“ตาลท้อง ได้ยินไหมคะพี่ชัช” “ฉันรู้แล้ว จะย้ำอะไรนักหนาวะว่าท้อง!” “หนูท้องกับพี่ พี่ต้องรับผิดชอบลูกในท้องหนู” “โว้ย! หยุดพูดกรอกหูฉันได้ไหมวะ”
View Moreบทนำ
นัยน์ตาดำขลับเบิกกว้างขณะจ้องมองแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในมือ ใบหน้าเข้มขรึมไม่แสดงออกถึงความตระหนกตกใจใดๆ ทว่าหัวใจแกร่งกลับกระตุกวูบอยู่หลายครั้ง ต่างจากร่างกายของหญิงสาวที่แบกหน้ามาบอกว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา
“เธอ…มั่วเองหรือเปล่า” ประโยคแรกที่เธอรอฟังจากปากเขาหลังจากยื่นที่ตรวจครรภ์ให้ กลับเป็นประโยคแรกที่เธอสัมผัสถึงความสิ้นหวัง ใบหน้าหญิงสาวผ่าวร้อน หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้จะหาคำพูดสวยหรูหรือคำไหนมายืนยันว่าเธอไม่ได้มั่ว
“ตาลไม่เคยนอนกับผู้ชายคนไหน ตาลนอนกับพี่ชัชคนเดียว และพี่ชัชเป็นคนแรกของตาล” ต้นตาลหญิงสาววัยยี่สิบสองปีเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ แววตาเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาเชื่อ ว่าเธอน่ะไม่ได้มั่วขึ้นเตียงกับผู้ชายอย่างที่เขากล่าวหาเมื่อครู่ “หนูท้อง ท้องลูกพี่ชัช”
“จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง เธอทำงานในสถานที่แบบนั้น เจอแขกมากมาย” ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับผิดชอบ แต่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนับครั้งได้ บ้างก็อ้างว่าได้ขึ้นเตียงกับเขาทั้งที่ยังไม่เคยพูดคุยกัน และมีบางคนที่มาบอกว่าท้องกับเขาบ้างล่ะ เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ แล้วไม่ให้เขาถามเธอแบบนั้นได้ยังไง
ชรัณอ่านผลตรวจในช่องแสดงผลแล้วเม้มริมฝีปากแน่น แน่นอนว่าคนรักสนุกอย่างเขาไม่ปล่อยให้น้ำเชื่อตัวเองไปปฏิสนธิกับไข่ใบไหนแน่นอน หาก...คืนนั้นไม่เมาจนขาดสติและลุ่มหลงในพรหมจรรย์หญิงสาว เสพสุขกับเธอจนลืมป้องกันก็คงไม่ลังเลใจขนาดนี้
“พี่ชัชต้องรับผิดชอบตาลนะคะ"
“อย่าเพิ่งพูด” ชรัณเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยแววตาดุดัน
“ไม่เชื่อตาลเหรอ”
“ฉัน...”
ชรัณยังนิ่งงัน หากแต่สมองเขากำลังประมวลผลอยู่ ความคิดในหัวตีกันวุ่ยวายไปหมด เขาหยุดการสั่นขาไม่ได้จริงๆ ยิ่งคิดไม่ตกขาก็ยิ่งสั่นเทา
“ตาลท้อง ได้ยินไหมคะพี่ชัช”
“ฉันรู้แล้ว จะย้ำอะไรนักหนาวะว่าท้อง!”
“หนูท้องกับพี่ พี่ต้องรับผิดชอบลูกในท้องหนู”
“โว้ย! หยุดพูดกรอกหูฉันได้ไหมวะ” ชรัณโวยวาย เขาผลุนผลันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โยนแท่งตรวจครรภ์ลงบนเตียง “เดี๋ยวฉันกลับมา”
“ปะ ไปไหน” หญิงสาวกอดแขนเขาไว้แน่น แต่กลับถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย
“อย่าตามมา”
“จะทิ้งตาลเหรอคะ”
“ก็บอกเดี๋ยวจะกลับมาไง เธอคงรู้ตัวเองนะว่าต้องทำยังไง”
“…” ก็ไม่มีสิทธิ์โวยวายหรือเรียกร้องอะไรอยู่แล้ว ต้นตาลจึงยอมปล่อยให้ชรัณเดินออกไปจากห้องพักในโรงแรม ซึ่งเธอยอมจ่ายเงินน้อยนิดของตัวเองเปิดห้องเพื่อนัดเขามาเคลียร์เรื่องนี้ “แล้วหนูควรทำยังไง” ร่างบางตัดพ้อแล้วนั่งลงกับพื้นห้อง ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบท้องตัวเองเบา ๆ “ขอโทษตัวเอง…ที่ไม่รักตัวเองเลย” หญิงสาวพึมพำขอโทษตัวเองอยู่พักใหญ่ก็รีบลุกไปอ้วกในห้องน้ำ ด้วยอาการอ่อนเพลียเพราะแพ้ท้องเกิดขึ้นบ่อยจนเธอต้องขอผู้จัดการคลับหยุดงานสองวัน เพื่อแบกหน้ามาหาชรัณเพราะเขาเป็นความหวังสุดท้าย แต่ความหวังนั้นช่างริบหรี่เหลือเกิน
ชรัณขับรถกลับไปที่บ้านตัวเองเพื่อตั้งสติ ท้องงั้นเหรอ บอกตามตรงว่าคำนี้ทำเอาเขาไม่มีสมาธิมาก ในหัวมีแต่คำว่าท้องลอยไปลอยมาอยู่ตลอด
“นั่นชัชเหรอ” ผู้เป็นแม่ชะเง้อมองรถลูกชายที่จอดรถนิ่งสนิทอยู่หน้าร้านทอง นางสงสัยว่าทำไมลูกชายไม่เข้าบ้านสักทีจึงใช้เด็กในร้านไปเรียก
ก๊อก ก๊อก
“คุณชัชคะ เจ๊เรียกค่ะ”
“อ๋อครับ” ชรัณลูบใบหน้าและตบแก้มตัวเองเรียกสติอยู่ครู่หนึ่งก็เปิดประตูลงจากรถ พอเขาเดินเข้ามาในร้านก็เป็นที่จับตามองของแม่และเด็กในร้านเหมือนเช่นเคย
“สีหน้าแกไม่สู้ดีนะ ไปทำอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย"
“เปล่า ผมขอตัว"
“เดี๋ยวก่อนสิ หม่าม้ามีเรื่องจะรบกวน”
“อะไรครับ"
“ไปกินข้าวกับลูกเฮียยี่หน่อยสิ อาลูกสาวเฮียแกเพิ่งกลับจากต่างประเทศ”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักแบบนี้ ผมไม่ชอบ"
“น่านะลูก ไปหน่อยนะชัชของม้า หม่าม้ารับปากเขาไว้แล้วนี่ ไม่อยากเสียคำพูดตัวเอง”
“ไปเองไหมล่ะ นัดเอาไว้แล้วนี่”
“ทำไมวันนี้ดูหงุดหงิด” ปกติลูกชายอารมณ์ดีตลอด ขี้เล่นและทะเล้นมาก แต่วันนี้หัวคิ้วลูกขมวดเข้าหากันแทบผูกปมได้แล้ว แถมยังทำเสียงแข็งใส่แม่อีก
“เรื่องของผม”
“น่านะ นี่แม่กำลังหาเมียให้แกอยู่นะ”
“…”
“ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้แม่ถูกใจ”
“ลูกสะใภ้ หึ!” ชรัณหัวเราะหึในคอ “เรื่องนั้นผมหาเองได้ ไม่ลำบากม้าหรอก” หน้าเขากระตุกหงึกไปทีหนึ่งกับคำพูดของแม่ พลันทำให้นึกถึงใบหน้าเด็กคนนั้น ชรัณถอนหายใจออก
“ลูกคนนี้นี่ ลูกสะใภ้ม้าต้องเป็นคนในตระกูลมั่งคั่งเท่านั้น เผื่ออนาคตข้างหน้าเราได้ขยับขยายกิจการที่บ้านอีก อย่าเอาพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเชียวนะ ม้าจะไล่ออกจากบ้านให้ดู”
“หึหึ” เขาตัดจบบทสนทนาด้วยการหัวเราะในคอแล้วเดินเข้าไปหลังบ้าน พอเดินมาพ้นสายตาทุกคนแล้ว หัวคิ้วหนาก็ขมวดเป็นปม
“เชี่ยเอ๊ย! งานยากแล้วกู”
ตอนพิเศษ 2วันคลอดต้นตาลเอนหลังพิงโซฟายกขาไปพาดหน้าขาชรัณอยู่ภายในห้องพักเตรียมคลอด เธอรู้สึกชาขาและเหนื่อยจนไม่อยากขยับกายไปไหน ท้องสองท้องใหญ่กว่าท้องแรกมาก ทั้งเวลาเดินเวลานั่งจึงลำบาก แต่ดีที่มีสามีอย่างชรัณอยู่ข้างๆ กายคอยช่วยเหลือและเป็นมือให้เธอ“พอแล้วค่ะ พี่อยากกลับไปเอาของไหม ตาลอยู่รอคุณแม่ได้นะ”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รออยู่กับเราที่นี่แหละ”“พี่ไม่ได้นอนเลยนะ อยากนอนพักสักหน่อยไหมคะ” เธอเอ็นดูคุณพ่อลูกสองมาก เขาน่ะตื่นเต้นกว่าเธออีกนะที่ว่าลูกจะคลอดน่ะ ตั้งตารอกันทั้งบ้านเลย และเจ้ายูตะน้อยก็ดีใจอยากเจอหน้าน้องแล้วด้วย“ห่วงเราเถอะ พี่พักตอนไหนก็ได้”“ตาลโอเคค่ะ ว่าแต่พี่…” ต้นตาลหลับตาพริ้มเมื่อชรัณยกมือขึ้นมาลูบแก้มเธอเบาๆ ส่งผ่านภาษากายว่าเขาน่ะโอเคมาก ห่วงก็แต่เธอคนเดียว “พี่อย่าไปไหนนะ อยู่กับตาลก่อน” เธอกลัวทุกครั้งที่จะคลอดลูก แต่ถ้ามีชรัณอยู่ข้างกายก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร แถมยังเบาใจมากด้วย“รู้ว่าเรากลัว แล้วพี่ก็ไม่ไปไหนแน่นอน”“พี่ก็ยังเป็นพี่ ทำไมพี่แสนดีขนาดนี้เนี่ย”“หึหึ”“จริงๆ นะ ถ้าตาลไม่ได้เจอกับพี่ตาลก็อาจจะยังทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ขอบคุณที่ได้เจอพี่”
ตอนพิเศษ 1หลายเดือนต่อมาเราจัดงานแต่งงานเล็กๆ ในบ้าน ไม่ได้เชิญแขกมามากมาย มีแต่เครือญาติของชรัณเท่านั้น มีตักบาตรในช่วงเช้าแล้วก็ดื่มน้ำชาตามประเพณีของคนจีน ส่วนสินสอดไม่มีเพราะเราคุยกันแล้วว่าจะจัดแค่งานเท่านั้น เราเองก็มีโซ่ทองคล้องใจแล้วคือยูตะน้อยนั่นเอง แถมตอนนี้ยังมียูจินน้อยอยู่ในท้อง ผลงานอันน่าภูมิใจของชรัณเลยก็ว่าได้ เพราะเพิ่งรู้เพศลูกในท้องก่อนวันแต่งงาน เขาจึงถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองที่ได้ลูกสาวอย่างตั้งใจเอาไว้ด้วย“พี่ชัช ตาลเหม็นไข่ไก่ต้ม พี่เอาไปกินหมดเลยได้ไหม” ช่วงกินไข่ต้มน้ำขิงในพิธี เธอยังไม่หายแพ้ท้องและรู้สึกพะอืดพะอมมาก เห็นไข่สีขาวนวลกับน้ำขิงก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว แถมยังเหม็นฉุนจนกลืนไม่ลงอีกด้วย“อดทนหน่อย เรากัดกินนิดเดียวก็ได้”“ไม่ไหว” ฝืนไม่ไหวจริง ถ้ากินอีกนิดเดียวเธออ้วกแตกแน่ พอเห็นสีหน้าต้นตาลไม่สู้ดีเขาจึงจัดการอ้าปากกินไข่ต้มในถ้วยของเธอจนหมด ทำให้ถูกเพื่อนแซวกันยกใหญ่ว่าเขาน่ะหิวข้าวหรือเปล่าถึงได้รีบกินขนาดนั้นหลังจากนั้นก็เป็นไปตามพิธีที่วางเอาไว้ ดำเนินมาถึงการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ อธิราชกับอีริคเป็นคนจัดแจงผ้าปูที่นอนให้เพื่อนรักพร้อมกับ
บทที่ 25 ในอ้อมกอดชรัณ END หลังจากที่จูงมือกันไปจดทะเบียนสมรส นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการของเรา ยูตะน้อยเติบโตมาอย่างดีโดยมีทั้งคุณย่าและคุณปู่ช่วยเลี้ยงและพร่ำสอนเขา ส่วนชรัณก็รับตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัว ดูแลร้านทองทุกสาขาที่มีโดยมีต้นตาลเป็นเลขาส่วนตัวเขา เธอขยับจากเด็กฝึกงานในร้านทองที่คุณแม่เฝ้าสอนงานจนมาเป็นเจ๊ใหญ่ดูแลร้านทองสาขาใหญ่แทนคุณแม่ชีวิตช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานับว่าดีมากเลยทีเดียว ทั้งการงานและชีวิตคู่ จะว่าราบรื่นก็ไม่เท่าไร ก่อนหน้านี้มีงอนกับชรัณบ้างแต่ก็เพราะยังไม่เข้าใจกันดี แต่พอเปิดใจคุยกันโดยไม่ปัดตกปัญหาเล็กน้อยก็เข้าใจกันมากขึ้น เดี๋ยวนี้เลยไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องงอนและทะเลาะกันอีก หากเกิดความสงสัยหรือรู้สึกไม่ดีกับอีกฝ่ายเราจะคุยกันทันทีและช่วยกันปรับแก้ ไม่ละเลยปัญหาที่อาจสะสมเป็นปัญหาใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอนชรัณคลั่งรักเธอมาก มากแบบเธอกลัวว่าคนรอบข้างจะอิจฉาเอาน่ะ และเรื่องความหื่นไว้ใจเขาได้เลย ตอนนี้วางแผนไว้ว่าจะมีลูกคนที่สองและเป็นหน้าที่ของชรัณที่ต้องทำให้เธอท้องให้ได้ เขาเลยหมกมุ่นในเรื่องนั้นมากและตอนนี้ก็ย้ายเข
บทที่ 24 ครอบครัว “ชอบขนาดนั้น?” ชรัณละสายตาจากการมองทางมามองรอยยิ้มคนข้างๆ เธอนั่งยิ้มกับช่อดอกไม้และแหวนเพชรบนนิ้วนางตัวเองตั้งแต่ขับรถออกจากร้าน ชรัณก็พลอยได้ยิ้มตามเธอด้วย“ชอบมากค่ะ ชอบทั้งดอกไม้และคนให้”“งั้นพี่จะให้คนทำสวนเอาดอกไม้มาลงสวนบ้านเราด้วยนะ เวลาตื่นเข้ามาจะได้เห็นอะไรที่สดชื่นแต่เช้า”“รักจัง” เธอยื่นมือไปโอบปลายคางเขาอย่างมันเขี้ยว และชรัณก็ค้อมศีรษะลงมาเอาคางเกยฝ่ามือเธออย่างไม่อิดออดเช่นกัน“พี่ลืมบอกไปว่าพี่ให้เราเป็นเจ้าบ้านนะ ในทะเบียนบ้านหลังใหม่”“วะ ว่ายังไงนะคะ”“ก็ตามนั้นเราได้ยินไม่ผิดหรอก”“มันมากไปนะคะ”“มากไปตรงไหน พี่อยากให้เรามีอะไรที่เป็นชื่อเราน่ะ แล้วเดี๋ยวพี่ว่าจะให้หุ้นร้านทองกับเราด้วย”“พี่ชัช”“หือ?”“มันมากไปนะ” เธอไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เขาให้มานั้นมันมากเกินไปจริงๆ นะ“ไม่มากไปหรอก แค่นี้พี่หาได้สบายมาก”“ทำไมน่ารักจัง แค่นี้ก็หลงไม่ไหวแล้วนะคะ”“ของของพี่ก็เหมือนของของเรานั่นแหละ ต่อไปนี้เราจะช่วยกันดูแลและส่งเสริมกันและกันนะ” เขาละมือจากพวงมาลัยรถมาจับมือเธอขึ้นไปจูบเบาๆ “พี่รักตาลนะ” เป็นคำว่ารักที่ฟังกี่ครั้งก็จั๊กจี้ห
บทที่ 23 อยู่ด้วยกันนะ หัวใจดวงน้อยเต้นคร่อมจังหวะ วันนี้มันจะไม่แปลกไปจากเดิมหากชรัณไม่ชวนเธอออกมาเที่ยวแบบนี้ ซึ่งจุดหมายปลายทางยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน“พี่จะพาตาลกลับค่ำไหม กลัวลูกร้องไห้กลัวพ่อแม่เหนื่อย”“ไม่กลัวค่ำหรอก”“ค่ะ” ทว่าหางตาเหลือบเห็นผ้าอ้อมลูกวางอยู่ที่วางของข้างประตูฝั่งคนขับ เธอเอียงคอมองแล้วอมยิ้มจนชรัณต้องหันมามองหน้า “นี่พี่เอาผ้าอ้อมลูกมาทำไมเหรอคะ”“ก็มันคิดถึงนี่นา พี่ติดกลิ่นเด็ก”“ถามจริง พี่ติดกลิ่นลูกเหรอคะ”“อืม กลิ่นเราก็หอม”“บ้าน่า จะมาติดกลิ่นตาลทำไม” เธอเขินเขาจนไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ชรัณพูดมา “พี่ติดกลิ่นลูกพอเข้าใจได้ แต่พี่ติดกลิ่นตาลตาลไม่เข้าใจค่ะ มันหอมตรงไหน”“เด็กหนอเด็ก”“ว่ายังไงคะคุณลุง” เธออยากเย้าแหย่เขาเล่นเหมือนกัน จะว่าไปก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานแล้ว ก็ตั้งแต่คลอดลูกนั่นแหละ ทุ่มเทเวลาให้ยูตะตัวน้อยจนลืมไปเลยว่าต้องใช้เวลาอยู่กับคนข้างๆ เหมือนกัน “พี่จะพาตาลไปไหนเนี่ย ไม่ได้จะพาไปเดินห้างเหรอ”“เปล่า”“แล้วไปไหน” เขาพาเธอขับไปในเมืองก็จริง แต่ไม่ได้ขับตามเส้นทางไปห้างนี่นา“เดี๋ยวก็รู็เองนั่นแหละ”“ชอบทำให้ตาลหัวใจเต
บทที่ 22 หลงรักหมดหัวใจ หลังจากอยู่โรงพยาบาลจนหมอให้กลับบ้านได้ ต้นตาลกับชรัณก็กลับมาอยู่บ้านของแม่เพราะแม่ไม่ให้ไปอยู่คอนโดฯตามลำพัง มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน“พี่ชัชจะพาลูกไปไหนคะ” เธอนั่งปั๊มนมอยู่แต่เหลือบเห็นว่าชรัณกำลังอุ้มลูกเดินออกไปจากห้อง ห้องนอนชรัณนั่นแหละแต่แม่ให้ช่างมาทำให้ใหม่และน่าอยู่กว่าเดิมอีก ภายในห้องสะอาดและโล่งมาก แม่ขนของในห้องออกไปจนหมดและเอาของของยูตะเข้ามาไว้แทน“จะพาลงไปหาแม่หน้าร้านน่ะ เราปั๊มนมเสร็จแล้วก็ตามลงไปนะ”“ระวังนะคะ”“ครับ...”จะว่าเธอหวงลูกก็ว่าไปเถอะ ก็ชรัณหลงลูกและยังหวงลูกกว่าเธออีก เขาน่ะหยิบจับอะไรก็คล่องมือไปหมด ช่วยแบ่งเบาภาระไปจากเธอได้เยอะเลย ส่วนแม่กับพ่อก็ช่วยเลี้ยงยูตะบ้างเป็นบางเวลา เพราะท่านยังต้องเปิดร้านขายทองทุกวัน และสาขาใหม่ของชรัณเขาก็แวะไปดูบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนมากสั่งงานกันผ่านการโทร. มากกว่า“ยูตะนะยูตะ พออยู่กับพ่อหนูก็หลับปุ๋ยเชียว” เธอปั๊มนมเสร็จแล้วก็ลงไปหาลูกกับชรัณ อันที่จริงยูตะต้องนอนแล้วแต่พ่อเขาเห่อลูก อยากอุ้มให้เขาหลับไปในอ้อมแขนตัวเอง และก็ได้ผลเพราะยูตะชอบนอนตอนเวลาพ่อเขาอุ้มมากกว่านอนบนเบาะนุ่มๆ ซะอีก
บทที่ 21 เด็กชายปิยดนัย แซ่โง้ว สายของวันต่อมาต้นตาลเดินอุ้ยอ้ายมาขึ้นรถเพื่อจะออกไปดูบ้านกับชรัณตามที่นัดหมายกับทางโครงการเอาไว้ เขาบอกเธอว่าโครงการอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซึ่งเดินทางไปร้านทองสาขาใหญ่ได้สะดวกมาก ไม่เกินสามสิบนาทีก็ถึงแล้วและมีสิ่งเอื้ออำนวยมากกว่าแถวคอนโดฯ เพราะใกล้ซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาดสดที่คนมีตังค์เขาไปเดินเลือกซื้อของ“พี่ดูไว้ราคาเริ่มต้นสิบกว่าล้าน” ชรัณหันมามองหน้าต้นตาลซึ่งเธอกำลังอึ้งงันอยู่“สิบกว่าล้านบาท แล้วพี่มีเงินมากขนาดนั้นเหรอ”“ก็มีนะ เงินเก็บพี่แล้วก็แม่ให้มาบางส่วน แต่ส่วนที่แม่ให้มาพี่จะเอาไปซื้อของเข้าบ้าน แล้วก็เตรียมของให้ลูกด้วย”“อ๋อ คนรวยเขาพูดกันง่ายๆ แบบนี้เลยเนอะ ถ้าเป็นตาลคงห่วงว่าจะหาเงินไหนมาผ่อนมาซื้อกินอะไรแบบนั้นมากกว่า”“เราก็รวยเถอะ เงินที่พี่ให้เราไม่เคยเอาออกมาใช้เลย”“ก็อยากเก็บไว้ใช้ตอนฉุกเฉินไงคะ แต่ไม่ถึงกับรวยอะไรหรอก” เป็นเงินสองแสนก้อนแรกที่เก็บได้เลยก็ว่าได้ ชรัณโอนให้ทุกเดือนแถมแม่กับพ่อเขายังแอบโอนใส่บัญชีให้อีก เธอไม่ได้เป็นคนให้เลขบัญชีกับพวกท่านหรอก คนที่เอาให้ท่านก็นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนี่แหละ มารู้ตัวอีกทีก็เงินเข
บทที่ 20 เตรียมตัวเป็นคุณพ่อ ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่สามสิบหกของการอุ้มท้อง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเธอลากชรัณไปตรวจอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกในท้อง เพราะไม่อยากลุ้นเอาตอนคลอด ก่อนจะไปอัลตราซาวนด์เธอกับชรัณพนันกันไว้ ต้นตาลลงเงินหนึ่งหมื่นบาทพนันว่าลูกในท้องคือผู้ชาย ส่วนชรัณพนันว่าเป็นผู้หญิงและวางเงินพนันหนึ่งแสนบาท ซึ่งผลออกมาเป็นพี่น่าพอใจเพราะต้นตาลเป็นฝ่ายชนะพนันเพราะลูกเป็นผู้ชายตัวจ้ำม่ำเลยล่ะ“วันนี้ตาลไม่ไปนอนบ้านพี่ได้ไหม อยากนอนกับพี่ชัชที่ห้องค่ะ” ต้นตาลเอาคางมาเกยกับลาดไหล่ของชรัณขณะที่เขาเอนหลังพิงหัวเตียงพิมพ์ข้อความตอบกลับลูกน้องที่ร้านทองอยู่ชายหนุ่มเหลือบตามองคนตัวเล็กแล้วปิดมือถือ“ทำไมไม่อยากไปนอนบ้านพี่”“ก็ตาลเกรงใจคุณป้านี่นา ท่านพลอยนอนไม่หลับเพราะตาลตั้งหลายคืน” ตั้งแต่ท้องแก่มาแม่ของชรัณก็ไม่ให้เธอนอนคนเดียว เวลาชรัณติดงานที่ร้านก็จะให้เธอไปนอนที่ร้านทองสาขาใหญ่คือบ้านเขานั่นแหละ ซึ่งเธอก็ไม่แย้งอะไรหรอก แต่ท้องแก่แล้วตะคิวก็เป็นบ่อยขึ้น พอนอนกับแม่แล้วท่านเทียวตื่นมาบีบขาให้เธอบ่อยๆ นอนไม่ค่อยเต็มอิ่มด้วย เธอทั้งเกรงใจและไม่อยากให้ท่านลำบากใจ“แม่พี่เต็มใจ เราคิดมากไป
บทที่ 19 ใส่ใจไม่ได้แปลว่ามีใจ“มึงมาทำอะไรแต่เช้าวะเนี่ย” โลกมันก็ชอบเหวี่ยงคนรู้จักมาเจอเขาจริงๆ เลย “หรือว่ามึงเพิ่งออกมาจากคลับ” อธิราชหรี่ตามองชรัณ ซึ่งเพื่อนเขายังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบอยู่เลย“มาใส่บาตร”“ว้าว! สงสัยนรกไม่เปิดรับคนใจบุญอย่างมึงแล้วแหละ”“หึหึ ตลกนะไอ้สั*ว์”“กูเห็นคนหน้าคุ้นอยู่ตรงนั้น” อธิราชชี้นิ้วไปยังร้านหมูปิ้ง ซึ่งคนที่ยืนก้มหน้าทำตัวมีพิรุธก็คือต้นตาล ชรัณลอบยิ้มมุมปาก รู้สึกเอ็นดูเธอมากกว่าแต่อธิราชไม้ทันได้เห็นเขายิ้มหรอก“คนก็หน้าเหมือนกันหมด คุ้นอะไรนักหนา”“กูคุ้นจริงๆ นะ เหมือนเคยเห็นกันที่ไหนแถมตอนเดินผ่านมาเธอยังทำหน้าตกใจอย่างกับเห็นผีแน่ะ”“ก็มึงหน้าเหมือนผี”“บ้าน่า กูหล่อขนาดนี้นะ”ชรัณหัวเราะในคอเบาๆ ซึ่งเพื่อนก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ อันนี้เขาไม่เถียงอธิราชเลย“แล้วมึงมาทำอะไรในเมืองแต่เช้า”“มางาน ก็เลยแวะหาของกินก่อน”“อ๋อ งั้นสั่งกาแฟมากินดิ กูจ่ายเอง”“ได้”ชรัณเหลือบไปมองคนตัวเล็ก เมื่อไม่เห็นเธออยู่หน้าร้ายหมูปิ้งจึงไลน์ไปหา ไม่นานต้นตาลก็ตอบกลับมา พร้อมกับส่งรูปว่าเธอนั่งอยู่ร้านโจ๊กในตลอดนั่นเอง“ถอนหายใจทำไม” อธิราชเอี้ยวหน้ามาถามเ
Comments