#วันหยุดวันหนึ่ง
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย ให้มันเหมือนกับอยากไปทำ”
“…..” เด็กสาวมองคนข้าง ๆ แล้วก็ถอนหายใจแรง แล้วใครว่าเต็มใจกันล่ะ เธอไม่ได้เต็มใจเลยสักนิดเดียวนะ แต่เพราะโดนเขาบังคับให้ไปต่างหาก
"อยู่ที่นี่ไม่ได้ทำอะไรก็ช่วยงานกันหน่อยสิ งานบ้านเธอก็ไม่ได้เรื่องหนิ"
"แต่งานในสวน มันเป็นงานของผู้ชายนะคะ ดูสิมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น"
พูดพร้อมกับมองไปยังด้านหน้า ที่เต็มไปด้วยคนงานของนายหัวคาวี ซึ่งแทบจะทั้งหมดเป็นผู้ชายทั้งนั้นเลย มีผู้หญิงไปแค่ไม่กี่คนเอง น่าจะคอยไปดูแลเรื่องอาหารต่าง ๆ งานง่าย ๆ ไม่หนักมากมายก็ยกให้ผู้หญิงทำ
"ก็คอยไปช่วยฉันทำงานไง"
สุดท้ายเธอก็ถูกลากขึ้นรถกระบะไป ก่อนที่นายหัวคาวีจะขับรถออกไปยังสวนที่ตัวเองทำงานทุกวัน
หลังจากที่เริ่มปรับตัวกับอะไรที่นี่ได้ ก็ใช่ว่าจะสบายใช่ว่าเธอจะชิน เพราะพอเริ่มปรับตัว เธอก็ถูกเขาลากมาทำงานด้วยแบบนี้ และให้เหตุผลว่ากลัวเธอจะเถลไถลไปที่อื่น
เหตุผลฟังไม่ขึ้นสักนิด !
"ถึงแล้วลงมาสิ หยิบเอาสมุดลงมาด้วย"
"ค่ะ"
"คอยดูคนงานเขา และก็จดตามที่คนงานเขาบอก เดี๋ยวฉันจะเข้าไปข้างในนู้น อยู่ตรงนี้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี"
"ค่ะ" เธออยากจะเบ้ปากใส่ นี่ถ้าไม่เกรงใจนะ ออกคำสั่งแล้วก็ไปสมกับเป็นเจ้านายจริง ๆ เลย
ที่ป้าพรเตือนเอาไว้ก็ถูก เถียงกับนายหัวน่ะไม่มีวันชนะหรอก เพราะเขาเป็นเจ้านาย ก็ยังมีความแบบตัวเองถูกเสมอ จะทำอะไรก็ได้ ต่อว่าก็ได้ ตักเตือนก็ได้ เพราะตัวเองคือเจ้านาย
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้นับวันหรือเวลาเลย รู้แค่ว่าตื่นเช้ามาเธอต้องทำอะไรเป็นอันดับแรก เพราะต่อจากนั้นเธอก็จะรู้ว่าควรทำยังไงต่อ ที่นี่เงียบสงบ แต่ก็รู้สึกแปลกในตัว ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังคาใจ ยังอยากได้คำตอบอยู่เหมือนกัน แต่เคยถามแล้วกลับไม่ได้คำตอบอะไร เธอก็ไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามซ้ำ ๆ ไปเพื่ออะไรเหมือนกัน
ได้แต่รอคอยเวลา ที่เธอจะสามารถไปจากที่นี่ได้ และเขาจะไม่มีวันได้ใช้อำนาจคำว่าผู้ปกครองมากดเธอไว้ได้อีก ถ้ารู้ว่ามาแล้วต้องเจอเขาที่เป็นแบบนี้ เธอจะค้านหัวชนฝาตั้งแต่แรกเลย ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันมาที่นี่เด็ดขาด
3 ชั่วโมงต่อมา
พอเริ่มสายมากขึ้นบรรยากาศในสวนก็เริ่มร้อน น้ำตาลถอดหมวกที่ตัวเองสวมมาด้วยนั้นออกก่อนจะใช้ใบหมวกเป็นพัดกระพือลมให้กับตัวเองเพราะมันร้อนมาก ร้อนจนเหงื่อแตกไปหมด ร้อนอบอ้าว ร้อนจนแทบจะเป็นลม เพราะเธอไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้เลย
เนี่ย ครั้งแรกในชีวิต ..
"เข้าไปพักในร่มก่อนนะคุณหนู"
"ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ที่นี่ทำไมร้อนจังคะ" เธอถามทั้งที่มือนั้นยังจับหมวกพัดใส่ตัวเองไม่หยุด มันร้อนมากจริง ๆ นะ
"แถวนี้ร้อนแบบนี้เป็นปกติค่ะ"
น้ำตาลรีบเดินหลบเข้าไปในร่ม ในใจก็ได้แต่คิดว่า พวกเขาทนกันได้ยังไงนะ ร้อนขนาดนี้เป็นลมได้เลยนะเนี่ย ช็อคเพราะร่างกายขาดน้ำก็ได้ด้วย
บางครั้งก็แอบคิดเหมือนกันว่า เธอมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง จากคุณหนูใช้ชีวิตสุขสบาย ชนิดที่ว่าไม่ต้องหยิบจับทำอะไรเลย เพราะมีคนคอยดูแลทำให้หมด กลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ ทุกอย่างมันเหมือนความฝันนะ แต่ก็มีวูบนึงที่ทำให้เธอได้คิดว่า นี่คือเรื่องจริง พ่อแม่ของเธอจากไปแล้ว เรื่องนี้เธอพยายามทำใจให้ยอมรับ แต่มันยากจริง ๆ ทุกวันนี้ไม่ได้ร้องไห้ก็แค่ไม่ได้คิดถึงเท่านั้นแหละ
“โอ้ยร้อน !! ” เด็กสาวยืนบ่นงุบงิบอย่างหัวเสีย เพราะอากาศมันร้อนจนพาลทำเอาอารมณ์หงุดหงิดไปหมด แต่หารู้ไม่ว่านายหัวคาวีนั้นยืนมองอยู่ด้านหลัง
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า คนอื่นเขาก็ยังทำกันได้ ไม่เห็นมีใครบ่นแบบเธอเลย”
อากาศก็ร้อนอยู่แล้ว อารมณ์ก็ร้อนพอกับอากาศเลย กลับต้องมาถูกตำหนิเพียงเพราะเธอบ่นเรื่องนี้ ก็มันร้อนจริง ๆ นี่นา อีกอย่างเธอก็ไม่เคยมาทำงานแบบนี้ด้วย จะเถียงกลับก็นึกถึงคำพูดของป้าพรที่เคยเตือนไว้ สุดท้ายก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนี
“กว่าจะได้เงินแต่ละบาท ดูเอาไว้”
“ดูทำไมคะ ?”
“ก็ดูไว้ไง จะได้นึกถึงตอนใช้เงิน กว่ามันจะได้แต่ละบาทน่ะ มันลำบากขนาดไหน”
“….” เด็กสาวถอนหายใจแรง ก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น เพราะยิ่งเห็นหน้าเขายิ่งหงุดหงิด
ตกเย็นวันเดียวกัน
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู”
“ค่ะป้าพร วันนี้หนูไม่กินข้าวนะคะ ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนค่ะ”
“อ่าว…”
พอลงจากรถน้ำตาลก็รีบเดินเข้าบ้านทันที ป้าพรที่ออกมารอต้อนรับด้วยความสดใสก็ทักทาย แต่เธอกลับไม่มีอารมณ์เลย เพราะวันนี้มันเหนื่อยมาก ร้อนทั้งวัน แล้วก็ถูกนายหัวคาวีใช้ทำงานอันนั้นอันนี้ไม่หยุด เหมือนถูกเขาแกล้ง
จนกระทั่งนายหัวคาวีเดินตามมา
“ทะเลาะกันอีกแล้วหรือนายหัว” ป้าพรถาม
“หึหึ ไม่หรอกครับ เธอก็แค่ไม่พอใจ ที่ผมให้เธอไปทำงานด้วย”
“คุณหนูอยู่แต่บ้านก็ดีอยู่แล้วนี่ คนงานก็เพียงพอจะให้ไปทำไม คุณหนูไม่เคยทำ ตากแดดตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”
“…..” นั่นสินะ เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย เพราะเธอไม่เคยต้องทำงานหนัก ไม่เคยต้องไปตากแดดร้อน ๆ ทำงานทั้งวัน
ลูกคุณหนูหัวอ่อนแบบเธอ มาทำงานหนักแบบนี้ครั้งแรก อาจจะไม่สบายไข้แตกเลยก็ได้
“ยังไงป้าพรก็ขึ้นไปดูทีนะครับ ให้เธอกินยาดักเอาไว้เลยก็ได้”
“แกล้งหรือเปล่าคะ ?”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้แกล้ง ก็แค่อยากให้เธอได้เรียนรู้อะไร ๆ พ่อแม่ไม่อยู่แล้วลำพังตัวคนเดียว จะเอาตัวรอดได้สักกี่น้ำกันเชียว”
“นี่ถ้าป้าไม่รู้จักนายหัว คงคิดว่านายหัวกำลังซ้ำเติมเธอ กลั่นแกล้งเธออยู่นะคะเนี่ย”
“ยังไงก็ฝากป้าพรดูแลด้วยนะครับ”
“จ้ะ ๆ”
หลังจากพูดคุยจบแล้ว นายหัวคาวีเองก็แยกย้ายขึ้นห้องนอนของตัวเองเช่นกัน ด้วยความที่เขาเองก็เติบโตมากับชีวิตแบบนี้ และก็ไม่เคยต้องสอนใคร สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอเรียนรู้ได้ก็คือการเจอกับตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ก็เลยจะสอนเธอในแบบที่ตัวเองเป็น แต่ลืมไปเหมือนกันว่าเธอไม่เหมือนกับเขา
ไม่ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลยอะไร แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าควรต้องทำแบบไหน ทั้งชีวิตนี้หลังจากไม่มีพ่อแม่ เขาก็อยู่ลำพังมาตลอด ชีวิตโดดเดี่ยว และอยู่กับงานของตัวเอง เลยสอนใครไม่เป็นเลย
เป็นแต่ด่าคนเนี่ยแหละ งานถนัดเลย
*****************
ทางด้านของน้ำตาล วันนี้เธอเหนื่อยมากจริง ๆ เหนื่อยจนกินข้าวไม่ลง พออาบน้ำเสร็จทำอะไรเสร็จสรรพเรียบร้อยเธอก็เข้านอนในทันที
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็พยายามปรับตัว เพื่อที่จะให้ตัวเองอยู่ที่นี่ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีปัญหากับใคร บางอย่างก็รู้สึกชินไปเพราะทำอยู่ประจำ แต่บางอย่างไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่ชิน แล้วยังจะมีเรื่องใหม่มาอีก นี่เธอต้องเจอกับอะไรอีกบ้างล่ะ
บางครั้งก็เหนื่อย ท้อ เศร้า อึดอัดอยากระบายมันออกมา จนบางครั้งเธอก็แอบร้องไห้คนเดียว และก็ได้แต่นึกในใจว่า ‘น่าจะมีโทรศัพท์สักเครื่องนะที่สามารถโทรหาคนบนฟ้าได้’ เพราะเธอจะโทรหาพ่อกับแม่เธอทุกวันเลย
สักวันเธอต้องรู้ให้ได้ ว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงถูกส่งมาที่นี่ เขาคือใครกันแน่ ทำไมถึงเป็นคนที่พ่อแม่เธอไว้ใจขนาดนั้น ที่จะให้ดูแลเธอ
คำถามเหล่านี้มันคาใจ และเธอไม่มีวันลืม เธอจะต้องหาคำตอบให้ได้ !!
@หนึ่งปีต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองจะฮันนีมูนด้วยกัน แต่น้ำตาลยังเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้เธอเลยมาพักที่บ้านของนายหัวคาวีก่อน เพราะเธออยากจะเที่ยวอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากไปไหนไกลเลย"วันนี้ขอเข้าสวนด้วยนะ" น้ำตาลมากอดแขนออดอ้อนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธมาทั้งเช้าแล้วเหมือนกัน"มันร้อน เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก""หนูแข็งแรงจะตายไป ทำไม? เมียอยากเข้าสวนเนี่ยไม่ได้หรือไง ซุกเด็กไว้ที่สวนหรอ""เด็กที่ว่า คงมีแต่บองหลาล่ะสิไม่ว่า""นะนะ นะคะที่รัก หนูขอไปด้วยนะ""อาๆ จะไปก็ไป"ถึงในใจจะไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ขัดใจเธอไม่ได้จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากให้เธอตามไปด้วย เพราะในสวนอากาศค่อนข้างร้อน แล้วก็เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเต็มไปหมด ไม่ได้มีอะไรน่าดู น่าเที่ยวเลยสักนิด แถมป่าก็รก ถึงคนงานจะช่วยกันถางไปบางส่วนแล้ว แต่พอฝนตกทีนึงก็เหมือนไปช่วยทำให้พวกมันได้เติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นน้ำตาลก็ได้นั่งรถกระบะไปพร้อมกับนายหัวคาวี เข้าไปที่สวนของเขานั่นแหละ เธอมาบ่อยแล้วก็จริง แต่หลังจากที่เรียนจบจากที่นี่ และไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯต่อ เธอก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าสวนบ่อยๆ อีกเลย"ห
#เวลาต่อมาที่บ้านของนายหัวคาวี หลังจากที่เขากลับมาจากทำงานในสวนแล้ว ก็เดินเข้าบ้านเตรียมตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำลังจะโทรคุยกับสุดที่รักของตัวเองแต่ทว่า..."จะโทรทำไมคะ ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว"" !!! " นายหัวคาวีตกใจ เพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองเห็นนั้นมันคือตัวจริง หรือเขาคิดถึงเธอจนเห็นภาพหลอน หรือว่าเหนื่อยจากทำงานอากาศร้อนๆ เลยกลายเป็นแบบนี้"นายหัวขา ~ ""บ้าเอ้ย ! เบลอจนเห็นภาพหลอนหรอวะเนี่ย" ร่างสูงสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับสะบัดหัวทิ้ง เหมือนต้องการที่จะให้มันปลอดโปร่งมากกว่านี้ภาพหลอนที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะได้หายไป เธอจะมาได้ยังไงกัน เพราะเมื่อตอนเช้ายังคุยกันอยู่เลยว่าเธอมีประชุมงาน และอีกอย่างถ้าเธอมาที่นี่ก็ต้องมีรถสิ แต่นี่เขาเดินเข้ามายังไม่เห็นรถสักคันเลย"คนค่ะไม่ใช่ผี ไม่ใช่ภาพหลอนด้วย"หมับ !!!พอได้ยินอย่างนั้นนายหัวคาวีก็รีบหันกลับไปกอดเธอแน่น พอได้กอดแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนจริงๆ แต่ก็ยังตกใจ ที่เห็นเธออยู่ที่นี่"คิดถึงจัง""หนูก็คิดถึงนายหัว""ทำไมมาถึงไม่บอก แล้วนี่มายังไง""มีคนมาส่งค่ะ เขากลับไปแล้ว""อืม...ฉันนึกว่าตัวเองเบลอจากอากาศร้อน แล้วเห็นภาพหลอน""
#หนึ่งเดือนถัดมาถึงจะมีคนคอยดูแลงานที่สวนให้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ต้องกลับไปทำงานของตัวเองต่อ แค่มีคนมาคอยดูแลในสวนเพื่อที่เขาจะได้มาอยู่กับน้ำตานานๆ ก็เท่านั้นเอง ถึงเวลาก็ต้องกลับ ถึงในใจจะคัดค้านก็เถอะแต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ"ถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรบอกเลยนะ""ขับรถดีๆ นะนายหัว ไม่ต้องขับรถเร็วเข้าใจไหม""เข้าใจครับ""ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น" เมื่อก่อนจะเป็นเธอที่ชอบงอแงไม่อยากให้เขากลับไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่งอแงจนหน้าบูดบึ้งเพราะไม่อยากกลับ"ไม่อยากไปเลย""เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เราก็โทรคุยกันได้นี่""มันก็ไม่เหมือนกับเจอตัวจริง แถมเอาผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ได้""พูดอะไรนั่น ไม่อายคนบ้างหรือไง""ยืนอยู่กันสองคน คนอื่นก็ทำงานอยู่ข้างในกันหมดใครจะได้ยิน เจ้าที่หรือไง"เปี๊ยะ !!เธอตีแขนของเขาอย่างแรง เพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่พูดจาอะไรแบบนี้ นับวันมันยิ่งจะหนักขึ้นทุกทีเลย"ซี๊ด ! เจ็บนะ ทำไมชอบตีจริงเนี่ย ลงไม้ลงมือกับผัวตายไปจะเป็นผีเปรตนะ""ตีให้หลาบไง หมั่นไส้ พูดอะไรของนายหัวอยู่ได้""อยากอยู่ต่อจัง""ไม่ต้องมาอ้อนเลย รีบกลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะ
#เช้าวันต่อมาหลังจากที่เมื่อคืนนั้นจัดหนักจัดหน่วงกันไปหลายท่าหลายน้ำ ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้"อือ.."คนตัวเล็กขยับตัวไปมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองรอบๆ และได้รู้ว่าที่ตัวเธอรู้สึกอึดอัดนั้นเป็นเพราะเขากำลังกอดเธอเอาไว้แน่น"นายหัว..""อืม...อย่าดิ้นนักสิ มันแข็งแล้วเนี่ย"เพราะเมื่อคืนเผลอหลับไปพร้อมกัน เสื้อผ้าก็เลยไม่ได้ใส่ และตอนนี้เจ้าโลกแสนมโหฬารของเขาก็กำลังแข็งดันก้นของเธออยู่ด้วย"สักรอบได้ไหม""ไม่เอา เมื่อคืนก็ตั้งหลายครั้ง""ไม่เกี่ยวกันสิ เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้""อือ...ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย""ชอบว่าฉันแก่นัก โดนคนแก่เอาแล้วเป็นไงล่ะ ถึงฉันจะแก่กว่าเธอมาก แต่แรงฉันก็ยังดีนะ""อะ อือ...นายหัว มันทิ่มก้นหนูเนี่ย""จะให้มันทิ่มอย่างอื่นด้วยซ้ำ""อย่านะ อ๊ะ !!"สวบ !!เหมือนคำพูดของเธอเป็นแค่ลมสำหรับเขา พอสิ้นสุดคำพูดแก่นกายของเขาก็ผลุบเข้ามาในตัวของเธอแบบทีเดียวมิดลำ"อื้อ จุกนะคะ !""ขอโทษนะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ขอเอานะ""ขนาดนี้แล้ว ห้ามได้ด้วยหรอคะ""ถึงห้าม ก็ไม่ฟังหรอก ใส่เข้ามาขนาดนี้แล้ว ไม่ได
#ตกกลางคืนวันต่อมาทั้งสองมานั่งรับลมอยู่ที่ริมระเบียงด้วยกันแต่วันนี้มาพร้อมกับเครื่องดื่ม เพราะบรรยากาศมันให้ ดื่มจนพอรู้สึกมึนหัวนิดๆ ได้อารมณ์หน่อยๆ คงจะได้พากันขึ้นเตียงกันอีกไม่ผิดแน่เลย"ถ้าเราแต่งงานกัน นายหัวจะเชิญใครบ้าง""ก็เชิญคนรู้จักไง แล้วก็ส่งการ์ดเชิญไปให้ผู้ใหญ่ที่เคยทำงานด้วยกัน""ที่จริงหนูก็อยากเชิญเพื่อนนะ แต่เพื่อนก็..ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ""ไม่เป็นไรหรอก เราก็เอาที่เราพอติดต่อได้""ป้าพรมาได้หรือเปล่า""เห็นว่างานแต่งจะมานะ""นั่งเครื่องก็บินก็ได้นะ""นั่งรถยังเกือบตาย นั่งเครื่องบินไม่ตาลอยเลยหรอ""จะได้ถึงเร็วๆ ไง นั่งสบายด้วย จองชั้น vip ให้ป้าพรเลย""ถามก่อนเถอะ""ค่ะ""เธอคิดจะจัดแบบไหน แบบใหญ่โต หรือว่ากันเอง""ก็ไม่ได้จะใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่ได้จะแต่งกันเงียบๆ จนไม่มีใครรู้ แค่เอาพอดีๆ"ตอนนี้ต้องคุยกันก่อนเรื่องงานแต่ง เพราะยังไม่ได้ตกลงอะไรๆ กันเลย น้ำตาลอยากให้งานแต่งของเธอมันออกมาดีที่สุด ถึงมันจะเป็นงานแต่งแบบเล็กๆ กลางๆ ไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นมีนักข่าวมาทำข่าว แต่เธออยากให้มันออกมาดูดีและอบอุ่นมากที่สุด เท่าที่จะทำได้เลย"เธออยากมีลูกกี
#หลายเดือนต่อมา"ได้แล้วหรือยังล่ะ""เดี๋ยวสินายหัว ใจร้อนเป็นคนแก่ไปได้"ที่เขาเร่งไม่ใช่เพราะใจร้อนอะไรหรอก แต่กลัวว่าที่พักมันจะเต็มก่อนที่เธอจะกดจองพักมากกว่า เดี๋ยวถึงเวลานั้นจริงๆ เธอก็จะหงุดหงิดมีอารมณ์ไม่พอใจขึ้นมาอีก นี่ก็เลือกที่พักมาตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะพักที่ไหน"ดีไปหมดเลย เลือกไม่ได้ พักทุกที่เลยได้ป่ะ""จะบ้าหรือไง ไปเที่ยวอยู่ที่เดียวแต่จะพักตั้งหลายโรงแรมเนี่ยนะ ?""งั้นเอาเป็นบ้านพักก็ได้ จะได้ไม่ต้องอยู่รวมกับใคร""เท่าไหร่ ?""หนูเลือกเป็นห้องหรูเลยนะ เราไปพักกันอาทิตย์นึง รวมค่าอาหารเช้าเย็นแล้วสามหมื่นค่ะ"เธอพูดเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบ่น รายนี้ยิ่งขี้งกเรื่องเงินอยู่ด้วย ถึงเธอจะทำงานได้แล้วก็เถอะ มีเงินกันขนาดนี้ แต่ถ้าใช้มากเกินไปก็โดนบ่นอยู่ดี"อืม จองไปเลยสิ ดูดีแล้วใช่ไหม""ก็ดีแล้วนะคะ เป็นบ้านพักที่ติดทะเลแล้วก็ติดภูเขาด้วย วิวดีเลย เพราะแบบนี้แหละถึงแพง""อือ...""จะบ่นหนูไหมเนี่ย""ฉันจะบ่นเธอทำไม เราทำงานได้ มันก็ต้องมีบ้างที่ต้องพักผ่อน""ทีเมื่อก่อนนะ ซื้อของกินนิดหน่อย ทำเป็นบ่น""ก็ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ทำงาน ใช้เงินเกินตัวมันไม