ยื้มเงินก็ต้องคืนแต่ถ้าไม่คืน......ลูกสาวแกก็ต้องชดใช้
View Moreก๊อกกกกก
เสียงเคาะประตูที่น่าเบื่อในทุกๆ วันที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของฉัน และไม่ใช่ใครที่ไหนเพราะนั้นคือน้องชายต่างแม่ของฉันนั้นเอง 'กาฟิวส์' ที่เคาะประตูเรียกฉันแบบนี้เป็นประจำในขณะที่ฉันกำลังนอนหลับมาได้แค่ไม่กี่นาทีเพราะฉันต้องออกไปทำงานดึกๆ มาทุกวันและเข้าเรียนตอน10โมงกว่าตลอด
ที่บ้านหลังนี้มีเพียงแค่ฉันและพ่อที่ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยง2คนที่เอาแต่ผลาญเงินไปวันๆ และไม่เคยช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านเลยแม้แต่น้อย
ฉันต้องทำงานในช่วงกะดึกที่ผับเพราะเงินดีและเป็นที่ที่รุ่นพี่แนะนำให้รู้จักอีกด้วย แต่ก็พยายามหางานอื่นๆ พิเศษทำควบคู่อีกด้วย ฉันต้องหาเงินให้ได้เยอะพอสมควรเพื่อต้องนำเงินไปผ่อนจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านและให้ไอ้น้องชายคนนี้อีก
ฉันเรียนอยู่ปี3คณะวิศวกรรมเพราะฉันอยากที่จะตามรอยแม่ที่เรียนมาทางด้านนี้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่เพราะฐานะที่ต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
แต่โชคดีมากที่มีคนคบอยู่อย่างจีจี้ที่เป็นสาวสองที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ม.ต้นและไวพจน์ที่พึ่งเจอกันตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง
สองคนนี้ถือว่าฉันสนิทกับพวกเขามากมีอะไรก็ปรึกษาสองคนนี้ตลอดโดยเฉพาะเรื่องเรียน ยัยจีจี้ถือว่าเรียนเก่งที่สุดในแก๊งเลยฉันและไวน์พจน์เลยฝากความหวังไว้ที่นางตลอด
ฉันค่อยๆ ลงจากเตียงนอนสุดแข็งและค่อยๆ เดินไปเปิดประตูอย่างช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบอะไรมากเพราะมันก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่มันเคยทำและขอประจำ
"เงินอ่าทำเปิดช้าจังวะ!!! ไปสายทำไง"ไอ้เด็กนิสัยเสียนั้นตะโกนใส่ฉันเหมือนเช่นเคยเพราะมันนี้แหละตัวผลาญเงินตัวดี ถ้าฉันไม่เห็นแก่พ่อฉันคงจะหนีย้ายออกไปให้พ้นๆ 2คนนี้แล้ว
ฉันเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าตังค์และหยิบแบงก์ร้อยใบหนึ่งยื่นให้กับมัน กาฟิวส์ยืนมองหน้าฉันอย่างไม่พอใจเอามากๆ เพราะปกติมันจะรีดไถฉันวันละ300เป็นต้น
"ทำไมให้น้อยวะ กูไม่พอใช้เว้ย!!!"ฉันไม่ได้สนใจไอ้เด็กนี้เลยด้วยซํ้าเพราะนอกจากมันจะเกเรนิสัยเสียมันยังติดพนันบอลเอามากๆ
"เห้ยยยย!!!เอามาอีกดิวะ กูไม่พอใช้ไง!!"
"กูมีแค่นี้ จะเอาไม่เอาก็ตามใจมึง น่าเบื่อชิป"
"เห้ยยย กูต้องใช้นะเว้ย!!!"ฉันยังคงไม่สนใจและพยายามที่จะปิดประตูห้องนอนของฉันไปก่อนที่มันจะผลักประตูและพุ่งเข้ามาตบแก้มนุ่มๆ ของฉันทันที
ปั้วววว!!!
เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากทำเอาฉันนิ่งไปเลยทีเดียวและนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่มันเป็นหลายๆ ครั้งแล้วที่ฉันโดนน้องชายต่างแม่ตบแบบนี้
"อย่ามาตอแหลกู"
"ก็ฉันมีแค่นี้อ่ะอีกไม่กี่วันฉันก็ต้องจ่ายค่าเทอมค่านํ้าค่าไฟอีก แกกับแม่แกเคยทำอะไรบ้างปะ ได้แต่แบมือขอเงินอ่ะ ฉันก็เหนื่อยเหมือนกันนะเว้ย!!"ฉันเลือกที่จะตะโกนออกมาก่อนที่ทั้งพ่อและแม่เลี้ยงของฉันจะเดินเข้ามาในห้องนี้เช่นกัน
"อ่านี้ฟิวส์เอาเงินพ่อไปนะ พรไปส่งลูกปะ"ฉันยืนมองเงินที่พ่อยื่นให้มันอย่างไม่พอใจมากนักเพราะกว่าพ่อจะหาเงินมาได้แต่ละบาทและก็ต้องยกให้แม่เลี้ยงนั้นและน้องชายของฉันตลอด
"ไปเหอะฟิวส์ลูก อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์"ฉันกับป้าพรแทบจะไม่สนิทสนมกันเลยด้วยซํ้าและปะทะอารมณ์กันบ่อยมากเพราะเขาเอาแต่ทำตัวเป็นคุณนายไปวันๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย
"เจ็บไหมมิราส์"
"หนูเจ็บไม่เท่ากับที่พวกมันทำหรอกค่ะ หนูเคยบอกพ่อแล้วนะคะที่หนูทนเพราะหนูเห็นแก่พ่อ แต่ถ้าวันไหนมันไม่ไหวจริงๆ ....หนูจะไปแล้วจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก"ฉันไม่ได้สบตาท่านเลยด้วยซํ้าเพราะสิ่งที่ฉันพูดมันก็แค่ก็คำพูดตอนที่ฉันโกรธก็แค่นั้น
"พ่อเข้าใจนะลูกถ้าวันที่หนูไปจริง หนูก็อย่าลืมติดต่อพ่อมาด้วยนะให้พ่อได้รู้เรื่องราวของลูกบ้างไม่ใช่ว่าหายไปเลย"พ่อพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงแต่ถ้าจะให้ฉันไปจริงๆ ฉันคงไม่ยอมติดต่อกลับมาแน่ๆ เพราะฉันอยากตัดขาดกับคนพวกนี้ซะเว้นแต่พ่อของฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนพวกนี้
"หนูขอตัวก่อนนะคะพ่อ หนูต้องไปมหาลัย"ฉันพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องนํ้า อาบนํ้าแต่งตัวเพื่อจะเดินทางไปมหาลัย ชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอและเสื้อช็อปของคณะ ฉันยอมรับว่ามันโอเครกับฉันเอามากๆ
ฉันเดินถือกระเป๋าผ้าและชีทลงไปยังชั้นล่างเพื่อที่จะเตรียมตัวออกไปทันที แต่ก็มีสายตาของแม่เลี้ยงที่มองมาอย่างไม่พอใจเอามากๆ ฉันเลือกที่จะไม่สนใจและเดินออกไปจากตรงนั้นให้ได้เร็วที่สุด
"ไร้มารยาท ไม่เห็นหรอผู้ใหญ่นั่งเนี่ย"ฉันยืนแน่นิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยก่อนที่จะหันไปไหว้ผู้เป็นพ่อแต่เพียงผู้เดียวและใส่รองเท้าเดินออกไป
ฉันเดินออกมาจากที่บ้านเพื่อจะไปต่อรถเมล์และเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยและมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ฉันไม่ได้อยู่กับพ่อตั้งแต่เกิดเพราะพ่อกับแม่หย่ากันและแต่งงานมีลูกใหม่
พ่อไม่เคยเลี้ยงดูหรือส่งเสียฉันเลยเพราะลำพังแค่ตัวท่านก็เกือบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว แต่พอตอนที่ฉันกำลังจะจบจากโรงเรียนแม่ก็ดันโดนรถชนและเสียชีวิตไปจึงทำให้ฉันได้มาอยู่กับครอบครัวใหม่ของพ่อ
ฉันต้องพยายามดิ้นรนหาเงินเองใช้จ่ายทั้งค่าเทอมค่าส่วนตัวแถมแม่เลี้ยงของฉันยังขู่บังคับให้จ่ายค่านํ้าและค่าไฟอีก
ภาระของฉันจึงต้องเพิ่มขึ้นเอามากๆ แต่ก็ยังมีความโชคดีที่ฉันเป็นเด็กทุนแต่ก็ยังไม่พอใช้จ่ายอยู่ดีในแต่ละวัน
@มหาลัย Queen👑 of kun คณะวิศวะ
"ยัยมิราส์ ทางนี้"เสียงเจื้อยแจ้วของจีจี้สาวสองเพื่อนสนิทของฉันเอ่ยทักเมื่อเห็นฉันเดินหงอยๆ เข้ามาอย่างเรื่อยเปื่อย
"มิราส์แกโดนอีกแล้วหรอ"เสียงไวพจน์พูดขึ้นมาพร้อมกับจีจี้ที่ตอนนี้กำลังสำรวจร่างกายของฉันไป ฉันยกยิ้มให้เพื่อนแต่กลับไม่ได้ตอบเพราะยังไงมันก็คือคำตอบเดิมๆ ที่เพื่อนๆ มักได้ยิน
"ฉัน....."ฉันยังไม่ทันได้เริ่มพูดจู่ๆ ไวพจน์ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีเพราะฉันไม่เคยพูดคำอื่นเลยเพราะนี้คือเรื่องของครอบครัวจึงไม่อยากให้ใครรู้อะไรมาก "ฉันไม่มีเงินให้มัน มันเลยตบฉัน แต่ฉันไม่เป็นไรฉันชินแล้ว ไม่ต้องห่วงนะพวกแก"
"แกก็เป็นแบบนี้ตลอด ย้ายมาอยู่กับฉันเหอะ"จีจี้สาวสองเอ่ยขึ้นมาเพราะเธอพักอยู่คอนโดหรูที่มีอยู่2ห้องพอดีและมันก็บังคับให้ฉันไปนอนคอนโดกับมันด้วยอยู่เป็นประจำ
ฉันค่อยๆ เหงยหน้ามองเพื่อนทั้งสองไปและยกยิ้มให้กับเพื่อนๆ อย่างเช่นเคยอย่างที่เคยทำ ก่อนที่จะก้มดูนาฬิกาข้อมือเพื่อบ่ายเบี่ยงความสนใจของทั้งสอง
"เห้ยยยพวกแก สายแล้วเร็วอาจารย์จะเข้าแล้วเร็วๆ ดิ"ฉันรีบลุกจากที่นั่งตรงนั้นและเดินออกไปทันทีโดยไม่รอเพื่อนๆ แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงก้าวฉันก็ต้องชะงักเพราะจู่ๆ ฉันก็เกิดชนเข้ากับใครสักคนหนึ่ง
ตุ๊บ!!!
"อ๊ะ!!!"ตอนนี้มือหนาของเขาจับที่เอวบางของฉันไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไป โดยที่ตอนนี้ใบหน้าของฉันกำลังซบลงตรงกลางอกของเขาอย่างจัง นํ้าหอมกลิ่นแบรนด์หรูที่ติดตามเนื้อตัวของเขาไปก่อนที่ชายคนนั้นจะผลักฉันออกมาจากตัวเขา
"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทันได้มอง"ฉันค่อยๆ เหงยหน้าขึ้นไปมองชายคนนั้นที่ดูๆ แล้วสุดขรึมมากและดูเย็นชาที่สุดเขาไม่ได้ยิ้มหรือพูดอะไรแต่กลับมองหน้าฉันนิ่งๆ
"เป็นไงบ้าง เชี้ย!!! เออ..... พวกเราต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะคุณมาฟอร์"มาฟอร์ มาฟอร์งั้นหรอ ฉันทวนชื่อเขาในใจอีกครั้งเพราะเหมือนฉันจะเคยได้ยินชื่อเขามาจากที่ไหนสักแห่ง แต่คงจะเป็นตามแหล่งข่าวเพราะดูจากท่าทางและบอดี้การ์ดที่รายล้อมเขาแล้วคงเป็นพวกที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากแน่ๆ
"หลบทางด้วย!!!!"เสียงแข็งกร้าวของมาฟอร์ที่เอ่ยขึ้นมาทำเอาขนแขนลุกเป็นระนาวเพราะมันทั้งน่ากลัวและดุดันเอามากๆ
เพื่อนๆ ของฉันที่เห็นแบบนั้นจึงรีบพาฉันวิ่งเข้าไปที่ห้องเรียนทันทีและเล่าให้ฉันฟังว่าบุคคลที่ฉันเดินชนนั้นคือมาฟอร์มาเฟียที่โหดที่สุดและมีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เอามากๆ เลยทีเดียว
แถมมาฟอร์คนนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเสือตัวพ่อเอาไม่เลือกหน้าอีกต่างหาก แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะไม่ว่ายังไงเราก็คงจะได้เจอกันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วและฉันก็ไม่ได้อยากมีปัญหาที่จะเข้าไปยุ่งกับใครอีก
หลังจากนั้นพวกฉันก็นั่งเรียนกับเพื่อนๆ ไปตามปกติและแยกย้ายกันออกมา
ปกติถ้าเลิกเช้าแบบนี้ฉันก็จะไม่กลับบ้านเลยเพราะไม่อยากเจอใครในบ้านจะกลับอีกทีก็คงเป็นตอนเช้าของวันพรุ่งนี้
ฉันกับเพื่อนเดินมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ตรงทางเดินเพราะจู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดชุดดำยืนอยู่และเดินมาทางฉัน
"ฉันว่าแกแย่แน่ไอ้มิราส์"ฉันไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาเลย แต่ภายในใจนั้นสั่นกลัวมากแค่เดินชนนิดหน่อยเขาจะโกรธฉันไหมหรือเขาจะทำอะไรฉันรึเปล่าฉันได้แต่คิดอยู่ในใจและไม่ได้ตอบอะไรออกมาเลย
"คุณมิราส์ครับ คุณมาฟอร์เชิญให้ไปพบครับ"บอดี้การ์ดคนนั้นผายมือไปยังรถสีดำหรูคันหนึ่งแต่ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมาและหันหน้าไปมองเพื่อนๆ อย่างมึนงง
"ฉันไม่ไป ขอตัวก่อนนะ"ฉันพยายามข่มเสียงที่สั่นคลอนของฉันไปก่อนที่บอดี้การ์ดอีกคนจะมายืนดักทางพวกฉันอีกครั้ง
"อย่าต้องใช้กำลังเลยนะครับ"และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ฉันเห็นปืนแวบๆ ทำเอาฉันและเพื่อนถอยก้าวหลังไปทันทีด้วยความกลัว
และฉันก็ไม่รู้อีกด้วยว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อแต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองต้องมาเดือดร้อน ฉันจึงหันไปมองที่รถคันสีดำนั้นอีกครั้งหนึ่ง
"เดินนำไปสิ"
"มิราส์!!//มิราส์"เพื่อนทั้งสองพูดพร้อมกับและจ้องหน้าฉันอย่างขะมักเขม้นแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจและเดินตามบอดี้การ์ดคนนั้นไป
ฉันทั้งกลัวและสั่นในเวลาเดียวกันแต่ก็เลือกอะไรไม่ได้โดยมีสายตาของเพื่อนทั้งสองที่มองมาอยู่ไม่ขาดสาย
ประตูรถถูกเปิดขึ้นทันทีที่ฉันเดินมาถึงแต่ฉันกลับใจเซาะไม่กล้าเข้าไปซะดื้อๆ ก่อนที่บอดี้การ์ดของเขาจะดันตัวฉันเข้าไปในรถหรูนั้น
"อ๊ะ!!!ฉันเจ็บนะ"ฉันยู่หน้าไปเมื่อถูกดันให้เข้ามาในรถคันนี้และเริ่มออกเดินทางไปทันที ฉันมองหน้าชายหนุ่มคนนั้นที่เอาแต่จ้องไอแพดอยู่และไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยด้วยซํ้า
"นายมีอะไร!! ฉันต้องไปทำงานอีกนะ"ไร้เสียงตอบรับใดๆ จากคำพูดนั้นก่อนที่ฉันจะถอดหายใจและหยิบมือถือจากเสื้อช็อปเพื่อไลน์หาเพื่อนแต่แบตโทรศัพท์ก็ดันหมดซะดื้อๆ ทำเอาฉันหัวเสียไปตามๆ กัน
แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานจู่ๆ ก็มีนามบัตรบางอย่างยื่นมาหยุดตรงหน้าฉัน ฉันไม่ได้รับและมองบัตรนั้นในมือของมือหนาของเขาไปก่อนที่นามบัตรจะร่วงลงมาอยู่ที่ตัก
"คืออะไร!"แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อชายคนนั้นก็แทรกขึ้นมาทันทีทำเอาฉันต้องนิ่งไปเลยทีเดียว"ฉันเป็นพี่เธอ อย่าปีนเกลียว"
ปกตินิสัยของฉันก็ไม่ใช่คนที่พูดจาไม่ดีกับใครถ้าเขาคนนั้นไม่ทำฉันก่อน ฉันก้มหน้าลงไปเล็กน้อยและสอดส่องมองดูนามบัตรนั้นไปอย่างมึนงง
"ฉันอยากได้ตัวเธอ ถ้าสนใจ....."และคำนั้นแหละทำเอาฉันแทบจะกรี๊ดใส่หน้าเขาทันทีนี้เขาพูดออกมาอย่างไม่อายปากเลยว่างั้นและก็เป็นเวลาเดียวที่รถติดหยุดไฟแดงจึงทำให้ฉันฉุกคิดที่จะหนีออกมาจากเขาแต่ก็ไม่ลืมตบแก้มสากเขาไป
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น ไอ้บ้า!!"พูดจบฉันก็รีบวิ่งออกไปทันทีและเดินเลี่ยงไปเรื่อยๆ ตามทางของฉันก่อนที่จะเดินไปถึงป้ายรถเมล์ฉันเดินมาไกลเอามากๆ พอสมควรและไม่ได้สนอะไรทั้งนั้นดีกว่าต้องไปติดแหงกกับไอ้บ้าโรคจิตนั้น
@ club yuaa ผับที่สหรัฐเป็นเจ้าของอยู่
"เดี๋ยวมิราส์"หลังจากตอนนั้นฉันก็ต่อรถไปที่คอนโดของจีจี้ที่อยู่ใกล้ๆ ฉันก็นั่งเล่นอยู่ตรงนั้นจนผล็อยหลับไปและจีจี้เองก็ต้องกลับบ้านไปเช่นกัน พอตื่นขึ้นมามันก็สายไปตั้งหลายนาทีแล้วฉันจึงต้องรีบต่อรถไปที่ผับที่ฉันทำงานทันที
พี่หัวหน้างานที่ดูแลพวกพนักงานดักทางฉันเพื่อไม่ให้เข้าไปและใบหน้าที่เศร้าหมองฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือเขาไม่พอใจที่ฉันมาสายแบบนี้
"คือมิราส์ลืมดูเวลาอ่ะค่ะ ขอโทษนะคะครั้งหน้าจะไม่สายอีกแล้วค่ะพี่ส้ม"ฉันเอ่ยขอโทษพี่ส้มทันที ฉันตกจากงานนี้ไม่ได้เพราะทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งให้กำหนดค่าเทอมมาแล้วถ้าฉันไม่ได้นำเงินไปให้เขาจะให้ฉันออก
"พี่ขอโทษนะมิราส์ นี้เงินโชคดีนะลูก"พี่ส้มยื่นซองเงินให้กับฉันและค่อยๆ ยื่นมือเรียวเข้ามาลูบหัวฉันอย่างน่าเอ็นดูแต่ทำไมกัน ทำไมเขาต้องไล่ฉันออกด้วยและฉันต้องทำยังไงต่อดีละ
"พี่ส้มคะแต่หนูออกจากงานนี้ไม่ได้ พี่ส้มช่วยไปคุยกับเจ้าของผับได้ไหมคะ นะคะถือว่าหนูขอ พี่ส้ม"ฉันทั้งไหว้และร้องไห้ไปในเวลาเดียวกันเพราะงานที่นี่ฉันได้เงินเยอะมากพอสมควร ก่อนที่พี่ส้มจะเดินเข้าร้านไปฉันกำหมัดแน่นมองดูซองเงินในมืออย่างใจเจ็บเพราะฉันไม่ได้รับรู้เลยว่าฉันผิดอะไรทำไมถึงโดนไล่ออกแบบนี้ก่อนที่จะมีกลุ่มชายฉกรรจ์เดินเข้ามาทางฉัน
"เหอะ!!!แค่เธอยอมขายให้ฉัน เธอก็ได้เงินละไม่ชอบหรอสุขสบายอ่ะ"
"ฉันไม่มีวันขายศักดิ์ศรีให้คนอย่างนายหรอก ถอย!!"ฉันกำหมัดแน่นและจ้องมองใบหน้าที่แสยะยิ้มของเขาไปอย่างใจเจ็บไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องมายุ่งกับฉันแบบนี้
"เหอะ!!!อย่าปากเก่ง ถ้าเธอยอมเธอจะสุขสบายกว่านี้แน่"คนตรงหน้าของฉันพูดพร้อมแสยะยิ้มออกมาและเลื่อนมองร่างกายของฉันไปก่อนที่ฉันจะเดินทางต่อรถเพื่อกลับบ้านของฉัน
ฉันเลือกที่จะยังไม่กลับบ้านและนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์เงียบๆ คนเดียวแบบนั้นไป สายตาของฉันที่จ้องมองเงินในมือที่มีแค่ไม่กี่พันก่อนที่จะคิดไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าใช้จ่ายในบ้านและค่าใช้จ่ายค่าเทอมของมหาวิทยาลัยของฉันอีก
"ฉันต้องทำยังไงต่อล่ะ ทำไมชีวิตฉันมันบัดซบแบบนี้วะ!!!!!"และคำพูดนั้นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านของฉันไปที่มีแต่ความมืดและความเงียบฉันพยายามทำอะไรให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากให้คนในบ้านต้องตื่นและมาถามมากอีก
และทั้งคืนฉันก็เอาแต่มองดูรูปแม่พร้อมกับร้องไห้ไปฉันแทบจะต้องอดทนกับอะไรหลายๆ อย่างก่อนที่นามบัตรของคนชั่วๆ นั้นจะหล่นลงมาหาฉัน
"หรือหนูต้องขายศักดิ์ศรีเพื่อความอยู่รอดกันคะ"
เช้าวันต่อมาฉันก็ยังคงใช้ชีวิตในลูบอยู่เหมือนเดิมกับสามีที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ แต่วันนี้มันกลับแปลกไปจากทุกวันเพราะมันเหมือนกับว่าความสุขและรอยยิ้มของเขากลับมาเติมเต็มชีวิตฉันแล้วหลังจากที่หายไปตั้งแต่ที่เเม่ฉันเสียในวันนั้นรอยยิ้มของฉันก็ค่อยๆหายไปจนบางทีก็แทบจะไม่เหลืิออีกแล้วฉันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยอย่างทุกครั้งและพูดคุยกันไปตามปกติแต่วันนี้กลับไม่ปกติเพราะจู่ๆเชอร์รี่ก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับขนมอะไรบางอย่างในมือของเธอและยื่นเข้ามาอยู่ตรงหน้าฉัน"มึงมีอะไรกับเพื่อนกูวะ""กูก็แค่อยากจะมาขอโทษ อ่าขนมขนาดพี่มินตรามึงให้ให้อภัยได้ แล้วกูทำกับมึงแบบนี้มึงให้อภัยกูไม่ได้ก็แล้วแต่มึงนะ"พี่มินตรางั้นหรอ ฉันไม่รู้ว่าเชอร์รี่จะหมายถึงมินตราคนเดียวกับเพื่อนสนิทมาฟอร์รึเปล่าแต่ที่รู้ๆคือเชอร์รี่น่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้"หมายความว่าไง""ก็วันนั้นฉันเห็น
ต่อหลังจากที่ออกมาจากวัดเพื่อนทั้งสองก็ขับรถพาฉันกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างใจลอย เพื่อนๆไม่ได้ถามไถ่อะไรฉันมากเพราะถ้าฉันเงียบอยู่แบบนี้ไม่ว่าอะไรก็ดึงฉันออกมาจากวังวนนี้ได้ฉันเดินตรงดิ่งไปเรื่อยๆจนถึงห้องของมาฟอร์ ชายฉกรรจ์ชุดดำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องผู้เป็นนายจำนวนมากพอเห็นฉันเดินมาก็ยิ้มต้อนรับเป็นอย่างดีฉันหลุดออกมาจากวังวนและก้มคำนับพร้อมกับรอยยิ้มให้กับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆเพราะภายในห้องสี่เหลี่ยมดูวังเวงพิกลราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยด้วยซํ้า ฉันเดินเข้าไปในห้องก็พบกับคนตัวสูงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงโดยในมือถือกล่องแหวนที่เมื่อวานเขามอบให้ฉันฉันจ้องมองมันนิ่งๆและไม่ได้เรียกเขาแต่อย่างใดใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทีละน้อยๆ พอเห็นฉันเขาก็รีบเก็บซ่อนกล่องนั่นไว้ที่เดิมและหันกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจ้องมองการกระทำนั้นจนเผลอยิ้มออกมาจนลืมตัว
"ฉันไปรับสายก่อนนะ"ฉันเดินก้มหัวออกไปที่ระเบียงห้องพักของเขาเพื่อที่จะพูดคุยกับคนในสายและนั้นคือกาฟิวส์ที่โทรเข้ามาหาฉันในเวลานี้ฉันจ้องมองมือถือของตนอยู่ได้สักพักจนสายมันตัดไปเองนํ้าใสๆค่อยๆไหลออกมาทีละน้อยอย่างใจเจ็บเมื่อปล่อยสายนั้นดับไปเองก่อนที่ฉันจะตัดสินใจโทรกลับหาน้องชายตัวแสบที่โทรเข้ามา"มีอะไร"(แกจะมาปะหรือไม่ว่าง ได้ยินว่าคุณมาฟอร์เข้าโรงพยาบาลถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร)"ถ้าว่างจะเข้าไป แค่นี้นะ"ฉันรีบตัดสายจากน้องชายทันทีและยืนมองภายนอกเพื่อตั้งสติก่อนที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับแม่ของมาฟอร์อีกครั้งหนึ่งแต่ก็ไร้วี่แววเพราะตอนนี้ที่เห็นคือมาฟอร์นอนจ้องมาทางฉันอยู่แล้วนิ่งๆPART MAFOR"ถ้าแกคิดจะจริงจังกับคนนี้ก็รีบแต่งงานทำอะไรให้มันถูกต้องซะ แต่ถ้าไม่ ก็รีบๆเขี่ยจะได้จบๆ
เช้าวันต่อมาบอดี้การ์ดคนสนิทของมาฟอร์ก็ได้นำกระเป๋าเสื้อผ้าและชีทที่เรียนในวันนี้มาให้กับฉันในเช้าตรู่ ฉันเดินเข้าไปจัดการกับธุระส่วนตัวให้เรียบก่อนที่จะออกมาและพบกับเขาที่นั่งจ้องหน้าฉันอยู่นิ่งๆ"ไปเรียนด้วย""จะบ้าหรอ พี่นอนพักผ่อนเหอะหนูสัญญาว่าจะรีบกลับมา"พูดจบเขาก็ทำท่าทีงอแงกับฉันเหมือนเช่นเคยและออดอ้อนฉันเหมือนปกติราวกับว่าเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเสียงประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นเดินเข้ามาภายในห้องพักอย่างเกรงขาม ฉันรับรู้ได้เลยว่านั่นคือแม่ของเขาที่เดินเข้ามาและใช่เธอเป็นผู้หญิงที่สวยสง่ามีออร่าเอามากๆการแต่งตัวที่ดูหรูหราเกินต้านทานไม่แปลกใจเลยว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ใครมาฉันยกมือไหว้ท่านอย่างมีมารยาทและก้มหน้าก้มตาเล็กน้อย ผู้เป็นแม่ของคนที่อยู่บนเตียงเดินเข้ามาหาฉันและใช้มือเรียวบางสอดใส่ที่ใต้คางของฉันเพื่อที่จะค่อยๆยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ฉันเชิดหน้าขึ้นม
พอเช้าวันต่อมาที่แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องก็มีบอดี้การ์ดคนสนิทของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็กหนึ่งใบมายื่นให้ฉัน พอเปิดออกมาก็พบเข้ากับชุดเสื้อผ้าต่างๆนาๆของฉันและเขานั้นเอง ก่อนที่จะหยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนชุดอาบนํ้าแต่งหน้าอะไรให้เรียบร้อยพอออกมาก็เจอเข้ากับเขาที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่"เมียจ๋า วันนี้เมียจ๋าจะอยู่กับเค้าใช่ไหม""ใครเมียนาย!!"ฉันพูดออกมาเสียงราบนิ่งอย่างตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็เอ่ยปากพูดออกมาว่าฉันคือเมียของเขาอย่างหน้าตาเฉย"แล้วเมื่อคืนใครบอกว่าเป็นเมียฉันละ อย่าเฉไฉไปหน่อยเลยหนาที่รัก""เหอะ!!!เมียงั้นหรอ นายกล้าเอาไปพูดกับคนอื่นได้ไหมล่าว่าฉันเป็นเมียนาย ฉันลงไปซื้อของก่อนนะเอาอะไรปะ"มาฟอร์ส่ายหัวตอบกลับฉันไปก่อนที่ฉันเองจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาและเดินหายไปจากห้องพักนอนของเขาทันที ฉันพยายามใจแข็งกับสิ่งที่เขาทำถ้าเกิดเขาทิ้งฉันมาอีกครั้งก็คงเป็นฉันที่ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจแบบนี้แล
@สนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดพี่อู๋รุ่นพี่คนสนิทของฉันที่จ้างฉันมาคืออยากให้ฉันมาสร้างกำลังใจให้กับเขาซะมากกว่าและเลือกข้ออ้างนี้มาแทน เอาจริงๆพี่เค้าเคยตามจีบฉันมาตั้งแต่ปี1แต่ด้วยที่ตอนนั้นฉันมีข่าวกับไอ้พี่ตั้มพี่อู๋เลยหายไปจากชีวิตฉันทันทีและก็มาโผล่ตอนนี้ฉันเอ่ยปากไม่ได้รับเงินจากเขาและมานั่งเฝ้าให้กำลังใจรุ่นพี่คนนี้แทน พี่เขาเป็นคนที่ดูดีเอามากๆและมีเสน่ห์ที่สุดแต่ก็สู้มาฟอร์ไม่ได้เลยและอีกอย่างสนามแข่งนี้มาฟอร์ก็เข้าแข่งด้วยสายตาของเขาที่มองมาทางฉันอย่าคิดกะจะฆ่าจะแกงฉันได้ตลอดเวลาแต่ฉันกลับทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและหันมาสนใจรุ่นพี่คนนี้แทน"สู้ๆนะคะ ขอให้ชนะนะ""เหอะ!!น่าไม่อายว่ะ ผัวเธอยืนอยู่ตรงเนี่ยแต่เธอกลับให้คำนั้นให้คนอื่น"มาฟอร์เดินมาทางฉันและจับท่อนแขนเรียวเล็กของฉันไว้อย่างแน่น พี่อู๋ไม่ได้ถามออกมาแต่อย่างใดเขามองฉันและมาฟอร์สลับกันไปอย่างมึนงง
Comments