงแต่งงานน่ะหรือ” “ใช่” “ไม่ต้องๆ ข้ามิได้คิดมาก แต่ท่านต้องรีบไปซื้อยาห้ามครรภ์มาให้ข้า” “เหตุใดต้องดื่ม ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่าง” “ข้าจะดื่ม แล้วข้าก็จะไม่แต่งด้วย!”
ดูเพิ่มเติม“นั่นใครน่ะ” แผ่นหลังของสตรีร่างอวบอ้วน สวมชุดยาวเฟื้อย เป็นสิ่งเดียวที่ลีน่าเห็นอยู่ตอนนี้ ทั่วบริเวณที่เธอมองไป มีเพียงหมอกสีขาวปกคลุมจนหนาตา
“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร”
“ฮึก! ฮื้อ ฝากด้วยนะเจ้าคะ ฝากท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย และเอินเอินของข้าด้วย” ใบหน้าน่ารักหันกลับมามองลีน่าทั้งน้ำตา
“ฝากอะไรกัน พ่อแม่ใครพ่อแม่มันสิ แล้วนั่นเธอจะไปไหน เดี๋ยวสิ เดี๋ยวๆ” ไม่ทันที่ลีน่าจะวิ่งเข้าถึงตัว หญิงสาวก็จางหายไปกับหมอกขาว และสติของลีน่าก็เลือนหายไปด้วยเช่นกัน
ฮึก! อึก! อึก! อัก
ตากลมลืมขึ้น สติเริ่มฟื้นคืนมาอีกครา แต่สิ่งที่ลีน่ารับรู้ คืออาการของคนที่ขาดอากาศหายใจ แรงดึงรัดที่ลำคอ ทำให้เธอไม่สามารถสูดหายใจเข้าไปได้
“ชะ ช่วย อึก!”
ร่างอวบอ้วนค้างเติ่งอยู่กับผ้าขาวที่ถูกผูกเป็นบ่วง ปลายเท้าห้อยอยู่เหนือพื้น ข้างกันนั้นมีเก้าอี้ไม้ล้มอยู่
ลีน่าไม่รู้เลยว่า เธอตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร รู้เพียงว่าตอนนี้จะต้องหาทางรอดให้ได้เสียก่อน มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาจับบ่วงผ้าเอาไว้ ใช้แรงที่มีดึงตัวขึ้น แต่ด้วยแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด จึงไม่สามารถดึงตนเองขึ้นได้นานนัก
เฮือก! ฮ้า~ กระนั้นลีน่าก็ยังสูดหายใจเข้ามาเต็มปอด เท้าทั้งสองพยายามเตะไปทั่ว เผื่อว่าจะโชคดี…
เพล้ง!และแล้วสิ่งที่เธอทำก็เป็นผล แจกันที่วางอยู่ไม่ไกล ตกลงมาแตก จะเพราะสิ่งใดที่ทำให้แจกันหล่นลงมา เธอไม่ได้สนใจสักนิด ขอเพียงมีคนได้ยินเท่านั้นก็พอ
“คุณหนู เกิดอันใดขึ้นเจ้า- กรี๊ดดดดดดด ช่วยด้วย! ช่วยคุณหนูด้วย” หญิงสาวร่างเล็กเดินเข้ามาเห็นสภาพของผู้เป็นนาย ก็กรีดร้องเรียกให้คนมาช่วย หญิงผู้นั้นรีบเข้าไปยกตัวลีน่าขึ้น พอให้เธอโล่งใจว่าอย่างน้อยก็มีคนมาช่วย โดยมิได้สนใจสรรพนามที่สตรีผู้นี้ใช้เรียกเธอเลย
“เสียงดังอันใดกะ- หลี่เอ๋อร์! หลี่เอ๋อร์ ท่านพ่อ ท่านแม่มาช่วยข้าที”
“หลี่เอ๋อร์! ลูกพ่อ” ลีน่ารู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาทันที เมื่อมีชายหนุ่มเข้ามายกตัวเธอให้สูงขึ้น ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะปีนโต๊ะขึ้นไปปลดปมผ้า ทำให้ร่างอวบร่วงลงมากองกับพื้น พร้อมกับชายหนุ่ม
เสียงร้องไห้คร่ำครวญและแรงกอดรัด เป็นสิ่งสุดท้ายที่ลีน่าสัมผัสได้
อะไรล่ะเนี่ย ฝันหรอ หรืออะไรกันแน่
“ห้องนี้หรือ”“มิใช่เจ้าค่ะ ห้องนี้เป็นห้องตำราของท่านพ่อ” หลี่น่าเดินไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทักขึ้นมาอีก“หรือว่าจะเป็นห้องนี้”“นั่นเป็นห้องเก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนเจ้าค่ะ”“อีกไกลหรือไม่”“เดินเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะถึงแล้ว อยู่ติดกับห้องนอนของพี่เหิงพอดี ท่านทนมิไหวแล้วหรือเจ้าคะ คิกๆ” หญิงสาวปิดปากขำ จนดวงตาที่กลมโตหยีลงอย่างน่ารัก“อะฮึ่ม!” สตรีตรงหน้ายามยิ้มขบขำเช่นนี้ ช่างน่าเอ็นดูนัก ทั้งที่นางมิได้งามล่มเมือง รูปร่างก็มิได้เอวบางร่างน้อยอย่างสตรีงามผู้อื่น ทว่าส่วนเว้นส่วนโค้งกลับดึงดูดสายตาให้จับจ้อง มิรู้เบื่อ“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”“อืม เจ้าออกไปรอด้านนอกก็ได้ ข้าจำทางได้แล้ว”“ท่านปวดหนักหรือ คึๆ” ท่าทีป้องปากกระซิบ พร้อมกับสายตาที่หยอกล้อ ทำเอาหวังหย่งถึงกับหน้าตึง แต่ยังมิทันได้เอ่ยเตือน อีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียก่อนหวังหย่งเข้าไปในห้องสุขาเพียงชั่วครู่ ก็เดินย่องออกมา ดวงหน้าคมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่ามิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องตำราของเรือนหากว่าจะหาเอกสารสำคัญ ย่อมต้องหาในห้องตำราเป็นที่แรก“ท่านแม่ทัพทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หวังหย่งจะเปิดเข้าไปใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เหิง ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่ายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างของรถม้าคันหรู ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ครอบครัว ที่กำลังกวาดลานหน้าเรือนอยู่เกวียนขนของและรถม้าคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าเรือนสกุลเหอ เข่อซิงเองก็นึกแปลกใจที่บุตรสาวนั่งรถม้าเข้ามา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เจ้าของรถม้าก็ปรากฏกายขึ้น“มะ แม่ทัพใหญ่! บุตรสาวข้าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนหรือ”“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาต่างก้มคำนับต่อแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างหวาดกลัว หลี่น่าได้แต่ยืนงงกับท่าทางของบิดาและมารดานางมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ามิได้สร้างเรื่องนะเจ้าคะ”“เจ้าเงียบเสีย ท่านแม่ทัพโปรดเห็นใจนางเถิดขอรับ น้องสาวข้าผู้นี้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก รอดตายมาได้ก็จดจำสิ่งใดมิได้ แม้แต่นามของตน ไหนจะพูดจากพิลึกพิลั่นนี่อีก เห็นแก่ว่านางวิปลาสเถิดขอรับ”“โอ้ยยยย พี่เหิงคิดว่าข้าบ้าหรือ แม่ทัพจ้าว! ท่านพูดสิ่งใดบ้างเถิด”“ท่านเหอ ฮูหยิน คุณชาย ข้าเพียงนำไหและจอกสุราที่คุณหนูเหอต้องการมาให้เท่านั้น” เสียงนิ่งทรงพลัง ทำให้คนสกุลเหอทั้งสาม หยุดโวยวายลงได้ แต่มิวายหันมาหาหลี่
“ข้าทำเรื่องดีเจ้าค่ะ เอ่อ…ข้าจะเปิดร้านสุราหวานเจ้าค่ะ” มือขาวยกขึ้นมาป้องปาก กระซิบกระซาบเสียงเบา มิให้ผู้อื่นได้ยิน“เช่นนั้นหรือ เอาไว้ข้าจะส่งไปให้ที่เรือนเจ้า”“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้าขอไปเลือกเองได้หรือไม่ นะ นะ ข้าจะได้เลือกเอาแค่ที่จำเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เพราะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและพี่ชาย หลี่น่าจึงเผลอเกาะแขนแกร่งเสียแน่น ทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน จนคนมองเสียอาการ“อะแฮ่ม! เช่นนั้นก็กลับเรือน ฮุ่ยหวง…” เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็ทำให้รองแม่ทัพเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงได้แยกตัวออกไปอีกทางหวังหย่งพาหลี่น่าและเอินเอินมาที่เรือนของตน ก่อนจะพาไปเลือกไหสุราและจอกสุราตามที่หญิงสาวต้องการ ยังดีที่วันนี้ท่านย่าของเขาไม่อยู่เรือน หากไม่แล้ว คงต้องเอ่ยอธิบายเสียยาวเหยียดเป็นแน่“เจ้าเลือกเอา อยากได้อันใดก็บอกบ่าวไพร่” หวังหย่งให้บ่าวไพร่เปิดหีบไม้ที่ใช้เก็บจอกสุรา ให้หญิงสาวดู“นี่…เหมือนของใหม่เลยนะเจ้าคะ” ทั้งลวดลายและรูปลักษณ์ของจอกสุรา ไม่แตกหักหรือมีรอยร้าวสักนิด“เอาไปเถิด เรือนข้ามีมาก มิได้ใช้งาน จนต้องนำมาเก็บที่ห้องเก็บของนี่อย่างไรเล่า”“อ่า~ มิใช่ว่าพึ่งให้คนไปซื้อมาใหม่ เพื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่น่าลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ ก่อนจะมาท่านมื้อเช้าและไปจัดการเรื่องการขนน้ำผลไม้ไปไว้ในห้องใต้ดิน ด้วยมิอยากจ้างคนงานมาจัดการ หลี่น่ากับเอินเอิน จึงจัดการขนไหน้ำผลไม้ยังไม่เน่าเสียมาไว้ในห้องใต้ดินด้วยตนเอง“เห้อ! กว่าจะเสร็จ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่”“จริงเจ้าค่ะ แหะๆ”“ทนเอาหน่อยนะเอินเอิน หากว่าเราขายสุราหวานได้ดีตามที่คาดไว้ ครอบครัวเราก็จะมีกินมีใช้ มีเงินไว้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่” หลี่น่าลูบศีรษะเล็กของคนสนิท“บ่าวทนไหวเจ้าค่ะ สงสารก็แต่พวกท่าน ที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”“อย่าคิดอันใดให้มากความเลย ข้าว่าเราไปทำมื้อเที่ยงไว้รอทุกคนเถิด ช่วงบ่ายเราจะต้องออกไปหาภาชนะใส่สุราหวานของเราเสียที” ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเข้าครัว แม้ว่าหลี่น่าจะทำสิ่งใดไม่เป็น แต่ก็พอช่วยหยิบจับนู่นนี่ได้..“เราจะเริ่มจากที่ใดก่อนดีเจ้าคะ” หลังจากทานมื้อเที่ยง หลี่น่าก็ขออนุญาตบิดามารดาออกมาหาไหและจอกสุราเก่า“ข้าจะลองไปถามโรงน้ำชาดูก่อน” หากว่าไปถามร้านขายสุรา แล้วเรานำไหเหล่านั้นมาขายสุราแข่งกับเขา มันดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย“เถ้าแก่เจ้าคะ ที่ร้านพอจะมีไหหรือจอกชาเก่าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่

















