"ช่วงนี้แกดูเหม่อๆนะมิราส์"ไวพจน์เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นฉันที่กำลังนั่งจ้องมองออกไปทั่วๆมหาลัย ภวังค์ความคิดถึงที่มันถาโถมทำเอาฉันทำอะไรไม่ได้เลยทีเดียวนอกซะจากนั่งคิดถึงเขาอยู่แบบนี้ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับเชอร์รี่ที่ใบหน้าที่รอยต่างๆนาๆแถมเธอยังสวมใส่ชุดธรรมดามามหาลัยอีกด้วย
"นั่นเชอร์รี่หนิ"
"คลิปนั้นเผยออกไป เออ....คนของแกเลยสั่งให้ไปจัดการกับเชอร์รี่อ่ะ"คนของฉัน?? ฉันนั่งทวนคำๆนั้นออกไปภายในใจเพราะมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากมาฟอร์ผู้ที่มีอิทธิพลมากจนน่ากลัว
"พีคกว่านี้อีก นั่นมาฟอร์"ฉันค่อยๆหันไปตามสิ่งที่เพื่อนบอกและนั่นคือมาฟอร์ผู้ชายที่ฉันโหยหาเอามากๆเขาดูดีทุกครั้งที่ฉันเจอเขาความสง่าราศีของมาฟอร์ที่เผยแพร่ออกมาชวนน่ามอง ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายของเขาอย่างไม่ละสายตาและคิดว่าเขาคงจะเดินเข้ามาทักฉันบ้างแต่ป่าวเลยเขากลับเดินเชิดตรงดิ่งขึ้นตึกเรียนของฉันไป
สายตาของฉันไม่ยอมละสายตาไปจากเขาเลยแผ่นหลังท
ต่อพอฉันย้ายมาอยู่ที่ครอบครัวใหม่พ่อเป็นคนพาฉันไปเก็บของและเข้าไปในบ้านพร้อมกับท่าน การต้อนรับแรกที่ฉันเจอพอเดินเข้าไปในบ้านปุ๊บนํ้าในแก้วนํ้าดื่มก็สาดเข้ามาเต็มหน้าฉันอย่างจัง"มึงโง่ไหมอิมิราส์เงินตั้งมากตั้งมายมึงเอาไปบริจาค เหอะ!!!มึงรวยมากนักหรอ ห๊ะ!!!ในเมื่อมึงจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้มึงก็ต้องจ่ายค่านํ้าค่าไฟด้วย เงินที่พ่อมึงหามาก็อย่าหวังว่าจะได้แตะ อ้อและที่สำคัญก็เอาเงินให้ลูกกูเป็นรายวันด้วย"พูดจบเธอก็เดินกระแทกไหล่ฉันออกไปจากที่บ้านเหลือเพียงฉันและพ่อที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันยืนนิ่งไม่กล้าตอบโต้แต่อย่างใดและเป็นฝ่ายพ่อที่พาฉันเข้าไปเก็บของต่างๆห้องเก็บของที่รกรุงรังและแคบเอามากๆมากกว่าห้องเก่าฉันอีกแต่ฉันก็ไม่ได้ซีเรียสและเก็บของต่างๆให้เข้าเป็นที่เป็นทางไป กว่าจะเสร็จก็เย็นพอดีฉันจึงเดินเข้าไปอาบนํ้าแต่งตัวพอออกมาก็พบกับน้องชายต่างแม่ของฉันที่ยืนหน้านิ่งถือผ้าห่มกับหมอนไว้
ตอนนี้ฉันและเขาได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วและแม่ของเขาก็สั่งให้พวกฉันเข้าไปอยู่ในบ้านเพราะอยากดูแลในช่วงนี้อีกด้วยท่านคอยเอาใจใส่ฉันมากและดูแลฉันดีที่สุดเลยด้วย แถมช่วงนี้แฟนหนุ่มของฉันก็ขี้อ้อนเอามากๆจนแทบจะไม่ยอมห่างกันเลยก็ว่าได้จะห่างกันจริงๆก็ตอนฉันไปเรียนและเขาไปทำงานแค่นั้นเช้าวันนี้ฉันมีเรียนสายจึงรีบแต่งตัวและเดินลงมาหาแม่มาฟอร์ที่ยืนทำอาหารอยู่ฉันไม่ได้คิดที่จะปลุกเขาเลยเพราะเมื่อคืนมาฟอร์ไปดื่มเหล้ากับแก๊งเพื่อนมาจนดึกฉันเลยไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของเขาจึงย่องลงมาเอง"ทำอะไรอยู่คะแม่""แม่ทำต้มจืดกับผัดผักอ่ะลูก ทานข้าวด้วยกันก่อนนะแล้วค่อยออกไปเรียน""ได้ค่ะแม่ ให้หนูช่วยนะคะ"พูดจบฉันก็เดินเข้าไปเป็นผู้ช่วยในครัวกับแม่ของมาฟอร์ท่านใจดีมากต่างกับวันแรกที่เจอเลยด้วยซํ้า ฉันยืนทำอาหารกับแม่ของเขาอย่างตั้งใจก่อนที่จะจัดจานเสิร์ฟแต่ยังไม่ทันไรก็มีเสียงโวยวายจากชั้นบนตะโกนออกมาลั่นบ้านจนทุกคนต่างพากันตื
หลังจากที่ฉันเป็นลมไปทุกอย่างวันนั้นก็ค่อยๆกลับมาแวะเวียนหาอีกครั้งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิมจนกระทั่งในตอนที่พี่มินเดินเข้ามาคุยกับฉัน ฉันค่อยๆเหงยหน้าขึ้นไปมองสองชายหญิงที่เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะขับรถเข้ามาและวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างเป็นห่วง ฉันไม่แม้แต่ที่จะตอบโต้หรือสนใจสิ่งรอบข้างเลยเหมือนหัวสมองของฉันมันชัตดาวน์หยุดอยู่แค่ว่าฉันยืนรอแม่กับเชอร์รี่แค่นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างค่อยๆถูกลบเลือนจากไปและมาโผล่อีกทีคือโรงพยาบาลในคืนแรกฉันยังคงนอนมองไปรอบๆห้องอย่างนิ่งๆและมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นหลังจากที่เชอร์รี่และแม่ของเธอเดินกลับบ้านไป ฉันยังคงมองออกไปนอกระเบียงอย่างหมดหนทางแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกมัดแขนมัดขาไว้ที่เตียง จนกระทั่งจีจี้วิ่งเข้ามาหาฉันในห้องพักแต่ฉันก็ยังคงไม่ตอบโต้แต่อย่างใดแต่ทำได้เพียงมองหน้าเพื่อนเพียงแค่นั้น"มิราส์เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่"ฉันยังคงนิ่งและไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพราะตอนนี้สภาพร่างกายฉันช็อคอยู่ฉั
เช้าวันต่อมาฉันก็ยังคงใช้ชีวิตในลูบอยู่เหมือนเดิมกับสามีที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ แต่วันนี้มันกลับแปลกไปจากทุกวันเพราะมันเหมือนกับว่าความสุขและรอยยิ้มของเขากลับมาเติมเต็มชีวิตฉันแล้วหลังจากที่หายไปตั้งแต่ที่เเม่ฉันเสียในวันนั้นรอยยิ้มของฉันก็ค่อยๆหายไปจนบางทีก็แทบจะไม่เหลืิออีกแล้วฉันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยอย่างทุกครั้งและพูดคุยกันไปตามปกติแต่วันนี้กลับไม่ปกติเพราะจู่ๆเชอร์รี่ก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับขนมอะไรบางอย่างในมือของเธอและยื่นเข้ามาอยู่ตรงหน้าฉัน"มึงมีอะไรกับเพื่อนกูวะ""กูก็แค่อยากจะมาขอโทษ อ่าขนมขนาดพี่มินตรามึงให้ให้อภัยได้ แล้วกูทำกับมึงแบบนี้มึงให้อภัยกูไม่ได้ก็แล้วแต่มึงนะ"พี่มินตรางั้นหรอ ฉันไม่รู้ว่าเชอร์รี่จะหมายถึงมินตราคนเดียวกับเพื่อนสนิทมาฟอร์รึเปล่าแต่ที่รู้ๆคือเชอร์รี่น่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้"หมายความว่าไง""ก็วันนั้นฉันเห็น
ต่อหลังจากที่ออกมาจากวัดเพื่อนทั้งสองก็ขับรถพาฉันกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างใจลอย เพื่อนๆไม่ได้ถามไถ่อะไรฉันมากเพราะถ้าฉันเงียบอยู่แบบนี้ไม่ว่าอะไรก็ดึงฉันออกมาจากวังวนนี้ได้ฉันเดินตรงดิ่งไปเรื่อยๆจนถึงห้องของมาฟอร์ ชายฉกรรจ์ชุดดำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องผู้เป็นนายจำนวนมากพอเห็นฉันเดินมาก็ยิ้มต้อนรับเป็นอย่างดีฉันหลุดออกมาจากวังวนและก้มคำนับพร้อมกับรอยยิ้มให้กับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆเพราะภายในห้องสี่เหลี่ยมดูวังเวงพิกลราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยด้วยซํ้า ฉันเดินเข้าไปในห้องก็พบกับคนตัวสูงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงโดยในมือถือกล่องแหวนที่เมื่อวานเขามอบให้ฉันฉันจ้องมองมันนิ่งๆและไม่ได้เรียกเขาแต่อย่างใดใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทีละน้อยๆ พอเห็นฉันเขาก็รีบเก็บซ่อนกล่องนั่นไว้ที่เดิมและหันกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจ้องมองการกระทำนั้นจนเผลอยิ้มออกมาจนลืมตัว
"ฉันไปรับสายก่อนนะ"ฉันเดินก้มหัวออกไปที่ระเบียงห้องพักของเขาเพื่อที่จะพูดคุยกับคนในสายและนั้นคือกาฟิวส์ที่โทรเข้ามาหาฉันในเวลานี้ฉันจ้องมองมือถือของตนอยู่ได้สักพักจนสายมันตัดไปเองนํ้าใสๆค่อยๆไหลออกมาทีละน้อยอย่างใจเจ็บเมื่อปล่อยสายนั้นดับไปเองก่อนที่ฉันจะตัดสินใจโทรกลับหาน้องชายตัวแสบที่โทรเข้ามา"มีอะไร"(แกจะมาปะหรือไม่ว่าง ได้ยินว่าคุณมาฟอร์เข้าโรงพยาบาลถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร)"ถ้าว่างจะเข้าไป แค่นี้นะ"ฉันรีบตัดสายจากน้องชายทันทีและยืนมองภายนอกเพื่อตั้งสติก่อนที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับแม่ของมาฟอร์อีกครั้งหนึ่งแต่ก็ไร้วี่แววเพราะตอนนี้ที่เห็นคือมาฟอร์นอนจ้องมาทางฉันอยู่แล้วนิ่งๆPART MAFOR"ถ้าแกคิดจะจริงจังกับคนนี้ก็รีบแต่งงานทำอะไรให้มันถูกต้องซะ แต่ถ้าไม่ ก็รีบๆเขี่ยจะได้จบๆ