Share

บทที่ 6

Author: เล่อเอิน
ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบ

เลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็ง

มีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า

ฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจน

แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้ว

ฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้

แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน

"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!"

"ฉัน..."

คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง

"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ..."

"ฉันแต่งงานแล้ว"

"แต่งงานแล้วมันหย่าไม่ได้หรือไง?"

ฟู่จินอันดื้อดึงไม่ยอมความ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เหมือนถ้าฟู่ฉีชวนปฏิเสธเธอ เธอจะพังทลายลงทันทีอย่างนั้น

ฉันตกใจที่เธอกล้าถามออกมาตรงๆ แบบนี้

ไม่มีความรู้สึกอับอายของคนที่เข้ามาแทรกแซงกลางเลยสักนิด

ฟู่ฉีชวนรู้สึกโมโหจนขำ เขาพูดอย่างกัดฟันกรอดว่า "การแต่งงานสำหรับเธออาจจะเป็นเรื่องเล่นๆ แต่สำหรับฉันไม่ใช่!"

พูดจบ เขาก็เตรียมจะก้าวขาเดินออกไป

แต่ฟู่จินอันยังคงจับชายเสื้อของเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

ที่จริงแล้ว ฉันรู้ดีถึงพละกำลังของฟู่ฉีชวน หากเขาต้องการ เขาก็สามารถสลัดหลุดได้ไม่ยาก

ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย มองอยู่นาน ในใจกลับคาดหวังบางสิ่งอย่างชัดเจน

คาดหวังว่าเขาจะสลัดหลุด

คาดหวังว่าเขาจะขีดเส้นแบ่งความชัดเจน

การแต่งงานของเรายังพอมีความหวังอยู่บ้าง

และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ

เขาทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า "พวกเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พูดอะไรโง่ๆ ให้น้อยลงหน่อย"

เรื่องราวมาถึงตรงนี้ น่าจะจบลงแล้ว

ฉันถอนหายใจออกมาทันที

และไม่รู้สึกอยากจะสอดส่องอะไรอีกต่อไป

“คุณรักเธอไหม? อาชวน คุณมองตาฉันแล้วตอบฉัน คุณรักเธอไหม?!”

ฟู่จินอันราวกับเด็กสามขวบที่อ้อนขอขนมกิน ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ เธอจับแขนของเขาอีกครั้ง

ฉันหยุดเดิน หัวใจเต้นระรัวอีกครั้ง

ยังไม่ทันหันกลับไป ก็ได้ยินเสียงของฟู่ฉีชวนที่ยากจะจับความรู้สึกได้ว่า "ไม่เกี่ยวกับเธอ"

"งั้นคุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม? อย่างน้อยเรื่องนี้มันควรเกี่ยวกับฉันบ้างสิ" ฟู่จินอันถาม

มีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ฉันรู้สึกชื่นชมความกล้าที่ฟู่จินอันกล้าถามเซ้าซี้ไม่หยุดแบบนี้

ไม่นานนัก ฉันก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความอวดดีที่ไม่มีความกลัว

สิ่งที่ทำให้เธอมั่นใจแบบนี้ เรียกว่า "ความลำเอียง"

ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยมี

ร่างสูงสง่าของฟู่ฉีชวนหยุดนิ่งไปทันที สีหน้าของเขาปกคลุมด้วยความเย็นชา

เขาไม่ได้ตอบ ฟู่จินอันก็ไม่ยอมให้เขาไป

เหมือนกับพระนางในละครน้ำเน่า

ทุกวินาทีที่เขาเงียบ ฉันรู้สึกอึดอัดจนแทบขาดใจ ลืมแม้กระทั่งการหายใจ

"นายหญิง ฉันหาเสื้อคลุมที่คุณเคยใส่เมื่อฤดูใบไม้ผลินี้เจอแล้ว รีบใส่เถอะค่ะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด"

คนรับใช้เดินถือเสื้อคลุมออกมา เนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจึงต้องพูดเสียงดังกว่าปกติ

ฟู่ฉีชวนที่อยู่ไม่ไกลเงยหน้าขึ้นมามอง

ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนถูกจับได้ว่าแอบฟังเรื่องของคนอื่นโดยสัญชาตญาณ แต่พอคิดอีกทีก็กำจัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป

คนที่ควรจะต้องอธิบาย คือเขาต่างหาก

เขาสะบัดฟู่จินอันออก แล้วสาวเท้าเร็วๆ เข้ามา เสียงของเขาเปลี่ยนจากความเย็นชาเมื่อครู่นี้เป็นอ่อนโยนแต่ก็เหมือนจะเฉยเมย

"คุณได้ยินแล้วเหรอ?"

"อืม"

ฉันไม่ได้ปิดบัง

แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่รับเสื้อคลุมจากคนรับใช้มาใส่ให้ฉัน โอบไหล่ฉันไว้แล้วพาเดินเข้าไปข้างในอย่างใจเย็น "ลมแรง เข้าไปข้างในก่อนเถอะ"

ราวกับสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อครู่เป็นเพียงบทสนทนาธรรมดาทั่วไป

"อาชวน"

เสียงดื้อดึงของฟู่จินอันดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า "อาชวน!"

เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน

หลังจากนั้น เขาดูเหมือนจะใจลอยอยู่บ้าง เช็คโทรศัพท์บ่อยๆ

ในที่สุดก็ทนรอมาจนถึงสามทุ่ม เวลาที่คุณปู่ฟู่จะเข้านอนตามปกติ

"เป็นคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ทำอะไรก็ต้องรู้จักขอบเขต!"

คุณปู่ฟู่ส่งเรามาถึงหน้าลาน สีหน้าขรึมเคร่งเตือนฟู่ฉีชวนว่า "ดูแลหรวนหร่วนให้ดี อย่าคิดว่าตระกูลเธอไม่มีใครแล้วจะรังแกเธอได้นะ!"

ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้ำตาคลอ

ฟู่ฉีชวนยิ้มบางๆ และพยักหน้า "ครับ ผมจะไม่รังแกเธอ และจะไม่ให้ใครมารังแกเธอด้วย คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง"

"เด็กโง่ มีอะไรก็มาหาคุณปู่ ปู่จะจัดการให้เอง"

คุณปู่ฟู่ลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน

ฉันยิ้มเล็กน้อย "ค่ะ ถ้าหนูมีเวลาจะมาหาคุณปู่นะคะ คุณปู่รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะค่ะ"

ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันนั่งง่วงงุนอยู่ที่เบาะข้างคนขับ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเริ่มมีอาการแพ้ท้องหรือเพราะอะไร ช่วงนี้ฉันง่วงบ่อยเหลือเกิน

แต่ตอนนี้กลับนอนไม่หลับเลย ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียแต่ความคิดกลับแจ่มชัดอย่างยิ่ง

ตอนแรกคิดว่าจะรอให้ถึงบ้านแล้วค่อยให้เขาอธิบาย

แต่ตอนนี้มันทรมานเกินไป

ฉันทนรอไม่ไหวอีกต่อไป เลยเปิดปากถามอย่างใช้เหตุผล "คุณกับฟู่จินอัน มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?"

เป็นแค่รักแรกธรรมดา

หรือเป็นชู้รักที่แอบคบกัน

เมื่อได้ยิน ฟู่ฉีชวนก็ผ่อนความเร็วรถลง ตอบอย่างใจเย็นว่า "ฉันกับเธอ เกือบเคยได้อยู่ด้วยกัน"

ฉันขยับริมฝีปาก เหมือนมีก้อนฟองน้ำจุกอยู่ในลำคอ พักใหญ่กว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้

"ตอนคุณเรียนมหาวิทยาลัยหรือเปล่า?"

เศษเสี้ยวความทรงจำที่ถูกเก็บไว้เริ่มหลั่งไหลออกมา

จะว่าไป ฟู่ฉีชวนเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของฉัน เป็นคนดังในมหาวิทยาลัย

มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเจ้าลำเอียงให้มา เป็นผู้สืบทอดของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ความสามารถโดดเด่น ท่าทางสูงส่งและเย็นชา

ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่ชอบ

ในกระเป๋านักเรียนของเขา เพียงล้วงมือเข้าไปก็จะเจอจดหมายรักที่สาวๆ เขียนให้

แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะสารภาพรัก ก็ได้ยินมาว่าเขามีผู้หญิงที่ชอบแล้ว

ที่แท้ ก็คือฟู่จินอันสินะ

"คุณรู้ได้ยังไง?"

ฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างแปลกใจ

ฉันหันหน้าไปมองเขา เสียงของฉันแฝงไปด้วยความขมขื่น "ฟู่ฉีชวน คุณลืมหรือเปล่า ฉันก็เรียนที่ม.เจียงเหมือนกัน"

"อ้อ จริงด้วย"

เขากลับไปทำท่าทีเฉยเมยเหมือนเคย "ขอโทษ เวลาผ่านมานานมากแล้ว"

มันเป็นเพราะเวลานานมากแล้ว หรือว่าไม่เคยสนใจ ไม่เคยใส่ใจเลย?

ขณะที่ฉันกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมา

เขาไม่แม้แต่จะมอง ตัดสายทิ้งไปเลย

แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ดังซ้ำแล้วซ้ำอีก

ราวกับว่าถ้าเขาไม่รับ โทรศัพท์จะดังไปจนถึงวันสิ้นโลก

ฟู่ฉีชวนตัดสายอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูเย็นชา เหมือนจะรำคาญเต็มที แล้วอธิบายกับฉันว่า "เธอถูกคุณป้าเวินกับพ่อฉันตามใจจนเสียคนแล้ว"

ฉันยิ้มเล็กน้อย หยิบมือถือของเขามา บล็อกและลบเบอร์ไป ก่อนจะยื่นคืนให้เขา

"ตอนนี้สงบแล้ว"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status