#สองเดือนต่อมา
"นายหัว !!!"
"เออ จะเสียงดังทำไม อายเขา เด็กนี่ชอบโวยวายจริง" พอมาถึงก็ตำหนิคนตรงหน้าไม่หยุดเลย
และก็เพราะเสียงของเธอนั่นแหละทำเอาคนในบริษัทพากันหันมอง
"ก็คนมันคิดถึง"
"อยู่นี่ตั้งใจเรียนหรือเปล่า"
"ตั้งใจสิคะ คอยดูนะจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้ดูเลย"
"ให้มันได้อย่างที่พูดเถอะ"
"คราวนี้นายหัวมากี่วัน ?"
"ทำไม จะหลอกไถตังค์ฉันอีกหรือไง"
"เปล่า..." ลากเสียงยาว "อย่าใส่ร้ายสิ ก็อยากให้อยู่นาน ๆ อยากมีเพื่อนคุย"
"ฉันรำคาญเธอขนาดนี้ ยังจะมาพูดด้วยอีก"
"แน่ใจเหร๊อว่ารำคาญ"
"เกิดมาเหมือนไม่เคยพูด"
"แล้วใครออกจากท้องแม่มาพูดได้เลยบ้างล่ะคะ ?"
"....." เถียง ! ทุกคำ ทุกประโยค เถียงกลับทันควัน ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขาเลยสักคนเดียว มันเดือดจนลมออกหูปุด ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ยั้งใจเข้าไว้คาวี !
"หรือว่านายหัว..." คนตัวเล็กขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับหยีตามองคนตรงหน้าแบบกวน ๆ "โอ๊ะ !! "
"อย่ามาทะลึ่งแถวนี้" ผลักหัวของเธอออกห่าง ดันแรงจนเธอเกือบจะล้มลง ดีนะที่ประคองตัวเองไว้ได้ คนอะไรไม่อ่อนโยนเลยสักนิดเดียว
"เจ็บนะนายหัว ! "
"แล้วใครใช้ให้มารุ่มร่าม ?"
"ทำเป็นหวงตัวไปได้ ถือศีลไม่แตะสีกาหรือไงคะ"
"เดี๊ยะ ๆ ๆ ลามปาม"
"อะไรเนี่ย ลามปามตรงไหน หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ มีแต่นายหัวแหละ ว่าเอา ๆ "
น้ำตาลทำหน้าบูดเพราะถูกเขาเอาแต่บ่นใส่ แต่ถามว่ากลัวไหม เข็ดไหม ก็คงตอบอย่างมั่นใจว่าไม่ เพราะเธอชินกับเขาที่เป็นแบบนี้แล้ว
"เลิกเรียนแล้วหรือไง ถึงได้มาซ่าที่นี่ได้"
"มีเรียนบ่ายน่ะค่ะ"
"....." นายหัวไม่ได้ตอบ
"นายหัวขา เลี้ยงข้าวหน่อยสิ" ทำหน้าอ้อนตาปริบ ๆ
"ให้เลี้ยงอะไรอีก จะกินอะไร"
"เดี๋ยวหนูสะ..."
"ไม่ต้อง เดี๋ยวดูเอง" รีบห้าม เพราะถ้าปล่อยให้เธอสั่งเองคงได้หมดมื้อละเป็นพันอีกแน่ ๆ เลย
"อะไรของนายหัว หนูก็จะสั่งข้าวไง ข้าวจริง ๆ" ย้ำเสียงหนักแน่น
"จะกินอะไร เดี๋ยวสั่งเอง" ยังไงคราวนี้ก็ไม่ยอมเสียรู้อีกครั้งหรอก เธอมันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดเดียว
"กระเพราทะเลค่ะ แต่ไม่เอาหอย"
"อืม ก็แค่นั้นแหละ"
"ยังไม่เลิกงกอีกหรือไง"
"กับเธอฉันต้องงก ยัยเด็กเลี้ยงแกะ !! "
โดนว่าแบบนี้อีกแล้ว เขาเป็นอะไรกับคำนี้มากหรือเปล่านะ เจอหน้าเธอทีไรชอบว่าเธอแบบนี้ทุกครั้งเลย
"ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง"
"จะอยากรู้ไปทำไม อยากไปแบกปาล์มรึไง"
"ไม่เอาหรอก ก็แค่อยากรู้"
"....." นึกว่าเขาจะตอบนะ ผิดคาด เพราะนายหัวนั่งทำงานเงียบกริบเลย
"นายหัว"
"อะไร ?!"
"พูดดี ๆ สิคะ ทำไมต้องกระแทกเสียง ?"
"เรียกทำไมอีก เธอนี่หยุดพูดบ้างมันจะตายมั้ยเนี่ย"
"ตายค่ะ ตายเลย ต้องพูดตลอดค่ะ"
"กับคนอื่นเธอพูดมากแบบนี้มั้ย ?"
"ไม่รู้"
ว่ากันว่าเมื่อไหร่ที่เราเจอเซฟโซนที่เรารู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้ว พูดด้วยแล้ว มันปลอดภัย นั่นแหละเราจะพูดมากเป็นพิเศษ เธอก็คงมีความคิดแบบนี้ แค่บอกไม่ถูกเท่านั้นเอง ว่ามันคือความรู้สึกอะไร
เพราะมีแค่เขาที่เธอรู้สึกว่า เวลาอยู่ด้วยนั้น จะปลอดภัยมากกว่าอยู่กับคนอื่น ๆ
#ผ่านไปสักพัก
"กินข้าวกินปลาให้อิ่ม แล้วก็ไปเรียนได้แล้ว"
"ค่ะ"
"แล้วนี่ไปยังไง ใครมารับ"
"นั่งรถไปค่ะ"
"แล้วคนขับรถล่ะ"
"ให้กลับบ้านแล้วค่ะ ค่อยให้มารับตอนค่ำหลังเลิกเรียน"
"หัดให้ขับรถครั้งนึงละ ไม่อยากจะจำ ไปไหนมาไหนจะได้ไปเอง"
"หัดกับนายหัวน่ะเหรอคะ นึกว่าทำสงครามเย็นในรถ"
"เดี๊ยะเถอะ !!"
นึกถึงสมัยนั้นแล้วหลอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ก็เพราะถูกเขาพาไปหัดขับรถเนี่ยแหละ มันเลยทำให้เธอไม่กล้าที่จะขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับอีกเลย ดีนะตอนนั้นไปหัดกันอยู่ในป่า ถึงจะชนก็ชนต้นไม้ลงข้างทาง ถ้าไปหัดบนถนนคงได้ชนคนอื่นไปทั่ว
"ตอนเย็นมารับหนูไหม"
"ทำไมฉันต้องไปรับเธอ กลับเองได้ก็กลับเองสิ"
"นี่นายหัว ทำไมถึงไม่อ่อนโยนบ้างเลย แล้วผู้หญิงที่ไหนเขาจะชอบ"
"ก็ไม่ได้ขอให้มาชอบสักหน่อย"
"แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะ ใครมาชอบนายหัว หนูว่าสุขภาพจิตเขาไม่ปกติแน่ ๆ"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง ?!"
"ก็แล้วใครที่ไหนจะชอบคนบ้าล่ะ"
"น้ำตาล !! "
"ฮ่าๆๆๆ ~ " หัวเราะชอบใจยกใหญ่
เก่งนักแหละไอ้เรื่องพูดจายียวนกวนประสาทเขาเนี่ย เจอหน้ากันทีไรเป็นอันต้องพูดแบบนี้ใส่กันตลอด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงโดนดุไปหลายคำแล้ว เผลอ ๆ ก็โดนดุจนหน้าเสียเลยด้วย แต่ตอนนี้เหมือนเขาชินมากกว่า ชินกับเธอที่เป็นแบบนี้ ทำใจยอมรับมันไปเถอะ เพราะถึงยังไงก็คงได้เจอเป็นประจำอยู่แล้ว
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวแก่เร็วนะ"
"คำก็แก่ สองคำก็แก่ ระวังตัวเอาไว้เถอะนะ"
"ทำไมคะ ? นายหัวทำอะไรหนูไม่ได้หรอก หนูทำมาดี หน้าหนูก็ไม่แก่ หุ่นหนูก็ดี หน้าตาก็ดีผมก็สวย การเรียนก็เก่ง ไม่มีอะไรให้ตำหนิเลย"
"พูดมาก พูดเยอะ เกิดมาเหมือนไม่เคยพูด สงสัยตอนเด็ก ๆ พ่อหรือแม่เธอคงเอาเขียดตบปากหลายตัวเลย"
"อี๋ ! ใครเขาเอาเขียดตีปากกัน มันสกปรก เหม็นคาวจะตาย" ก็เพราะโตมาแบบคนเมืองกรุง เรื่องความเชื่ออะไรแบบนั้นเธอไม่เคยรู้เลย
ไอ้ความเชื่อที่ว่า เอาเขียดตบปากเด็กเพราะเด็กปากหนักไม่พูด จะทำให้เด็กพูดมาก เธอก็ไม่เคยรู้เรื่องเลย
"ฉันว่าตอนเด็ก ๆ เธอคงโดนเขียดตบปากมาแน่ ๆ ไม่งั้นจะพูดไม่หยุดแบบนี้เหรอ"
"กะ ก็หนูพูด เพราะอยากพูดไง เกี่ยวอะไรกับเขียดตบปาก"
"หึหึ ยัยเขียด"
"เฮ้ย ! ทำไมเรียกงี้ล่ะ"
"ก็เพราะเธอพูดมากไง ฉันก็จะเรียกเธอแบบนี้แหละ"
"......" เธอมองหน้าเขาพร้อมกับเม้มปากแน่น ในหัวกำลังคิดว่าจะเอาคืนยังไงดี จะเรียกเขาแบบไหนดีนะ "หน้าตาแบบนี้ อายุเท่านี้ เรียกว่าแก่แต่สังขารหรือเปล่านะ"
"ยัยเขียด !"
"หนูสู้นะ ลองดูกันสักตั้งไหมล่ะ จะยืนเถียงอยู่แบบนี้แหละ ไม่ยอมไปเรียนก็ได้"
"ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ !"
กับคนอื่นมีแต่คนยอมเขาตลอด นี่เป็นครั้งแรกและเป็นคนเดียวเลยที่เขาต้องยอม และไม่เคยยอมใครแบบนี้ขนาดนี้มาก่อนเลย เธอเป็นใครกัน แล้วทำไมเขาต้องยอมด้วยล่ะ !
"คิกคิก เห็นไหม สุดท้ายนายหัวก็แพ้หนู"
"หนูอะไรตัวเท่าคะ..."
"หึ้ย !! ถ้าพูดแรงขนาดนั้นนะ หนูจะไม่คุยกับนายหัวอีกเลย จะปล่อยให้เหงาตายไปเลยด้วย"
"สบาย ไม่มีเธอมาพูดข้าง ๆ หูนะ ฉันโคตรสบายเลย มีสมาธิทำงานด้วยไม่เปลืองตังค์ด้วย"
"พูดจริงดิ ?"
"เออ"
"เอ้อ !! หนูไม่มาแล้วก็ได้ งอนแล้ว !"
พูดจบน้ำตาลก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปทันที ข้าวกล่องที่สั่งมาเธอก็ไม่หยิบและก็ยังไม่ทันได้กินด้วย
แต่พอเธอเดินออกไปนายหัวที่มีท่าทีมั่นใจแต่แรกก็หน้าซีดลง พร้อมกับคิดในหัวตัวเองว่า พูดแรงเกินไปหรือเปล่า แต่สำหรับเขามันก็แค่การเถียงกันปกตินี่นา หรือเขาพูดแรงไปจริง ๆ ?
ก๊อกๆๆ ~
"เข้ามา"
"เอาเอกสารไตรมาสของเดือนที่แล้วมาให้ค่ะ"
"เดินเข้ามาเห็นน้ำตาลหรือเปล่า"
"อ๋อ คุณน้ำตาลเห็นไปขึ้นรถเมื่อกี้ค่ะ เดินไปเร็วมากเลย"
ก็ไม่แปลกหรอกไม่ถึง 5 นาทีที่เธอจะออกไปแล้ว ลงจากลิฟท์เดินก้าวไปไม่เท่าไรก็ถึงหน้าถนนแล้ว
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่มี ๆ แล้วระหว่างที่ผมไม่อยู่ น้ำตาลเธอมาที่นี่หรือเปล่า"
"อืม ไม่เห็นเลยนะคะ ก็เพิ่งได้เห็นวันนี้แหละค่ะ ที่มาพร้อมกับคุณศิวกร"
"อ๋อ ไม่มีอะไรจะถามแล้วล่ะ คุณกลับไปทำงานเถอะ ขอบคุณครับ"
"ค่ะ"
หรือมันจะจริงอย่างที่เธอเคยบอก เพราะเธอมีเขาเป็นเซฟโซนของความปลอดภัย เธอถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้ กล้าเป็นตัวเอง กล้าพูดมาก กล้าแสดงออก
เขาทำผิดไปจริง ๆ เหรอ ?
@หนึ่งปีต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองจะฮันนีมูนด้วยกัน แต่น้ำตาลยังเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้เธอเลยมาพักที่บ้านของนายหัวคาวีก่อน เพราะเธออยากจะเที่ยวอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากไปไหนไกลเลย"วันนี้ขอเข้าสวนด้วยนะ" น้ำตาลมากอดแขนออดอ้อนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธมาทั้งเช้าแล้วเหมือนกัน"มันร้อน เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก""หนูแข็งแรงจะตายไป ทำไม? เมียอยากเข้าสวนเนี่ยไม่ได้หรือไง ซุกเด็กไว้ที่สวนหรอ""เด็กที่ว่า คงมีแต่บองหลาล่ะสิไม่ว่า""นะนะ นะคะที่รัก หนูขอไปด้วยนะ""อาๆ จะไปก็ไป"ถึงในใจจะไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ขัดใจเธอไม่ได้จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากให้เธอตามไปด้วย เพราะในสวนอากาศค่อนข้างร้อน แล้วก็เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเต็มไปหมด ไม่ได้มีอะไรน่าดู น่าเที่ยวเลยสักนิด แถมป่าก็รก ถึงคนงานจะช่วยกันถางไปบางส่วนแล้ว แต่พอฝนตกทีนึงก็เหมือนไปช่วยทำให้พวกมันได้เติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นน้ำตาลก็ได้นั่งรถกระบะไปพร้อมกับนายหัวคาวี เข้าไปที่สวนของเขานั่นแหละ เธอมาบ่อยแล้วก็จริง แต่หลังจากที่เรียนจบจากที่นี่ และไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯต่อ เธอก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าสวนบ่อยๆ อีกเลย"ห
#เวลาต่อมาที่บ้านของนายหัวคาวี หลังจากที่เขากลับมาจากทำงานในสวนแล้ว ก็เดินเข้าบ้านเตรียมตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำลังจะโทรคุยกับสุดที่รักของตัวเองแต่ทว่า..."จะโทรทำไมคะ ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว"" !!! " นายหัวคาวีตกใจ เพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองเห็นนั้นมันคือตัวจริง หรือเขาคิดถึงเธอจนเห็นภาพหลอน หรือว่าเหนื่อยจากทำงานอากาศร้อนๆ เลยกลายเป็นแบบนี้"นายหัวขา ~ ""บ้าเอ้ย ! เบลอจนเห็นภาพหลอนหรอวะเนี่ย" ร่างสูงสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับสะบัดหัวทิ้ง เหมือนต้องการที่จะให้มันปลอดโปร่งมากกว่านี้ภาพหลอนที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะได้หายไป เธอจะมาได้ยังไงกัน เพราะเมื่อตอนเช้ายังคุยกันอยู่เลยว่าเธอมีประชุมงาน และอีกอย่างถ้าเธอมาที่นี่ก็ต้องมีรถสิ แต่นี่เขาเดินเข้ามายังไม่เห็นรถสักคันเลย"คนค่ะไม่ใช่ผี ไม่ใช่ภาพหลอนด้วย"หมับ !!!พอได้ยินอย่างนั้นนายหัวคาวีก็รีบหันกลับไปกอดเธอแน่น พอได้กอดแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนจริงๆ แต่ก็ยังตกใจ ที่เห็นเธออยู่ที่นี่"คิดถึงจัง""หนูก็คิดถึงนายหัว""ทำไมมาถึงไม่บอก แล้วนี่มายังไง""มีคนมาส่งค่ะ เขากลับไปแล้ว""อืม...ฉันนึกว่าตัวเองเบลอจากอากาศร้อน แล้วเห็นภาพหลอน""
#หนึ่งเดือนถัดมาถึงจะมีคนคอยดูแลงานที่สวนให้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ต้องกลับไปทำงานของตัวเองต่อ แค่มีคนมาคอยดูแลในสวนเพื่อที่เขาจะได้มาอยู่กับน้ำตานานๆ ก็เท่านั้นเอง ถึงเวลาก็ต้องกลับ ถึงในใจจะคัดค้านก็เถอะแต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ"ถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรบอกเลยนะ""ขับรถดีๆ นะนายหัว ไม่ต้องขับรถเร็วเข้าใจไหม""เข้าใจครับ""ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น" เมื่อก่อนจะเป็นเธอที่ชอบงอแงไม่อยากให้เขากลับไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่งอแงจนหน้าบูดบึ้งเพราะไม่อยากกลับ"ไม่อยากไปเลย""เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เราก็โทรคุยกันได้นี่""มันก็ไม่เหมือนกับเจอตัวจริง แถมเอาผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ได้""พูดอะไรนั่น ไม่อายคนบ้างหรือไง""ยืนอยู่กันสองคน คนอื่นก็ทำงานอยู่ข้างในกันหมดใครจะได้ยิน เจ้าที่หรือไง"เปี๊ยะ !!เธอตีแขนของเขาอย่างแรง เพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่พูดจาอะไรแบบนี้ นับวันมันยิ่งจะหนักขึ้นทุกทีเลย"ซี๊ด ! เจ็บนะ ทำไมชอบตีจริงเนี่ย ลงไม้ลงมือกับผัวตายไปจะเป็นผีเปรตนะ""ตีให้หลาบไง หมั่นไส้ พูดอะไรของนายหัวอยู่ได้""อยากอยู่ต่อจัง""ไม่ต้องมาอ้อนเลย รีบกลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะ
#เช้าวันต่อมาหลังจากที่เมื่อคืนนั้นจัดหนักจัดหน่วงกันไปหลายท่าหลายน้ำ ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้"อือ.."คนตัวเล็กขยับตัวไปมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองรอบๆ และได้รู้ว่าที่ตัวเธอรู้สึกอึดอัดนั้นเป็นเพราะเขากำลังกอดเธอเอาไว้แน่น"นายหัว..""อืม...อย่าดิ้นนักสิ มันแข็งแล้วเนี่ย"เพราะเมื่อคืนเผลอหลับไปพร้อมกัน เสื้อผ้าก็เลยไม่ได้ใส่ และตอนนี้เจ้าโลกแสนมโหฬารของเขาก็กำลังแข็งดันก้นของเธออยู่ด้วย"สักรอบได้ไหม""ไม่เอา เมื่อคืนก็ตั้งหลายครั้ง""ไม่เกี่ยวกันสิ เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้""อือ...ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย""ชอบว่าฉันแก่นัก โดนคนแก่เอาแล้วเป็นไงล่ะ ถึงฉันจะแก่กว่าเธอมาก แต่แรงฉันก็ยังดีนะ""อะ อือ...นายหัว มันทิ่มก้นหนูเนี่ย""จะให้มันทิ่มอย่างอื่นด้วยซ้ำ""อย่านะ อ๊ะ !!"สวบ !!เหมือนคำพูดของเธอเป็นแค่ลมสำหรับเขา พอสิ้นสุดคำพูดแก่นกายของเขาก็ผลุบเข้ามาในตัวของเธอแบบทีเดียวมิดลำ"อื้อ จุกนะคะ !""ขอโทษนะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ขอเอานะ""ขนาดนี้แล้ว ห้ามได้ด้วยหรอคะ""ถึงห้าม ก็ไม่ฟังหรอก ใส่เข้ามาขนาดนี้แล้ว ไม่ได
#ตกกลางคืนวันต่อมาทั้งสองมานั่งรับลมอยู่ที่ริมระเบียงด้วยกันแต่วันนี้มาพร้อมกับเครื่องดื่ม เพราะบรรยากาศมันให้ ดื่มจนพอรู้สึกมึนหัวนิดๆ ได้อารมณ์หน่อยๆ คงจะได้พากันขึ้นเตียงกันอีกไม่ผิดแน่เลย"ถ้าเราแต่งงานกัน นายหัวจะเชิญใครบ้าง""ก็เชิญคนรู้จักไง แล้วก็ส่งการ์ดเชิญไปให้ผู้ใหญ่ที่เคยทำงานด้วยกัน""ที่จริงหนูก็อยากเชิญเพื่อนนะ แต่เพื่อนก็..ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ""ไม่เป็นไรหรอก เราก็เอาที่เราพอติดต่อได้""ป้าพรมาได้หรือเปล่า""เห็นว่างานแต่งจะมานะ""นั่งเครื่องก็บินก็ได้นะ""นั่งรถยังเกือบตาย นั่งเครื่องบินไม่ตาลอยเลยหรอ""จะได้ถึงเร็วๆ ไง นั่งสบายด้วย จองชั้น vip ให้ป้าพรเลย""ถามก่อนเถอะ""ค่ะ""เธอคิดจะจัดแบบไหน แบบใหญ่โต หรือว่ากันเอง""ก็ไม่ได้จะใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่ได้จะแต่งกันเงียบๆ จนไม่มีใครรู้ แค่เอาพอดีๆ"ตอนนี้ต้องคุยกันก่อนเรื่องงานแต่ง เพราะยังไม่ได้ตกลงอะไรๆ กันเลย น้ำตาลอยากให้งานแต่งของเธอมันออกมาดีที่สุด ถึงมันจะเป็นงานแต่งแบบเล็กๆ กลางๆ ไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นมีนักข่าวมาทำข่าว แต่เธออยากให้มันออกมาดูดีและอบอุ่นมากที่สุด เท่าที่จะทำได้เลย"เธออยากมีลูกกี
#หลายเดือนต่อมา"ได้แล้วหรือยังล่ะ""เดี๋ยวสินายหัว ใจร้อนเป็นคนแก่ไปได้"ที่เขาเร่งไม่ใช่เพราะใจร้อนอะไรหรอก แต่กลัวว่าที่พักมันจะเต็มก่อนที่เธอจะกดจองพักมากกว่า เดี๋ยวถึงเวลานั้นจริงๆ เธอก็จะหงุดหงิดมีอารมณ์ไม่พอใจขึ้นมาอีก นี่ก็เลือกที่พักมาตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะพักที่ไหน"ดีไปหมดเลย เลือกไม่ได้ พักทุกที่เลยได้ป่ะ""จะบ้าหรือไง ไปเที่ยวอยู่ที่เดียวแต่จะพักตั้งหลายโรงแรมเนี่ยนะ ?""งั้นเอาเป็นบ้านพักก็ได้ จะได้ไม่ต้องอยู่รวมกับใคร""เท่าไหร่ ?""หนูเลือกเป็นห้องหรูเลยนะ เราไปพักกันอาทิตย์นึง รวมค่าอาหารเช้าเย็นแล้วสามหมื่นค่ะ"เธอพูดเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบ่น รายนี้ยิ่งขี้งกเรื่องเงินอยู่ด้วย ถึงเธอจะทำงานได้แล้วก็เถอะ มีเงินกันขนาดนี้ แต่ถ้าใช้มากเกินไปก็โดนบ่นอยู่ดี"อืม จองไปเลยสิ ดูดีแล้วใช่ไหม""ก็ดีแล้วนะคะ เป็นบ้านพักที่ติดทะเลแล้วก็ติดภูเขาด้วย วิวดีเลย เพราะแบบนี้แหละถึงแพง""อือ...""จะบ่นหนูไหมเนี่ย""ฉันจะบ่นเธอทำไม เราทำงานได้ มันก็ต้องมีบ้างที่ต้องพักผ่อน""ทีเมื่อก่อนนะ ซื้อของกินนิดหน่อย ทำเป็นบ่น""ก็ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ทำงาน ใช้เงินเกินตัวมันไม