บทที่ 3 ไม่เจอกันเลย
วันต่อมา 15:00
ต้นตาลเดินถ่างขากลับไปล้มตัวนอนบนเตียงในห้องพัก วันนี้เธอขอพี่เปรี้ยวเข้างานตอนสี่โมงครึ่ง ด้วยรู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้เอาให้ได้ สาเหตุก็เพราะเมื่อคืนนั่นแหละ หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขาเธอก็กลับห้องตัวเองทันที ทั้งที่จะนอนพักที่นั่นแล้วค่อยกลับก็ได้ แต่รู้สึกละอายใจตัวเองจึงกลับมานอนซมที่ห้องดีกว่า
เมื่อคืนนับไม่ได้ว่าเขาเสร็จกิจไปกี่รอบแล้วเธอเสร็จไปกี่รอบ รู้ตัวอีกทีก็ลากสังขารตัวเองกลับมาถึงห้องแล้ว ดีหน่อยที่ได้นอนพักไปหลายชั่วโมง แต่พอตื่นขึ้นความเมื่อยล้ากลับเล่นงานซะได้ ทั้งเจ็บแสบตรงกลางกายอีก
“มีเซ็กซ์ครั้งแรกอย่างกับไปรบมา คนอื่นเขาเป็นเหมือนเราไหมวะ” ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงดันตัวลุกขึ้นมานั่งห้อยขาขอบเตียงแล้วเลื่อนจอรับสาย
(ตาลไม่มาทำงานเหรอ เธอกะดึกนะวันนี้)
“วันนี้ขอลาป่วยกับหัวหน้าแล้วอะ ตาลไม่สบาย”
(จริงเหรอ หรือว่าแกจะลาออกแล้ว)
“ไม่รู้สิ”
(แล้วทำงานที่นั่นวันแรกเป็นไง เงินดีจริงปะ)
“ก็...” ต้นตาลหันมองกระเป๋าสะพาย แล้วเดินไปเปิดดูเงินสดในนั้น “ก็โอเคอยู่นะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า แต่ต้องหายไปเพราะคำพูดถัดมาของเพื่อน
(ไม่ใช่อะไร ฉันได้ยินมาว่าพวกผู้หญิงในคลับที่ได้เงินเยอะๆ มักจะขายตัวด้วย)
“เหรอ”
(อือ แกก็ระวังด้วยนะ)
“อืม ขอบคุณมากนะ” ต้นตาลเป็นฝ่ายวางสายก่อน เธอมองเงินก้อนแรกในมือตัวเองทั้งที่สมองครุ่นคิดตามคำพูดของเพื่อน “หรือฉันเป็นแบบนั้นไปแล้วจริงๆ” แต่เธอปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำอีกแล้ว มันไม่ใช่ความผิดพลาด เพราะเธอและเขาต่างฝ่ายต่างสมยอมกันทั้งคู่
เช้าของอีกวัน
ต้นตาลมาทำงานตามปกติ วันนี้รุ่นพี่แลกกะกับเธอ เธอจึงต้องมาเข้างานเช้ากว่าปกติ และอยู่โซนหลังร้านสะดวกซื้อคอยเติมของเหมือนเดิม
“ตาล”
“ว่าไง” หญิงสาวตอบรับทั้งที่ยังไม่เงยหน้ามองเพื่อน “มีไรเหรอ” เพราะคนเรียกเอาแต่เงียบเธอจึงเงยหน้าถามอีกครั้ง
“ไปยืนเคาน์เตอร์แทนฉันแบบดิ ปวดท้องน่ะ”
“อืมๆ” หญิงสาวเดินนวยนาดไปประจำเคาน์เตอร์คิดเงินรอเพื่อน ระหว่างนั้นก็สอดส่องสายตาไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีลูกค้าในร้านกี่คน ตอนดึงสายตากลับมามองลูกค้าที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ต้นตาลสะดุ้งก้าวถอยหลังจนสะโพกชนกับตู้ด้านหลัง มันเจ็บไม่น้อยแต่เธอกลับโฟกัสที่คนด้านหน้าเคาน์เตอร์มากกว่า
“ถุงยางไซซ์ห้าสิบเก้าหมดเหรอ”
“...”!
“ไม่ได้ยินที่ถามเหรอ”
เขาทำเหมือนไม่รู้จักกันอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวันก่อนเองนี่นา
“มะ มีค่ะ เดี๋ยวไปเอามาให้นะคะ” ต้นตาลกะพริบตาสองครั้ง ตั้งสติได้แล้วจึงเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบกล่องถุงยางอนามัยออกมาให้เขา “นี่ค่ะ”
“เอา MARLBORO GREEN ด้วยซองหนึ่ง”
“ค่ะ” เธอวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์แล้วหันหลังให้ชรัณเพื่อหยิบบุหรี่ให้เขา จังหวะนั้นเพื่อนก็กลับมาพอดีเธอจึงพยักหน้าฝากให้เพื่อนจัดการต่อ ต้นตาลเดินไปหลบหลังชั้นวางของหน้าตู้เครื่องดื่ม แอบมองเขาอยู่ห่างๆ พลางคิดในใจ
เขาจำกันไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือว่าเขาจงใจและทำเป็นจำกันไม่ได้ หรือว่าเขาไม่เคยจำหน้าผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนด้วยเลยสักคนนะ
คำถามผุดขึ้นในหัวราวดอกเห็ด กระทั่งชรัณเดินออกไปจากร้าน
“ตาลแกยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ”
“อะ อ๋อพอดีจัดขนมน่ะ”
“อ๋อ”
บ้าน่า สีหน้าเขาเย็นชาจนน่าใจหาย เหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน
“ไม่คิดๆ ไม่เอาไม่คิด” ใบหน้าจิ้มลิ้มสะบัดไปมาเบาๆ ไล่ความคิดในหัว “หรือว่าเราไม่แต่งหน้า เขาเลยจำไม่ได้” โอ๊ย...ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงต้องไปหัดแต่งหน้าแล้วแหละ
ช่วงเย็น พอเลิกงานแล้วต้นตาลก็รีบไปทำงานในคลับต่อ
“น้องตาลลูก....” เสียงแหลมปรี๊ดของพี่เปรี้ยวดังขึ้นก่อนพี่เขาจะมาถึงตัวเธอซะอีก “ไม่ได้คุยกันเลยลูก ว่าแต่วันนั้นหนูไปกับคุณชัชน่ะ ไม่ได้มีอะไรใช่ไหมลูก”
“เอ่อ ไม่มีนะคะ” ต้นตาลโกหกคำโต “แค่ไปดื่มเป็นเพื่อนเขาจริงๆ ค่ะพี่เปรี้ยว”
“แม่ใจจะขาด อยากโทรไปถามแต่ก็เกรงใจคุณชัชเขา ไม่มีอะไรก็ดีแล้วค่ะ งั้นไปแต่งหน้าทำผมเถอะ”
“ค่ะๆ” พอหันหลังให้รุ่นพี่เธอก็ถอนหายใจออกอย่างโล่งอก แล้วรีบไปเปลี่ยนชุดแล้วแต่งหน้าทำผมต่อจนเสร็จสรรพทุกอย่าง พอถึงเวลาทำงานพี่เปรี้ยวก็คอยป้อนงานให้เธอตลอด แต่ลูกค้าคนเดียวที่เธอรอกลับไม่เห็นแม้แต่เงาเขา
“ต้นตาล”
“ค่าพี่เปรี้ยว”
“ยืนมองหาอะไรเหรอลูก”
“เปล่าค่ะ”
“ไปดื่มกับลูกคนนั้นหน่อย”
“ค่ะ” เธอเดินไปนั่งกับแขกผู้ชายซึ่งมาดริ๊งก์คนเดียวอยู่หน้าบาร์ “สวัสดีค่ะ ให้ตาลช่วยอะไรไหมคะ”
“นั่งเป็นเพื่อนผมก็พอครับ อยากดื่มอะไรก็สั่งเลยนะ ผมเลี้ยงเอง”
“ค่ะ” เธอสั่งคอกเทลไม่ผสมแอลกอฮอล์มาดื่มเป็นเพื่อนเขา แต่คงมองขึ้นไปบนชั้นสองบ่อยเขาถึงหันมาถาม
“มองหาใครอยู่เหรอครับ หรือว่ามีลูกค้าประจำ?”
“เปล่าค่ะ”
“ชั้นสองมีแต่ลูกค้าวีไอพี ถ้าได้ไปบริการลูกค้าบนนั้นคงได้ทิปเยอะ”
“มั้งคะ” ต้นตาลส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “มาดื่มคนเดียวบ่อยเหรอคะ”
“ก็ไม่นะครับ แต่วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยมาดื่มคนเดียว”
“มาดื่มคนเดียวแต่เรียกเด็กนั่งดริ๊งก์มานั่งด้วยเนี่ยนะคะ”
“บางทีเราก็อยากมีเพื่อนคุยนะครับ คุยกับคนแปลกหน้าก็ให้อารมณ์แบบจะพูดอะไรก็ได้ เพราะเราไม่ได้รู้จักกัน พูดไปแล้วก็จบแค่ตรงนี้”
“ก็จริงค่ะ แล้วคุณมีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังไหมคะ”
“อย่าเลย แค่นั่งดื่มกับผมก็พอครับ เดี๋ยวถ้าผมเล่าคุณจะปวดหัวเอาได้”
ทั้งสองหัวเราะขบขัน เวลาล่วงเลยไปหลายนาทีกระทั่งพี่เปรี้ยวมาพาตัวต้นตาลไปหลังร้านเพื่อให้เธอพัก
“พี่เปรี้ยวคะ”
“ว่าไงลูกสาว”
“เอ่อ...”
“คุณชัช?”
“ทำไมรู้ว่าตาลจะถามหาเขา”
“แหมลูก ก็หนูเล่นมองหาเขาตลอดแบบนี้ใครก็เดาออก ถ้าจะถามว่าเขาไม่มาเหรอพี่ก็จะตอบว่าไม่มาหรอก และไม่รู้ด้วยว่าเขาจะมาวันไหน”
“อ้าว...แล้วไหนบอกเขาเป็นลูกค้าประจำ ไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ หรอกเหรอคะ”
“เมื่อก่อนมาบ่อยมาก เด็กในร้านเรารวยเลยล่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไปๆ มาๆ นาน....” พี่เปรี้ยวลากเสียงยาวมาก “กว่าจะมาที่นี่อีก วันดีคืนดีก็มานั่งแป๊บๆ ก็กลับ เหมือนวันนั้นไง วันที่หนูไปดื่มกับเขาข้างนอกน่ะ”
“ค่ะ” เป็นอย่างนี้สินะ เขาคงมาดื่มเพื่อหาคนไประบายอารมณ์ด้วยกัน ก็เลยไม่ได้มาคลับบ่อยนัก “งั้นตาลไปเปลี่ยนชุดเลยนะคะ”
“จ้ะๆ เดี๋ยวพี่มาหา”
“ค่ะ”
ต้นตาลเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ออกมานั่งมองเงาตัวเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่
“เรามีโอกาสได้เจอกันอีกไหมนะ หรือมันจะจบลงแค่นี้” เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นภายในห้องแต่งตัวซึ่งมีแค่เธอนั่งเท้าคางอยู่คนเดียว หลังจากทำงานเสร็จต้นตาลก็กลับห้อง วันนี้ได้ทิปไม่ถึงห้าพันด้วยซ้ำ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ครืด~ ครืด~
“ค่ะพี่เปรี้ยว”
(หนูลืมของอยู่ที่ร้านไหมลูกสาว)
“ของ ของอะไรเหรอคะ” เธอค้นดูของในกระเป๋าผ้าทันที “อุ๊ย! หนูลืมที่ชาร์จแบตโทรศัพท์กับลืมรองเท้าค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอานะคะ” ดันใส่รองเท้าของที่ทำงานมาซะได้ แต่รองเท้าตัวเองดันถอดไว้ที่ทำงานโน่น
(ได้ๆ เดี๋ยวพี่เอาไว้ให้แล้วกัน)
“ค่ะ เดี๋ยวตาลรีบไปเลย”
เธอวางสายจากพี่เปรี้ยวแล้วหันหลังวิ่งกลับไปยังคลับ ดีนะที่เดินออกมาไม่ไกลมากนัก หากกลับถึงห้องแล้วไม่มีที่ชาร์จแบตคงแย่แน่ หากบนโลกนี้ไม่มีความบังเอิญก็ดีสิ เธอหยุดชะงักยืนอยู่กับที่ เหลียวมองรถ BMW คันคุ้นตาขับผ่านหน้าไป
“พี่ชัช”
นั่นรถเขาไม่ผิดคันแน่นอน
“เขาเข้ามาในคลับด้วยเหรอ ก็ไหนพี่เปรี้ยวบอกว่า...” เดาทางยากกว่าซื้อหวยให้ถูกอีกนะ แวบไปแวบมาเป็นผีหรือไงเนี่ยพ่อเพลย์บอย ต้นตาลรีบเดินต่อจนได้ของที่ลืมไว้ครบ
ระหว่างทางเดินกลับห้องพัก ในหัวคิดแต่เรื่องชรัณ ถ้าตาไม่ฝาดเธอเห็นเบาะข้างคนขับมีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วย
“เขาเป็นเสือผู้หญิงนี่นา ก็คงมาหาสาวสวยไปปรนเปรอตามนิสัยหนุ่มเจ้าสำราญนั่นแหละ แกจะไปคิดมากแทนคนอื่นทำไมยายตาล” กำปั้นน้อยๆ ตีศีรษะตัวเองสองครั้งไม่แรงมาก เดินมาจนถึงร้านโจ๊กเปิดดึกเธอก็เลยฝากท้องกับโจ๊กหมูพิเศษซะเลย
เฮ้อ...
ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่มๆ ด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาต่อมา
สองอาทิตย์ต่อมา
ตั้งแต่เจอกันครั้งสุดท้ายที่ร้านสะดวกซื้อครั้งนั้น เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย เขาหายไปเหมือนตายจาก ไม่เห็นแม้เงาที่คลับ หรือแวะเวียนมาซื้อของในร้านอีก
“เฮ้อ” ต้นตาลถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน จนเพื่อนซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอดที่จะถามไม่ได้ “มีไร” เธอละสายตาเหม่อลอยจากการมองอย่างไร้จุดโฟกัสมามองหน้าเพื่อน
“แกเหม่ออะไร กินข้าวได้แล้วน่า”
“เปล่าหรอก แค่กำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“มีไรหรือเปล่า แกเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”
คนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกจับสังเกตถึงกับรีบยกมือขึ้นมาโบกไปมาก
“เปล่าๆ ฉันไม่มีอะไร แกคิดมากไปเองหรือเปล่าเนี่ย ปกติฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไหม”
“ไม่จริงสักนิด แกเหม่อบ่อยนะช่วงนี้ ตั้งแต่ไปทำงานที่คลับ แกน่าจะหาเวลาพักบ้างนะตาล”
“คงงั้น ฉันคงทำงานหนักเกินไปจนเหม่ออย่างที่เธอบอก”
“อืม”
“เออนี่”
“ว่า?”
“ฉันว่าจะลาออกแล้วนะ พอมีเงินเก็บบ้างแล้ว คืออยากไปสมัครเรียนต่อน่ะ”
“จะดีเหรอแก เรียนก็ต้องใช้เงินแล้วไหนจะทำงานอีกนะ ร่างกายแกไหวเหรอยายตาล”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวสิ”
“คิดดีๆ ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจนะ” ฝ่ามือเรียวตบบ่าต้นตาลเบาๆ “ฉันเป็นห่วง”
“อือ”
@ไนต์คลับ 19:00
ต้นตาลนั่งประทินผิวพรรณอยู่หน้ากระจก วันนี้เธอเชื่องช้ากว่าวันไหนๆ รู้สึกเหนื่อยล้าร่างกายและสมอง อาจจะด้วยคิดมากกับเรื่องงานและเรื่องเรียนต่อ ยังลังเลใจอยู่ว่าจะทำงานต่อไปหรือลาออกไปสมัครเรียนต่อดี ทั้งสองทางก็เป็นดั่งความฝัน หากละทิ้งมันทั้งสองทางก็นึกเสียดายความเพียรพยายามที่ตนสร้างมา
“ลูกสาว ถอนหายใจสิบกว่ารอบแล้วนะคะ เป็นอะไรเหรอ” พี่ปรางเกี่ยวผมไปทัดหูให้ต้นตาลพลางเลิกคิ้วให้ “ยังไง เล่าได้นะลูก”
“ตาลกำลังลังเลใจกับเรื่องหนึ่งอยู่ค่ะ”
“เรื่อง?”
“เรื่องเรียนกับเรื่องงานค่ะ”
“แล้วหนูคิดยังไงล่ะ เรียนก็สำคัญนะลูก แต่จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยหนูทำไหวใช่ไหม”
ไม่ได้ช่วยให้เบาใจเลยสักนิด เธอกำลังคิดไม่ตกกับสิ่งที่พี่ปรางพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ
“เอาไว้ตาลจะกลับไปนอนคิดสักเดือนก่อนนะคะ แล้วจะบอกว่าเลือกทางไหน”
“จ้า นี่เสร็จยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ไปทำงานกันเถอะลูก”
“ค่ะ” เธอต้องเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับเงาในกระจกแล้วไปสู้งานต่อ
เวลาร่วงเลยมาถึงตีหนึ่งซึ่งต้นตาลยังคงทำงานอยู่ในคลับ วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเท่าไรเลยได้พักบ้าง
“น้อง”
“คะ” ใบหน้าสวยหันขวับไปมองยังต้นเสียง “มีอะไรเหรอคะ”
“เราคิดจะทำงานที่นี่นานแค่ไหนเหรอ” จู่ๆ รุ่นพี่ซึ่งไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนก็เดินเข้ามาถามเธอ จำได้ว่าเคยสวัสดีพี่เขาเมื่อตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ เพราะไม่มีใครสนใจกันเธอจึงไม่ได้ใส่ใจเพื่อนร่วมงานมากนัก ยกเว้นพี่เปรี้ยวกับพี่ปราง
“ถามตาลเหรอคะ”
“อืม”
“ก็คงอีกพักใหญ่ค่ะ ตาลอยากเก็บเงินให้ได้เยอะๆ ก่อน เพราะตอนนี้ยังมีแรงทำงานเลยไม่อยากทิ้งตรงนี้ไปค่ะ”
“ดีนะ มีความฝันแล้วก็ขยันทำงานด้วย”
“ค่ะ แล้วพี่ทำงานที่นี่นานแล้วเหรอคะ” เธอเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง สร้างมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรู
“นานแล้ว แต่จะลาออกแล้วล่ะ”
“ทำไมเหรอคะ งานไม่ดีหรือว่าลูกค้าลวนลามพี่”
“เปล่าหรอก งานดีเงินดีแต่....” พี่เขาดูไม่ค่อยมั่นใจเลย เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาต้นตาล “พี่ท้อง”
“...”! พับผ่า! ทะ ท้องงั้นเหรอ เธอทำได้เพียงเก็บปากเงียบกริบอุทานในใจแทน แล้วต้องถามอะไรต่อล่ะทีนี้ “พี่...”
“พี่ท้องกับลูกค้าคนหนึ่ง เขาขอพี่แต่งงานแล้วด้วย”
เกมพลิกแบบพลิกตลบไปหลายรอบ ในหัวต้นตาลคิดว่าพี่เขาคงท้องแล้วไม่มีใครรับผิดชอบแน่ๆ แต่พอรุ่นพี่เขาพูดจบประโยคนั้นเธอก็โล่งอกไปกับรุ่นพี่ด้วย
“ตาลดีใจด้วยนะคะ”
“เขาขอพี่แต่งงานก็จริง แต่ทางครอบครัวเขาไม่ได้ชอบพี่หรอก พอครอบครัวเขารู้ว่าพี่ทำงานที่นี่ก็ต่างดูถูกดูแคลนกัน ก่นด่าสารพัดว่าพี่เป็นผู้หญิงขายตัว ไม่มีหัวนอนปลายเท้าบ้าง”
คนฟังสะอึกทุกคำที่รุ่นพี่พูดออกมา แล้วถ้าวันหนึ่งเธอมีแฟนล่ะ แล้วแฟนจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอทำงานที่นี่ เป็นเด็กนั่งดริ๊งก์
“พี่ท้อใจและไม่อยากทำให้เขาด่างพร้อยแล้วล่ะ”
“แต่พี่สองคนรักกันนี่คะ”
“ก็จริง แต่ความรักมันเปราะบางมากนะตาล หัวเดียวกระเทียมลีบอย่างพี่สู้คนในครอบครัวเขาไม่ได้หรอก”
“พี่...” เธอกุมมือให้กำลังใจรุ่นพี่ เพียงไม่กี่นาทีที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง และก็เป็นไม่กี่วินาทีที่ต้นตาลมีความรู้สึกหลากหลาย ทั้งยินดีทั้งเศร้าปะปนกันไปหมด “ตาลเอาใจช่วยนะคะ”
“ขอบคุณมากนะ แล้วเราเถอะ”
“คะ”
“เห็นมาทำงานวันแรกก็ไปกับคุณชัชแล้ว”
“...”!
“พี่รู้ว่าเราไปทำอะไร ไม่ได้ไปดื่มอย่างเดียวหรอกใช่ไหม”
“เอ่อ....มันเป็นครั้งแรกของตาลเลยค่ะ”
“ถามจริง นี่เรายอมให้ผู้ชายแบบนั้นพรากครั้งแรกไปจริงดิ”
“ตาลว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่คะ คนเรากว่าจะเจอคนรักจริงสักคนก็ไม่น่าจะเวอร์จิ้นแล้ว แต่ถ้าเสียซิงไปแล้วแล้วได้คนที่เปิดซิงเราเป็นพ่อของลูกก็ดีสิ” เธอพูดให้เป็นเรื่องตลกได้ยังไง ทั้งที่ในใจยังคะนึกหาเขาคนนั้นไม่หยุด
“เราเนี่ยนะ ระวังไว้ก็ดีนะตาล”
“ขอบคุณนะคะ ตาลจะระวังให้ดีที่สุดเลยค่ะ”
“เสือผู้หญิงแบบคุณชัช เขาคงไม่มารับผิดชอบเราหรอก ถึงมีผู้หญิงแบกหน้าไปบอกว่าท้องกับเขา เขาก็คงไม่รับเป็นพ่อเพราะคนพวกนี้ป้องกันดียิ่งกว่าอะไร”
“...”! หัวใจเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ป้องกันดีอะไร วันนั้นเขายังถอนถุงยางออกแล้วบอกจะหลั่งนอกอยู่เลย
“เป็นไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ จะเลิกงานแล้ว”
“ค่ะๆ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่” พอรุ่นพี่เดินออกไปพ้นสายตา รอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าก็หายไป คิ้วสองข้างเริ่มขมวดแน่น “คืนนั้นเขาหลั่งนอกกี่ครั้งนะ” ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกเสียแล้วต้นตาล
ตอนพิเศษ 2วันคลอดต้นตาลเอนหลังพิงโซฟายกขาไปพาดหน้าขาชรัณอยู่ภายในห้องพักเตรียมคลอด เธอรู้สึกชาขาและเหนื่อยจนไม่อยากขยับกายไปไหน ท้องสองท้องใหญ่กว่าท้องแรกมาก ทั้งเวลาเดินเวลานั่งจึงลำบาก แต่ดีที่มีสามีอย่างชรัณอยู่ข้างๆ กายคอยช่วยเหลือและเป็นมือให้เธอ“พอแล้วค่ะ พี่อยากกลับไปเอาของไหม ตาลอยู่รอคุณแม่ได้นะ”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รออยู่กับเราที่นี่แหละ”“พี่ไม่ได้นอนเลยนะ อยากนอนพักสักหน่อยไหมคะ” เธอเอ็นดูคุณพ่อลูกสองมาก เขาน่ะตื่นเต้นกว่าเธออีกนะที่ว่าลูกจะคลอดน่ะ ตั้งตารอกันทั้งบ้านเลย และเจ้ายูตะน้อยก็ดีใจอยากเจอหน้าน้องแล้วด้วย“ห่วงเราเถอะ พี่พักตอนไหนก็ได้”“ตาลโอเคค่ะ ว่าแต่พี่…” ต้นตาลหลับตาพริ้มเมื่อชรัณยกมือขึ้นมาลูบแก้มเธอเบาๆ ส่งผ่านภาษากายว่าเขาน่ะโอเคมาก ห่วงก็แต่เธอคนเดียว “พี่อย่าไปไหนนะ อยู่กับตาลก่อน” เธอกลัวทุกครั้งที่จะคลอดลูก แต่ถ้ามีชรัณอยู่ข้างกายก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร แถมยังเบาใจมากด้วย“รู้ว่าเรากลัว แล้วพี่ก็ไม่ไปไหนแน่นอน”“พี่ก็ยังเป็นพี่ ทำไมพี่แสนดีขนาดนี้เนี่ย”“หึหึ”“จริงๆ นะ ถ้าตาลไม่ได้เจอกับพี่ตาลก็อาจจะยังทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ขอบคุณที่ได้เจอพี่”
ตอนพิเศษ 1หลายเดือนต่อมาเราจัดงานแต่งงานเล็กๆ ในบ้าน ไม่ได้เชิญแขกมามากมาย มีแต่เครือญาติของชรัณเท่านั้น มีตักบาตรในช่วงเช้าแล้วก็ดื่มน้ำชาตามประเพณีของคนจีน ส่วนสินสอดไม่มีเพราะเราคุยกันแล้วว่าจะจัดแค่งานเท่านั้น เราเองก็มีโซ่ทองคล้องใจแล้วคือยูตะน้อยนั่นเอง แถมตอนนี้ยังมียูจินน้อยอยู่ในท้อง ผลงานอันน่าภูมิใจของชรัณเลยก็ว่าได้ เพราะเพิ่งรู้เพศลูกในท้องก่อนวันแต่งงาน เขาจึงถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองที่ได้ลูกสาวอย่างตั้งใจเอาไว้ด้วย“พี่ชัช ตาลเหม็นไข่ไก่ต้ม พี่เอาไปกินหมดเลยได้ไหม” ช่วงกินไข่ต้มน้ำขิงในพิธี เธอยังไม่หายแพ้ท้องและรู้สึกพะอืดพะอมมาก เห็นไข่สีขาวนวลกับน้ำขิงก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว แถมยังเหม็นฉุนจนกลืนไม่ลงอีกด้วย“อดทนหน่อย เรากัดกินนิดเดียวก็ได้”“ไม่ไหว” ฝืนไม่ไหวจริง ถ้ากินอีกนิดเดียวเธออ้วกแตกแน่ พอเห็นสีหน้าต้นตาลไม่สู้ดีเขาจึงจัดการอ้าปากกินไข่ต้มในถ้วยของเธอจนหมด ทำให้ถูกเพื่อนแซวกันยกใหญ่ว่าเขาน่ะหิวข้าวหรือเปล่าถึงได้รีบกินขนาดนั้นหลังจากนั้นก็เป็นไปตามพิธีที่วางเอาไว้ ดำเนินมาถึงการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ อธิราชกับอีริคเป็นคนจัดแจงผ้าปูที่นอนให้เพื่อนรักพร้อมกับ
บทที่ 25 ในอ้อมกอดชรัณ END หลังจากที่จูงมือกันไปจดทะเบียนสมรส นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการของเรา ยูตะน้อยเติบโตมาอย่างดีโดยมีทั้งคุณย่าและคุณปู่ช่วยเลี้ยงและพร่ำสอนเขา ส่วนชรัณก็รับตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัว ดูแลร้านทองทุกสาขาที่มีโดยมีต้นตาลเป็นเลขาส่วนตัวเขา เธอขยับจากเด็กฝึกงานในร้านทองที่คุณแม่เฝ้าสอนงานจนมาเป็นเจ๊ใหญ่ดูแลร้านทองสาขาใหญ่แทนคุณแม่ชีวิตช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานับว่าดีมากเลยทีเดียว ทั้งการงานและชีวิตคู่ จะว่าราบรื่นก็ไม่เท่าไร ก่อนหน้านี้มีงอนกับชรัณบ้างแต่ก็เพราะยังไม่เข้าใจกันดี แต่พอเปิดใจคุยกันโดยไม่ปัดตกปัญหาเล็กน้อยก็เข้าใจกันมากขึ้น เดี๋ยวนี้เลยไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องงอนและทะเลาะกันอีก หากเกิดความสงสัยหรือรู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่ายเราจะคุยกันทันทีและช่วยกันปรับแก้ ไม่ละเลยปัญหาที่อาจสะสมเป็นปัญหาใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอนชรัณคลั่งรักเธอมาก มากแบบเธอกลัวว่าคนรอบข้างจะอิจฉาเอาน่ะ และเรื่องความหื่นไว้ใจเขาได้เลย ตอนนี้วางแผนไว้ว่าจะมีลูกคนที่สองและเป็นหน้าที่ของชรัณที่ต้องทำให้เธอท้องให้ได้ เขาเลยหมกมุ่นในเรื่องนั้นมากและตอนนี้ก็ย้ายเข
บทที่ 24 ครอบครัว “ชอบขนาดนั้น?” ชรัณละสายตาจากการมองทางมามองรอยยิ้มคนข้างๆ เธอนั่งยิ้มกับช่อดอกไม้และแหวนเพชรบนนิ้วนางตัวเองตั้งแต่ขับรถออกจากร้าน ชรัณก็พลอยได้ยิ้มตามเธอด้วย“ชอบมากค่ะ ชอบทั้งดอกไม้และคนให้”“งั้นพี่จะให้คนทำสวนเอาดอกไม้มาลงสวนบ้านเราด้วยนะ เวลาตื่นเข้ามาจะได้เห็นอะไรที่สดชื่นแต่เช้า”“รักจัง” เธอยื่นมือไปโอบปลายคางเขาอย่างมันเขี้ยว และชรัณก็ค้อมศีรษะลงมาเอาคางเกยฝ่ามือเธออย่างไม่อิดออดเช่นกัน“พี่ลืมบอกไปว่าพี่ให้เราเป็นเจ้าบ้านนะ ในทะเบียนบ้านหลังใหม่”“วะ ว่ายังไงนะคะ”“ก็ตามนั้นเราได้ยินไม่ผิดหรอก”“มันมากไปนะคะ”“มากไปตรงไหน พี่อยากให้เรามีอะไรที่เป็นชื่อเราน่ะ แล้วเดี๋ยวพี่ว่าจะให้หุ้นร้านทองกับเราด้วย”“พี่ชัช”“หือ?”“มันมากไปนะ” เธอไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เขาให้มานั้นมันมากเกินไปจริงๆ นะ“ไม่มากไปหรอก แค่นี้พี่หาได้สบายมาก”“ทำไมน่ารักจัง แค่นี้ก็หลงไม่ไหวแล้วนะคะ”“ของของพี่ก็เหมือนของของเรานั่นแหละ ต่อไปนี้เราจะช่วยกันดูแลและส่งเสริมกันและกันนะ” เขาละมือจากพวงมาลัยรถมาจับมือเธอขึ้นไปจูบเบาๆ “พี่รักตาลนะ” เป็นคำว่ารักที่ฟังกี่ครั้งก็จั๊กจี้ห
บทที่ 23 อยู่ด้วยกันนะ หัวใจดวงน้อยเต้นคร่อมจังหวะ วันนี้มันจะไม่แปลกไปจากเดิมหากชรัณไม่ชวนเธอออกมาเที่ยวแบบนี้ ซึ่งจุดหมายปลายทางยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน“พี่จะพาตาลกลับค่ำไหม กลัวลูกร้องไห้กลัวพ่อแม่เหนื่อย”“ไม่กลัวค่ำหรอก”“ค่ะ” ทว่าหางตาเหลือบเห็นผ้าอ้อมลูกวางอยู่ที่วางของข้างประตูฝั่งคนขับ เธอเอียงคอมองแล้วอมยิ้มจนชรัณต้องหันมามองหน้า “นี่พี่เอาผ้าอ้อมลูกมาทำไมเหรอคะ”“ก็มันคิดถึงนี่นา พี่ติดกลิ่นเด็ก”“ถามจริง พี่ติดกลิ่นลูกเหรอคะ”“อืม กลิ่นเราก็หอม”“บ้าน่า จะมาติดกลิ่นตาลทำไม” เธอเขินเขาจนไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ชรัณพูดมา “พี่ติดกลิ่นลูกพอเข้าใจได้ แต่พี่ติดกลิ่นตาลตาลไม่เข้าใจค่ะ มันหอมตรงไหน”“เด็กหนอเด็ก”“ว่ายังไงคะคุณลุง” เธออยากเย้าแหย่เขาเล่นเหมือนกัน จะว่าไปก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานแล้ว ก็ตั้งแต่คลอดลูกนั่นแหละ ทุ่มเทเวลาให้ยูตะตัวน้อยจนลืมไปเลยว่าต้องใช้เวลาอยู่กับคนข้างๆ เหมือนกัน “พี่จะพาตาลไปไหนเนี่ย ไม่ได้จะพาไปเดินห้างเหรอ”“เปล่า”“แล้วไปไหน” เขาพาเธอขับไปในเมืองก็จริง แต่ไม่ได้ขับตามเส้นทางไปห้างนี่นา“เดี๋ยวก็รู็เองนั่นแหละ”“ชอบทำให้ตาลหัวใจเต
บทที่ 22 หลงรักหมดหัวใจ หลังจากอยู่โรงพยาบาลจนหมอให้กลับบ้านได้ ต้นตาลกับชรัณก็กลับมาอยู่บ้านของแม่เพราะแม่ไม่ให้ไปอยู่คอนโดฯตามลำพัง มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน“พี่ชัชจะพาลูกไปไหนคะ” เธอนั่งปั๊มนมอยู่แต่เหลือบเห็นว่าชรัณกำลังอุ้มลูกเดินออกไปจากห้อง ห้องนอนชรัณนั่นแหละแต่แม่ให้ช่างมาทำให้ใหม่และน่าอยู่กว่าเดิมอีก ภายในห้องสะอาดและโล่งมาก แม่ขนของในห้องออกไปจนหมดและเอาของของยูตะเข้ามาไว้แทน“จะพาลงไปหาแม่หน้าร้านน่ะ เราปั๊มนมเสร็จแล้วก็ตามลงไปนะ”“ระวังนะคะ”“ครับ...”จะว่าเธอหวงลูกก็ว่าไปเถอะ ก็ชรัณหลงลูกและยังหวงลูกกว่าเธออีก เขาน่ะหยิบจับอะไรก็คล่องมือไปหมด ช่วยแบ่งเบาภาระไปจากเธอได้เยอะเลย ส่วนแม่กับพ่อก็ช่วยเลี้ยงยูตะบ้างเป็นบางเวลา เพราะท่านยังต้องเปิดร้านขายทองทุกวัน และสาขาใหม่ของชรัณเขาก็แวะไปดูบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนมากสั่งงานกันผ่านการโทร. มากกว่า“ยูตะนะยูตะ พออยู่กับพ่อหนูก็หลับปุ๋ยเชียว” เธอปั๊มนมเสร็จแล้วก็ลงไปหาลูกกับชรัณ อันที่จริงยูตะต้องนอนแล้วแต่พ่อเขาเห่อลูก อยากอุ้มให้เขาหลับไปในอ้อมแขนตัวเอง และก็ได้ผลเพราะยูตะชอบนอนตอนเวลาพ่อเขาอุ้มมากกว่านอนบนเบาะนุ่มๆ ซะอีก