ร่างสูงของบุรุษในอาภรณ์สีดำผู้ที่มักจะมีใบหน้าเรียบเฉยอยู่เสมอ เจ้าของนัยน์ตาคมปลาบยืนอิงไหล่กว้างกับขอบหน้าต่างชั้นบนสุดของ หอหมื่นบุปผา หอสุราและโรงน้ำชาเลื่องชื่อแห่งแคว้น หากได้ยินเพียงชื่อหลายคนอาจจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นหอคณิกาแหล่งรวบรวมหญิงงาม แต่เปล่าเลย หมื่นบุปผา ชื่อนี้หาได้สื่อถึงหญิงงาม แต่บ่งบอกถึงสุราและชารสเลิศที่บ่มมาจากดอกไม้นานาพันธ์ บุปผาหายากหลากหลายชนิดที่ใช้ทั้งเวลาและกรรมวิธีพิเศษจนได้สุราและชาที่มีกลิ่นหอมและรสเลิศแตกต่างกันออกไปให้เหล่าคอสุราและผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มชาได้ลิ้มรสดื่มด่ำกับรสชาติของมัน
เซี่ยเยี่ยนเฉิน แม่ทัพผู้เกรียงไกรหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ ผู้ที่ถือคติมาตลอดว่า นารีงามไหนเลยจะสู้สุราดี เขาก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่หลงใหลในรสสุราของที่นี่ แม้จะไปกรำศึกอยู่ชายแดนนานหลายปี แต่สุราและชาดีก็ถูกส่งไปให้ลิ้มลองไม่เคยขาดเพราะสหายสนิทของเขาคือเจ้าของหอหมื่นบุปผาแห่งนี้
ดวงตาคู่คมหลุบลงมองจอกสุราในมือ จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อศึกสงครามจบลงชีวิตของเขาก็กลับมาไร้สีสันอีกครั้ง เขาใช้ชีวิตในสนามรบมามากกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิต สองมือนั้นคร่าชีวิตของศัตรูมานับไม่ถ้วน ผ่านอุปสรรคเรื่องราวต่างๆ มามากมายจนบางครั้งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ด้วยเพราะเป็นทายาทสายหลักเพียงคนเดียวของตระกูลเขาจึงมีหน้าที่ที่ต้องแบกรับ ฝ่าฟันทุกอย่างเพื่อนำพาให้ตระกูลมั่นคงและรุ่งเรืองหยั่งรากลึกไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ทุกอย่างจึงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและเอื้อประโยชน์ให้กับวงศ์ตระกูล แม้กระทั่งการเลือกคู่ชีวิต
เขาผ่านการมีทั้งภรรยาและบุตร แม้แต่การมีภรรยาเขาก็คิดว่ามันคือหน้าที่ที่พึงกระทำเช่นกัน หาได้มีเรื่องความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง หากถามว่าเขาเคยมีความรักหรือไม่ ตอบได้เลยว่าเขาไม่เคยรู้จักหรือสัมผัสกับความรัก ไม่เคยมีสตรีคนใดที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงมาก่อน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองไร้ความรู้สึก กลายเป็นคนจิตใจด้านชาไปเสียแล้ว หากจะไร้สตรีข้างกายเขาก็หาได้เดือดเนื้อร้อนใจ แต่เขาจำเป็นต้องมีสตรีที่เพียบพร้อมเหมาะสมทั้งชาติตระกูลและฐานะ เพื่อให้กำเนิดทายาทที่จะเชิดหน้าชูตาตระกูลต่อไป
แล้วเขาก็มีภรรยาที่เพียบพร้อมตามต้องการ นางเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางผู้มากไปด้วยอำนาจแห่งแคว้น เป็นสตรีที่ได้รับขนานนามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง จนเขากลายเป็นที่อิจฉาของบุรุษทั่วเมือง แต่แปลกเขากลับมิได้มีจิตเสน่หาต่อนาง แต่ก็ให้เกียรตินางอย่างที่สามีผู้หนึ่งพึงกระทำ เขามีนางเป็นฮูหยินเพียงคนเดียวไม่เคยมีสตรีอื่น ไม่มีแม้แต่อนุหรือสตรีอุ่นเตียง ไม่มีเรื่องสตรีให้ผู้เป็นภรรยาต้องทุกข์ร้อนใจ ผู้คนภายนอกจึงรับรู้ว่าเขารักและหลงใหลในตัวภรรยาอย่างที่สุด แต่นางกลับหาได้พอใจเพียงเท่านั้น ยังคงร่ำร้องถึงความรักจากเขา นางเองนั้นก็คงจะรู้ดีถึงความรู้สึกของเขาจึงได้มองเขาด้วยสายตาตัดพ้ออยู่เสมอ แล้วนางก็ให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา แต่หลังจากนั้นร่างกายของนางกลับอ่อนแอลงและจบชีวิตลงในตอนที่บุตรชายของเขาอายุได้เพียงห้าหนาว ภายในใจนั้นรู้สึกผิดต่อนางไม่น้อยที่เขานั้นเป็นสามีที่ไม่ดีนัก หลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่อีกเลยเพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บช้ำเช่นเดิมอีก เพราะเขาคิดว่าชีวิตนี้คงไม่อาจที่จะรักและดูแลใครได้
แต่ผู้คนภายนอกต่างก็เข้าใจว่าเขานั้นยังรักมั่นคงต่อผู้เป็นภรรยาจนไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่ไปเสียได้ แต่ถึงแม้ว่าพวกคนเหล่านั้นจะเข้าใจเช่นนั้น ก็ยังไม่วายมีเหล่าสตรีมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขาจนต้องหลีกหนีหลบไปใช้ชีวิตอยู่ชายแดนเสียหลายปี
อายุของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาววนเวียนบรรจบมาหลายฤดู จากแม่ทัพหนุ่มวัยคึกคะนองจนตอนนี้กลายเป็นบุรุษวัยฉกรรจ์ในวัยสามสิบแปด กำลังอยู่ในช่วงวัยที่กำลังพลุ่งพล่าน แม้จะไร้สตรีร่วมเรียงเคียงหมอน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไร้นารีเคียงกาย ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของบุรุษที่ต้องได้รับการปลดปล่อย
มือหนาคลึงจอกในมือที่มีน้ำสีใสอยู่ค่อนจอก ก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากได้รูป ละเลียดชิมสุรารสเลิศปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป ดวงตาสีนิลกวาดมองผู้คนเบื้องล่าง ก่อนมุมปากหนาหยักได้รูปจะกดลึกลงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตาคมกล้ามีประกายวาววับวูบผ่าน จับจ้องไปยังสตรีเจ้าของร่างบางกับเจ้าหัวขโมยตัวน้อยริมถนนเบื้องล่าง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะเลือนหายไป แต่สายตาคู่คมหาได้ละจากภาพเบื้องหน้า ยังคงจับจ้องหนึ่งสตรีและหนึ่งเด็กชายขอทานตัวน้อย ที่หอบหิ้วกันหลบหลีกผู้คนจนหายเข้าไปในตรอกข้างทางจึงได้ละสายตาก้าวเข้าไปนั่งทอดอารมณ์ดื่มด่ำสุราที่ตนหลงใหล
"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ"
อิงอิงเอ่ยถามพร้อมกับใช้หลังข้อนิ้วชี้ของนางเคาะหน้าผากเจ้าเด็กตัวน้อยที่กำลังจับจ้องนางราวกับเห็นผีอย่างนึกมันเขี้ยว ฝ่ามือเล็กยกขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ เพราะความเจ็บ แต่กลับไม่ร้องออกมาสักแอะ ดวงตาที่มีหยาดน้ำเอ่อคลอเผลอมองค้อนนางอย่างลืมตัว ก่อนจะเร่งถอยหลังออกห่างจากนางอย่างร้อนรน แม้จะแสดงออกว่ากลัวนางแต่สายตานั้นหาได้เป็นเช่นนั้นมันยังมีความดื้อรั้นแฝงอยู่
หึ เจ้าเด็กดื้อ
สองแขนเรียวยกขึ้นกอดอกมองดูท่าทีของอีกฝ่าย เด็กคนนี้ไม่ชอบนาง ไม่สิ เขาไม่ชอบว่านเย่วอิงต่างหาก แต่ท่าทางนั้นช่างน่ากลั่นแกล้งเสียจริง อิงอิงแสยะรอยยิ้มอย่างที่คิดว่าน่ากลัวที่สุด หรี่ตามองเด็กน้อยตรงหน้าจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
ตู้เฟิงมองสตรีใจร้ายอย่างหวาดระแวง เขามองรอยยิ้มร้ายและแววตาเจ้าเล่ห์นั้นอย่างไม่วางใจ
สตรีนางนี้คิดจะมาไม้ไหนกัน
ตู้เฟิงเคยเจอกับสตรีนางนี้มาก่อน นางเป็นบุตรสาวของท่านหมอใจดีที่รักษาเขา ตอนเจอนางครั้งแรกเขาชอบนางมากๆ เพราะนางนั้นงดงามราวกับนางเซียน งามกว่าสตรีคนใดที่เขาเคยเห็น แต่แววตาของนางนั้นกลับดูน่ากลัว มันดูไร้ซึ่งความเมตตา และเขาก็ได้รู้ว่านางเป็นสตรีที่ใจร้ายที่สุดจริงๆ ถึงเขาจะเป็นเด็กแต่ก็รู้ว่านางใช้บุญคุณที่มีบังคับให้บิดาของเขาทำเรื่องชั่วร้าย แล้วดูสิครั้งนี้นางยังทำร้ายเขาอีก ช่างเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเสียจริงรังแกได้แม้กระทั่งเด็ก แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า หากคิดจะต่อกรกับนางเห็นทีเรื่องที่เขาแอบหนีออกมาแล้วยังคิดที่จะขโมยซาลาเปาอีกคงได้ถึงหูบิดาเป็นแน่ คงไม่แคล้วเขาคงโดนบิดาโบยจนหลังลาย คงทำได้แค่เพียงก้มหน้ารับชะตากรรม
"นายหญิง"
เจ้าเด็กน้อยนั่นก้มหน้าก้มตาเอ่ยเรียกนางเสียงเบาราวกับยอมจำนน เก็บซ่อนแววตาดื้อรั้นของตนเอาไว้ จนนางอดที่จะขำกับท่าทางนั้นไม่ได้ เด็กคนนี้ดูท่าจะไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาที่จะมาเล่นกับอีกฝ่ายคงต้องรีบให้พวกเขากลับไปหาบิดามารดา
"ตามข้ามา"
อิงอิงเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำเด็กน้อยไปข้างหน้า แต่ก้าวไปได้เพียงสามก้าว เจ้าเด็กนั่นกลับยังนิ่งเฉยท่าทางนั้นบอกให้รู้ว่าเขาไม่คิดที่จะเดินตามนางมา
"ข้าจะไปหาเสี่ยวม่านม่าน"
เพียงได้ยินนางเอ่ยถึงม่านม่าน ดวงตาของเจ้าเด็กตู้เฟิงก็เบิกโพลงจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าจนดูน่าขัน อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กนี่ ลืมหนูน้อยม่านม่านของนาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเร่งฝีเท้าจนแทบจะเรียกว่าเหาะก็รู้ได้ว่า ม่านม่านของนางถูกลืมแล้วจริงๆ
เมื่อไปถึงจุดนัดหมายม่านม่านน้อยก็ยิ้มร่าออกมาจากที่ซ่อนเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยความดีใจ
"เฟิงเกอท่านมาแล้ว"
ส่วนเจ้าพี่ชายตัวดีนั้นเร่งเข้าไปสำรวจน้องสาวที่ตนเองลืมเอาไว้ จับร่างที่เล็กกว่าตนเพียงเล็กน้อยหมุนไปหมุนมาราวกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะโดนนางล่อลวงทำร้าย
อิงอิงมองท่าทางของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ แล้วทรุดกายลงตรงหน้าเด็กหญิงพลางยกฝ่ามือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ ของอีกฝ่าย เอ่ยกับม่านม่านเสียงอ่อนเสียงหวาน
"เสี่ยวม่านม่าน พาพี่ชายของเจ้ากลับไปหาท่านลุงตู้เสีย ป่านนี้พวกเขาคงกำลังเป็นห่วงแย่แล้ว"
ตู้เฟิ่งมองภาพตรงหน้านั้นราวกับมิเคยเห็น อยากจะใช้นิ้วเล็กๆ ของเขาจิ้มดูเหลือเกิน ว่าสตรีนางนี้ใช่นายหญิงผู้เย็นชาและร้ายกาจผู้นั้นจริงๆ หรือ เหตุใดนางจึงได้ดูราวกับคนละคนเช่นนี้หรือนางจะมีแผนร้ายอันใดเขาคงต้องเตือนม่านม่านเอาไว้เสียแล้ว
"เจ้าค่ะพี่สาว"
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี