ด้วยความที่อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงกระทันหันน้ำตาลจึงปรับตัวไม่ทัน พ่อแม่เสียไม่ทันไรก็ต้องย้ายบ้านแล้ว ต้องมาอยู่ในพื้นที่ไกลแสนไกล ชนิดที่ว่าไร้หนทางหนีได้
เธอยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอถึงกับยืนขาแข็งเลยก็คือบรรยากาศรอบ ๆ ตัวที่มันเป็นป่าเต็มไปหมด
"ต่อไปนี้ ผู้ปกครองของคุณน้ำตาล คือคุณศิวกร นายหัวคาวีเจ้าของสวนที่นี่ครับ"
"เขาคือใครคะ ?" จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่านายหัวคาวีที่ว่าเป็นอะไรกับครอบครัวเธอ ญาติฝ่ายไหน หรือคนรู้จักของใคร ทำไมเขาถึงมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองของเธอ และดูแลทรัพย์สินของเธอทั้งหมด
"เรื่องส่วนตัวผมไม่ทราบครับ คุณน้ำตาลคงต้องไปถามเอาเอง"
"....." เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาปรับอารมณ์เครียดของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอจะเจอต่อไปนี้มันจะเป็นยังไง
ไม่นานนักก็มีคนเดินออกมาจากบ้าน เป็นผู้หญิงวัยกลางคน แต่งตัวด้วยชุดเก่า ๆ ซีด ๆ อารมณ์เหมือนเป็นคนที่ทำงานที่นี่ ไม่ก็เจ้าของบ้านแต่ชอบใส่เสื้อผ้าแบบนี้ มันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
"มากันแล้วหรือคะ มา ๆ เชิญเข้าข้างในก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันหาน้ำหาท่าให้กิน"
น้ำตาลไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเข้าไปในตัวบ้าน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างสุภาพเรียบร้อย พร้อมกับหันมองดูรอบ ๆ ตัวเอง ดูภายในตัวบ้านที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
"ตอนนี้นายหัวออกไปทำงานนะคะ แต่เดี๋ยวบ่าย ๆ กลับมาค่ะ" ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นบอก
"ผมคงต้องฝากดูแลคุณน้ำตาลต่อด้วยนะครับ พอดีมีธุระต้องไปที่อื่นต่อ"
"ได้เลยค่ะ"
พอคนที่พาเธอมาส่งออกไป น้ำตาลก็ได้แต่นั่งนิ่งตัวเกร็ง เพราะไม่รู้จักที่นี่ ไม่รู้จักใครเลย ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง
"คุณหนูอยากเดินดูบ้านไหมคะ ?"
"อ๋อค่ะ"
เธอยิ้มแหย ๆ ตอบรับ จะปฏิเสธมันก็ยังไง ๆ อยู่นะ แต่ก็ไม่ได้เชิงอยากไปเดินดูอะไรมากนักหรอก ที่นิ่งอยู่แบบนี้ก็เพราะไม่ชินมากกว่า
"แถวนี้เป็นสวนของนายหัวคาวีหมดเลยนะคะ"
"พอจะรู้ไหมคะ ว่าเขาคือใคร รู้จักกับครอบครัวของหนูได้ยังไง"
"เรื่องนี้ป้าเองก็ไม่รู้ค่ะ"
"เขาคนนั้น...นายหัวคาวีน่ะค่ะ เขาเป็นคนยังไงเหรอคะ ?"
"ก็เป็นคนดีค่ะ ขยันทำงาน เก่ง มีฝีมือ ดุบ้างเป็นครั้งคราว"
"อ๋อ..."
"ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เขาเป็นคนที่แบบ ปากร้ายแต่ใจดี บางอย่างที่พูดไปเหมือนดุ แต่ที่จริงแล้วก็แค่พูดแบบคนธรรมดา แค่เขาเป็นคนแบบนั้นเอง อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็ชินค่ะ"
"อ๋อค่ะ"
นี่ยังไม่เจอหน้ากันเลยนะ ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย เธอกลับเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้วล่ะ ต้องมาเจอกับคนแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย
ไม่นานก็ถึงตอนบ่าย เธอได้ยินเสียงรถหลายคันเหมือนขับมาจอดที่หน้าบ้านราวกับว่าคนจำนวนมากแห่ยกโขยงกันมาทำอะไรที่นี่
"คุณหนูคะ มากันแล้วล่ะค่ะ"
"....." น้ำตาลเดินตามแม่บ้านออกไปที่ด้านนอก เธอเห็นคนหลายสิบคนกำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่ที่หน้าบ้าน และสายตาของเธอนั้นก็ไปสะดุดอยู่กับผู้ชายคนนึง เขาตัวสูง หน้าคมผิวเข้ม ท่าทางดูดุ ๆ หน่อย ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาวลายสก๊อต เหมือนสัญชาตญาณของเธอมันบอกว่า ผู้ชายคนนี้เนี่ยแหละที่ชื่อว่า ‘นายหัวคาวี’
"พวกเขา มาทำอะไรกันเหรอคะ ?"
"เอาอุปกรณ์ทำสวนมาเก็บค่ะ ตอนเช้าก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ตอนเย็นก็จะมารวมตัวกันที่นี่ เป็นปกติค่ะ"
"อ๋อ.."
"มาละเหรอ" ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาทัก มองอยู่ไกล ๆ เห็นว่าเขาตัวสูง พอเขาเดินมาใกล้มากขึ้น ตัวสูงจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"สะ สวัสดีค่ะ"
"อือ..แม่บ้านพาเธอขึ้นไปดูห้องนอนหรือยัง"
"ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีคนพาเธอไป สมัครเรียน ก็เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ"
"....." ท่าทางของเขาดูน่ากลัว สุขุม อยู่ใกล้แล้วรู้สึกเย็นยะเยือกบอกไม่ถูก แถมคำพูดของเขาก็ดูห้วนจนเธอไม่รู้จะตอบกลับยังไง
"มีอะไรเดี๋ยวแม่บ้านช่วยจัดการเอง ฉันเป็นผู้ชาย คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ผู้หญิงด้วยกัน คงรู้ใจกันมากกว่า"
"ค่ะ"
ก็นะ ผู้หญิงด้วยกันก็จริง แต่ก็ไม่ใช่รุ่นเดียวกันสักหน่อย มันจะรู้เรื่องรู้ใจกันได้สักแค่ไหนกันเชียว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก เพราะที่นี่มีแค่แม่บ้านที่เธอรู้สึกคุ้นชินมากที่สุด
"อยู่ที่นี่ก็ช่วยทำตัวให้เรียบร้อย เพราะไม่ใช่บ้านของเธอ"
" ??? "
"อะไรที่ฉันไม่ชอบก็อย่าทำ"
"อะไรคะ ?"
"เสียงดัง สกปรก ไม่เคารพเจ้าของบ้าน อยู่ที่นี่ไม่เหมือนที่นั่น เธอต้องทำงานเอง จัดการเรื่องทำความสะอาดห้องเอง เสื้อผ้าก็ต้องทำเอง ส่วนเรื่องกับข้าวเดี๋ยวจะให้แม่บ้านสอน เธอจะต้องทำเองเป็น ที่นี่ไม่มีแม่บ้านคอยรับใช้เหมือนที่นั่น"
"......" ครั้งแรกที่เจอกัน ก็รู้สึกได้แล้วว่าไม่ลงรอยกันเลยสักนิด เขากับเธอเหมือนเส้นคู่ขนาน ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แม้กระทั่งนิสัย เพราะเธอทำอะไรไม่เป็นเลย อยู่ที่นั่นอาหารก็มีแม่บ้านเตรียมให้เสื้อผ้าแม่บ้านก็จัดการให้ ห้องนอนก็มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดดูแล เธอไม่เคยต้องทำอะไรเองเลย
"ฉันเข้านอนแต่หัววัน เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน อย่าเสียงดังเข้าใจหรือเปล่า"
"ค่ะ"
เหมือนเขาแค่เดินมาออกคำสั่งกับเธอและจะเดินออกไปเท่านั้นเอง ไม่มีคำพูดอะไรนอกเหนือจากคำว่างานเลย
"เดี๋ยวค่ะ"
" ??? " ร่างกำยำหยุดชะงัก เมื่อถูกเด็กสาวนั้นเรียกไว้ให้หยุด
"หนูอยากรู้ คุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของหนู หนูจำเป็นต้องรู้ ทำไมคุณถึงมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครอง ทำไมคุณถึงมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพ่อแม่หนู"
"มันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องรู้"
"เราเป็นญาติกันเหรอคะ"
"เปล่า ไม่ใช่ญาติกัน"
"แล้วทำไมถึง..."
"บอกแล้วไง ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องรู้ อยู่ที่นี่อย่างเรียบร้อย เงียบสงบ ทำตัวให้มันดี ๆ ถึงเวลาที่เธอควรรู้ เดี๋ยวเธอก็ได้รู้เอง"
แล้วเมื่อไหร่ล่ะมันถึงจะถึงเวลาที่ว่าน่ะ เธอไม่ใช่คนที่มีความอดทนในการรออะไรขนาดนั้นด้วยสิ
#ตกกลางคืนวันเดียวกัน
เป็นการนอนคืนแรกที่ทำให้เธอนอนไม่หลับเอาซะเลย อาหารมื้อแรกของที่นี่ก็ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างรสจัด เธอไม่ค่อยกินอาหารรสจัดเท่าไหร่ ก็เลยกินไม่ได้มาก
และถึงบรรยากาศข้างนอกจะเย็นเพราะถูกล้อมรอบไปด้วยป่า แต่เธอก็นอนไม่หลับ เพราะมันทั้งร้อนทั้งเหนียวตัว เธอปรับตัวไม่ได้เลย ที่นี่ไม่มีแอร์ มีแค่พัดลมตัวเล็ก ๆ ตัวนึงเท่านั้นเอง
มันก็จริงอยู่ที่เธอโตพอที่จะอดทนกับอะไรได้แล้ว แต่มันก็ใช่ว่าโตแล้วจะปรับตัวได้ง่าย ๆ เลยสักหน่อย มาอยู่ที่นี่ลำพังโดยที่ไม่รู้จักใครสักคน ผู้ชายคนเดียวที่เป็นผู้ปกครองและดูเหมือนจะเป็นใครสักคนที่พ่อแม่ของเธอไว้ใจ ในสายตาของเธอเขาก็ไม่ได้ดูน่าไว้ใจเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร กว่าเธอจะปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้ ให้เข้ากับทุกคนที่นี่ได้
#เช้าวันต่อมา
"บอกแล้วไงว่าให้ตื่นแต่เช้า"
"แล้วนี่ไม่เรียกเช้าหรือคะ" เธอถามแกมประชด ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนปากไวอยู่แล้ว นี่ยัง 7 โมงเช้าอยู่เลย เธอก็เลยไม่เข้าใจว่านี่มันสายตรงไหน
"คนที่จะพาเธอไปสมัครเรียน เขามารอตั้งแต่เช้าแล้ว"
"ก็ไม่ได้นัดเวลากันตั้งแต่แรกนี่คะ จะให้เช้าแค่ไหนกัน หนูก็แค่ตื่นตามเวลาของหนู แล้วมันก็ไม่ได้สาย"
"รีบกินข้าว จะได้รีบไปจัดการเรื่องเรียนของเธอ"
"....." น้ำตาลนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่ชอบคำพูดของเขาเลย
"ต่อไปนี้เรื่องเงินของเธอฉันจะเป็นคนกำหนดเอง ยังเด็กอยู่ไม่ควรใช้อะไรที่มันเกินตัว ฉันจะให้เงินเธอใช้เป็นรายวัน จะได้ไม่ต้องเอาเงินไปทำอย่างอื่น ที่มันไม่จำเป็น"
"แต่ว่า..."
"ฉันทำ เพราะฉันมีหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเธอ"
"....."
เมื่อก่อนพ่อกับแม่ให้เงินเธอรายเดือน ซึ่งมันก็หลายหมื่นอยู่ ไม่รวมบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินที่พ่อกับแม่ให้ ไหนจะหุ้นเงินปันผลที่บริษัทที่เธอได้รับอีก ถึงจะอายุน้อยแต่เธอก็มีเงินมากเลยทีเดียว ส่วนมากก็มาจากเงินที่พ่อแม่ของเธอสร้างเอาไว้ให้เนี่ยแหละ
"เราคงต้องปรับตัว ปรับปรุงอะไรใหม่ ๆ กันหลายอย่างเลย"
@หนึ่งปีต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองจะฮันนีมูนด้วยกัน แต่น้ำตาลยังเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้เธอเลยมาพักที่บ้านของนายหัวคาวีก่อน เพราะเธออยากจะเที่ยวอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากไปไหนไกลเลย"วันนี้ขอเข้าสวนด้วยนะ" น้ำตาลมากอดแขนออดอ้อนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธมาทั้งเช้าแล้วเหมือนกัน"มันร้อน เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก""หนูแข็งแรงจะตายไป ทำไม? เมียอยากเข้าสวนเนี่ยไม่ได้หรือไง ซุกเด็กไว้ที่สวนหรอ""เด็กที่ว่า คงมีแต่บองหลาล่ะสิไม่ว่า""นะนะ นะคะที่รัก หนูขอไปด้วยนะ""อาๆ จะไปก็ไป"ถึงในใจจะไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ขัดใจเธอไม่ได้จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากให้เธอตามไปด้วย เพราะในสวนอากาศค่อนข้างร้อน แล้วก็เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเต็มไปหมด ไม่ได้มีอะไรน่าดู น่าเที่ยวเลยสักนิด แถมป่าก็รก ถึงคนงานจะช่วยกันถางไปบางส่วนแล้ว แต่พอฝนตกทีนึงก็เหมือนไปช่วยทำให้พวกมันได้เติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นน้ำตาลก็ได้นั่งรถกระบะไปพร้อมกับนายหัวคาวี เข้าไปที่สวนของเขานั่นแหละ เธอมาบ่อยแล้วก็จริง แต่หลังจากที่เรียนจบจากที่นี่ และไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯต่อ เธอก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าสวนบ่อยๆ อีกเลย"ห
#เวลาต่อมาที่บ้านของนายหัวคาวี หลังจากที่เขากลับมาจากทำงานในสวนแล้ว ก็เดินเข้าบ้านเตรียมตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำลังจะโทรคุยกับสุดที่รักของตัวเองแต่ทว่า..."จะโทรทำไมคะ ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว"" !!! " นายหัวคาวีตกใจ เพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองเห็นนั้นมันคือตัวจริง หรือเขาคิดถึงเธอจนเห็นภาพหลอน หรือว่าเหนื่อยจากทำงานอากาศร้อนๆ เลยกลายเป็นแบบนี้"นายหัวขา ~ ""บ้าเอ้ย ! เบลอจนเห็นภาพหลอนหรอวะเนี่ย" ร่างสูงสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับสะบัดหัวทิ้ง เหมือนต้องการที่จะให้มันปลอดโปร่งมากกว่านี้ภาพหลอนที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะได้หายไป เธอจะมาได้ยังไงกัน เพราะเมื่อตอนเช้ายังคุยกันอยู่เลยว่าเธอมีประชุมงาน และอีกอย่างถ้าเธอมาที่นี่ก็ต้องมีรถสิ แต่นี่เขาเดินเข้ามายังไม่เห็นรถสักคันเลย"คนค่ะไม่ใช่ผี ไม่ใช่ภาพหลอนด้วย"หมับ !!!พอได้ยินอย่างนั้นนายหัวคาวีก็รีบหันกลับไปกอดเธอแน่น พอได้กอดแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนจริงๆ แต่ก็ยังตกใจ ที่เห็นเธออยู่ที่นี่"คิดถึงจัง""หนูก็คิดถึงนายหัว""ทำไมมาถึงไม่บอก แล้วนี่มายังไง""มีคนมาส่งค่ะ เขากลับไปแล้ว""อืม...ฉันนึกว่าตัวเองเบลอจากอากาศร้อน แล้วเห็นภาพหลอน""
#หนึ่งเดือนถัดมาถึงจะมีคนคอยดูแลงานที่สวนให้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ต้องกลับไปทำงานของตัวเองต่อ แค่มีคนมาคอยดูแลในสวนเพื่อที่เขาจะได้มาอยู่กับน้ำตานานๆ ก็เท่านั้นเอง ถึงเวลาก็ต้องกลับ ถึงในใจจะคัดค้านก็เถอะแต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ"ถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรบอกเลยนะ""ขับรถดีๆ นะนายหัว ไม่ต้องขับรถเร็วเข้าใจไหม""เข้าใจครับ""ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น" เมื่อก่อนจะเป็นเธอที่ชอบงอแงไม่อยากให้เขากลับไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่งอแงจนหน้าบูดบึ้งเพราะไม่อยากกลับ"ไม่อยากไปเลย""เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เราก็โทรคุยกันได้นี่""มันก็ไม่เหมือนกับเจอตัวจริง แถมเอาผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ได้""พูดอะไรนั่น ไม่อายคนบ้างหรือไง""ยืนอยู่กันสองคน คนอื่นก็ทำงานอยู่ข้างในกันหมดใครจะได้ยิน เจ้าที่หรือไง"เปี๊ยะ !!เธอตีแขนของเขาอย่างแรง เพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่พูดจาอะไรแบบนี้ นับวันมันยิ่งจะหนักขึ้นทุกทีเลย"ซี๊ด ! เจ็บนะ ทำไมชอบตีจริงเนี่ย ลงไม้ลงมือกับผัวตายไปจะเป็นผีเปรตนะ""ตีให้หลาบไง หมั่นไส้ พูดอะไรของนายหัวอยู่ได้""อยากอยู่ต่อจัง""ไม่ต้องมาอ้อนเลย รีบกลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะ
#เช้าวันต่อมาหลังจากที่เมื่อคืนนั้นจัดหนักจัดหน่วงกันไปหลายท่าหลายน้ำ ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้"อือ.."คนตัวเล็กขยับตัวไปมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองรอบๆ และได้รู้ว่าที่ตัวเธอรู้สึกอึดอัดนั้นเป็นเพราะเขากำลังกอดเธอเอาไว้แน่น"นายหัว..""อืม...อย่าดิ้นนักสิ มันแข็งแล้วเนี่ย"เพราะเมื่อคืนเผลอหลับไปพร้อมกัน เสื้อผ้าก็เลยไม่ได้ใส่ และตอนนี้เจ้าโลกแสนมโหฬารของเขาก็กำลังแข็งดันก้นของเธออยู่ด้วย"สักรอบได้ไหม""ไม่เอา เมื่อคืนก็ตั้งหลายครั้ง""ไม่เกี่ยวกันสิ เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้""อือ...ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย""ชอบว่าฉันแก่นัก โดนคนแก่เอาแล้วเป็นไงล่ะ ถึงฉันจะแก่กว่าเธอมาก แต่แรงฉันก็ยังดีนะ""อะ อือ...นายหัว มันทิ่มก้นหนูเนี่ย""จะให้มันทิ่มอย่างอื่นด้วยซ้ำ""อย่านะ อ๊ะ !!"สวบ !!เหมือนคำพูดของเธอเป็นแค่ลมสำหรับเขา พอสิ้นสุดคำพูดแก่นกายของเขาก็ผลุบเข้ามาในตัวของเธอแบบทีเดียวมิดลำ"อื้อ จุกนะคะ !""ขอโทษนะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ขอเอานะ""ขนาดนี้แล้ว ห้ามได้ด้วยหรอคะ""ถึงห้าม ก็ไม่ฟังหรอก ใส่เข้ามาขนาดนี้แล้ว ไม่ได
#ตกกลางคืนวันต่อมาทั้งสองมานั่งรับลมอยู่ที่ริมระเบียงด้วยกันแต่วันนี้มาพร้อมกับเครื่องดื่ม เพราะบรรยากาศมันให้ ดื่มจนพอรู้สึกมึนหัวนิดๆ ได้อารมณ์หน่อยๆ คงจะได้พากันขึ้นเตียงกันอีกไม่ผิดแน่เลย"ถ้าเราแต่งงานกัน นายหัวจะเชิญใครบ้าง""ก็เชิญคนรู้จักไง แล้วก็ส่งการ์ดเชิญไปให้ผู้ใหญ่ที่เคยทำงานด้วยกัน""ที่จริงหนูก็อยากเชิญเพื่อนนะ แต่เพื่อนก็..ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ""ไม่เป็นไรหรอก เราก็เอาที่เราพอติดต่อได้""ป้าพรมาได้หรือเปล่า""เห็นว่างานแต่งจะมานะ""นั่งเครื่องก็บินก็ได้นะ""นั่งรถยังเกือบตาย นั่งเครื่องบินไม่ตาลอยเลยหรอ""จะได้ถึงเร็วๆ ไง นั่งสบายด้วย จองชั้น vip ให้ป้าพรเลย""ถามก่อนเถอะ""ค่ะ""เธอคิดจะจัดแบบไหน แบบใหญ่โต หรือว่ากันเอง""ก็ไม่ได้จะใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่ได้จะแต่งกันเงียบๆ จนไม่มีใครรู้ แค่เอาพอดีๆ"ตอนนี้ต้องคุยกันก่อนเรื่องงานแต่ง เพราะยังไม่ได้ตกลงอะไรๆ กันเลย น้ำตาลอยากให้งานแต่งของเธอมันออกมาดีที่สุด ถึงมันจะเป็นงานแต่งแบบเล็กๆ กลางๆ ไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นมีนักข่าวมาทำข่าว แต่เธออยากให้มันออกมาดูดีและอบอุ่นมากที่สุด เท่าที่จะทำได้เลย"เธออยากมีลูกกี
#หลายเดือนต่อมา"ได้แล้วหรือยังล่ะ""เดี๋ยวสินายหัว ใจร้อนเป็นคนแก่ไปได้"ที่เขาเร่งไม่ใช่เพราะใจร้อนอะไรหรอก แต่กลัวว่าที่พักมันจะเต็มก่อนที่เธอจะกดจองพักมากกว่า เดี๋ยวถึงเวลานั้นจริงๆ เธอก็จะหงุดหงิดมีอารมณ์ไม่พอใจขึ้นมาอีก นี่ก็เลือกที่พักมาตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะพักที่ไหน"ดีไปหมดเลย เลือกไม่ได้ พักทุกที่เลยได้ป่ะ""จะบ้าหรือไง ไปเที่ยวอยู่ที่เดียวแต่จะพักตั้งหลายโรงแรมเนี่ยนะ ?""งั้นเอาเป็นบ้านพักก็ได้ จะได้ไม่ต้องอยู่รวมกับใคร""เท่าไหร่ ?""หนูเลือกเป็นห้องหรูเลยนะ เราไปพักกันอาทิตย์นึง รวมค่าอาหารเช้าเย็นแล้วสามหมื่นค่ะ"เธอพูดเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบ่น รายนี้ยิ่งขี้งกเรื่องเงินอยู่ด้วย ถึงเธอจะทำงานได้แล้วก็เถอะ มีเงินกันขนาดนี้ แต่ถ้าใช้มากเกินไปก็โดนบ่นอยู่ดี"อืม จองไปเลยสิ ดูดีแล้วใช่ไหม""ก็ดีแล้วนะคะ เป็นบ้านพักที่ติดทะเลแล้วก็ติดภูเขาด้วย วิวดีเลย เพราะแบบนี้แหละถึงแพง""อือ...""จะบ่นหนูไหมเนี่ย""ฉันจะบ่นเธอทำไม เราทำงานได้ มันก็ต้องมีบ้างที่ต้องพักผ่อน""ทีเมื่อก่อนนะ ซื้อของกินนิดหน่อย ทำเป็นบ่น""ก็ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ทำงาน ใช้เงินเกินตัวมันไม