ตั้งแต่วันที่ภวินทร์ไปส่งพราวฟ้าที่บ้านวันนั้นเขาก็พยายามไม่พูดจาถากถางให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจอีก แม้ในใจยังมีหนึ่งคำถามที่ยังค้างคาอยากถามเธอให้กระจ่างแต่ก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกอึดอัดใจจึงได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ พราวฟ้าเองเมื่อเห็นเขาไม่พูดประชดประชันตัวเองแล้วก็เบาใจลงอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เกลียดเธอจนถึงขั้นพูดกันดีๆไม่ได้
“วันนี้คุณจะไปที่ร้านพร้อมผมมั้ย ผมจะเข้าร้านพอดี”ภวินทร์ถามพราวฟ้าขณะที่เธอนำเอกสารมาให้เขาเซ็น
“ไม่เป็นไรค่ะฟ้าไปเองได้ ขอบคุณมากๆนะคะที่ชวน”
“ตามใจ”
…Night club…
“ฟ้าจะลาออกจริงๆหรอ”เมย์ถามพราวฟ้าหลังจากที่เธอไปแจ้งเรื่องลาออกกับก้องภพเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะพี่เมย์ฟ้าทำงานเดือนนี้เดือนสุดท้ายแล้วค่ะ ตอนนี้ฟ้าเรียนใกล้จบแล้วเริ่มมีบริษัทเรียกไปสัมภาษณ์งานบ้างแล้วค่ะ”
เมย์ดึงพราวฟ้าเข้าไปกอดดีใจกับน้องสาวคนเก่งคนนี้ที่อดทนส่งตัวเองเรียนจนจบ
“พี่ดีใจด้วยนะฟ้าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง พี่ขอให้ชีวิตต่อจากนี้ของฟ้ามีแต่ความสุขนะ ขอให้กลับมามีโลกที่สดใสอีกครั้งนะ”เมย์พูดไปน้ำตาก็ไหลไปด้วยความตื้นตันใจ
“ฟ้าก็ต้องขอบคุณพี่เมย์กับคุณป้ามากๆนะคะที่ดูแลฟ้าเป็นอย่างดีเหมือนญาติคนนึง”
“เด็กโง่เราเป็นน้องพี่นะอยู่กันมาขนาดนี้พี่ก็รักเหมือนน้องสาวแท้ๆคนนึง มีอะไรให้พี่ช่วยบอกพี่ได้ตลอดเลยนะ”
“น่าเสียดายเหมือนกัน”ก้องภพบ่นไปพลางมองพราวฟ้าทำงานไป
“เสียดายอะไรของมึงวะไอ้ก้อง”ภวินทร์ที่พึ่งเดินเข้ามาในร้านถามเพื่อนรัก
“ก็น้องฟ้าคนสวยน่ะสิจะลาออกสิ้นเดือนนี้แล้ว”
“ลาออก”
“อืม เห็นว่าจะเรียนจบแล้วเลยอยากไปหางานทำ”
ภวินทร์แอบน้อยใจที่เธอมีอะไรไม่เคยบอกเขาเลยเป็นเขาที่ต้องรู้คนสุดท้ายตลอด ขนาดทำงานด้วยกันแทบทุกวันเธอยังไม่เคยปริปากบอกเขาซักคำ
“ไอ้วินเป็นอะไรวะเงียบไปเลย มึงก็เสียดายเหมือนกูใช่มั้ย”
“เฉยๆ”ภวินทร์ตอบเพื่อนรักด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่คิดไปคิดมาก็ดีแล้วแหละเพราะน้องมันไม่มีจริตมารยาอะไรเลย มาทำงานก็ทำแต่งานอย่างเดียว ไม่หาเงินทางอื่นเลย”
“ยังไงวะ”
“ก็ใครรุ่มร่ามจับแขนจับมือ เขาจะชวนไปต่อก็ไม่เคยเล่นด้วยเลย บอกตามตรงบางทีกูก็สงสารน้องเค้า ยิ่งน้องไม่พูดมีอะไรก็เก็บไว้คนเดียวกูก็ยิ่งเป็นห่วง”
“นี่หลงเสน่ห์เข้าแล้ว”ภวินทร์เลิกคิ้วถามเพื่อน
“กูก็แค่เอ็นดู”
“หึ หว่านเสน่ห์เก่งมิน่ามีแต่คนหลง”แม้เขาจะรู้สึกดีกับเธอมากแต่พอนึกถึงวันที่เธอขึ้นรถไปกับผู้ชายความขุ่นเคืองภายในใจก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
คืนนั้นภวินทร์ตั้งใจรอกลับบ้านพร้อมพราวฟ้า เขารอเวลาจนเธอเลิกงานและเดินไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ถึงขับรถออกไปเพื่อรับเธอกลับบ้าน
“ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง”ภวินทร์เลื่อนกระจกรถลงและเรียกพราวฟ้าให้ขึ้นรถ
“ฟ้ากลับเองได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณวินดีกว่าค่ะ”
“มีเรื่องจะคุยด้วยขึ้นรถ”
เมื่อได้ยินเขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยพราวฟ้าจึงจำต้องเดินขึ้นรถไปกับเขา
“จะลาออกจาก Night club แล้วหรอ”
“ค่ะ ออกสิ้นเดือน”
“ทำไม”
“ตอนนี้ฟ้ามีรายได้จากงานแปลหนังสือเพียงพอที่จะใช้ชีวิตในแต่ละเดือนแล้ว เดือนหน้าก็จะเรียนจบแล้วรายจ่ายก็ลดลง จะได้มีเวลาไปหาสมัครงานประจำทำด้วยค่ะ”
“ไม่ใช่ว่ามีใครเลี้ยง”
“ไม่มีใครเลี้ยงทั้งนั้นแหละค่ะฟ้าดูแลตัวเอง คุณคิดว่าการที่ต้องนอนวันละสามสี่ชั่วโมงทุกวันมันสนุกหรอคะ ฟ้าเหนื่อยฟ้าแค่อยากพักอยากใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปบ้างมันไม่ได้เลยหรอคะ ถ้าคุณไม่มีอะไรจะถามแล้วจอดรถให้ฟ้าลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ” พราวฟ้าน้อยใจที่เขายังคงคิดว่าเธอมีคนเลี้ยงดูจึงเผลอขึ้นเสียงใส่เขา จนสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้จึงขอโทษเขา
“ฟ้าขอโทษค่ะ คงเหนื่อยมากไปหน่อยคุณจอดข้างหน้านี้แหละค่ะเดี๋ยวฟ้ากลับเอง”
ภวินทร์เห็นน้ำตาที่คลอเต็มสองลูกตาของหญิงสาวก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในหัว เค้าอยากดึงเธอเข้ามากอดปลอบและขอโทษที่พูดไม่ดีกับเธอ แต่ด้วยความปากหนักจึงทำได้เพียงนั่งนิ่ง
“เดี๋ยวไปส่ง”เขาตอบเธอเสียงเรียบ
“ไม่เป็นไรค่ะปล่อยฟ้าลงตรงนี้แหละ ฟ้าขอร้องนะคะฟ้าอยากอยู่คนเดียว”เธอหันไปบอกชายหนุ่มพร้อมกับดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาและความเหนื่อยล้า
ภวินทร์เมื่อเห็นเธอยืนยันหนักแน่นจึงยอมปล่อยเธอลง แต่จอดรถรอจนเธอขึ้นรถประจำทางและขับรถตามไปจนพราวฟ้าลงมาจากรถและเดินเข้าซอยบ้าน ภวินทร์ขับรถตามหลังเธอช้าๆเพื่อมาส่งจนถึงบ้านและรอจนพราวฟ้าเข้าเดินบ้านไป เขานั่งมองบ้านเธอพลางปล่อยตัวปล่อยใจคิดถึงเรื่องของเธออยู่นานก่อนจะขับรถออกไป ตอนนี้ในสมองของเขาตีกันไปหมดไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ใจหนึ่งก็อยากใกล้ชิดอยากทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ใจหนึ่งก็สับสนนึกโทษเธอว่าทำไมถึงต้องไปกับผู้ชายด้วย แต่เมื่อนึกถึงแววตาเศร้าปนเสียใจของเธอก็ทำให้เขาลังเลใจว่าสิ่งที่เขาเห็นวันนั้นเขาเข้าใจเธอผิดไปเองหรือไม่ หลังจากทะเลาะกับความรู้สึกตัวเองอยู่นานภวินทร์ตัดสินใจที่จะลองทำความรู้จักกับผู้หญิงที่เข้ามาปั่นป่วนในใจเขาตลอดช่วงสองเดือนมานี้ดูสักครั้ง แต่ปัญหาติดอยู่ตรงที่เขาพูดไม่ดีกับเธอไว้เยอะจึงคิดไม่ออกว่าจะควรเริ่มต้นยังไงดี
“ฟ้าพี่มีอะไรจะรบกวนหน่อย”นรินเลขารุ่นพี่ถามพราวฟ้าขณะนั่งทำงานอยู่
“พี่รินจะให้ฟ้าทำอะไรบอกมาได้เลยค่ะ”
“พี่จะรบกวนให้ฟ้าเอาเอกสารไปให้บอสเซ็นที่บ้านหน่อย วันนี้บอสไม่เข้าบริษัทพี่ต้องใช้เอกสารด่วน วันนี้งานยุ่งมากพี่ปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลยไปกับรถตู้บริษัทได้มั้ยจ๊ะ”
“เอ่อ ก็ได้ค่ะ”
พราวฟ้านั่งรถตู้มากับคนขับรถของบริษัทสองคนใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านของภวินทร์ ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในตัวบ้านพราวฟ้าก็ใจเต้นแรง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เธอยังไม่ค่อยพร้อมที่จะเจอหน้าเขาเท่าไหร่แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ได้แต่บอกตัวเองว่ามันคือหน้าที่
พราวฟ้ายืนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าเต็มปอดเรียกความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะเดินไปกดกริ่งรอเขาอยู่หน้าประตูบ้าน
บ้านของภวินทร์เป็นบ้านโมเดิร์นสองชั้นสีขาว หลังไม่ใหญ่นักแต่ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบแต่หรู ทุกอย่างถูกออกแบบมาให้เป็นโทนเดียวกันตั้งแต่รั้วบ้าน สวนและตัวบ้าน ทำให้มองดูแล้วสบายตาและน่าหลงใหล
ตั้งแต่วันที่ภวินทร์ไปส่งพราวฟ้าที่บ้านวันนั้นเขาก็พยายามไม่พูดจาถากถางให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจอีก แม้ในใจยังมีหนึ่งคำถามที่ยังค้างคาอยากถามเธอให้กระจ่างแต่ก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกอึดอัดใจจึงได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ พราวฟ้าเองเมื่อเห็นเขาไม่พูดประชดประชันตัวเองแล้วก็เบาใจลงอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เกลียดเธอจนถึงขั้นพูดกันดีๆไม่ได้“วันนี้คุณจะไปที่ร้านพร้อมผมมั้ย ผมจะเข้าร้านพอดี”ภวินทร์ถามพราวฟ้าขณะที่เธอนำเอกสารมาให้เขาเซ็น“ไม่เป็นไรค่ะฟ้าไปเองได้ ขอบคุณมากๆนะคะที่ชวน”“ตามใจ”…Night club…“ฟ้าจะลาออกจริงๆหรอ”เมย์ถามพราวฟ้าหลังจากที่เธอไปแจ้งเรื่องลาออกกับก้องภพเรียบร้อยแล้ว“ค่ะพี่เมย์ฟ้าทำงานเดือนนี้เดือนสุดท้ายแล้วค่ะ ตอนนี้ฟ้าเรียนใกล้จบแล้วเริ่มมีบริษัทเรียกไปสัมภาษณ์งานบ้างแล้วค่ะ”เมย์ดึงพราวฟ้าเข้าไปกอดดีใจกับน้องสาวคนเก่งคนนี้ที่อดทนส่งตัวเองเรียนจนจบ“พี่ดีใจด้วยนะฟ้าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง พี่ขอให้ชีวิตต่อจากนี้ของฟ้ามีแต่ความสุขนะ ขอให้กลับมามีโลกที่สดใสอีกครั้งนะ”เมย์พูดไปน้ำตาก็ไหลไปด้วยความตื้นตันใจ“ฟ้าก็ต้องขอบคุณพี่เมย์กับคุณป้ามากๆนะคะที่ดูแลฟ้าเป็นอย่างดีเหมือนญาติคนนึง”“
“ถ้าเขาไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปบังคับเขาหรอกผมไปคนเดียวได้”ภวินทร์บอกเลขาเมื่อเห็นท่าทางของพราวฟ้าที่แสดงออกชัดว่าไม่อยากไปกับเขา“ฟ้าว่าไง นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้โชว์ฝีมือแล้วนะ”เลขารุ่นพี่กระซิบบอกพราวฟ้า“ฟ้าจะไปค่ะ ถ้าบอสไม่ว่าอะไร”พราวฟ้าครุ่นคิดและแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตอบทั้งสองคน เพราะเธอไม่อยากทำให้นรินผิดหวังจึงยอมตกลงไปกับเขา คนที่เธอรู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่ชอบตัวเองเมื่อพราวฟ้าเดินตามภวินทร์มาถึงลานจอดรถก็ต้องประหลาดใจเพราะมีแค่เธอกับภวินทร์เพียงสองคนจริงๆ เธอคิดว่าผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาต้องมีคนขับรถให้แน่นอน แต่ปรากฎว่าเขาขับรถเอง โดยปกติแล้วถ้าต้องออกไปประชุมข้างนอกกับคนอื่นเขาจะเอารถตู้ไป แต่วันนี้เพราะเป็นเธอคนที่เขาทั้งคิดถึงทั้งไม่ชอบหน้าเขาจึงอยากขับรถไปกับเธอเพียงลำพัง“เราไปกันแค่สองคนหรอคะ”“ทำไมจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ ผมไม่ได้ว่าอะไร”“เอ่อ ไม่เปลี่ยนใจค่ะ”“งั้นก็ขึ้นรถคงไม่ถึงขั้นต้องเปิดประตูให้เหมือนตอนขึ้นรถไปกับคนอื่นหรอกนะ”พราวฟ้าที่เริ่มชินชากับคำดูถูกดูแคลนของเขาเดินขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหน้าข้างคนขับโดยไม่พูดอะไร เธอนั่งนิ่งตลอดทางจนรถเลี้ยวเข้าบริษัทลูกค้าตลอ
ตลอดช่วงเช้าของวันนั้นนรินตั้งใจสอนงานพราวฟ้าอย่างเต็มที่และพราวฟ้าเองก็ตั้งใจเรียนรู้งานอย่างเต็มที่เช่นกัน“พี่นรินคะวันนี้บอสไม่เข้าบริษัทหรอคะ”พราวฟ้าถามนรินขณะนั่งทานข้าวเที่ยงกันอยู่“วันนี้บอสเข้าบ่ายตอนเช้ามีประชุมข้างนอก”“อ่อ ค่ะ”“บอสคะรินขออนุญาตพาน้องฝึกงานมาแนะนำตัวค่ะ”นรินเคาะประตูเรียกบอสหลังกลับจากทานข้าวเที่ยงแล้วพบว่าบอสหนุ่มเข้าบริษัทแล้ว“เชิญ”เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากเจ้านายแล้วนรินก็เปิดประตูพาพราวฟ้าเข้าไปในห้องทำงานบอสทันที“บอสคะนี่น้องพราวฟ้าที่จะมาฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขากับเราที่นี่เป็นเวลาสามเดือนนับจากนี้ค่ะ”ภวินทร์ที่ตอนแรกก้มทำงานอยู่เมื่อได้ยินชื่อพราวฟ้ารีบละสายตาจากเอกสารขึ้นมามองหน้าผู้มาใหม่ทันที“สะ…สวัสดีค่ะบอสหนูชื่อพราวฟ้าค่ะ เอ่อ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”พราวฟ้าพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าบอสที่เธอต้องทำงานด้วยตลอดช่วงสามเดือนนี้คือภวินทร์ภวินทร์เองก็แปลกใจไม่น้อยที่เป็นเธอ ความจริงเขาได้รับเอกสารเกี่ยวกับเด็กฝึกงานมาสักพักแล้วแต่ไม่สนใจเปิดอ่านจึงไม่ทราบรายละเอียดของคนที่จะเข้ามาฝึกงาน“อืม ฝากคุณนรินดูแลด้วยละกัน”เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อ
“คุณวินไม่ต้องไปส่งฟ้าหรอกค่ะ เดี๋ยวฟ้ากลับเอง ขอบคุณแล้วก็ขอโทษนะคะ ฟ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณจะมาถ้าฟ้ารู้ฟ้าจะไม่มาทำให้คุณหงุดหงิดใจเลยค่ะ ฟ้าขอโทษอีกครั้งนะคะ”พราวฟ้าก้มศีรษะลงเพื่อเป็นการขอโทษเขาพลางน้ำตาที่อยู่ดีๆก็คลอเต็มลูกตา เธอพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ร้องไห้กลืนน้ำตาลงคอเพื่อไม่ให้เขาเห็นความอ่อนแอของตัวเอง“หึ ขอโทษทำไม อยากสร้างภาพหรอตอนนี้ไม่มีคนอื่นแล้วเธอไม่ต้องแสดง”“ฟ้าไม่ได้แสดงค่ะ ฟ้าตั้งใจขอโทษคุณจริงๆ คุณจะรับหรือไม่ก็สุดแล้วแต่คุณค่ะฟ้าถือว่าฟ้าได้ทำหน้าที่ของฟ้าแล้ว”พราวฟ้ายังคงก้มหน้าขอโทษเขาและเมื่อพูดจบเธอก็รีบหันหลังเพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตาที่ตอนนี้กำลังจะไหลลงมาอาบสองแก้ม“จะไปไหน”ภวินทร์รีบถามเธอเมื่อเห็นว่าเธอกำลังหันหลังเดินจากไป“กลับบ้านค่ะ”เธอตอบเขาพลางรีบเอามือปาดน้ำตาตัวเอง“ขึ้นรถสิเดี๋ยวไปส่ง ผมรับปากพอใจแล้วไม่อยากผิดคำพูด”“ไม่เป็นไรค่ะเรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงฟ้าจะบอกพอใจเอง”“อย่าทำเป็นเก่งรีบมาขึ้นรถ”ภวินทร์รีบดึงแขนพราวฟ้าไว้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไปทำให้เธอเสียหลักเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขา เมื่อตั้งหลักได้พราวฟ้ารีบดีดตัวเองออกทันที“ขึ้น
ตั้งแต่วันนั้นผ่านเวลามาเกือบเดือนแล้วภวินทร์ก็ไม่เคยไปดูพราวฟ้าที่ร้านอีกเลย แต่สิ่งที่น่าแปลกคือเขาไม่เคยสลัดภาพใบหน้าที่สวยละมุนของพราวฟ้าออกจากหัวได้เลย ยิ่งเขาพยายามลืมเท่าไหร่สมองกลับยิ่งจดจำใบหน้าของเธอได้แม่น และภาพที่เธอเดินขึ้นรถไปกับผู้ชายก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาเช่นกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งหัวเสียจนเขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้“ไอ้วินเป็นบ้าไปแล้วรึไง จะไปคิดถึงยัยเด็กเสี่ยนั่นทำไม”เขาบ่นให้ตัวเองที่เอาแต่คิดถึงเธอ…ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด…“ฮัลโหลมีอะไรวะถึงได้โทรมาหากูได้”ภวินทร์รับสายอคิณเพื่อนสนิทอีกคนของเขา“ถ้าไม่มีอะไรโทรหาไม่ได้หรอวะ นี่กูเพื่อนมึงนะโว้ย”อคิณบ่นเพื่อนรักคืนบ้าง“คนอย่างมึงไม่มีอะไรไม่มีทางโทรมา”“เออ กูจะชวนมึงไปเลี้ยงส่งน้องพอใจ อีกสองอาทิตย์ก็จะไปฝึกงานแล้วก็เรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว วันเสาร์นี้มึงว่างป่าว”“ว่าง ร้านไหนมึงบอกอีกทีละกัน”“โอเค แค่นี้นะ บาย”พอใจเป็นน้องสาวที่ภวินทร์ค่อนข้างสนิทเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและเมื่อเป็นแฟนกับอคิณก็มีโอกาสได้เจอกันค่อนข้างบ่อย เมื่อเพื่อนรักชวนไปเลี้ยงส่งเธอเขาจึงไม่คิดจะปฏิเสธ“ทางนี้สำเร็จ ทางนั้น
หลังจากพราวฟ้าได้งานที่ night club ก็ลาออกจากการเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกเพราะในช่วงสามเดือนต่อจากนี้เธอต้องไปฝึกงานซึ่งงานร้านอาหารเดิมทีเธอต้องทำตอนกลางวันทำให้เวลาทับซ้อนกัน นอกจากจะเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วพราวฟ้ายังรับงานแปลหนังสือมาทำที่บ้านด้วย เรียกว่าทำงานตัวเป็นเกลียว ทำทุกอย่างที่พอจะหาเงินได้ ซึ่งเรื่องนี้มีเพียงพอใจเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอที่รู้ดีที่สุด“เมื่อคืนไปทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง”“ก็โอเคไม่แย่อย่างที่คิด”พอใจซักไซ้เรื่องงานใหม่ของเพื่อนทันทีที่เจอหน้ากันที่มหาวิทยาลัย เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้เพื่อนไปทำงานแบบนี้กลัวจะเป็นอันตรายแต่ก็ห้ามไม่ได้“แกจะยืมเงินชั้นไปใช้หนี้ก่อนมั้ยจะได้ไม่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวแบบนี้ ชั้นเป็นห่วง”พอใจบอกเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วงจริงๆ“ไม่เป็นไรเรายังไหวแค่นี้สบายมาก”พราวฟ้าบอกเพื่อนรักไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่วัยรุ่นทั่วไปเขาใช้กันจนภาพเหล่านั้นเริ่มเลือนหายไปจากความทรงจำของเธอทีละนิด ทุกวันเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมามีแค่สองอย่างที่เธอต้องคิดคือเรื่องเรียนกับงาน ในแต่ละวันเธอได้นอนแค่วันล