LOGINเพราะคำว่าเพื่อนนั่นสำคัญกับเขาเสมอ เมื่อได้ลั่นวาจาไปแล้ว ก็ต้องทำตามที่พูด จะดูแลน้องสาวให้เพื่อน เมื่อเธอเลือกเข้ามาเรียนต่อในเมืองหลวง...
View Moreกรุงเทพมหานคร
ร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนดัง บนใบหน้ารูปไข่มีแว่นตากรอบใสประดับอยู่ เธอยืนมองตึกสูงเสียดฟ้าตรงหน้า ที่วันนี้นั้นเธอได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าวันนี้นั้นเธอต้องกลับบ้านพร้อมกันกับเขา ซึ่งก็คือเพื่อนของพี่ชาย ที่เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านบุพพาการีของเขานั้นเอง
และวันนี้พวกท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศ แล้วคนขับรถของที่บ้านก็ต้องขับไปส่งพวกท่านที่สนามบินอีกด้วย เลยต้องให้เธอมารอกลับบ้านพร้อมกันกับลูกชายที่บริษัทแทน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้กับบริษัท พวกท่านยังไม่อนุญาตให้เธอขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน จึงต้องมีคนขับรถที่บ้านไปรับส่งอยู่ตลอด
เดิมทีเธออยากเรียนแค่โรงเรียนของรัฐบาลมากกว่าเพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พี่ชายกับเพื่อนของเขากลับไม่เห็นด้วย เธอเลยต้องได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติขึ้นชื่อที่ครอบครัวของเพื่อนพี่ชายมีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย
“นี่เธอมาจากไหนกัน? มาหาใคร? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงของหญิงสาวหน้าห้องทำงานของประธานหนุ่มเอ่ยดังขึ้นมาทันทีที่เธอก้าวผ่านหน้ามา แถมยังยิงคำถามแบบรัว ๆ ยาวเหยียดจนไม่รู้ว่าเธอควรจะตอบคำถามไหนก่อนดี
“สวัสดีค่ะ มาหาพะ เอ่อ...คุณศุภวัฒน์ค่ะ” เธอเอ่ยทักทายกลับไปตามมารยาท แล้วบอกจุดประสงค์ของการมาที่นี่ในครั้งนี้ของเธอกับหญิงสาว
ชนิดา พิสิษฐากูล หรือ หนูนิด สาวน้อยวัย 18 ปี เธอเป็นสาวน้อยต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในบ้านของประธานหนุ่มตั้งแต่อายุ 12 ปี เพราะมาเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่นี่
“มาหาบอส? ได้นัดท่านไว้หรือเปล่าล่ะะ” เอมรา หญิงสาวหน้าห้องทำงานของประธานหนุ่มซึ่งรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเลขาฯ เอ่ยถามเธอกลับมาทันที แถมยังมองเธอด้วยสายตาที่เหน็บแนมราวกับว่าเธอไปทำอะไรให้ไม่พอใจเสียอย่างนั้น
“ไม่ได้นัดค่ะ พอดีหนู...” ชนิดาตอบออกไปตามตรง เพราะเธอก็ไม่ได้นัดหมายเอาไว้ล่วงหน้าตามที่หญิงสาวถามจริง เพราะเธอต่อสายหาเขามาจะเข้ามาที่นี่แล้วแต่เขากลับไม่ยอมรับสายจากเธออีก เธอเลยต้องเดินลุยฝ่าฝูงชนมากหน้าหลายตาเข้ามากว่าจะถึงหน้าห้องทำงาน
“ยังเด็กแถมยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกับบอสล่ะ” หญิงสาวมองสำรวจเธอแถมพูดจาเหยียดเหมือนดูถูกเธออีก
“น้องสาวค่ะ”
“น้องสาว? เท่าที่ฉันทราบมาน้องสาวบอสเรียนอยู่ที่ต่างประเทศนะ เธอเป็นใครกันแน่ถึงกล้ามาแอบอ้างว่าเป็นน้องสาวของบอส หรือว่า...” หญิงสาวยังคงใช้สายตามองสำรวจและพูดจาเหน็บแนมใส่ แถมยังจินตนาการคิดไปไกลว่าเธอมีความสัมพันธ์กับประธานหนุ่มบริษัทนี้
“คะ เอ่อ หนูนิด!”
“พี่เจษ...”
ยังไม่ทันที่ชนิดาจะได้เอ่ยอะไรออกมา ก็มีเสียงอันคุ้นเคยจากคนที่เปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของประธานหนุ่มแล้วเรียกชื่อของเธอขึ้นมา เธอจึงได้แต่หันไปมองตามเสียงก็รู้ว่าเป็นใคร เธอจึงเอ่ยทักทายเขาไปด้วยท่าทีที่นอบน้อมเพราะเขาอายุมากกว่าเธอ
เจษพิพัฒน์ หรือ เจษ ชายหนุ่มในวัย 28 ปี ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทและรับตำแหน่งเป็นเลขาส่วนตัวของประธานบริษัทแห่งนี้
ส่วนตำแหน่งเลขานุการของประธานบริษัทมักจะเป็นผู้หญิงกัน แต่ที่นี่ประธานหนุ่มกลับเลือกเลขาฯเป็นผู้ชายแทน
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วทำไมไม่เข้าไปรอในห้อง พอดีบอสยังประชุมไม่เสร็จเลย” เจษพิพัฒน์ยิงคำถามยาวใส่เธอทันที
“ก็...” ชนิดาหันไปมองหน้าของหญิงสาว และกำลังจะพูดอะไรสักอย่างออกมา
“พี่เจษรู้จักเธอด้วยเหรอ” เอมราผู้ช่วยของเลขาหนุ่มก็ชิ่งพูดตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน โดยที่ใช้น้ำเสียงและสายตาอ่อนโยนพูดกับเจษพิพัฒน์ ซึ่งจากที่พูดกับชนิดาเป็นไหน ๆ
“รู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ แล้วทำไมไม่ให้น้องเขาเข้าไป เธอไม่รู้เหรอว่าหนูนิดเป็นใคร” เจษพิพัฒน์หันมาพูดกับทางผู้ช่วยสาวด้วยสายตาที่ดุดันไม่ค่อยพอใจนัก ที่หญิงสาวชอบตัวห่วงก้างไปทั่ว
เจษพิพัฒน์รู้จักกับชนิดาเพราะตนนั้นแวะไปที่บ้านของผู้บริหารอยู่บ่อยครั้งเพราะพวกเขาคือเจ้านาย และบางวันก็ไปรับส่งชนิดาแทนคนขับรถที่บ้านให้ตามคำสั่งของเจ้านายหากว่าคนขับรถที่บ้านไม่ว่าง เขาจึงได้รู้จักกันเพราะชนิดาจิตไมตรีดีช่างพูดจึงเป็นมิตรกับทุกคนได้ง่าย จึงเป็นที่สนใจของเพศตรงข้าม
เพราะเหตุนี้เองเจ้านายหนุ่มเลยให้เขามาเป็นตัวกันไม่ให้พวกหนุ่ม ๆ เข้าถึงเธอ หรือที่เรียกว่า ‘ไม้กันหมา’ นั่นเอง
“ก็เอมไม่รู้นี้คะพี่เจษ ว่าน้องเขาพูดจริง เอมคิดว่ามีคนเข้ามาแอบอ้าง...” เอมราก้มหน้างุดพูดกับเขาอย่างรู้สึกผิด แต่สายตาก็ไม่วายคอยชำเลืองมองชนิดาอย่างนึกโกรธเคือง
“อะไรที่ไม่ควรรู้ ฉันว่าเธออยู่เงียบ ๆ จะดีกว่านะ ถ้าอยากทำงานที่นี่นาน ๆ” เจษพิพัฒน์ได้แต่คอยตักเตือนผู้ช่วยสาว เพราะเขารู้ดีว่าเธอรู้สึกเช่นไรกับเจ้านายหนุ่ม
“พี่เจษพอเถอะคะ” ชนิดารีบปรามเขาเอาไว้เสียก่อน
“หนูนิดเข้าไปนั่งรอบอสออยู่ด้านในได้เลยครับ เดี๋ยวพี่เอาเอกสารกลับไปให้บอสที่ห้องประชุมก่อน” เจษพิพัฒน์จึงหันมาพูดกับเธอ และเปิดประตูห้องให้เธอได้เข้าไปด้านใน แล้วเขาก็เดินไปที่ห้องประชุมอีกทันที
“ฮึ...ก็แค่กาฝากที่มาจากบ้านนอก” เอมราพูดขึ้นทันทีที่เจษพิพัฒน์เดินออกไปแล้ว และยังคงใช้วาจาเหยียดหยามเธออีกเช่นเดิม
“นี่เอื้อย! ถ้าสิยังมาปากมากอยู่จังซี่อีก ระวังสิถืกเด็กบ้านนอกซอยดัดแข่วให้เด้อ ดัดแข่วแล้วกะซอยดัดนิสัยนำแน บ่แม่นว่าหากัดคนไปทั่วแบบนี้” (นี่พี่! ถ้าจะยังปากดีอยู่แบบนี้อีก ระวังจะถูกเด็กบ้านนอกช่วยดัดฟันให้นะ ดัดฟันแล้วก็ช่วยดัดนิสัยบ้าง ไม่ใช่ว่าหากัดคนไปทั่วแบบนี้) ชนิดาพูดเป็นภาษาบ้านเกิดทันที เพราะชักจะทนไม่ไหวเช่นกันที่หญิงสาวเอาแต่คอยเหน็บแนมเธอ
“อีนังเด็กบ้า คอยดูเถอะฉันจะ...” เอมราซึ่งพอที่จะจับใจความได้ว่าชนิดาพูดอะไร ก็โมโหขึ้นมาทันที
“ฟ้องโล้ด ไผย้านล่ะ...” (ฟ้องเลย ใครกลัวล่ะ) ชนิดาชิ่งพูดดักทางเสียก่อน แล้วเธอก็เดินสะบัดกระโปรงพริ้วเข้าไปห้องทำงานของผู้บริหารทันที โดยไม่สนว่าผู้ช่วยสาวจะมีท่าทีอย่างไร
“ฝากไว้ก่อนเถอะ นังเด็กบ้า”
เดี๋ยวพี่ไปส่งรุ่งเช้า“ทำอะไร ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก” ศุภวัฒน์ถามและดุเธอขึ้นมาทันที เมื่อเดินลงมาด้านล่างในช่วงเช้า กลับเห็นชนิดากำลังวุ่นอยู่ในครัว โดยที่เธอยังใส่ชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลยเมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว แต่พอลงมาชั้นล่างของบ้านในตอนนี้กลับยังเจอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมสยายยาวปกหลัง มองจากด้านหลังหากว่าเขาไม่รู้อายุเธอ ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้นแต่พอเธออยู่ในชุดนักเรียนรวบผมขึ้นสวมแว่นตา เธอก็เหมือนเด็กนักเรียนน่ารักสดใสตามวัยของเธอ แต่ทำไมพอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมแบบนี้แล้ว เขากลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แถมยังไม่ชอบใจเขาเอาเสียเลย“ก็ทำมื้อเช้าให้พี่กินก่อนไปทำงานยังไงล่ะค่ะ” เธอหันมาตอบเขาหน้าตาเฉย“ไม่ต้องทำแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปทานข้างนอกเอา” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ ราวกับกำลังข่มให้เธอกลัว“แต่ว่า...”“อยู่กันสองคนจะทำไปทำไมให้ครัวเลอะเสียเปล่า”ชนิดาที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ ก็ต้องเอาเข้าไปเก็บไว้ที่เดิมทันที เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอแค่อยากทำอา
ทำไมถึงหวานแบบนี้ทันทีที่ชนิดาเป่าเทียนบนเค้กทุกเล่มดับจนหมด ไฟทุกดวงของบ้านก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนกำกับเสียอย่างนั้น“ขอโทษนะที่พี่เล่นใหญ่ไปหน่อย ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” เขารีบขอโทษขอโพยเธอ เมื่อแผลการที่เขาจัดเตรียมไว้นั้นทำให้เธอกลัวจนแทบจะเป็นลม“ขอบคุณนะคะ สำหรับเค้กก้อนนี้” เธอให้อภัยในความผิดของเขาครั้งนี้ เพราะเค้กหน้าส้มตรงหน้าเธอโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เธอกำลังจะเดินออกไป“อันนี้ของขวัญ โทษทีที่ปีนี้มาช้ากว่าทุกปีนะ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาวางลงที่เค้กก้อนนี้เสียก่อน“ทำไมต้องซื้อมาด้วยคะ สิ้นเปลืองเสียเปล่า” เธอจึงหยุดชะงักแล้วหันมาสนใจกับของชิ้นใหม่ เธอไม่ได้ดีใจเห่อสิ่งของอะไรมากมายอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยขาดเหลืออะไรหรือมีอะไรที่อยากได้เลย“แค่อยากให้ ไม่ลองแกะดูก่อนเหรอว่าถูกใจหรือเปล่า” เขาพูดแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับจัดการกับเค้กก้อนนี้“ให้อะไรหนูก็ชอบทั้งนั้นละคะ” เธอรับมีดจากมือเขา แต่ก็ยังไม่สนใจของขวัญที่เขาให้อยู่ดี เพราะสิ่งตรงหน้านั้นสำคัญกว่าเธอบรรจงตัดเค้กใส่จานอย่างระมักระวังเพื่อไม่ให้หน้าเค้กเสียหรือเละ และชิ้นแรกเธอก็ตักใส่จาน
กลัวหรือไง“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตนผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ท
หรือพี่ไม่ชอบคนสวยพูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอในปีนี้เขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับเธอเลย นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วเพราะเขางานรัดตัว แทบจะเจียดเวลาออกไปหาของขวัญให้เธอได้ต้องเลยวันมาแล้ว คิดว่าเธอคงจะไม่น้อยใจเขานะ ที่ปีนี้เขาให้เธอช้ากว่าทุกปีแต่เขาก็ยังไม่ได้มอบมันให้เธอเลย รอไปให้อยู่บ้านก็แล้วกัน เพราะวันนี้กลับบ้านพร้อมกัน เขาสั่งเค้กอีกก้อนไว้รอที่บ้านแล้ว“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หรือว่าพี่ไม่ชอบคนสวย”“...” เขานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที ที่เธอถามกลับมาแบบนี้“เห็นไหม แม้แต่พี่เองพี่ก็ยังชอบคนสวยเลย แล้วทำไมหนูจะสวยบ้างไม่ได้” เธอพูดขึ้นต่อทันที เมื่อเขาไม่พูดอะไร“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแค่สงสัยว่าจะรีบทำตัวสวยไปไหน ยังเรียนไม่จบเลยหรือว่าไปแอบแฟน?”“ไม่มี หนูไม่พูดกับพี่แล้ว” ชนิดารีบปฏิเสธเธอ แล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป“เดี๋ยว”“...” เธอจึงหันกลับมาช้า ๆ แถมไม่กล้ามองหน้าเขาอีก“นั่งลง โน้ตบุ๊กใช้ได้” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยสั่ง แล้วเพยิดหน้าไปบนโต๊ะทำงานที่โน้ตบุ๊กของเขาวางอยู่และอนุญาตให้เธอใช้ได้“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” ชนิดาตาลุกวาว





